ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 459
บทที่ 459
บทที่ 459
หลังจากที่หยวนยู่วิ่งไปถึงด้านบนสุดของกำแพงเมือง เขาก็พลันปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา !!
ท้ายที่สุดกำแพงเมืองก็ทั้งแคบและมีพื้นที่จำกัด ทำให้แม้ว่าพวกเปิงจะเห็นภาพตรงหน้า แต่พวกเขาก็ยังคงไม่มีพื้นที่รอบข้างในการหลบหลีกอยู่ดี…
ในเสี้ยววินาที หยวนยู่ก็ได้เปลี่ยนให้ด้านบนกำแพงเมืองกลายเป็นดินแดนแห่งความตาย มันเต็มไปด้วยซากศพเกลื่อนพื้นและเลือดไหลหนองไปทั่วบริเวณ
ซ่งเทียนอยู่ไม่ไกลนัก ทำให้เขาเห็นทุกอย่างชัดเจนยิ่งจนการแสดงออกเปลี่ยนไปและเผลอถอยไปหลายก้าว
และหากทหารยามที่อยู่ข้าง ๆ ซ่งเทียนไม่รวดเร็วพอ บางทีอีกฝ่ายก็คงจะล้มกลิ้งตกลงจากกำแพงเมืองไปแล้ว !
หลังจากตั้งสติได้ เขาก็พลันหันซ้ายมองขวาหาร่างของชุยหยุนเจียน ด้วยตอนนี้สิ่งที่ทำให้ซ่งเทียนรู้สึกปลอดภัยขึ้นคงมีแต่การที่ชุยหยุนเจียนอยู่ข้างกาย
แต่สิ่งที่ทำให้ซ่งเทียนต้องหน้าหน้าซีดด้วยความตกใจก็คือชุยหยุนเจียนที่ติดตามเขามาตลอดได้หายตัวไปแล้ว !!!
ปากของชายชราส่งเสียงพึมพำออกมาเขา ๆ ขณะที่เขาจับไหล่ทหารคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ และพูดอย่างตะกุกตะกักออกมา “ชะ….ชะ…ชุย..ชุยหยุนเจียนอยู่ที่ไหน เขาอยู่ที่ไหนแล้ว ?!”
อย่าว่าแต่ซ่งเทียนเลย เพราะอันที่จริงแม้แต่ทหารยามโดยรอบก็ไม่รู้เช่นกัน พวกเขาเอาแต่มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ ก่อนทหารยามที่ถูกเขาจับไหล่จะกล่าวด้วยสีหน้าหนักใจ “รายงานท่านอ๋อง พวกข้าน้อยก็ไม่ทราบเช่นกันขอรับว่าชุยหยุนเจียนหายไปไหน !”
“ไร้ประโยชน์ !” ซ่งเทียนผลักทหารยามออกไปอย่างแรง ก่อนที่จะหันมองไปรอบ ๆ อย่างตื่นตระหนก …ทว่าก็ยังคงไร้เงาของชุยหยุนเจียนอยู่ดี !!
ขณะที่ซ่งเทียนกำลังมองหาชุยหยุนเจียน เสี่ยวชางก็พลันวิ่งเข้ามาหา เขาหอบและพูดอย่างกระวนกระวาย “หยวนยู่ขึ้นมาบนกำแพงเมืองได้แล้ว …ทหารของเราคงต้านเอาไว้ได้ไม่นานนัก !! ดังนั้นท่านจึงควรถอยเข้าเมืองโดยเร็วที่สุด !”
อันที่จริงแล้วซ่งเทียนไม่ต้องการถอยหนี ด้วยรู้แน่อยู่แก่ใจว่ายิ่งเข้าไปในเมืองมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะหลบหนีไปได้ก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น หากแต่เขาก็ไม่สามารถอยู่บนกำแพงเมืองได้อีกต่อไปเช่นกัน เพราะเมื่อหยวนยู่ขึ้นมาได้แล้ว งั้นแล้วทหารเฟิงที่เหลือก็คงตามมาในอีกไม่นานนี้แน่ !!
‘เฮ้อ ! ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ไม่มีใครสามารถพึ่งพาได้เลยสักคน !’ ซ่งเทียนคร่ำครวญอยู่ในใจ ด้วยเมื่อต้องเผชิญกับอันตราย แม้แต่ยอดฝีมือที่ใช้เงินจำนวนมากจ้างมาก็ยังหนีหายไป ..คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว !! ซ่งเทียนทำได้เพียงติดตามเสี่ยวชางและถอยออกจากกำแพงเมืองพร้อมทหารมากกว่าร้อยคนที่ปกป้องเขากลับไปที่เมือง
เมื่อเห็นเสี่ยวชางกำลังพาเขาไปที่จวน หัวใจของซ่งเทียนก็พลันเต้นระรัว เขาหยุดทันทีและส่ายหัวกล่าวว่า “ไม่ไม่ ! เราไม่สามารถกลับไปที่จวนผู้ว่าได้ หลังจากกองทัพเฟิงเข้ามาได้แล้ว สิ่งแรกที่พวกมันจะทำคือยึดครองจวนผู้ว่า !! ถ้าเรากลับไปที่นั่น มันก็คงมีแต่ความตายรออยู่ !”
เสี่ยวชางไม่ได้คิดเรื่องนี้ หลังจากได้ยินคำพูดของซ่งเทียน ร่างกายของเขาก็พลันสั่นสะท้านและถามอย่างกังวลใจ “งั้นแล้วท่านคิดอย่างไรขอรับ ?”
“เราจะซ่อนตัว !” ดวงตาของซ่งเทียนหันซ้ายขวา ความคิดแวบผ่านขึ้นมา ด้วยยังไงเสียเมืองจางหยูก็มีขนาดใหญ่นัก ดังนั้นจึงมีชาวเมืองนับแสน และแม้ว่ากองทัพเฟิงจะค้นหาบ้านต่อบ้าน แต่มันก็ยากที่จะตรวจครบ
เสี่ยวชางไม่ใช่คนที่มีความสามารถนัก ดังนั้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาจึงคิดอยู่พักหนึ่งจากนั้นจึงพยักหน้า “ท่านพูดถูก เราจะซ่อนตัว !”
เมื่อคิดจะหลบซ่อน การนำกำลังไปเยอะ ๆ คงเป็นเรื่องยากที่จะทำเช่นนั้นได้ ดังนั้นซ่งเทียนจึงตัดสินใจนำทหารองค์รักที่มีการบ่มเพาะระดับสูง ๆ ไปด้วย 5 นาย ส่วนที่เหลือก็ให้กระจายตัวกันออกไป !!
สรุปแล้วจึงมีเพียงซ่งเทียน เสี่ยวชาง กับทหารองค์รักอีก 5 นายเท่านั้นที่หนีไปซ่อนตัว ส่วนจ้านอู่ฉางและทหารคนอื่น ๆ ต่างก็ถูกทิ้งไว้
ในฐานะอ๋องผู้ครองแคว้น การทิ้งจ้านอู่ฉางที่หมดสภาพไว้ข้างหลังเช่นนี้… หากพวกเขาสามารถชนะการต่อสู้ครั้งนี้มันก็คงนับว่าน่าแปลกแล้ว !
การล่าถอยของซ่งเทียน ทำให้กองทัพเปิงที่เหลือสูญเสียจิตวิญญาณในการต่อสู้ และยิ่งเสี่ยวชางมาถอยไปด้วยแบบนี้อีก มันก็ยิ่งทำให้ทั้งกองทัพสับสนวุ่นวาย ด้วยพวกเขาทั้งหมดสูญเสียผู้บังคับบัญชาไป
ชุยหยุนเจียนที่ติดตามซ่งเทียนมาโดยตลอดได้วิ่งหนีไป เมื่อตอนที่เขาเห็นว่าผู้ที่รับผิดชอบนำทัพตีกำแพงเมืองฝั่งใต้คือหยวนยู่ !!! เพราะตอนนี้ไม่มีใครในเมืองที่สามารถต่อกรอีกฝ่ายได้เลยแม้แต่ตัวเขาเองก็ด้วย !
เมื่อหยวนยู่นำคนของเขาเข้าโจมตี ชุยหยุนเจียนก็คว้าเอาจังหวะที่ซ่งเทียนและคนอื่น ๆ หันเหความสนใจหนีไป โดยเขานั้นเลือกที่จะวิ่งไปทางกำแพงทิศใต้ด้านซ้าย ก่อนจะมองหาจุดที่ทหารเฟิงเปราะบาง และกระโดดลงมาจากกำแพงเมืองในฉับพลันนั้น !
ตุบ !
เมื่อชุยหยุนเจียนลงบนพื้น เขาก็ไม่กล้าชักช้าแม้แต่น้อย เร่งชักดาบปราณออกมาเข้าปะทะกับทหารเฟิงที่อยู่โดยรอบในพลัน
ในตอนนั้นเอง ทหารมากกว่าพันคนจากกองทัพเฟิงพลันคำรามออกมา ก่อนที่พวกเขาจะพากันพุ่งไปเข้าหาโดยเล็งตรงไปที่ศีรษะของชุยหยุนเจียน ! แต่ยังไงเสียอูฐผอมก็ย่อมตัวใหญ่กว่าม้า แม้ว่าชุยหยุนเจียนจะได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็ยังมากไปด้วยฝีมือ !!!
เมื่อเห็นศัตรูกำลังพุ่งตรงมา เขาไม่เพียงหลบมันได้อย่างง่ายดาย ชุยหยุนเจียนยังมีแม้แต่ว่าเวลาที่จะใช้ดาบปราณในมือตวัดฟาดฟันเข้าไปที่หน้าอกของทหารเฟิงโดยรอบอีกด้วย !!!
ดาบปราณนั้นรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ในพริบตามันก็มาถึงตรงหน้าทหารเฟิงผู้นั้นแล้ว ! และถึงแม้เขาจะพยายามเอาดาบเข้าต้านแล้ว หากแต่คมดาบของชุยหยุนเจียนก็ถือว่าแข็งแกร่งกว่ามาก !!
ฉึก !
คมดาบปราณของชุยหยุนเจียนแทงลึกเข้าไปยังหัวไหล่ของทหารเฟิงตรงหน้า ก่อนที่เขาจะเคลื่อนไหวดั่งลมพายุ บีบให้ทหารเฟิงที่อยู่โดยรอบถอยหนีออกไป !!
ในชั่วอึดใจเดียวเท่านั้น ทหารเฟิงผู้นั้นก็โดนถูกชุยหยุนเจียนโจมตีไปมากกว่าสิบกระบวนท่าแล้ว ทำให้กองทัพเฟิงที่อยู่โดยรอบไม่กล้าที่จะหยุดอีกฝ่ายไว้
นี่เป็นผลลัพธ์ที่ชุยหยุนเจียนต้องการเห็น !!
เมื่อเห็นว่าโอกาสมาถึง เขาก็เพิ่มความแรงในการโจมตีขึ้นไปอีก ชุยหยุนเจียนตวัดคมดาบออกไปทั้งหมด 5 ครั้งด้วยกัน โดยแต่ละครั้งล้วนพุ่งเป้าไปที่จุดสำคัญทั้งสิ้น ทำให้ทหารเฟิงที่รีบมืออยู่ได้แต่ปัดป้องและถอยหนีตลอดเวลา
ฉั่วะ ฉั่วะ !
ดาบปราณในมือของซุยเฟิงงเจียนเจาะเข้าที่คอและท้องของทหารเฟิงผู้นั้นตามลำดับ ทำให้คนที่ถูกแทงล้มลงกับพื้นและเสียชีวิตก่อนที่จะได้ร้องเสียอีก จากนั้นจึงเป็นชุยหยุนเจียนที่กระโดดเหยียบร่างอีกฝ่ายแล้วกระโดดข้ามตรงไปยังที่ตั้งค่ายฝั่งใต้ของกองทัพเฟิง !!!
“แย่แล้ว ! ศัตรูกำลังตรงไปที่ค่าย !” เมื่อเห็นเช่นนั้น พวกทหารเฟิงก็พากันร้องออกมาขณะที่พวกเขายืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิม ด้วยภารกิจของพวกเขาคือการโจมตีเมือง ไม่ใช่เพื่อไล่ล่าศัตรู และถ้าไม่มีคำสั่งถูกส่งมา พวกเขาจะกล้าลงมือทำด้วยตัวเองได้อย่างไร ?
“หยุดรอและรายงานให้ทราบโดยทั่วกัน !” นายทหารคนหนึ่งตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาตะโกนปลุกทุกคนที่กำลังตื่นตะลึง ก่อนเป็นทหารอีกนายที่รีบไปรายงานสถานการณ์ต่อผู้บัญชาการ ในขณะที่พวกเขาบางคนทำการยิงธนูไปยังชุยหยุนเจียนที่กำลังวิ่งไปทางค่าย
เทคนิคการเคลื่อนไหวของชุยหยุนเจียนนั้นรวดเร็วมาก แต่ก็ยังไม่อาจเร็วไปกว่าลูกศร จึงกลายเป็นว่าเขาถูกลูกศร 3 ดอกยิงจากด้านหลัง แต่เนื่องจากขั้นพลังที่สูงส่ง เกราะปราณของชุยหยุนเจียนจึงแข็งแกร่งยิ่ง ทำให้ลูกศรไม่สามารถทำอันตรายใดได้เลย แต่อย่างน้อย แรงกระแทกก็ยังคงทำให้ร่างกายของเขาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าจนเสียหลักล้มลงกับพื้น !!
ชุยหยุนเจียนกลิ้งไปกับพื้น ก่อนที่จะกระโจนตัวหลบฝนธนูสีดำสนิทที่ตกไล่หลังตามมาติด ๆ!
ลูกศรกองทัพเฟิงน่ากลัวนัก ! ชุยหยุนเจียนกลัวมากจนไม่แม้แต่จะหันหลังกลับขณะที่วิ่งไป
ในท้ายที่สุด แม้ว่าเขาจะจำไม่ได้ว่าเขาโดนลูกศรไปกี่ลูก แต่เขาก็ยังสามารถหลบหนีจากระยะของกองทัพเฟิงได้โดยไม่มีอันตรายใด ๆ ก่อนที่จะหันกลับไปดูเกราะปราณตนเองและพบว่าเกราะบริเวณหลังเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว !!
….ถ้าชุยหยุนเจียนช้าไปครึ่งก้าว และถูกลูกศรของกองทัพเฟิงโจมตีอีกรอบ คราวนี้เกราะปราณของเขาคงจะแตกเข้าจริง ๆ แล้ว !
ไม่มีเวลาชื่นชมยินดีกับความจริงที่ว่ามีค่ายของกองทัพเฟิงที่อันตรายยิ่งกว่าอยู่ข้างหน้า อันที่จริงชุยหยุนเจียนไม่แน่ใจนักว่ามีทหารเหลืออีกจำนวนเท่าไรในค่าย ดังนั้นเขาจึงใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีเร่งฝีเท้าวิ่งไปให้ถึงค่ายเหมือนลมกระโชกแรง !!
ทว่าก่อนที่ชุยหยุนเจียนจะไปถึงประตูค่าย ก็พลันมีเสียงโห่ร้องของม้าดังขึ้น ก่อนเป็นทหารม้าราว 100 นายที่เดินทัพออกมา ทำให้ชุยหยุนเจียนพูดไม่ออก ได้แต่กลืนน้ำลายและกลั้นใจพุ่งไปข้างหน้า
ทหารหลายร้อยคนไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อชุยหยุนเจียนมากนัก เขาพุ่งจากหน้าค่ายไปทางด้านหลังของขบวนโดยเร่งวิ่งออกไปเต็มแรง หลังจากนั้นก็ถือโอกาสรีบเข้าไปในค่าย โดยระหว่างทาง ถึงแม้จะมีทหารเฟิงเข้าขวาง หากแต่ชุยหยุนเจียนก็สามารถหลบหลีกและฝ่าวงล้อมออกมาได้ แต่มันก็แลกมากับอาการเหนื่อยหอบและเหงื่อที่ชุ่มไปทั่วร่างของเขาในขณะนี้ด้วยเช่นกัน….
ในขณะที่กำลังวิ่งอยู่นั้น ชุยหยุนเจียนพลันได้ยินเสียงนกหวีดดังขึ้นข้างหน้า ก่อนกองทหารมากกว่าหนึ่งพันคนของกองทัพเฟิงจะปรากฏกายยืนอยู่ด้านหน้าในรูปขบวนสี่เหลี่ยมจัตุรัส โดยมีแม่ทัพหุ้มเกราะเต็มรูป 2 คน ซึ่งทั้งคู่ก็ต่างเป็นสตรี.. ที่แท้พวกนางก็คืออู่เหมยและอู่อิงนั่นเอง !!!
“ฮิฮิ !” เมื่อเห็นชุยหยุนเจียน อู่เหมยก็พลันหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนที่ดวงตาของนางจะเปล่งประกายและพูดเสียงแผ่วเบา “ซ่งเทียนตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ ? เหตุใดเขาจึงส่งชุยหยุนเจียนมากัน ?!” อู่เหมยไม่รู้ว่าชุยหยุนเจียนพยายามฝ่าวงล้อมออกไป และคิดเพียงว่านี่คือส่วนหนึ่งของแผนการของซ่งเทียน
ย้อนกลับไปตอนที่นางถูกกักบริเวณในที่พำนักของซ่งเทียน หญิงสาวไม่ได้ติดต่อกับเขามากนัก แต่ในเมื่อเป็นชุยหยุนเจียนที่ทำร้ายถังหยินจนชายหนุ่มเกือบเอาชีวิตไม่รอด งั้นแล้วมันก็ถึงเวลาแล้ว ที่นางจะได้แก้แค้นให้กับคนที่นางรัก !!!