ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 46
บทที่ 46
วันต่อมา เมื่อถังหยินไปพูดกับอู่เหมยเรื่องม้าหมื่นตัว นางก็ตกใจจนอ้าปากค้าง
“ถังหยิน เจ้าพูดบ้าอะไรกัน ? จะยืมม้าไปทำไมมากมายขนาดนั้น ? อย่าบอกนะว่าคิดจะเปลี่ยนกองพันที่ 2 ให้กลายเป็นทหารม้านะ ? ถ้าเจ้าทำแบบนั้นเราจะไม่คุยกับเจ้าอีกต่อไป!”
“ในเมื่อท่านมอบพวกเขามาให้ข้าแล้ว ถ้างั้นก็เชื่อใจข้าเถอะ ข้าแค่อยากจะยืมม้าก็เท่านั้น ทำไมถึงต้องตกอกตกใจขนาดนี้ด้วย ?” ถังหยินพูดช้า ๆ
“ถ้างั้นก็แสดงว่าเจ้ารู้ตัวดีสิว่ากำลังทำอะไรอยู่!” ต่อหน้าถังหยิน รัศมีความเป็นผู้นำของนางไม่อาจเบ่งบานได้เลย
“ท่านรู้ไหมว่าพวกทหารม้าหวาดกลัวอะไรมากที่สุด?”
“เราไม่รู้หรอก” อู่เหมยส่ายหัว
“จุดอ่อนของทหารม้าคือคนที่เข้าใจและรู้จุดอ่อนของตัวเอง ดังนั้นเป้าหมายของข้าก็คือการทำให้พวกเขาได้รับรู้ถึงจุดอ่อนของตัวเอง เพื่อที่ในอนาคต เวลาพวกเขาเข้าปะทะกับทหารม้า จะได้รู้วิธีรับมือ…” ถังหยินกุเรื่องขึ้นมา เพราะจริง ๆ แล้วเขาอยากจะให้กองกำลังของตนนั้นเชี่ยวชาญรอบด้านเพื่อรับมือกับอะไรก็ตามที่อาจเกิดขึ้น แต่เขากลัวว่าอู่เหมยจะไม่เห็นด้วยกับความคิดดังกล่าว ดังนั้นจึงไม่พูดออกไป
“อย่างนี้นี่เอง” อู่เหมยยิ้มออกมาแล้วบ่นพึมพำ “ถ้างั้นเราก็ไม่ควรที่จะปล่อยให้ความหวังดีของเจ้าสูญเปล่าสินะ ?”
“ข้ามีแผนอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าท่านจะไม่เชื่อใจข้าเอาเสียเลย !” ถังหยินยักไหล่และทำท่าจะหนี
อู่เหมยรีบห้ามเขาไว้ “ม้าหมื่นตัวมันยากเกินไป เรามีให้ได้มากสุดแค่ 5 พันตัวเท่านั้น”
“ตกลง! 5 พันก็ได้!” ถังหยินไม่ได้คิดแม้แต่น้อย เขารีบตอบตกลงทันที เมื่อเห็นเขามีท่าทีดีใจ อู่เหมยก็รู้สึกราวกับว่านางโดนหลอก
“แล้วนี่เจ้าจะไปไหนต่อหรือเปล่า ?” หญิงสาวเอ่ยถาม
“ก็มีบางอย่างนิดหน่อยที่ข้าต้องไปเอา”
“อะไรเล่า ? ”
“ข้ากำลังไปเอาดาบที่ข้าสั่งตี”
“ดาบ?” อู่เหมยมองด้วยความตะลึง
ชายหนุ่มถาม “ท่านจำที่ข้าเคยยืมเงินไปสั่งตีดาบที่ประตูหน้าด่านตงได้หรือไม่ ? ตอนนั้นข้าได้สั่งดาบเอาไว้ 2 เล่ม ทว่าบังเอิญโดนพวกหนิงบุกมาเสียก่อน จึงทำให้ดาบไม่เสร็จ ดังนั้นข้าจึงต้องสั่งทำใหม่อีกครั้ง คิดว่าน่าจะมาถึงวันนี้”
“เราไม่เข้าใจ ดาบแบบไหนกันถึงทำให้เจ้าต้องอยากได้ขนาดนั้น เราจะไปดูมันกับเจ้าด้วย” หญิงสาวแค่คิดหาข้ออ้างเท่านั้น จริง ๆ แล้วนางก็แค่อยากไปเที่ยวกับถังหยินมากกว่า
ชายหนุ่มไม่คัดค้าน เพราะการมีสาวสวยมาเดินด้วยกันแบบนี้ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ !
ทั้งสองเดินไปด้วยกันจนมาถึงในส่วนชานเมือง
แคว้นเฟิงตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจักรวรรดิเฮาเทียน ซึ่งเป็นทางเชื่อมต่อกับแคว้นมากมาย ดังนั้นจึงทำให้การค้าขายเจริญรุ่งเรือง มีของมากมายขายอยู่ที่เขตชานเมืองแห่งนี้
การเดินทางในเมืองรอบนี้ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกของ ถังหยิน ซึ่งมันก็ทำชายหนุ่มได้เห็นเมืองที่เจริญรุ่งเรือง ทั้งยังมีผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่ ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าได้กลับไปอยู่ยุคปัจจุบันอีกครั้งยังไงยังงั้น
“เจ้าวางแผนอะไรไว้ในอนาคต?” อู่เหมยถามระหว่างที่เดิน
แผน ? ถังหยินไม่มีแผนอะไรเลย “ข้าไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก”
“แต่เจ้าอายุ 20 แล้วนะ!” อู่เหมยพูดด้วยท่าทีไม่พอใจเล็กน้อย
“ 25 ต่างหาก! แต่แล้วไง?”
“ไม่คิดจะแต่งงานหรือมีลูกบ้างหรือไง?” หญิงสาวจ้องตาเขา
ถังหยินตะลึงและเงียบไปสักพักก่อนจะส่ายหัว “ข้ายังไม่คิดถึงเรื่องนั้น”
หลังจากเงียบอยู่นาน ชายหนุ่มก็ยิ้มออกมา “คนอย่างข้าไม่เหมาะที่จะไปแต่งงานมีลูกกับเขาหรอก”
ชาติกำเนิดของเขานั้นต่ำต้อย มีแค่ทักษะความสามารถต่าง ๆ ที่เขามีเท่านั้นที่มีคุณค่า ทักษะพวกนี้คือส่วนสำคัญที่ทำให้ชายหนุ่มอยู่มาถึงทุกวันนี้ เขายิ้มออกมาระหว่างพูด แต่ด้วยสาเหตุบางอย่าง หญิงสาวข้าง ๆ กลับสัมผัสได้ถึงความเหงาในรอยยิ้มนั้น
“อย่าพูดแบบนั้นสิ เจ้าเป็นคนที่เก่งนะ อย่างน้อยในหัวใจของเรา เจ้าก็คือคนที่เหนือความคาดหมายที่สุดแล้ว” นางพูดอย่างยินดีและเอื้อมมือไปจับมือของถังหยิน
ไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออะไร แต่ในจังหวะนั่นเอง เขากลับยกมือขึ้นชี้ไปด้านหน้า “ร้านตีเหล็กอยู่ตรงหน้านี้แหละ รีบไปกันเถอะ!”
“โอ้” อู่เหมยได้สติ หัวใจของนางเต้นระรัวพร้อมกับใบหน้าที่เขินอาย ทำให้นางยิ่งงามจนน่ามองขึ้นไปอีก นี่คือร้านตีเหล็กที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหยาน ไม่ใช่แค่วิธีการตีที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ร้านนี้ยังใช้วัตถุดิบพิเศษได้ด้วย แน่นอนว่าราคาเองก็สูงตามคุณภาพเช่นกัน
เมื่อเจ้าของร้านมอบดาบให้กับถังหยิน มันก็ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะชอบมันมากทีเดียว ที่อยู่ในมือของถังหยินในตอนนี้ก็คือดาบที่ถูกเรียกว่าดาบซิมิทาร์ มันเป็นดาบทรงโค้งคมเดียว ที่ใช้เหล็กกล้าเป็นวัสดุหลัก ส่วนด้านในก็ตกแต่งด้วยแร่เหล็กจากอุกกาบาตจนทำให้ตัวดาบเป็นสีดำ
สาเหตุที่ใช้แร่เหล็กอุกกาบาตนั่นก็เพราะชายหนุ่มนั้นต้องการจะเพิ่มความทนทานให้กับตัวดาบนั่นเอง ทว่ามันก็แลกมากับน้ำหนักของดาบที่มากขึ้นเช่นกัน
เพื่อเพิ่มความคุ้นชิน ถังหยินจึงลองโบกมันไปมา
“ท่านจะลองใช้มันดูไหม?” เจ้าของร้านยื่นเหล็กแท่งมอบให้กับถังหยิน
ชายหนุ่มมองและขยับข้อมือไปมาจนเกิดเสียงปะทะกัน เมื่อเห็นว่ามันเป็นของแข็ง ถังหยินก็พยักหน้าและถอยกลับออกมา ก่อนที่ชายหนุ่มจะวาดฟันกวาดขึ้นไปจนเหล็กขาดเป็น 2 ท่อน
“เป็นดาบที่เยี่ยมไปเลย!” เขามองดาบในมือด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
“สำหรับทองคำ 8 ก้อนแล้ว งานชิ้นนี้ก็ไม่เท่าไหร่หรอก ถ้าหากท่านต้องการอื่นใดอีก เชิญมาร้านของข้าได้ตลอดเวลา” ชายผู้เป็นเจ้าของร้านพูดด้วยท่าทางสบาย ๆ
ถังหยินตอบกลับสั้น ๆ ก่อนที่เขาจะลองผสานพลังปราณหลอมรวมกับอาวุธในมือ จนทำให้ดาบทั้ง 2 เล่มขยายขึ้น 2 เท่า ก่อนจะกลายเป็นสีดำ เขาโบกมืออีกครั้ง ทำให้ดาบทั้ง 2 รวมเป็นหนึ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นเคียวยาวที่ต้องถือ 2 มือ
ชายหนุ่มได้แรงบันดาลใจในการแปลงรูปมาจากการรบที่ประตูตง เขาขยับมืออีกครั้ง ก่อนที่ดาบจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ชายหนุ่มหันไปยิ้มให้กับอู่เหมย และพูดว่า “แบบนี้สิถึงค่อยสมกับเป็นข้าหน่อย ! ”
หญิงสาวและเจ้าของร้านต่างก็งุนงง โดยเฉพาะอู่เหมย นางคิดไม่ถึงว่าถังหยินจะสามารถเปลี่ยนรูปอาวุธได้ง่ายดายขนาดนี้ ซึ่งนี่ก็ยังไม่รวมไปถึงวิธีที่เขาใช้ปราณรวมเข้ากับอาวุธในแบบที่นางไม่เคยเห็นมาก่อนนั่นอีก !
นางมองถังหยินและพูดด้วยความตะลึง “เจ้า… ทำได้ยังไง?”
“ทำได้ยังไงหมายความว่าไง?”
“รวมอาวุธปราณเข้าด้วยกันไง!”
“ก็ปกตินี่นา” ถังหยินเองก็ไม่รู้ว่าเขาทำได้ยังไง ชายหนุ่มเพียงแค่ทำตามใจตัวเองเท่านั้น
อู่เหมยส่ายหัวด้วยความมึนงง ในที่จุดนี้เองที่ทำให้นางเข้าใจแล้วว่าเรื่องผิดปกติที่เกิดขึ้นรอบตัวถังหยินนั้น แท้ที่จริงแล้วมันก็คือเรื่องปกติสำหรับเขานั่นแหละ !
“ไปกันเถอะ!” อู่เหมยมองหน้าเจ้าของร้านที่ยังคงมีสีหน้าตื่นตะลึง ก่อนจะเดินนำออกไป
“เอาซิ ! ” ถังหยินเก็บดาบนั่นไว้แล้วเดินออกไปจากร้านตามไปติด ๆ
“ไม่ไกลจากที่นี่มีร้านอาหารดี ๆ อยู่ ไปหาอะไรกินกันสักหน่อยไหม?” หญิงสาวถาม
นี่ก็เกือบเที่ยงแล้ว และถังหยินเองก็เริ่มหิวเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงตกลง “งั้นก็ไปกันเถอะ ข้าเลี้ยงเอง”
อู่เหมยหัวเราะ “เจ้ามีเงินหรือ?”
ถังหยินเป็นหัวหน้ากองพัน เงินเดือนที่เขาได้นั้นน้อยกว่า 100 เหรียญเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นคือเขายังไม่ได้รับเงินเลยด้วยซ้ำ
“แน่นอนว่ามีสิ”
ตอนที่อยู่ประตูตง อู่เหมยให้ทองเขาไว้ 10 แท่ง เพื่อเอาไปทำอาวุธจึงต้องใช้ทอง 8 แท่ง ดังนั้นในตอนนี้ชายหนุ่มจึงเหลือทองอยู่ 2 แท่ง ค่าอาหารและที่พักตระกูลเป็นคนจัดการให้ ดังนั้นเขาจึงไม่เสียเงินสักแดงเดียวในการใช้ชีวิต
“เจ้าจะไปมีเงินได้ยังไงกัน?”
ถังหยินยิ้มและอธิบาย ซึ่งทำให้หญิงสาวมองเขาอย่างประหลาดใจ ในบรรดาชนชั้นสูงที่นางรู้จัก ไม่มีใครที่แทบจะไม่ใช้เงินแบบถังหยินเลย นอกจากดาบ 2 เล่มนั้น เขากลับไม่ได้ใช้เงินทำอะไรสักนิดเดียว มันแปลกมาก
“ไม่ต้องขี้เหนียวแบบนั้นหรอก ถ้าเจ้าขาดเงินก็มาขอจากเราได้” อู่เหมยพูดด้วยความหวังดี
นางหวังดี หากแต่ถังหยินไม่อยากจะฟังคำนั้นสักเท่าไหร่ ด้วยนิสัยของเขาแล้ว จึงทำให้ไม่อยากจะยืมเงินผู้หญิงมากนักหรอก
“ถ้าเจ้ายังอยากเป็นสหายกับข้าต่อไป งั้นก็อย่าพูดคำนี้อีก”
เมื่อเห็นสีหน้าของถังหยินเปลี่ยนไปกะทันหัน อู่เหมยจึงรู้ได้ในทันทีเลยว่านางพูดอะไรผิดไปแน่ จึงได้ถามกลับไป “ทำไมล่ะ?”
“ข้าจะบอกอีกครั้งนะว่า ข้าจะไม่ใช้เงินที่มาจากสตรีใด ถ้าเจ้าให้เงินข้ามาอีก ข้าก็หาจะคืนให้ในอนาคต”
อู่เหมยไม่เข้าใจความคิดนี้ และไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องจริงจังขนาดนี้ด้วย นางพูดด้วยความหงุดหงิด “เจ้าจะเขินอายอะไรกันเล่า?”
ถังหยินเลิกคิ้วขึ้น เขาหยุดเดิน ก่อนจะมองไปยังนางด้วยสีหน้าเย็นชา หลังจากหยุดสักพักหนึ่ง เขาก็หันหลังเดินกลับ และโบกมือลาในทันที “ข้าไม่ไปร้านอาหารแล้ว ข้าจะกลับไปกินข้าวที่บ้าน”
เมื่อเห็นพฤติกรรมเด็กน้อยเช่นนี้ อู่เหมยก็รู้สึกขบขัน อย่างไรก็ตามนางเองก็รีบเข้ามาดึงตัวเขาไว้ “ก็ได้ ก็ได้ ก็ได้”
เมื่อโดนนางลากตัวไป ถังหยินจึงเดินกลับมาช้า ๆ ชายหนุ่มมองหน้านางด้วยรอยยิ้มขอโทษ เขาผ่อนคลายลงเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ นี่คือครั้งแรกที่ชายหนุ่มรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างเขาและอู่เหมย
ต่อหน้าอู่เหมย นิสัยเจียมตัวของเขามันไร้ค่ายิ่งนัก ยิ่งเขาพยายามทำตัวแบบนั้น มันก็ยิ่งยุให้นางทำตัวแบบนี้มากขึ้น เขาเกลียดการผูกมัดและไม่พอใจในสถานการณ์แบบนี้เลย
ชายหนุ่มเป็นคนที่รักอิสระและเชิดชูวิถีชีวิตแบบนี้ยิ่งชีพ อย่างไรก็ตาม เส้นทางนี้จะรักษาไว้ได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพละกำลังของเขาเอง ซึ่งมันก็เห็นได้ชัดเลยว่าชายหนุ่มนั้นไม่มีพลังมากพอที่จะใช้ชีวิตได้ตามใจต้องการ
ในตอนนี้ ดูเหมือนกับว่านางได้บังเอิญทำให้ปณิธานส่วนหนึ่งในตัวของถังหยินตื่นขึ้นมาแล้ว