ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 461
บทที่ 461
บทที่ 461
เมื่อตอนที่ถังหยินกลับไป เขาได้พาทหารไปด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งนั่นก็รวมถึงศรทมิฬที่นำโดยเฉิงจินด้วยเช่นกัน
และเมื่อถังหยินกลับไปที่ค่ายทางใต้ ในเวลานี้กองทัพเฟิงหลายพันคนก็ได้ล้อมรอบชุยหยุนเจียนและอู่เหมยไว้ถึง 6 ชั้นด้วยกัน ทำให้มันหนาแน่นจนแม้แต่แมลงวันก็ไม่สามารถเล็ดรอดไปได้ !
ถ้าเป็นชุยหยุนเจียนในสภาพที่สมบูรณ์ การกระทำเพียงเท่านี้คงจะไม่สามารถหยุดได้ แต่ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บและใช้พลังปราณไปเป็นจำนวนมากแล้ว ดังนั้นจึงมีแต่ต้องจับอู่เหมยเป็นตัวประกันให้ดี ไม่งั้นคงยากที่จะได้ออกไป
หลังจากที่ชายหนุ่มพบว่าอู่เหมยเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ แม้โดนจับตัว ในที่สุดถังหยินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา ก่อนที่แม่ทัพและทหารโดยรอบจะเปิดทางให้เขาเดินเข้าไปกลางวงล้อม
เมื่อเห็นว่าถังหยินมาถึงแล้ว อู่เหมยที่ถูกชุยหยุนเจียนจับตัวเอาไว้พลันรู้สึกผิดและละอายใจ ดวงตาของนางกลายเป็นสีแดง น้ำตาค่อย ๆ ไหลลงใบหน้าของหญิงสาว
ในเวลานี้เอง อู่อิงก็ได้เดินเข้าไปหาถังหยินพร้อมกับเล่าถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง ก่อนชายหนุ่มจะพยักหน้าเล็กน้อยและก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวขณะพูดว่า “ชุยหยุนเจียน เจ้าไม่สามารถเชื่อใจคนอื่นได้ แต่เจ้าสามารถเชื่อใจข้าได้จริงหรือไม่ ? ข้ารับประกันด้วยเกียรติยศของกองทัพเฟิง ว่าตราบใดที่เจ้ายินดีที่จะปล่อยนางไปก่อน ข้าก็จะไม่ทำให้เรื่องยากอย่างแน่นอน”
“ฮ่าฮ่า ??!” ตอนนี้แม้ชุยหยุนเจียนจะไม่เหลือพลังปราณมากมายนัก แต่อย่างไรก็ตามดาบปราณในมือของเขาก็ยังคงไม่ห่างจากลำคอของอู่เหมยเลยแม้แต่น้อย… ส่วนมืออีกข้าง มาตอนนี้ก็ได้ชี้ไปที่จมูกของถังหยินและพูดว่า “ถังหยิน เจ้านั่นแหละที่ไม่น่าไว้ใจมากที่สุด ปล่อยข้าไปก่อนแล้วข้ารับรองว่านางจะปลอดภัยไป !”
ในเวลานี้ชุยหยุนเจียนถูกบังคับให้จนมุมแล้ว และสติของเขาก็ใกล้จะบ้าเต็มที ในขณะที่พูดดาบในมือของเขาก็ยิ่งแนบชิดเข้าไป ทำให้ปลายคมกริบบาดเข้ากับลำคอเรียบเนียนจนเลือดไหลออกมาตามปลายดาบและหยดลงบนพื้น
ถังหยินถูกดึงดูดด้วยเลือดที่ไหลออกมาของอู่เหมย หัวใจของเขาบีบแน่นทันที กระทั่งมีความคิดที่จะยอมรับเงื่อนไขของชุยหยุนเจียนทั้งหมด แต่เหตุผลก็ได้เข้ามาเรียกสติของเขาได้ทัน ด้วยแม้ว่าจะปล่อยอีกฝ่ายไป คนผู้นี้ก็คงคิดใช้อู่เหมยเพื่อข่มขู่พวกเขาต่อไปอยู่ดี !!!
ไม่มีทางรู้ได้เลยวว่าถังหยินใช้พลังใจไปมากเพียงใดเพื่อให้การแสดงออกของเขาสงบลง แต่ก็รู้อย่างชัดเจนว่ายิ่งการแสดงของเขาสงบและไม่แยแสมากเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็จะยิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น ชายหนุ่มแสร้งพูดอย่างไม่สนใจไปว่า “ถ้าเจ้าฆ่านาง ข้าจะสับเจ้าเป็นชิ้น ๆ แล้วฝังเจ้าเอาไว้ซักที่แถว ๆ นี้นี่แหละ หรือจะเอาไปให้ปลากินดีนะ…”
“หึ !” ชุยหยุนเจียนยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “หึ ข้าน่ะจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่กับอู่เหมยคงจะไม่เป็นแบบนั้นล่ะมั้ง ! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า !!”
ถังหยินเหล่ตาของเขาจ้องตรงไปที่ชุยหยุนเจียนที่กำลังหัวเราะ แต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ
เสียงหัวเราะของชุยหยุนเจียนหยุดลงอย่างรวดเร็ว เขาเงยหน้าขึ้นและพบกับการจ้องมองที่เย็นชาของถังหยิน ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวอย่างห้ามไม่อยู่ ด้วยการแสดงออกของถังหยินสงบเกินไปราวกับว่าคนที่ชุยหยุนเจียนจับเป็นตัวประกันเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้อง
ทว่าในตอนนี้ชุยหยุนเจียนจะถอยไม่ได้อีกแล้ว !! ดวงตาของเขาขยับ เช่นเดียวกับปากที่ยกขึ้นกล่าวว่า “ว่ากันว่าอู่เหมยงดงามและมากไปด้วยเสน่ห์นัก …ซึ่งข้าก็คิดว่าทุกคนคงอยากที่จะพิสูจน์ว่ามันเป็นความจริงมากน้อยแค่ไหน !”
ในขณะที่พูด เขาก็ได้คว้าจับอู่เหมยไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนที่ดาบปราณในมืออีกข้างของเขาจะค่อย ๆ เคลื่อนลงมาตัดผ่านชุดเกราะของหญิงสาว
ถึงอู่เหมยจะสวมชุดเกราะเหล็ก แต่เมื่อเทียบกับดาบปราณมันก็เหมือนกับกระดาษ เกราะเหล็กแตกออก เผยให้เห็นเสื้อผ้าที่อยู่ข้างใต้บริเวณเกราะอก ชุยหยุนเจียนมองตรงไปที่ถังหยินและหัวเราะเบา ๆ “ถ้านางต้องมาแก้ผ้าต่อหน้าธารกำนัลแบบนี้ นางจะรู้สึกยังไงกันนะ ?!”
‘ไอ้เศษเดน !’ ความโกรธในอกของถังหยินถาโถมขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่าเส้นประสาทที่ควบคุมความมีเหตุผลในหัวของเขาได้ถูกทำลายลง ดวงตาของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม !!
ในเวลานี้อู่เหมยรู้สึกละอายใจอย่างยิ่ง และถ้ายังมากไปกว่านี้ล่ะก็ นางคงจะไม่เหลือศักดิ์ศรีของการมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นหญิงสาวจึงไม่คิดสนใจชุยหยุนเจียนอีก นางตะโกนใส่ถังหยิน “ถังหยิน ! ลืมข้าไปซะ ! ฆ่ามันเลย !” ขณะที่พูด ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความคาดหวังขณะที่มองไปยังถังหยิน เพราะเมื่อเทียบกับการถูกทำให้อับอายแล้ว …นางยอมตายเสียยังจะดีกว่า !!!
ฟันในปากถูกบดซะจนจะแตกอยู่รอมร่อ ถังหยินสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัวหมัดของเขากำแน่นจนได้ยินเสียงดังเอี๊ยด
เมื่อเห็นว่าได้ผล ชุยหยุนเจียนก็ดีใจมาก เขาหัวเราะออกมาดัง ๆ และพูดว่า “ถังหยิน ! ข้าจะให้โอกาสครั้งสุดท้าย” เมื่อพูดอย่างนั้น เขาก็พลันยกดาบขึ้นอีกครั้ง ปลายของมันค่อยกรีดเสื้อผ้าของอู่เหมยทีละน้อย
“ถังหยิน !!”
อู่เหมยส่งเสียงร้องราวกับจะขาดใจ ร่างกายของถังหยินสั่นอีกครั้ง แสงสีเขียวในดวงตาของเขาสว่างขึ้น แต่หมัดที่กำแน่นของเขากลับคลายออก ชายหนุ่มยิ้มและหัวเราะเบา ๆ ก่อนที่เสียงหัวเราะจะค่อย ๆ ดังขึ้น
ปฏิกิริยาของถังหยินทำให้ผู้คนรอบข้างตกตะลึง แม้แต่อู่เหมย อู่อิง หลีเทียน อัยเจียและคนอื่น ๆ ที่วิตกกังวลอย่างมากก็ต่างมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสน
ชุยหยุนเจียนอดไม่ได้ที่จะถามว่า “หัวเราะอะไร ?!”
หลังจากนั้นไม่นาน ถังหยินก็หยุดหัวเราะและส่ายหัวในขณะที่เขาพูดช้า ๆ “กำลังหัวเราะเจ้าไง !”
“ข้าอย่างนั้นเหรอ !?” ชุยหยุนเจียนขมวดคิ้ว
“ก็เจ้านั่นแหละ !” แล้วถังหยินก็ว่าต่อ “พวกเจ้ามาจากที่ใดนะ ? สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่อ้างว่าเป็นจุดกำเนิดของอาณาจักรแห่งวิญญาณที่อยู่สูงเหนือท้องฟ้าด้วยรูปลักษณ์ที่สูงส่งใช่หรือไม่ ? แล้วดูตอนนี้ซิ !! ในความเป็นจริงมันก็มีแต่คนที่น่ารังเกียจไร้ยางอายเช่นเจ้าเท่านั้นที่ใช้ผู้หญิงข่มขู่คนอื่น ! ดังนั้นแล้วข้าว่าทั้งพี่น้องและนายท่านของเจ้าก็คงจะไม่ต่างกับเจ้าซักเท่าไหร่หรอก ไอ้พวกหนูโสโครก !”
ทุกคนต่างมีจุดอ่อน ไม่ว่าคนอื่นจะดูถูกชุยหยุนเจียนมากแค่ไหนเขาก็ไม่ใส่ใจ อย่างไรก็ตามหากมาดูถูกสำนักของเขา มันก็เท่ากับเป็นการล้ำเส้นอย่างร้ายแรง !!
เมื่อชุยหยุนเจียนได้ยินดังนั้นก็โกรธอย่างหนัก ดวงตาของเขาลุกโชนด้วยเปลวไฟ ดาบปราณที่เดิมอยู่บนเสื้อคลุมของอู่เหมยชี้ไปที่ถังหยินในทันที เช่นเดียวกับน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปจากท่าทีก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง “เจ้า… ชักจะล้ำเส้นมากเกินไปแล้ว ! ถังหยิน !”
“ฮึ !” ถังหยินตะคอกและพูดว่า “ถ้าผู้คนจากสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ล้วนเป็นเหล่ามหาบุรุษที่มีความซื่อสัตย์ และหากยังคิดว่าตัวเองเป็นแบบนั้นอยู่ ก็มาสู้กับข้าอย่างยุติธรรมซะ !!”
“อ๊ากกก !” ปอดของชุยหยุนเจียนกำลังจะระเบิดจากความโกรธ ดาบในมือที่ชี้มาสั่นสะท้านขณะที่เขาตะโกนอย่างดุร้าย “ถังหยินนนนนน !!”
ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค เส้นแสงก็พลันส่องประกายออกมาจากด้านหลัง ความเร็วของมันนั้นเร็วเกินกว่าที่มนุษย์จะมองเห็นได้
ถ้าเป็นคนอื่น พวกเขาคงไม่รู้ว่ามีอันตรายเข้ามาใกล้พวกเขาภายใต้สถานการณ์ที่โกรธเกรี้ยว อย่างไรก็ตามฝีมือของชุยหยุนเจียนสูงเกินไป ดังนั้นตราบใดที่มีความผันผวนแม้เพียงเล็กน้อยเกิดขึ้นในอากาศโดยรอบ เขาก็จะสามารถรู้สึกได้ในทันที !!
ขณะที่เส้นแสงนั่นกำลังจะเข้ามาใกล้ ชุยหยุนเจียนก็พลันตระหนักได้ในทันทีว่ามีการเคลื่อนไหวเข้ามาใกล้จากด้านหลัง เขาหมอบลงด้วยกำลังทั้งหมดที่มี หากแต่ในเวลานี้สิ่งที่นึกไม่ถึงกลับเกิดขึ้น ด้วยหลังจากหลบ เส้นแสงนั่นก็พลันเปลี่ยนทิศทางราวกับว่ามีดวงตา ….ทำให้มันหันตามเขามาอย่างรวดเร็ว !!!
โครม !
แสงนั่นฟาดลงบนหลังของชุยหยุนเจียนอย่างแรง แม้แต่เกราะปราณอันแข็งแกร่งก็ไม่สามารถต้านทานมันได้และถูกเจาะทะลุในพริบตา ทำให้ร่างของชุยหยุนเจียนกระเด็นไปข้างหน้าตามแรงกระแทกและล้มลงบนพื้น
ชั่วพริบตาที่ชุยหยุนเจียนล้มลงกับพื้น พลันมีคน 2 คนปรากฏตัวข้าง ๆ หนึ่งในนั้นคว้าอู่เหมยและถอยกลับไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว ในขณะที่อีกคนหนึ่งเล็งแขนตรงไปที่ชุยหยุนเจียนและฟันดาบลงมา
อันที่จริงทั้งสองคนที่ปรากฏตัวขึ้นทันทีไม่ใช่คนแปลกหน้าแต่อย่างใด ด้วยคนหนึ่งคือถังหยินและอีกคนคือเจี๋ยนฟาน
แท้ที่จริงแล้ว เหตุผลที่ถังหยินสามารถสงบอารมณ์ลงได้ไม่ใช่เพราะการควบคุมอารมณ์ แต่เป็นเพราะเขาเห็นเจี๋ยนฟานถือธนูทองคำแฝงตัวอยู่ในฝูงชนด้านหลัง
เมื่ออู่เหมยถูกจับตัวเอาไว้อยู่ เจี๋ยนฟานก็พลันทำการซ่อนตัว แต่ไม่กล้ายิง เนื่องจากฝีมือของชุยหยุนเจียนสูงเกินไปและเขาก็ไม่ได้มีความมั่นใจว่าจะฆ่าอีกฝ่ายได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว !!
…ถ้าการโจมตีไม่สำเร็จ อู่เหมยก็จะเป็นฝ่ายตายแทน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนและมองหาโอกาสอย่างเงียบ ๆ ซึ่งเมื่อสายตาของถังหยินหันมามอง เจี๋ยนฟานก็พลันเงยหน้าขึ้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีความเข้าใจโดยปริยายระหว่างกัน
คำพูดของถังหยินกระตุ้นความโกรธของชุยหยุนเจียน และในขณะที่เขาสับสน เจี๋ยนฟานที่อยู่ด้านหลังก็พลันจู่โจมโดยใช้ลูกศรปราณยิงเข้าที่หลังของชุยหยุนเจียน ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้คาดหวังอย่างผิด ๆ แม้แต่น้อย ด้วยแม้ว่าชุยหยุนเจียนจะโกรธ หากแต่เขาก็ยังคงสามารถหลีกเลี่ยงจุดสำคัญไปได้
ถังหยินและเจี๋ยนฟานจึงใช้สลับเงาของพวกเขาในเวลาเดียวกัน โดยอีกคนเข้าโจมตีซุนเฟิงเจียนให้รวดเร็วที่สุด ในขณะที่อีกคนใช้โอกาสนั้นช่วยอู่เหมยออกมา !!