ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 85
บทที่ 85
ถังหยินให้อำนาจกับหลีเทียนขนาดนี้ ทำให้อีกฝ่ายรีบประกบมือโค้งคำนับให้อย่างตื่นเต้น “ขอบพระคุณอย่างยิ่งนายท่าน!”
ถังหยินหัวเราะ “เจ้าจะร้องขออะไรจากข้าก็ได้ ตราบเท่าที่ไม่เกินความสามารถ ข้าจะทำให้เจ้าอย่างแน่นอน แต่ว่าข้ามี 1 อย่างที่ร้องขอ เจ้าจะต้องฝึกให้พวกมันเป็นกองสอดแนมที่เก่งกาจที่สุดภายในระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนจะเอามาให้ข้าดู มีปัญหาอะไรไหม?”
หลีเทียนรีบตอบกลับ “ไม่มีขอรับ!”
“เยี่ยมมาก” ถังหยินหัวเราะแล้วหยุดทันทีก่อนจะเริ่มครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นและพูดอย่างเชื่องช้า “1 กองน่าจะไม่พอ” ว่าแล้วถังหยินก็หันไปหาอัยเจีย “อัยเจีย เจ้าจะต้องรับหน้าที่เสมือนหลีเทียน เจ้าจะได้บุคลากร 500 นาย แต่ข้าจะไม่ขอให้พวกเจ้าทั้งสองร่วมมือกันหรอกนะ เพราะข้าอยากจะให้พวกเจ้าทั้งสองแสดงศักยภาพที่มีออกมาทั้งหมด ถ้าทำได้ไม่ดี พวกเจ้าจะต้องโดนลงโทษ …หวังว่าพวกเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังนะ !”
อัยเจียไม่คาดฝันว่าถังหยินจะมอบตำแหน่งนี้ให้กับนางเฉกเช่นเดียวกับหลีเทียน นางตะลึงนิดหน่อย ก่อนที่จะได้สติและประกบมือโค้งคำนับเขาเพื่อแสดงความขอบคุณ
คนอื่นไม่อาจบอกได้ว่าถังหยินต้องการทำอะไร ส่วนทางด้านอัยเจีย นางในตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยความตื้นตันใจ ที่เขาไม่ดูถูกนางเพียงเพราะนางเป็นหญิง !
ถ้าพูดถึงในงานด้านข่าวสาร นางอาจจะไม่เหมาะเทียบเท่าหลีเทียน แต่นางก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโดยดูแคลนจากคนอื่น !
ทั้งที่จริงแล้วแค่กองเดียวก็เพียงพอแล้ว ทำไมต้อง 2 ล่ะ ? นี่มันสิ้นเปลืองทรัพยากรมนุษย์โดยใช่เหตุชัด ๆ !
ในบรรดาทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ ชิวเจิ้นเข้าใจความคิดของเขามากที่สุด หลังจากติดตามมานานจนเริ่มปรับตัวเข้ากับนิสัยของถังหยินได้ มันก็ทำให้เขารู้ว่าชายหนุ่มนั้นชื่นชอบความสมบูรณ์แบบ ในโลกที่ผู้อยู่รอดคือผู้แข็งแกร่งแบบนี้ ดังนั้นถังหยินคงต้องการให้พวกเขาแข่งขันกัน เพื่อพัฒนาศักยภาพของคนทั้งสอง !
ทว่าชิวเจิ้นเข้าใจถูกครึ่งเดียว แท้จริงแล้วถังหยินนั้นต้องการให้หลีเทียนและอัยเจียกดดันซึ่งกันและกัน ทว่าเขานั้นไม่ได้หวังอะไรจากอัยเจียมากนัก เขาเพียงแค่ต้องการบีบให้หลีเทียนพยายามอย่างหนักเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดออกมาเท่านั้น !
ในอนาคต ทั้ง 2 กองมีสัญลักษณ์ที่เฉพาะตัวของตัวเอง โดยหน่วยงานข่าวกรองของหลีเทียนจะได้รับการตั้งชื่อว่า เนตรเวหา ส่วนของอัยเจียได้ชื่อว่า เครือข่ายพิภพ เช่นเดียวกับ ศรทมิฬ ที่เป็นกลุ่มของพวกผู้ใช้ศาสตร์มืด
ในอนาคต ทั้ง 3 หน่วยนี้จะเป็นหน่วยข่าวกรองภายใต้การบัญชาการของถังหยินและช่วยส่งเสริมถังหยินในหลาย ๆ ด้าน !
หลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดเรียบร้อย ถังหยินก็มากังวลเกี่ยวกับเรื่องการรับสมัครทหารหน้าใหม่แทน
จางโจวและไป่หยง พวกเขากำลังเจอเข้ากับปัญหา เพราะในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา การรับทหารใหม่เป็นไปอย่างเงียบเชียบ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยากเข้ามาสมัครร่วมกับกองทัพเลย !
ถังหยินไม่เข้าใจ ! ในเมื่อปัญหาเรื่องปากท้องของกองทัพได้รับการแก้ไขแล้ว งั้นทำไมถึงยังไม่มีใครอยากมาเป็นทหารกันอีก ?
ไป่หยงหัวเราะอย่างขมขื่น “ทุกครั้งที่พวกเราสู้กับพวกมอร์ฟีส พวกเรามักจะเป็นฝ่ายที่สูญเสียมากกว่าเสมอ ดังนั้นแล้วจึงไม่มีมีใครอยากเข้าร่วมกองทัพอีกต่อไป”
ใช่เลย ! ถังหยินพยักหน้าทำความเข้าใจ ดูเหมือนว่าถ้าเขาอยากจัดการปัญหาเรื่องรับสมัครทหาร คงต้องเริ่มที่การสู้กับพวกมอร์ฟีสให้ชนะเสียก่อน แม้ว่าจะเป็นการรบเล็ก ๆ แต่มันก็คงเพียงพอแล้วที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในใจพวกเขา !
เขาสูดหายใจลึก ๆ ก่อนพูดว่า “แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง พวกเราก็ยังต้องฝึกรายวันกันตามเดิม”
จากนั้นชายหนุ่มสั่งให้กู่เยว่เข้าไปฝึกด้านการรบระยะประชิดให้กับทั้งกองทัพ ส่วนหลีเทียนก็ให้ฝึกการยิงธนูแก่พวกทหาร ไป่หยงฝึกการขี่ม้า และจางโจวก็ฝึกการจัดกระบวนทัพ
มีเพียงไป่หยงและจางโจวเท่านั้นที่ไม่เข้าใจว่าทำไมกองทหารเพียง 3 กองพันจะต้องใช้ทักษะมากมายแบบนี้ แต่ทว่าทั้งคู่ก็ไม่คิดจะเข้าไปถามทันที พวกเขากลับรอจังหวะที่จะเข้าไปซักถามจากชิวเจิ้นแทน
เมื่อได้ยินข้อสงสัยของทั้งคู่ ชิวเจิ้นก็ถึงกับหัวเราะ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะอธิบายเรื่องนี้ให้กับพวกเขาฟัง และเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด จางโจวและไป่หยงก็เข้าใจทันที ทว่าสำหรับพวกเขาแล้ว ความคิดดังกล่าวนั้นมันไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไหร่ เพราะอาจทำให้พวกทหารได้รับความสับสนได้ !
เมื่อเรื่องทุกอย่างจบเรียบร้อย ทุกคนก็พากันแยกย้าย
ถังหยินกลับไปที่ห้องของเขาและอาบน้ำล้างตัวเพื่อพักผ่อน ทว่าแผ่หลังยังไม่ทันหลังถึงเตียง เขาก็ได้ยินเสียงใครบางคนเคาะประตู
“เข้ามา!”
ประตูเปิดออก มีข้ารับใช้อายุ 20 กว่าปีเดินเข้ามา
“นายท่าน!” ข้ารับใช้คนนั้นเดินมาโค้งหัวให้ถังหยิน
“มีเรื่องอะไร?” ถังหยินมองเขาอย่างสงสัย
เขาคนนั้นพูดไม่ออก
“ถ้ามีอะไรก็พูดออกมาสิ” ถังหยินเริ่มหมดความอดทน เขานั้นเป็นคนเด็ดเดี่ยวและรวดเร็ว ดังนั้นกับคนที่เชื่องช้าแบบนี้เขาจึงเกลียดนัก !
“เสบียงพวกเราหมดแล้วขอรับ” คนรับใช้ผู้นั้นพูดออกมา
“แค่นั้นหรือ?” ถังหยินโกรธ หากทว่าเขากลับหัวเราะออกมา
“ถะ..ถู…ถูกต้องขอรับ!”
“มีแค่นั้นจริงหรือ?”
“เงินเองก็หมดแล้วด้วยขอรับ!”
“เงินหมดงั้นหรือ?” ถังหยินเลิกคิ้วขึ้น เขากำลังคิดว่าเงินจำนวนมากมายที่เอามาจากเมืองหยาน และที่ได้มาจากผู้ว่ามณฑลนั่นน่าจะมากพอที่จ่ายให้ทหารทั้งหมด แล้วทำไมถึงหมดได้กัน ?
ข้ารับใช้รีบแก้คำพูดทันที “นายท่านไม่ได้ให้เงินพวกเรา ทำให้พวกเราไม่มีเงินซื้อข้าวของเครื่องใช้ทั้งหลาย อีกทั้งจวนแห่งนี้ก็ยังขาดการซ่อมบำรุงอีกมาก…”
อย่างนี้นี่เอง ถังหยินเริ่มเข้าใจแล้ว ตอนที่เขายังอยู่ในเมืองหลวง ที่พักของเขาก็คือเรือนของอู่เหมย ดังนั้นพวกเรื่องข้ารับใช้และพ่อบ้านจึงถูกจัดการโดยผู้อื่น ทว่าเมื่อมายังที่แห่งนี้ ความช่วยเหลือดังกล่าวก็ไม่อาจมีได้อีก ชายหนุ่มจะต้องจัดการมันด้วยตัวเอง !
“ข้าเข้าใจแล้ว” ถังหยินพยักหน้าและครุ่นคิด เมื่อเห็นว่าเป็นอย่างที่ข้ารับใช้บอกจริง เขาก็ลูบหน้าผากตัวเอง ก่อนหยิบแท่งเงินออกมาจากกระเป๋าแล้วมอบให้อีกฝ่าย “เอาเงินนี่ไป ข้าจะรีบจัดหาพ่อบ้านให้ก็แล้วกัน”
ค่าอาหารไม่ได้แพงขนาดนั้น ข้ารับใช้คิดในใจขณะมองแท่งเงินในมือของชายหนุ่มและไม่กล้ายื่นมือไปรับ
ถังหยินเริ่มหมดความอดทนอีกครั้ง เขายัดเยียดมันใส่ไปในมืออีกฝ่าย “ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ออกไปสิ !”
“ขอรับ นายท่าน !” ข้ารับใช้กลืนน้ำลายและรีบเดินออกไป
พ่อบ้าน ? ข้าจะไปหาพ่อบ้านมาจากไหน ? ถังหยินเริ่มเข้าใจความสำคัญของพ่อบ้านแล้ว ทว่าถ้าเขาต้องการจะหาคนมาดูแลบ้านสักคน งั้นก็ต้องหาคนที่เชื่อใจได้เสียหน่อย
หลังจากครุ่นคิด เขาก็ยังหาตัวเลือกไม่ได้ ชายหนุ่มจึงล้มตัวลงนอนบนเตียง และทิ้งปัญหานั้นเอาไว้เช่นเดิม
คืนนั้นทุกอย่างสงบเงียบดีไม่มีพิษภัย
จวนผู้ว่าเงียบกริบ ไม่มีแสงใด ๆ เล็ดลอดออกมาหรือแม้กระทั่งทหารเดินเวรยาม
ในความมืดมิด มีสองร่างกระโดดข้ามกำแพงเข้ามาในส่วนของจวนผู้ว่า
ดั่งที่ถังหยินคาดการณ์ไว้ หยวนอู่และหยวนเปียวกลับมาล้างแค้นตามสัญญาแล้ว !
เมื่อก่อน ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหนก็จะได้รับความเคารพ แต่มาตอนนี้ พวกเขากลับถูกจับ ทั้งยังโดนดูถูก และทำร้ายร่างกายอีก ! เรื่องแบบนี้ ใครมันจะไปยอมได้กัน !
ดังนั้นครั้งนี้ ทั้งสองพี่น้องจึงได้พกพาอาวุธปราณมาพร้อมกับความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม !
พวกเขาวางแผนที่จะลักลอบเข้าไปในจวนแห่งนี้ เพื่อจัดการถังหยิน และเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว พวกเขาก็จะกลับมาเป็นโจรอีกครั้ง !
ทั้งสองสำรวจพื้นที่โดยรอบ ก่อนที่จะตรงไปยังห้องที่คิดว่าน่าจะเป็นของถังหยิน
พวกเขามาถึงด้านนอกห้องอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองใส่เกราะปราณและถือหอกปราณไว้ในมือ หลังจากทำการสังเกตและไม่พบการเคลื่อนไหวใด ๆ พวกเขาก็หันมายิ้มให้กัน
หยวนเปียวบอก “พี่สาม เจ้าอยู่ข้างนอกนะ ข้าจะเข้าไปจัดการมันเอง !”
“น้องสี่อย่าเลย เดี๋ยวข้าจะไปเอง !”
“ข้าไปเอง”
“ข้าเอง”
พวกเขาเถียงกันไปมา ก่อนที่จะตกลงกันได้ว่าจะเข้าไปด้วยกัน
หยวนอู่ลองผลักประตูออกไปเบา ๆ ก่อนที่จะพบว่ามันเปิดอยู่
เขาคิดเย้ยหยันในใจ คนผู้นี้ช่างไม่รอบคอบเสียจริง เขาคงมั่นใจมากเกินไป และไม่คาดคิดว่าจะมีใครกล้ามาลอบสังหารตน
หยวนอู่แอบมองเข้าไปด้านใน ก่อนจะหันมาส่งสัญญาณให้กับผู้เป็นน้องและเดินเข้าไปพร้อมกัน
ทั้งสองเดินกันอย่างระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียง พวกเขาพากันเดินลึกเข้าไป และตรงไปยังเตียงของเป้าหมาย
บนเตียงนั่นดูเหมือนจะมีคนอยู่ ทว่าพวกเขาก็ไม่แน่ใจว่าเป็นใคร แต่เมื่อได้เห็นชายผ้าของคนผู้นี้ ทั้งสองก็เริ่มมั่นใจมากขึ้น
ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่านี่คือห้องของถังหยินแน่ ๆ และคนที่อยู่บนนั้นก็ต้องเป็นถังหยินอย่างแน่นอน !
หยวนเปียวและหยวนอู่ตามันวาวทันที โดยไม่บอกกล่าว ทั้งสองเงื้อหอกขึ้นในมือ เดินเข้าไปใกล้มากขึ้น และเสือกแทงหอกลงไปบนเตียงอย่างแรง !
ฉึก !