ราชันเทพเก้าสุริยัน Nine Sun God King - ตอนที่ 704
ตอนที่ 704 ร่วมต้านรับศัตรู
“ผู้อาวุโสหลิงหลง หากท่านรู้สึกว่าจารึกวิญญาณจ้าวเต๋าไม่ดี เช่นนั้น
สามารถมอบให้แก่ข้า!”
ฉินหยุนปรารถนาอย่างแรงกล้า หากเขาได้รับจารึกวิญญาณจ้าวเต๋า
เขาจะสามารถแกะสลักอักขระเต๋าได้ง่ายดายทันทีเมื่อมีระดับการ
ฝึกฝนสูงส่งพอ
เจี้ยนหลิงหลงหัวเราะกล่าว “เจ้าต้องการจารึกวิญญาณจ้าวเต๋าหรือ?
เจ้ามีวิธีนำมันออกมา? ต่อให้มีวิธีนำมันออกมา เจ้าก็ยังต้องใช้จารึก
วิญญาณอื่นเพื่อนำมาแลกเปลี่ยนกับข้า! จารึกวิญญาณอัคคีคลั่งและ
ราชันสัตว์ของเจ้า หากมอบหนึ่งในนั้นแก่ข้า ข้าก็ยินดีแลกด้วย!”
ฉินหยุนพอได้ฟังเรื่องแลกเปลี่ยนกับที่ตนเองมี เขารู้สึกว่านี่ไม่คุ้มค่า
ได้เห็นสีหน้าของเขา เจี้ยนหลิงหลงจึงแค่นเสียงเบา “เจ้า… ถึงกับมี
จารึกวิญญาณสองอย่าง กล่าวได้ว่าเป็นโชคสะท้านสวรรค์แล้ว ข้ามี
ชีวิตมานานนับ เหตุใดจึงไม่มีโชคเช่นนี้ตกหล่นมาบ้าง?”
“ผู้อาวุโสหลิงหลง ท่านอยู่มานานเพียงใดกันแล้วขอรับ?” ฉินหยุน
เอ่ยถามออกอย่างนึกสงสัย
“อย่าได้ถามอายุข้า!” เจี้ยนหลิงหลงตอบกลับอย่างดุร้าย
ฉินหยุนบุ้ยปากพลางตั้งใจแกะสลักโทเทมมังกรต่อ
ระหว่างแกะสลัก เขายังเผยออกซึ่งเส้นมืด เป็นผลให้เจี้ยนหลิงหลง
สามารถพิจารณามันได้อย่างถี่ถ้วน นางตอนนี้ย่อมอยู่ระหว่างการ
จดจำอักขระโทเทม
บอลสีดำขนาดใหญ่ยักษ์ที่ร่วงหล่นสู่ลานกว้างตำหนักเซียนดาบ
อย่างกะทันหัน เป็นอุปกรณ์บินได้จริง กลุ่มคนชุดดำจำนวนหนึ่งที่
ออกมาจากด้านใน ทั้งหมดเป็นคนจากเขตแดนลึกล้ำอสูรอ้างว้าง
ตำหนักโทเทมและสำนักแห่งแดนอสูรอ้างว้างกลับกลายเป็นยินดี
ผู้คนของเขตแดนลึกล้ำจากแดนอสูรอ้างว้างเริ่มออกมาจากลูกบอล
ยักษ์กันทีละคน รวมทั้งสิ้นแล้วมีกว่าร้อยคน พวกเขาเผยออร่าอสูร
ออกจากร่างจนทำเอาศิษย์ผู้เยาว์หลายคนต้องตกอยู่ในห้วงความ
หวาดกลัว
เจี้ยนสือเทียนเผยสายตาเย็นเยียบมองทางกลุ่มคน น้ำเสียงนี้อัดแน่น
ด้วยโทสะ “พวกเจ้ากำลังรุกรานพวกเรา! หากยอมกล่าวขออภัยจาก
ใจจริง เช่นนั้นพวกเราจะยอมปล่อยวาง ไม่เช่นนั้น อย่าได้คิดว่าพวก
เจ้าจะมีชีวิตรอดกลับไป!”
บรรดาอสูรจากเขตแดนลึกล้ำอสูรอ้างว้างเหล่านี้แข็งแกร่งยิ่ง
ไม่เช่นนั้น กลุ่มคนของสำนักอสูรจะไม่มีทางเผยความตื่นเต้นยินดี
กันเพียงนี้อย่างแน่นอน
“ตำหนักเซียนดาบและตระกูลเจี้ยน ที่นี่คือสถานที่ซึ่งผู้ฝึกตนดาบมา
รวมตัวกัน! พวกเจ้าตัวตนต่อต้านสวรรค์สมควรตายหมดสิ้น เหตุใด
จึงยังมีชีวิตอยู่รอดมากมายเพียงนี้?” ชายชราเส้นผมสีทองชุดดำแค่น
เสียงกล่าวคำ
“พวกเราผู้ฝึกตนดาบสามารถต่อต้านสวรรค์! หากสวรรค์คิดต้องการ
ให้พวกเราตาย พวกเราย่อมต่อต้าน!” เจี้ยนสือเทียนหัวเราะรับ “กับ
อสูรเช่นพวกเจ้าที่ก่อกรรมชั่วมากมายแต่กลับยังรอดชีวิต ข้ายังคิด
ว่าเรื่องราวนี้แปลกยิ่งกว่า!”
“ข้าได้ยินว่าผู้ฝึกตนดาบแข็งแกร่งเลิศล้ำ ด้วยระดับการฝึกฝน
ทัดเทียมกันถึงขั้นแข็งแกร่งกว่าผู้อื่นหลายเท่านัก! วันนี้ข้าคิดอยาก
ประสบกับตนเองนักว่ามันจะแข็งแกร่งเพียงใด!”
ชายชราเส้นผมสีทองใบหน้าซีดเผือดพลันกลับกลายเป็นสีดำและจึง
เป็นแดง ร่างกายนั้นสั่นรุนแรงระเบิดเอาหมอกโลหิตทะลักล้นออกมา
“อสูรเช่นเจ้าหน่ายเหนื่อยมีชีวิตอยู่แล้วหรือ?” เจี้ยนสือเทียนตะโกน
ดังด้วยโทสะพร้อมปลดปล่อยดาบต้นกำเนิด
ขณะเดียวกัน ภายในตำหนักเซียนดาบ เสียงระฆังพลันดังขึ้น
ไม่นานจากนั้น บรรดาครึ่งเซียนที่แข็งแกร่งต่างทะยานกันออกมา
จากตำหนักเซียนดาบ
ชายชราชุดขาวจำนวนหนึ่งมาถึงราวกับแหวกมวลเมฆ พวกเขา
เหล่านี้เปรียบดังเซียนที่เคลื่อนคล้อยลงสู่โลก
ชายชราชุดขาวเหล่านี้มีท่าทีประหนึ่งเซียน พวกเขาต่างถือดาบคม
กริบในมือพร้อมไปหยุดกันที่ตรงหน้าเจี้ยนสือเทียน
เมื่อขั้วอำนาจอื่นได้เห็นครึ่งเซียนจากตำหนักเซียนดาบ พวกเขาต่าง
ตื่นตะลึงกันสุดหัวใจ นั่นก็เพราะตัวตนเหล่านี้ใกล้ถึงขอบเขตเซียน
กันแล้ว
“สมกับเป็นตำหนักเซียนดาบ ขุมพลังที่มีช่างเลิศล้ำนัก!” เปาเฉิงโฉ่ว
เผยเสียงตื่นตะลึง
“ตัวบัดซบจากเขตแดนลึกล้ำอสูร พวกเจ้ารุกรานนครแห่งดาบ ก่อ
การอุกอาจต่อตำหนักเซียนดาบ อย่าได้คิดว่าจะไปจากที่นี่โดยมีชีวิต
รอด!” เจี้ยนสือเทียนคำรามด้วยโทสะ “สังหารอสูรเหล่านี้ให้หมด!
ไม่เว้นแม้กระทั่งตูเทียนตี้จากตำหนักโทเทม!”
“นครเซียนยุทธภัณฑ์จะเข้าช่วยเหลือตำหนักเซียนดาบขับไล่อสูร
ร้ายเหล่านี้เช่นกัน!” เปาเฉิงโฉ่วตะโกนดัง
“เกาะจันทราปีศาจยินดีช่วยเหลือ!” แม่เฒ่าหยุนเหยาส่งเสียงกล่าว
“วิมานเซียนปีศาจก็ไม่คิดนิ่งดูดาย!” ครึ่งเซียนจากวิมานเซียนปีศาจ
เผยท่าทีเด่นชัด
มีแต่ครึ่งเซียนของหุบเขาเซียนโอสถและขุนเขาเซียนอัคคีครามที่ไม่
คิดเข้าร่วม พวกเขาถอยหนีห่างไกลออกไป
ตระกูลอื่นทั้งหลายยกเว้นตระกูลเจี้ยน ขณะนี้ต่างถอยหนีห่าง
“พวกเจ้าไม่คล้ายร่วมมือกันได้!” ชายชราเส้นผมสีทองหัวเราะดัง
กล่าวคำ “พวกเราคิดอยากยึดครองเกาะนี้นัก มาดูกันว่าพวกเจ้าจะ
หยุดยั้งพวกเราได้อย่างไร!”
“ราชันแคว้นเยี่ย เจ้าคือราชันแคว้นมหาดวงดาวแห่งแดนวิญญาณ
อ้างว้าง ตัวเจ้าเองก็มีต้นกำเนิดเซียน คิดหรือว่าจะนิ่งเฉยรับชมได้
จนถึงที่สุด?” เจี้ยนสือเทียนเอ่ยคำเสียงเย็น “หากเจ้าไม่ลงมือ ข้า
รับประกันได้ว่าเจ้าจะไม่มีต้นกำเนิดเซียนไว้เสวยสุขอีก!”
ราชันแคว้นเยี่ยกัดฟันแน่นนำคนของตนเข้าร่วม
เขาทราบดี หากไม่ใช่เจี้ยนสือเทียนกับเปาเฉิงโฉ่วหนุนหลัง ตัวเขา
จะไม่มีทางได้เป็นราชันแคว้น
เพื่อต้นกำเนิดเซียน เขาสามารถปล่อยวางความแค้นต่อนครเซียน
ยุทธภัณฑ์เอาไว้ชั่วคราวได้
ราชันแคว้นมู่เผยเสียงดังขึ้น “นี่เป็นเรื่องของแคว้นมหาดวงดาว ข้า
ไม่คิดแทรกแซง!”
เจี้ยนสือเทียนแค่นเสียงเย็น “เจ้าไร้ซึ่งต้นกำเนิดเซียน ข้าจะปล่อยเจ้า
เสนอหน้าที่นี่ต่อทำเพื่ออะไร?!”
บรรดาอสูรจากเขตแดนลึกล้ำอสูรอ้างว้างมีมากมาย กระนั้นราชัน
ยุทธ์หรือจักรพรรดิยุทธ์มีไม่มากนัก มีเพียงแต่ระดับครึ่งเซียนที่
จำเป็นต้องระแวดระวัง
เจี้ยนสือเทียนพยักหน้าส่งสัญญาณ บรรดาครึ่งเซียนแห่งตำหนัก
เซียนดาบต่างตอบรับเป็นเชิงเข้าใจ อย่างกะทันหัน พลังประหลาด
ได้ทะลักล้นจากพื้นดินเบื้องล่าง
ผู้อื่นนอกจากคนของตำหนักเซียนดาบ ทั้งครึ่งเซียนและจักรพรรดิ
ยุทธ์ต่างเผยสีหน้าตื่นตะลึง
นี่ก็เพราะ บรรดาครึ่งเซียนและจักรพรรดิยุทธ์เหล่านั้นต่างรู้สึก ว่า
พลังของตนได้ถูกผนึกเอาไว้
ระดับการฝึกฝนของพวกเขาทั้งหมด ได้ร่วงหล่นลงสู่ระดับราชัน
ยุทธ์!
เจี้ยนสือเทียนเอ่ยเสียงลุ่มลึกดังขึ้น “ทุกคนอย่าได้ตระหนกไป นี่คือ
ค่ายอาคมใหญ่ของนครแห่งดาบ มันจะผนึกระดับการฝึกฝนของ
จักรพรรดิยุทธ์และครึ่งเซียน สะกดลงเอาไว้ที่ขอบเขตราชันยุทธ์!
หากออกพ้นจากนครแห่งดาบ ระดับการฝึกฝนจะฟื้นคืนกลับมา!”
ผู้คนต่างเข้าใจ นี่ถือเป็นค่ายอาคมใหญ่อันปราดเปรื่อง!
เพราะด้วยระดับการฝึกฝนทัดเทียมกัน ผู้ฝึกตนดาบจะมีพลังเหนือกว่า
อย่างเลิศล้ำ เช่นนี้ แม้เป็นผู้ฝึกตนดาบที่อยู่ขอบเขตราชันยุทธ์แต่เดิม
พวกเขาก็อาจเอาชนะครึ่งเซียนจากเขตแดนลึกล้ำอสูรอ้างว้างได้!
ตำหนักเซียนดาบมีค่ายอาคมใหญ่เช่นนี้ นับเป็นการเพิ่มอำนาจการ
คุ้มกันภายในอย่างมหาศาล กระทั่งว่าเป็นครึ่งเซียนที่แข็งแกร่งบุก
โจมตีเป็นกองทัพ กำลังของพวกเขาจะถูกทำให้ถดถอยเหลือที่ราชัน
ยุทธ์
ในเมื่อนี่เป็นสำนักเซียน ย่อมต้องมีราชันยุทธ์อยู่มากมายในสังกัด
ตอนนี้ ตำหนักเซียนดาบคือผู้ที่สามารถสำแดงพลังอำนาจแห่งดาบ
อันเลิศล้ำออกมาได้!
ฉินหยุนกำลังวาดโทเทมมังกร ยามเมื่อได้ยินเสียงระฆังดังขึ้น เจี้ยน
หลิงหลงจึงเผยสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย จากนั้น หลังจากค่ายอาคม
ใหญ่ทำงาน เจี้ยนหลิงหลงแทบไม่อาจคงอาการสงบใจไว้ได้อีก
“ผู้อาวุโสหลิงหลง เกิดเรื่องขึ้นหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“เกิดเรื่องใหญ่! ค่ายอาคมใหญ่ของนครแห่งดาบไม่เคยถูกเปิดใช้
งานมาเป็นเวลานานยิ่งแล้ว ทว่าตอนนี้กลับถูกเรียกใช้งาน ย่อมต้อง
มีการรุกรานโดยศัตรูที่แข็งแกร่งเป็นกองทัพ!” เจี้ยนหลิงหลงเผย
น้ำเสียงหนักอึ้ง “แต่เดิมจักรพรรดิยุทธ์และราชันยุทธ์ทั้งหมดต้อง
ออกไปต่อสู้ต้านรับศัตรู แต่ตัวข้านั้นพิเศษจึงไม่จำเป็นต้องออกไป!”
“นี่เป็นค่ายอาคมใหญ่อันใดกัน?” ฉินหยุนเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย
“มันสามารถผนึกพลังของครึ่งเซียนและจักรพรรดิยุทธ์ ให้ลดทอน
ลงเหลือที่ขอบเขตราชันยุทธ์!” เจี้ยนหลิงหลงกล่าว “ข้าคือจักรพรรดิ
ยุทธ์ แต่ด้วยค่ายอาคม พลังส่วนหนึ่งของข้าจึงถูกผนึกเอาไว้!”
“วิธีการนี้ ก็เพื่อจำกัดพลังของครึ่งเซียนและจักรพรรดิยุทธ์ให้ถดถอย
เหลือที่ราชันยุทธ์! จากนั้น ผู้ฝึกตนดาบขอบเขตราชันยุทธ์จะสามารถ
เข้าห้ำหั่นอริศัตรูได้!” เจี้ยนหลิงหลงหัวเราะกล่าว “เจ้าวางใจ ตำหนัก
เซียนดาบของเราสามารถต้านรับกองทัพศัตรูที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้!”
“นั่นไม่อาจวางใจ! ข้าสามารถเอาชนะผู้ฝึกตนดาบที่ระดับสูงกว่า
ตนเองด้วยซ้ำ” ฉินหยุนยิ้มกล่าว “เรื่องนี้ท่านอย่าเพิ่งวางใจ!”
“แกะสลักโทเทมมังกรต่อไป ตำหนักเซียนดาบของเราจะเป็นผู้จัดการ
เรื่องนี้เอง!”
เจี้ยนหลิงหลงมองที่โทเทมมังกรพร้อมเอ่ยถาม “ข้าใช้เวลาสร้างหอคอย
เจดีย์แห่งนี้นานยิ่ง แม้ว่าเกาะลอยฟ้านี้ต้องถูกทำลาย หอคอยเจดีย์
ของข้าก็ยังสามารถใช้บินหลบหนี!”
“ภายในหอคอยแห่งนี้เต็มไปด้วยกลไกและกับดัก กระทั่งว่าเป็นครึ่ง
เซียนบุกเข้ามา พวกมันจะถูกปั่นหัวไปมาจนกระทั่งมีสภาพครึ่งตาย!”
“วิเศษนัก!” ฉินหยุนกล่าวชื่นชม เขานึกถึงสระสุสานดาบ นั่นถือ
เป็นสิ่งชวนสะพรึงยิ่ง
ภายในหอคอยแห่งนี้เงียบงัน เขาไม่อาจได้ยินเสียงความวุ่นวายที่
ภายนอก กระนั้น ฉินหยุนก็ยังสัมผัสออร่าที่มาจากภายนอกได้ หาก
ไม่มีอะไรผิดพลาด สถานการณ์ด้านนอกตอนนี้คงดุดันตึงเครียด
อย่างยิ่งยวด
ทว่าเขาก็ยังวางใจได้ระดับหนึ่ง อย่างไรแล้วที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของ
ตำหนักเซียนดาบ หากไม่ใช่เซียน ย่อมไม่มีทางทำลายสถานที่แห่งนี้
ลงได้โดยง่าย
หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “เสี่ยวหยุน เจ้าต้องหาทางจับตัวสตรีนางนี้เอาไว้
จารึกวิญญาณจ้าวเต๋าของนางสำคัญยิ่ง หากเจ้าได้รับ มันจะช่วยเหลือ
เจ้าได้อย่างมหาศาล!”
“จริงหรือ? เหตุใดนางจึงปรามาสต่อมันขนาดนั้นกันเล่า?” ฉินหยุน
ถามกลับ
“นั่นก็เพราะนางมีวิสัยทัศน์ที่แคบนัก! อักขระโทเทมที่เจ้าแกะสลัก
ตอนนี้ อย่างเต็มที่ก็เป็นได้แค่อักขระโทเทมลึกล้ำ! หากพวกมัน
วิวัฒนาการสู่อักขระโทเทมเต๋าในภายหน้า เมื่อนั้นเจ้าคิดแกะสลัก
พวกมันจะไม่ใช่ง่ายดายอีกต่อไป” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “ดังนั้นเจ้า
ต้องหาทางจับตัวนางไว้ให้ได้!”
“จับตัวนางหรือ? ข้าจะทำได้อย่างไรกัน?”
ฉินหยุนมีโมโม ภูติน้อยระดับพระแม่ หลังจากที่นางเชี่ยวชาญโทเทม
นางจะสามารถวิวัฒนาการมันขึ้นสู่โทเทมเต๋าได้
ถึงตอนนั้น เมื่อเขาต้องแกะสลักโทเทมเต๋าที่ซับซ้อน ความผ่อนคลาย
เช่นที่มีตอนนี้จะไม่อาจมีได้อีก เมื่อแกะสลักอักขระโทเทมเต๋า ระดับ
ความวิจิตรจะลดน้อยลงอย่างมหาศาล
แต่หากเขาได้รับจารึกวิญญาณจ้าวเต๋า ระดับความวิจิตรที่ทำได้จะ
ยังคงสภาพหรืออาจดีขึ้น!
“อย่างไรงั้นหรือ? กดนางลงกับพื้นแล้วให้นางบำเรอต่อเจ้า! เช่นนั้น
ในภายหน้าเมื่อมีโอกาส ค่อยใช้วาจาล่อลวงให้นางส่งมอบจารึก
วิญญาณจ้าวเต๋าแก่เจ้า!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าวคำ
ฉินหยุนกลายเป็นไม่ยินดี “ข้าไม่คิดทำ ข้าย่อมมีวิธีการที่ดีกว่านั้น”
“ยังจะมีวิธีการอื่นใด? เจ้าไม่เห็นหรือว่าสตรีนางนี้ก็เหมือนดังเจี้ยน
รั่วหยาน ภายนอกเย็นชา ทว่าภายในอ่อนนุ่มเป็นปุยนุ่น เพียงหยอด
คำหวานต่อนางก็คว้าใจนางเอาไว้ได้แล้ว! กระทั่งปิงชิง เซียนหญิง
ยังต้องร้อนรุ่มก็เพราะเจ้า! เจ้าสมควรต้องเชื่อในเสน่ห์ของตนเอง!”
หลิงหยุนเอ๋อไม่ทราบโกรธมาแต่ใด นางรู้สึกว่าโอกาสนี้ไม่สมควร
พลาด เพราะนี่จะทำให้ฉินหยุนได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด
“ข้ายังมีเย่ว์เหม่ย! เมื่อใดวิญญาณยุทธ์กระจกของนางส่องที่จารึก
วิญญาณหรือวิญญาณยุทธ์ ข้าจะสามารถคัดแยกพวกมันออกมาและ
สร้างขึ้นได้! ย้อนกลับไปตอนนั้น ข้ายังขัดเกลาวิญญาณยุทธ์ของ
หงหลันได้สำเร็จด้วยซ้ำ!”
ฉินหยุนพอคิดถึงเรื่องนี้ เขายิ่งรู้สึกตื่นเต้น ขณะเดียวกัน เขาก็ต้อง
ลอบสบถต่อเชี่ยวเย่ว์เหม่ย เป็นนางวิ่งเล่นไปทั่วจนตัวเขาไม่อาจหา
ตัวได้พบ
“หากเจ้าฟังข้าแต่โดยดี โฉมงามเหล่านั้นก็พร้อมโค้งกายให้เจ้ากัน
ถ้วนหน้าแล้ว!” หลิงหยุนเอ๋อถอนหายใจเหนื่อยหน่าย นางกล่าว
“เจ้ามันไม้ผุที่ไม่อาจนำมาใช้อะไรได้!”
ฉินหยุนไม่คิดฟังหลิงหยุนเอ๋ออีก ขณะนี้เขาเลือกที่จะตั้งใจแกะสลัก
โทเทมมังกร
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม เสียงระฆังของตำหนักเซียนดาบพลันดังขึ้นอีก
ครั้ง ครั้งนี้ เสียงมันดังยิ่งกว่า และยังคงเสียงสะท้อนดังต่อเนื่อง
“เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว เจ้าอยู่ที่นี่อย่าได้ไปที่ใด ข้าจะออกไปดู
สถานการณ์!”
เจี้ยนหลิงหลงสีหน้าแปรเปลี่ยน นางกล่าวย้ำเตือนฉินหยุนก่อนเร่ง
รีบออกไป
ฉินหยุนกลายเป็นร้อนใจครุ่นคิดกับตนเอง “หรือว่าตำหนักเซียน
ดาบจะพลาดท่า? หรือเกาะแห่งนี้กำลังร่วงหล่น?”
หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “เสี่ยวหยุน สถานการณ์ภายนอกไม่คล้ายดีเท่าใด
นัก เจ้าต้องเตรียมรับศึก!”