ราชันเทพเก้าสุริยัน Nine Sun God King - ตอนที่ 712
ตอนที่ 712 วิชาร่างศักด์ิสิทธ์ิเซียนอสูร
ฉินหยุนรับฟังและจดจำบทร่ายที่เซี่ยฉีโหรวส่งมอบมาให้ ขณะรับฟัง
เขายังต้องลอบตื่นตะลึง เพราะมันคล้ายเป็นส่วนที่เขาคุ้นเคยอย่างยิ่ง
บทร่ายนี้ คือสิ่งที่ทำให้เขาสามารถฝึกฝนพลังเซียนเก้าวิวัฒน์ได้
นอกจากนี้แล้ว หลังได้รับฟัง เขาพลันพบว่าบทร่ายนี้คล้ายวิธีการ
ฝึกฝนอีกสองอย่างที่เขามีไว้ในครอบครอง
“นี่ค่อนข้างคล้ายกับพระสูตรเก้าสมบูรณ์และวิถีหัวใจตะวันดารา!”
แม้ฉินหยุนตื่นตะลึงภายใน เขาไม่ได้ถามออก กลับกัน เขาเพียงแต่
รับฟังต่อ
เซี่ยฉีโหรวเอ่ยคำเชื่องช้า เพื่อให้ฉินหยุนสามารถจดจำทุกสิ่งอย่าง
ได้กระจ่างชัด
นางได้ทวนซ้ำอยู่หลายครั้ง จากนั้นจึงค่อยให้ฉินหยุนทบทวนให้
นางฟัง ด้วยวิธีนี้ก็เพื่อให้นางมั่นใจ ว่าฉินหยุนสามารถจดจำทุกสิ่ง
อย่างได้แล้ว
และแม้ฉินหยุนไม่อาจจดจำ หลิงหยุนเอ๋อก็ยังสามารถจดจำได้ทั้งหมด
ตัวนางมีพลังการจดจำอันเลิศล้ำ และตัวนางยังถือเป็นผู้จัดการความ
ทรงจำของฉินหยุน รวมถึงการจัดเรียงและคัดแยกความทรงจำนานา
ชนิด
“เมื่อเจ้าไปพบปิงชิง ส่งต่อเคล็ดวิชาฝึกฝนนี้แก่นาง หากเจ้าไม่อาจ
เข้าใจอย่างครบถ้วน ก็อย่าได้เร่งรีบฝึกฝนมันไป ให้ปิงชิงคอยชี้แนะ
แก่เจ้าแทน!” เซี่ยฉีโหรวกล่าว
“พี่สาว ข้าเคยฝึกฝนวิถีหัวใจตะวันดาราและพระสูตรหัวใจเก้าสมบูรณ์
มาก่อน ดังนั้นเลยอดไม่ได้ที่จะคิด ว่าวิชาร่างศักด์ิสิทธ์ิเซียนอสูรนี้
ค่อนข้างคล้ายคลึงกับทั้งสองนั่น!” ฉินหยุนบอกกล่าวความสงสัยที่
มีออกไป
“พระสูตรหัวใจเก้าสมบูรณ์? นั่นเป็นวิชาศักด์ิสิทธ์ิ!” เซี่ยฉีโหรวกล่าว
“ในเมื่อเจ้าฝึกฝนพระสูตรหัวใจเก้าสมบูรณ์ ข้าก็คล้ายไม่ต้องกังวล
อันใดมากแล้ว เจ้าน่าจะเชี่ยวชาญวิชาร่างศักด์ิสิทธ์ิเซียนอสูรได้ใน
ไม่ช้า!”
ฉินหยุนพอได้ยินดังนี้ เขาค่อยเกิดความยินดีก่อนจะถามออก “เคล็ด
วิชาเหล่านี้ มันมีความเชื่อมโยงใดถึงกันหรือไม่?”
“ย่อมมี! เพราะเคล็ดวิชาฝึกฝนเหล่านี้ถูกดัดแปลงมาจากเคล็ดวิชา
ฝึกฝนเทวะ! ย้อนกลับไปเมื่อกาลก่อน ที่เคล็ดวิชาฝึกฝนเทวะได้
ปรากฏขึ้น กลุ่มยอดฝีมือต่างต่อสู้แย่งชิงกันคลุ้มคลั่ง ทุกคนต่างได้รับ
กันไปส่วนหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ จากหนึ่งเคล็ดวิชาฝึกฝนเทวะ จึงกลับ
กลายเป็นเกิดขึ้นซึ่งวิชายุทธ์มากมายที่วิวัฒนาการสืบทอดต่อมา!”
“พระสูตรหัวใจตะวันจันทรา ก็เป็นวิชายุทธ์ที่มีต้นกำเนิดเดียวกันนี้!
และวิชาร่างศักด์ิสิทธ์ิเซียนอสูรถือเป็นวิชายุทธ์ซึ่งแกร่งกล้าที่สุด
ท่ามกลางพวกมัน เพราะผู้สร้างวิชาร่างศักด์ิสิทธ์ิเซียนอสูร คือผู้ได้รับ
จำนวนหน้าของวิชาเทวะมามากที่สุด!”
เซี่ยฉีโหรวอธิบายถึงต้นกำเนิดอันลึกล้ำของวิชายุทธ์เหล่านี้
ฉินหยุนรับฟังอย่างตั้งใจ เขาแทบคิดอยากได้รับวิชาเทวะฉบับสมบูรณ์
มาครอง
“พี่สาวปราดเปรื่องทราบเรื่องราวมากมายนัก!” ฉินหยุนถอนหายใจ
กล่าว
“ภายหน้าข้าจะบอกเล่าถึงเรื่องเก้าแดนอ้างว้างให้มากกว่านี้! อย่างไร
แล้ว ข้าก็เป็นพี่สาวซึ่งเคยเป็นอาจารย์ของเจ้านี่นะ!” เซี่ยฉีโหรว
หัวเราะเบา
ฉินหยุนกลายเป็นยินดี ขณะเขาคิดตัดการสื่อสาร บางสิ่งพลันผุด
ภายในใจของเขาจนต้องเอ่ยถามออก “พี่สาว หากปิงชิงถามต่อข้าว่า
ได้รับเคล็ดวิชานี้มาอย่างไร ให้ข้าตอบนางว่าอย่างไรดี?”
“บอกต่อนางไปตามตรง บอกนางว่าข้าสามารถติดต่อกับเจ้าผ่าน
ความฝัน อย่าได้บอกนางเรื่องแผนที่หลุมฝังเซียน! ข้าเกรงว่านางจะ
พยายามมาหาตัวข้า” เซี่ยฉีโหรวเร่งร้อนกล่าว “เสี่ยวหยุน อย่าได้
บอกเย่ว์จีและปิงชิงถึงเรื่องแผนที่หลุมฝังเซียน รวมถึงเรื่องตัวข้าที่
อยู่ก้นบึ้งทะเลสาบหมื่นดารา!”
“ผู้ใดคือเย่ว์จี?” ฉินหยุนถามขึ้น
“นายหญิงน้อยแห่งพระราชวังกวงหาน เป็นหยางฉีเย่ว์! นางมีชื่อเสียง
โด่งดังในแดนเซียนอ้างว้างไม่ใช่น้อย!” เซี่ยฉีโหรวยิ้มกล่าว “นางมี
สัมพันธ์อันดีกับเจ้า ดังนั้นข้าคงไม่ต้องห่วงอะไรอีก!”
ฉินหยุนไม่คาดคิด ว่าหยางฉีเย่ว์มีนามว่าเย่ว์จี มันทำให้เขาอดนึกไม่ได้
ว่าตัวนางมีความข้องเกี่ยวกับจารึกวิญญาณนายหญิงจันทรา
*เย่ว์จี หมายความถึง สตรีจันทรา*
“จริงด้วย ข้าได้ยินจากปิงชิง ว่าเย่ว์หลานและเสี่ยวเม่ยเหลียนมีความ
เสียหายทางจิตวิญญาณ พวกนางจำเป็นต้องซ่อมแซมจิตวิญญาณ
หรือ?” ฉินหยุนถามด้วยความห่วงหาต่อพวกนาง
“ไม่ได้เสียหายอันใด แต่เป็นการสะกดการเติบโตของจิตวิญญาณ!
หากมันเติบโตเร็วเกินไป ด้วยร่างกายที่ไม่สัมพันธ์ มันจะทำให้เกิด
ปัญหาขึ้นภายหลังอย่างมหาศาล อย่างเช่นข้าที่ทำผิดพลาด ดังนั้นข้า
จึงได้แต่ต้องอยู่ที่นี่ เพื่อรอคอยให้ร่างกายและจิตวิญญาณสัมพันธ์
ต่อกันก่อนจะไปทำเรื่องอื่นได้!” เซี่ยฉีโหรวถอนหายใจเอ่ยคำเสียง
เบา
“อย่างนั้นท่านจะบอกว่า เย่ว์เหม่ยและพี่หยางเองก็จำเป็นต้องจำกัด
การเติบโตของจิตวิญญาณด้วยหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“จำกัดการเติบโตของจิตวิญญาณมีแต่เป็นผลดีต่อพวกนาง ยิ่งไปกว่า
นั้น เมื่อพวกนางฝึกฝน ที่ต้องทำก็เพียงแต่ฝึกฝนกายเนื้อ ทางด้าน
ฝึกฝนจิตวิญญาณหาได้มีอันใดต้องกังวลไม่!” น้ำเสียงของเซี่ยฉีโหรว
เริ่มอ่อนแรงลง
นี่ถือเป็นการสนทนาครั้งยาวนานที่สุดระหว่างฉินหยุนและเซี่ยฉี
โหรวในรอบหลายปี
“พี่สาวเหนื่อยแล้วหรือ? เช่นนั้นท่านไปพัก ครั้งหน้าพวกเราค่อย
พูดคุยกันใหม่!” ฉินหยุนกล่าว
“อืม ข้าต้องไปสะกดจิตวิญญาณต่อแล้ว ไม่อย่างนั้นร่างกายข้าได้ฉีก
กระชากออกแน่!” เซี่ยฉีโหรวยิ้มตอบกลับมา “อยู่กับปิงชิงให้ดี นาง
สามารถฝึกฝนพระสูตรหัวใจตะวันจันทรากับเจ้า นี่แสดงให้เห็นว่า
นางเชื่อใจเจ้าอีกครั้งหนึ่งแล้ว ถือเป็นโอกาสอันยากได้รับ!”
หลังตัดการสื่อสาร ออร่าโลหิตที่ลอยออกจากแผนที่หลุมฝังเซียนจึง
ค่อยเลือนหายไป
ฉินหยุนเก็บแผนที่หลุมฝังเซียนและหลับตาลง เขาคิดทำความเข้าใจ
ต่อวิชาร่างศักด์ิสิทธ์ิเซียนอสูรที่เพิ่งได้รับมา
“พี่สาวของเจ้าถึงกับทรงพลังกว่าที่คาดคิดไว้มากนัก นึกว่าเรื่องราว
ที่ผ่านมาจะเกี่ยวข้องแต่แดนเซียนอ้างว้าง แต่ตอนนี้ คล้ายว่ามันจะ
เกี่ยวโยงไปถึงแดนศักด์ิสิทธ์ิอ้างว้างเสียด้วย!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
“แดนศักด์ิสิทธ์ิอ้างว้างห่างไกลเกินไป! แม้เป็นแดนเซียนอ้างว้าง ข้า
ก็ยังไม่ทราบเลยว่าเมื่อใดจะสามารถไปยังที่แห่งนั้น!” ฉินหยุนถอน
หายใจ
“มันอาจเร็วกว่าที่คาดคิดไว้ก็ได้! หากเจ้าฝึกฝนร่างเซียนอสูร และมี
โลหิตเซียนอสูรภายในกาย เมื่อนั้นเจ้าจะคืบหน้าอย่างก้าวทะยาน!”
หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะกล่าว “วางใจเถอะ อย่างไรเจ้าก็ต้องทำสำเร็จ!
เจ้าได้ผสานรวมเข้ากับวิญญาณยุทธ์แห่งความเที่ยงธรรม มันจะเป็น
ตัวช่วยเหลือเจ้าสะกดผลด้านลบของโลหิตอสูรเอง!”
“ไม่เช่นนั้น หากโลหิตอสูรคงอยู่ในกายเจ้า มันจะพร้อมแปรเปลี่ยน
เจ้าเป็นอสูรได้ทุกเมื่อ มันพร้อมที่จะทำให้เจ้าสูญเสียจิตใจ! และใน
เมื่อเจ้าครอบครองพลังเที่ยงธรรม อย่างนั้นก็ไม่มีอันใดให้ต้องหวาด
เกรงพวกมันไป!”
ฉินหยุนเองก็ค่อนข้างตื่นเต้นยินดี หลังสงบใจลงได้ เขาค่อยนอนหลับ
บนเตียงไปวูบหนึ่ง จากนั้นค่อยเดินทางไปยังตำหนักพระราชวัง
เซียนยุทธภัณฑ์
ปิงชิงรอคอยฉินหยุนอยู่ที่สระเซียน นางกำลังตระเตรียมการฝึกฝน
ร่วมกันอยู่
“ฉินหยุน ต้นกำเนิดเซียนอีกสองได้ทำการติดตั้งเรียบร้อยแล้ว ในไม่
ช้า พวกมันทั้งสามจะทำให้พลังงานเซียนภายในนครเซียนยุทธภัณฑ์
หนาแน่นยิ่งขึ้น!” ปิงชิงกล่าว “ความเร็วการฝึกฝนร่างเซียนของเจ้า
ย่อมต้องก้าวหน้ารวดเร็วแน่!”
“พี่สาวปิงชิง ข้าคิดอยากฝึกฝนร่างเซียนอสูร!” ฉินหยุนยิ้มตื่นเต้น
กล่าวคำ
“เจ้าจะฝึกมันได้อย่างไร?” ปิงชิงคิ้วขมวดกล่าวถาม “เรื่องนี้ยากเกิน
ไป! นอกจากนี้แล้ว นี่ยังถือเป็นเรื่องต้องห้ามในแดนเซียนอ้างว้าง
เมื่อใดผู้อื่นพบว่าเจ้ามีร่างเซียนอสูร เมื่อนั้นทุกผู้คนจะต้องการสังหาร
เจ้า!”
ฉินหยุนพลันถามออกด้วยความสงสัย “พี่สาวปิงชิง ท่านเคยได้ยิน
วิชาร่างศักด์ิสิทธ์ิเซียนอสูรบ้างหรือไม่?”
ปิงชิงพอได้ฟังคำกล่าวฉินหยุน ร่างนางถึงกับสั่นเทิ้ม ใบหน้าเย็นเยือก
ของนางเผยออกซึ่งความตื่นตะลึง “นี่เจ้าไปได้ยินถึงเคล็ดวิชาฝึกฝน
นั่นมาจากที่ใด? อย่าได้บอกว่าเจ้าฟื้นคืนความทรงจำกลับมาแล้ว?”
“พี่สาวปิงชิง เหตุใดท่านจึงกังวลว่าข้าจะได้ความทรงจำกลับคืนถึง
เพียงนั้น?” ฉินหยุนบุ้ยปากกล่าวถาม
“เพราะ… เพราะข้ายอมรับตัวเจ้าในชาติภพก่อนไม่ได้! ตัวเจ้าตอนนี้
ในใจข้าถือเป็นคนดีอย่างแท้จริง แต่หากเจ้าฟื้นคืนความทรงจำกลับมา
เช่นนั้นความเชื่อใจระหว่างพวกเราจะพังทลาย!”
ทุกครั้งที่ปิงชิงคิดถึงเรื่องนี้ อารมณ์ของนางจะเกิดความซับซ้อน เพราะ
นางมีความรู้สึกอันซับซ้อนต่อฉินหยุนในตอนนี้และชาติภพก่อน
“พี่สาวราชครูของข้าได้บอกต่อมา ถึงวิชาร่างศักด์ิสิทธ์ิเซียนอสูร และ
ยังส่งต่อมันมาให้แก่ข้า!” ฉินหยุนกล่าว
“ผู้ใดคือพี่สาวราชครูของเจ้า?” ปิงชิงเอ่ยถามอย่างตื่นตะลึง
“นามของนางคือเซี่ยฉีโหรว…” ก่อนฉินหยุนจะทันกล่าวคำต่อ ปิง
ชิงพลันเอ่ยคำขัดขึ้น
“ธิดาแห่งโม๋จี เซียนฉีโหรว!” ปิงชิงเผยดวงตางดงามเบิกออกกว้าง
พร้อมเร่งร้อนเอ่ยถาม “นางอยู่ที่ใด? ในพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์
แห่งนี้หรือ?”
“นาง… นางอยู่ในความฝันของข้า บางครั้งนางจะปรากฏตัวและ
ชี้แนะการฝึกฝนให้แก่ข้า!” ฉินหยุนมีแต่ต้องเผยคำโป้ปดออกไป
ต่อปิงชิง
ปิงชิงเหม่อมองฉินหยุน นางไม่ทราบว่าคิดพูดอันใด เพราะนางมัก
คิดว่าเซี่ยฉีโหรวสิ้นชีพไปแล้ว มีแต่ร่างเซียนอสูรอันทรงอำนาจของ
นางที่ยังไม่ตายจาก
ฉินหยุนทราบ ว่าเขาได้ลวงหลอกต่อปิงชิงในชาติภพก่อน ดังนั้นเขา
จึงไม่คิดอยากโกหกต่อนางอีกในชีวิตนี้
กระนั้นที่เขาโกหกออกไปก็เพราะมีเจตนาดี เขาเข้าใจถึงความกังวล
ของเซี่ยฉีโหรว เพราะปิงชิงคล้ายห่วงหาต่อเซี่ยฉีโหรวอย่างแท้จริง
ฉินหยุนไม่คาดคิด ว่าชาติภพก่อนของเซี่ยฉีโหรวจะมีนามว่าเซียนฉี
โหรว!
“หลังจากพี่หยางตื่นรู้ความทรงจำ พี่หยางต้องทราบแน่ว่าเซี่ยฉีโหรว
คือเซียนฉีโหรว ทั้งยังทราบว่าพี่สาวราชครูของเจ้าผู้นั้น ได้เก็บซ่อน
ความลับเอาไว้ ทว่านางไม่กล่าวออกมาให้เจ้าได้ทราบ เป็นนางกลัว
ว่าจะไปกระตุ้นความทรงจำของเจ้าขึ้นมา!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
“พี่สาวปิงชิง พี่สาวราชครูได้บอกต่อข้าถึงวิธีการฝึกฝนร่างเซียนอสูร
แต่ข้าจำเป็นต้องให้ท่านช่วย ท่านยินดีช่วยข้าหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ย
ถามเสียงเบา
“บอกต่อข้ามา ตราบเท่าที่ทำได้ ข้าย่อมช่วย!”
ปิงชิงสูดลมหายใจเข้าลึก นางไม่คาดคิด ว่าธิดาแห่งหมัวจีจะถึงขั้นมี
สัมพันธ์อันดีกับฉินหยุนด้วย
เป็นอีกครั้งที่นางคล้ายไม่เข้าใจต่อฉินหยุน นางรู้สึกว่าตัวตนในชาติ
ภพก่อนฉินหยุนจะต้องมีปัญหาที่ไม่อาจบอกกล่าว เพราะเหตุนั้นเขา
จึงโกหกต่อตัวนาง
“เจ้ารู้จักพี่ฉีโหรวมานานเพียงใดแล้ว? เหตุใดนางจึงเข้าถึงความฝัน
ของเจ้าได้?” ปิงชิงเอ่ยถาม
“ข้ารู้จักนางตั้งแต่ยังเยาว์นัก ข้าบอกต่อท่านก่อนหน้านี้ถึงเรื่องราวที่
เกิดขึ้นในพระราชวังหลวง หลังพี่สาวหายตัวไป ข้าก็ไม่เคยได้พบ
นางอีก ภายหลัง เป็นนางปรากฏขึ้นเพื่อสื่อสารกับข้าในความฝัน!”
ฉินหยุนเริ่มตระหนักได้ ว่าสัมพันธ์ระหว่างปิงชิงและเซี่ยฉีโหรว
ค่อนข้างดี เพราะยามปิงชิงเอ่ยถึงเซี่ยฉีโหรว นางเรียกหาเป็นพี่ฉีโหรว
“หากนางคือผู้ชี้นำให้เจ้าฝึกฝนร่างเซียนอสูร เช่นนั้นข้าก็เชื่อว่าเจ้า
สามารถฝึกฝนมันได้!” ปิงชิงกล่าว
ถัดจากนั้น ฉินหยุนจึงเริ่มบอกเล่าถึงเรื่องราวและส่งต่อวิชาร่าง
ศักด์ิสิทธ์ิเซียนอสูรต่อไปยังปิงชิง
ปิงชิงครอบครองพลังจิตและจิตวิญญาณแก่กล้า เพียงได้รับฟังครั้ง
หนึ่งนางย่อมจดจำได้ครบถ้วน กระนั้น ฉินหยุนก็ยังให้เวลานางได้
ทบทวน
“พี่สาวปิงชิง ในอดีต พี่ฉีโหรวได้ฝึกฝนวิชาร่างศักด์ิสิทธ์ิเซียนอสูร
อย่างนั้นหรือ?” ฉินหยุนถามออกด้วยความสงสัย
“ไม่ใช่ เป็นนางได้รับมาภายหลัง และถูกผนึกเอาไว้ก็เพราะเรื่องนี้
เดิมข้าคิดว่าจิตวิญญาณของนางสลายไปแล้ว ไม่นึกว่านางจะมาเกิด
ใหม่เช่นนี้!” ดวงตาของปิงชิงเผยประกาย นางคิดอยากทราบว่าเซี่ยฉี
โหรวผ่านหนทางดังกล่าวมาได้อย่างไร
“พี่ฉีโหรวและข้าต่างถูกผนึกเอาไว้แทบพร้อมกัน แต่แล้วนางทราบ
อดีตของเจ้าได้อย่างไร? ระหว่างที่นางถูกผนึกเอาไว้ ตัวเจ้าในชาติ
ภพก่อนไปทำอะไรไว้? นี่ต้องเป็นเหตุผลที่เย่ว์จีและเด็กสาวทั้งหลาย
เหล่านั้นสนิทชิดเชื้อต่อเจ้า!”
ปิงชิงพลันคิดอยากทราบเรื่องราวในชาติภพก่อนของฉินหยุนขึ้นมา
และนั่นก็มีความเป็นไปได้หนึ่งเดียวคือฉินหยุนต้องตื่นรู้ความทรง
จำ กระนั้น นางไม่ปรารถนาให้ฉินหยุนได้ตื่นรู้มันขึ้นมา นางกังวล
ว่าฉินหยุนจะกลับกลายเป็นคนผู้นั้นอีก
“ข้าขอตัวไปใช้บรรทมเซียนตะวันจันทราเพื่อทำความเข้าใจต่อวิชา
ร่างศักด์ิสิทธ์ิเซียนอสูรเสียก่อน เจ้าจงรอข้า!” กล่าวคำจบ นางจึงเร่ง
รีบกระโดดลงสู่สระเซียน
ฉินหยุนเคยใช้มาก่อนหน้า และเวลาที่ผ่านไปยังไม่ครบหนึ่งเดือน
ดังนั้น ครั้งนี้เขาจึงไม่อาจร่วมใช้งานด้วยได้ ภายในย่อมเกิดความนึก
เสียดาย