ราชันเทพเก้าสุริยัน Nine Sun God King - ตอนที่ 715
ตอนที่ 715 อสูรร้ายจากก้นบึ้งความมืด
ความเจ็บปวดในร่างของฉินหยุนบรรเทาลง บางทีอาจเป็นเพราะ
ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับปิงชิง อย่างไรแล้วมันก็ช่วยให้เขาสงบ
ใจลงและรู้สึกสบายขึ้นได้
เขารับรู้ถึงร่างกายอบอุ่นของปิงชิง มันให้ความรู้สึกอ่อนนุ่มราวปุย
เมฆ
เขายากที่จะเชื่อได้ลง ว่าสตรีเย็นเยือกจะถึงขั้นอ่อนโยนต่อเขาได้
เช่นนี้ นอกจากนี้แล้ว ทั้งร่างกายของเขายังรู้เพียงแต่ความอบอุ่น
ปิงชิงกอดฉินหยุนจากทางด้านหลังเอาไว้แน่น ร่างกายทั้งสองต่าง
แนบชิดติดกัน เมื่อนางใช้พระสูตรหัวใจตะวันจันทรา นางจะสามารถ
ชี้นำให้ร่างกายฉินหยุนดูดกลืนโลหิตเซียนอสูรได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ปิงชิงยังมีความเข้าใจอย่างสูงล้ำ นางโคจรพลังของกาย
นาง ให้เข้าสู่กายของฉินหยุนเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด
กระนั้นแม้เป็นเช่นนี้ ฉินหยุนก็ยังรับรู้ถึงความเจ็บปวดมากล้น แต่
ทุกครั้งที่เขาดิ้นรนเพราะความเจ็บปวดที่รับรู้ได้ว่ายากทานทน เขา
จะรับรู้ถึงพลังอันอบอุ่น อ่อนโยน และโอบอ้อมเปรียบดังสายน้ำ
จากทางด้านหลัง พวกมันไหลเข้าสู่ทั้งกายของเขา ช่วยให้เขาคลาย
ความเจ็บปวดได้ชั่วครู่
ฉินหยุนเกิดซาบซึ้งต่อปิงชิงเป็นล้นพ้น หาได้มีจิตใจคิดอกุศลไม่
“ฉินหยุน ในเมื่อพี่ฉีโหรวเลือกเจ้า นางย่อมต้องผ่านการตัดสินใจ
ครั้งใหญ่มาแล้ว!” น้ำเสียงของปิงชิงดังขึ้นภายในจิตใจของฉินหยุน
“ใช่ ข้าจะทำให้นางผิดหวังไม่ได้!” ฉินหยุนคิดอยากช่วยเซี่ยฉีโหรว
ไม่แพ้ผู้ใด เขาต้องการให้นางเป็นอิสระจากหลุมฝังเซียน
ปิงชิงทราบเช่นกัน ว่าฉินหยุนพยายามหนักหนาเพียงใด อย่างเมื่อครู่
ที่จิตใจของเขาแทบแหลกสลายและดิ้นรน แต่เมื่อตั้งจิตได้อีกครั้ง
เขาก็ไม่ร้องตะโกนคิดอยากยอมแพ้อีก
กระบวนการนี้ยากลำบากจนถึงขนาดทำปิงชิงหวาดกลัวขึ้นมา
นางย่อมได้เห็นถึงสีหน้ารวดร้าวของฉินหยุน และนางยังทราบ ว่า
ไม่ว่าเป็นผู้ใด ความเจ็บปวดระดับนี้ก็ยากทานทนได้
กระทั่งเป็นนางก็อาจไม่สำเร็จด้วยซ้ำ!
อีกหลายวันได้ผ่านพ้นราวพลิกหน้ากระดาษ
โลหิตเซียนอสูรภายในไหเริ่มลดทอนลง ตอนนี้ฉินหยุนเริ่มมีสภาพ
แช่กายคล้ายคนไม่ได้สติไปครึ่งหนึ่งแล้ว
โดยเฉพาะช่วงหลายวันที่ผ่านมา เขาอดทนต่อความเจ็บปวดกว่าสิบ
ชั่วยาม ก่อนที่ร่างกายจะเริ่มกระบวนการสร้างขึ้นใหม่ และเข้าสู่
กระบวนการทำลายอีกครั้งหนึ่ง
โลหิตเซียนอสูรครานี้จำเป็นต้องใช้เวลากว่าสิบชั่วยามเพื่อเข้าสู่
ร่างกาย ทำลายกล้ามเนื้อ กระดูก เลือด และอวัยวะภายใน
ความเจ็บปวดเหล่านี้ชวนสะพรึงเกินบรรยาย กระนั้นก็โชคดีที่เขา
อดทนมันมาได้
ตอนนี้ จิตใจของฉินหยุนเริ่มถูกทำลาย หลังได้ผ่อนคลาย เขาจะเข้า
สู่สภาวะฟื้นฟูตัวตน
ปิงชิงพาร่างฉินหยุนออกจากในไห จากนั้นจึงทะยานลงสู่สระเซียน
จมดิ่งเข้าสู่เบื้องลึกพร้อมนำฉินหยุนลงสู่ด้านล่าง ที่ซึ่งมีต้นกำเนิด
เซียนตั้งอยู่
นางนำฉินหยุนไป วางร่างนั้นไว้ที่บรรทมเซียนตะวันจันทรา พร้อม
เริ่มทำการฝึกฝนต่อ นางปลดปล่อยคลื่นพลังงานเซียนเพื่อบำรุงเลี้ยง
กายฉินหยุน
ตอนนี้ ร่างกายของฉินหยุนอยู่ในระหว่างการแปรสภาพ กระบวนการ
นี้ราวกับปาฏิหาริย์
ปิงชิงยังคงโอบอุ้มฉินหยุนเอาไว้ นางรับรู้ได้ถึงความรู้สึกประหลาด
กระนั้นพลังอันเกินใดเทียบกลับทะลักจากในกายฉินหยุน
ไม่ช้า นางค่อยนำจิตสำนึกของฉินหยุนเข้าสู่ห้วงมิติกาลอวกาศตะวัน
จันทรา
จิตสำนึกของฉินหยุนที่เข้ามา เขากลับกลายเป็นตกสู่ห้วงการหลับใหล
ปิงชิงถอนหายใจเบา “การทดสอบด่านสุดท้าย หวังว่าจะผ่านไปได้!”
การทดสอบสุดท้าย คือสถานที่ซึ่งเป็นห้วงลึกแห่งความเจ็บปวดใน
กายของฉินหยุน
หลังทรมานอยู่ทั้งเดือน จิตใจของฉินหยุนเรียกได้ว่าถูกทำลายไป
หลายครั้งครา
ความเจ็บปวดที่เขาได้รับ มันได้ทำลายความทรงจำอันดีงามในใจเขา
หมดสิ้น มันฉีกกระชากความทรงจำอันดีงามเหล่านั้นออก
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ฝึกตนอสูรจึงโหดเหี้ยม พวกเขาใช้วิธีการ
ฝึกฝนร่างกายเช่นนี้เพื่อได้รับพลัง เป็นผลให้ตัวตนด้านความดีงาม
และชอบธรรมต้องเลือนหาย
และยังคงมีแนวคิดอันบิดเบี้ยวของความดีงาม เพราะผู้ฝึกตนอสูร
คือผู้ที่พร้อมสังหารและกัดกินมนุษย์ รวมถึงสรรพชีวิตอื่น นี่คือ
หนทางที่จะทำให้จิตวิญญาณพวกเขาเกิดความพึงใจได้
หากฉินหยุนไม่อาจสร้างสภาวะทางจิตใจขึ้นมาได้ใหม่ เขาจะถูก
ความชั่วร้ายเข้าครอบงำ เมื่อนั้น มันคือจุดเริ่มต้นของการร่วงหล่นสู่
เต๋าอสูร!
ความเจ็บปวดที่ทำฉินหยุนเกิดสิ้นหวัง มันคือการพรากเอาทุกสิ่งอย่าง
ที่ดีงามจากโลกนี้ของเขาไปหมดสิ้น!
กระทั่งความคิดที่ต้องการช่วยเซี่ยฉีโหรว ยังต้องถูกกระชากจากจิตใจ
แม้แต่เชี่ยวเย่ว์หลานและชี่เม่ยเหลียนที่ฝังแน่นในความทรงจำ ก็ยัง
ต้องเลือนหาย
เพราะสภาพจิตใจอันบิดเบี้ยว หลายผู้คนจึงก่อให้เกิดตัวตนอันชั่วร้าย
ขึ้นมา ทำให้พวกเขามีเพียงแต่ความคิดอยากทำลาย
มันยังส่งผล ถึงตัวตนเช่นชี่เม่ยเหลียนและเหลียวจิงเหมิงที่ปรากฏใน
ความทรงจำของเขา ทั้งสองได้กลับกลายเป็นผู้ชั่วร้ายในความคิด
ของเขา
ความทรงจำนึกย้อนถึงช่วงครั้งยังเยาว์ ที่ชีพจรวิญญาณถูกพราก
นำเอาไป สีหน้าของผู้คนโฉดชั่วเหล่านั้นที่มองเขาอย่างโอบอ้อม
โดยเฉพาะจักรพรรดินีผู้นั้น มันกลับกลายเป็นเขามองว่านางงดงาม
ขึ้นมาเสียแทน!
นี่หมายความถึง มุมมองต่อโลกทั้งใบของเขาได้บิดเบี้ยวแล้ว!
“เสี่ยวหยุน เร่งรีบดึงสติตนเอง!” หลิงหยุนเอ๋อตะโกน
“หุบปาก เจ้ามันหนอนโสโครกที่ช่วงชิงจิตวิญญาณข้า ขโมยความ
ทรงจำของข้าทุกวี่วัน ทำเอาข้ารำคาญจนแทบตาย ข้าคิดอยากสังหาร
เจ้ายิ่งกว่าผู้ใด!”
ก่อนหน้า ฉินหยุนเคยมีความรู้สึกนึกรังเกียจต่อหลิงหยุนเอ๋อที่
ปรากฏตัวขึ้น
กระนั้น ภายหลังเขาได้ทราบ ว่าหลิงหยุนเอ๋อทั้งน่าสนใจ และเป็น
มิตรสหายที่แน่นแฟ้นต่อตัวเขา
กระนั้นเวลานี้ ความรู้สึกอันดิ่งลึกที่มีให้แก่หลิงหยุนเอ๋อ มันถูกฉีก
กระชากออก กลับกลายเป็นความชั่วร้ายนับไม่สิ้น
เพราะครั้งที่เขาอดทนต่อความทรมาน เขาคิดว่านี่เป็นโชคชะตาที่ตน
ไม่อาจหลีกเลี่ยง ทำให้เขาเริ่มเกลียดชังมิตรสหายทั้งหมดที่มี กลับ
กลายเป็นเขาเกลียดชังทุกผู้คน!
“หากข้าตาย แก่นเต๋าของเจ้าก็จบสิ้น! หน้าโง่ เจ้าถึงขั้นปล่อยให้
ความคิดชั่วร้ายเข้าแทรกแซงจิตวิญญาณได้!” หลิงหยุนเอ๋อเผยเสียง
โกรธเคือง
แน่นอน ว่านางทราบดีถึงโลหิตอสูรที่เดิมอัดแน่นไว้ด้วยพลังวิญญาณ
อันชั่วร้าย
กระทั่งว่าฉินหยุนมีวิญญาณยุทธ์แห่งความเที่ยงธรรม เขาก็ยังไม่อาจ
กวาดล้างจิตสำนึกชั่วร้ายเหล่านั้นอย่างหมดสิ้น
ขั้นตอนนี้ เขามีแต่ต้องพึ่งพาตนเอง!
“อย่างนั้นก็เร่งรีบไปตายได้แล้ว ข้าจะได้เห็นด้วยว่าตนเองตายอย่างไร
ฮ่าฮ่าฮ่า!” ฉินหยุนเริ่มหัวเราะออกอย่างคลุ้มคลั่ง
ปิงชิงได้ยินสิ่งที่เขากล่าว
ฉินหยุน ผู้ซึ่งหลับใหล ใบหน้าหล่อเหลากลับกลายเป็นอัดแน่นด้วย
ความชั่วร้าย ภายในของนางต้องหนักอึ้งยามได้เห็น
ปิงชิงไม่เคยรับมือกับเรื่องราวเช่นนี้มาก่อน เพียงคิดว่าหากเป็นนาง
ที่ต้องสูญเสียจิตใจไปก็หวาดกลัวแทบแย่แล้ว เพราะการตอบสนอง
ของฉินหยุนเวลานี้ มันคล้ายกับผู้ที่ร่วงหล่นสู่เต๋าอสูร!
เมื่อร่วงหล่นสู่เต๋าอสูร คิดปีนป่ ายขึ้นจากก้นบึ้งแห่งนั้นเป็นเรื่อง
ยากเย็น!
แม้หลิงหยุนเอ๋อมีทั้งประสบการณ์และความรอบรู้ นางก็ไม่อาจทำ
อะไรได้ ที่สามารถ คือควบคุมความทรงจำของฉินหยุน ปล่อยความ
ทรงจำอันงดงามออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า
“บ้าจริง เหตุใดเจ้านี่มีความทรงจำของมารดาน้อยนัก?”
หลิงหยุนเอ๋ออดไม่อยู่จนสบถออกมา เพราะนางเพิ่งตระหนักได้ ว่า
ฉินหยุนมีความทรงจำของมารดาน้อยนิด มีแต่ช่วงเวลาอันงดงาม
เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ต้องเกิดอะไรขึ้นกับมารดาของเสี่ยวหยุนเป็นแน่ เซี่ยฉีโหรวจึงไม่
อยากให้เสี่ยวหยุนได้ทราบ นางจึงพรากความทรงจำส่วนนั้นไป!”
หลิงหยุนเอ๋อยิ่งมั่นใจ!
หลิงหยุนเอ๋อที่ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ นางพลันพบความทรงจำมวลมหึมา
ที่ทะลักขึ้นจากจิตใจของฉินหยุน พวกมันคือความทรงจำที่เขาสูญ
ไปครั้งยังเด็ก
หลิงหยุนเอ๋อค่อยได้เห็นตอนนี้ ว่าฉินหยุนช่วยเชี่ยวเย่ว์หลานไว้
อย่างไร!
มันถึงขั้นทำนางตื่นตะลึง!
ที่พระราชวังหลวงจักรวรรดิเทียนเชี่ยว เชี่ยวเย่ว์หลานถูกรังแกโดย
กลุ่มองค์ชายน้อยอหังการ การรังแกนี้ไม่สมควรเรียกกล่าวเป็นการ
รังแก แต่เป็นการทำร้ายอย่างโหดเหี้ยม!
ครั้งนั้นที่ได้เห็นเชี่ยวเย่ว์หลานบาดเจ็บ ฉินหยุนได้เข้าไปช่วยเหลือ
นาง ให้นางได้หลบหนีออกมา
จากนั้น ฉินหยุนจึงโดนกลุ่มองค์ชายอายุกว่าสิบปีของจักรวรรดิ
เทียนเชี่ยวร่วมกันทำร้าย เป็นผลให้เขาโดนทรมานอย่างโหดเหี้ยม
สารพัดชนิดกว่าชั่วยาม!
ฉินหยุนที่ยังเด็กหาได้หมดสติไม่ เขาอดทนต่อความเจ็บปวดกว่าชั่ว
ยามนั้นเอาไว้ จนกระทั่งเกือบร่วงหล่นสู่เต๋าอสูร!
ภายหลัง เซี่ยฉีโหรวได้เข้ามาช่วยเหลือเขาเอาไว้ และนำกลับไปทำ
การรักษา
สิ่งที่ทำหลิงหยุนเอ๋อตื่นตะลึงยิ่งกว่า มันเป็นเพราะสถานการณ์ที่ฉิน
หยุนสร้างพลังมารขึ้นมาอย่างลึกลับ กระทั่งว่าปกคลุมทั้งร่าง
ทางด้านมารดาของฉินหยุน เพื่อปกป้องไม่ให้บุตรชายร่วงหล่นสู่เต๋า
อสูร นางได้นำเอาความชั่วร้ายและพลังมารเหล่านั้นสู่กายของนาง
แทน จนกระทั่งเป็นผลให้นางต้องสิ้นชีวิต!
ก่อนหน้านี้ทั้งสองเพียงคาดเดา ว่าเซี่ยฉีโหรวขอให้ชี่เม่ยเหลียนนำ
ความทรงจำส่วนนั้นของฉินหยุนออกไป!
ด้วยเหตุนี้ ฉินหยุนวัยเด็กจึงลืมเลือนเรื่องที่ช่วยเหลือเชี่ยวเย่ว์หลาน
เอาไว้!
หลิงหยุนเอ๋อในที่สุดค่อยได้ทราบ ว่าเหตุใดเชี่ยวเย่ว์หลานจึงภักดี
ต่อฉินหยุนเพียงนี้ เพราะหากฉินหยุนไม่ช่วยเหลือนางไว้ ครั้งนั้น
เชี่ยวเย่ว์หลานคงถูกทรมานจนถึงแก่ความตาย
ในตอนนั้น เชี่ยวเย่ว์หลานยังได้เห็นฉินหยุนที่ถูกทรมานแทนตน
ด้วยซ้ำ
“น่ากลัวนัก ความทรงจำส่วนนี้จะยิ่งทำให้เสี่ยวหยุนร่วงหล่นสู่เต๋า
อสูร!”
หลิงหยุนเอ๋อยิ่งร้อนรน ย้อนกลับไปตอนนั้น เซี่ยฉีโหรวไม่ต้องการ
ให้ฉินหยุนได้เห็นแม้ร่างเงาของความทรงจำ จึงได้ทำการผนึกพวก
มันเอาไว้
กระนั้นเวลานี้ ฉินหยุนกลับขุดคุ้ยพวกมันขึ้นมา
และก็เป็นดังที่คิด หลังจากความทรงจำถูกขุดขึ้น เขายิ่งคลุ้มคลั่ง เขา
ร้องตะโกนด้วยเสียงอันดัง “ข้าจะสังหารพวกเจ้าให้หมด… ตายให้
หมด!”
น้ำเสียงนี้ ทั้งดุดันและหยาบกร้านประหนึ่งสัตว์ร้าย
ปิงชิงที่ได้เห็นเช่นนี้ นางจึงดึงจิตสำนึกของฉินหยุนออกจากห้วงมิติ
กาลอวกาศตะวันจันทรา
นางได้เห็น ว่าร่างของฉินหยุนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีดำ ทั้งยังเริ่มมี
เกล็ดสีดำขึ้นปกคลุมทีละน้อย
“เกล็ดอสูร?”
ปิงชิงยิ่งหวาดกลัว นางใช้ทุกวิธีซึ่งนึกออก กระนั้นพวกมันกลับไม่
อาจสะกดพลังมารร้ายที่ขยายตัวในร่างของฉินหยุนเอาไว้ได้
ปิงชิงแตกตื่นถึงขั้นทำอะไรไม่ถูก แต่แล้วขณะนี้เอง เสียงงดงาม
และอ่อนหวานได้ดังในจิตใจของนาง
“พี่สาวปิงชิง อย่าได้แตกตื่นไป หากท่านทำตามที่ข้ากล่าว ย่อมช่วย
เหลือเสี่ยวหยุนให้พ้นจากวิกฤตนี้ไปได้!” เสียงของหลิงหยุนเอ๋อดัง
ขึ้น
“เจ้า… นี่เจ้าเป็นใคร?” ปิงชิงมองทางฉินหยุนพร้อมถามขึ้นด้วย
อาการตื่นตะลึง
“ข้าคือวิญญาณเต๋าของเสี่ยวหยุน หากท่านต้องการช่วยเหลือเสี่ยว
หยุน เช่นนั้นทำตามที่ข้ากล่าว!” หลิงหยุนเอ๋อเร่งร้อนเอ่ยคำ “หาก
เป็นแบบนี้ต่อไป เขาได้จบสิ้นแน่!”
“บอกมา ว่าข้าควรทำอย่างไร?” ปิงชิงเอ่ยถาม ภายในใจของนางตื่น
ตะลึงเป็นอย่างยิ่ง นางไม่นึกว่าฉินหยุนจะฝึกฝนจนถึงขั้นมีวิญญาณ
เต๋าเช่นนี้
“เร่งรีบจูบเขา!” หลิงหยุนเอ๋อกระแอมไอเสียงแห้งสองครั้ง “พี่สาว
ปิงชิง ข้าคือวิญญาณเต๋าของเขา ความทรงจำล้วนแบ่งปันร่วมกัน!
เวลานี้ ความทรงจำอันดีงามภายในเขาทั้งหมดบิดเบี้ยวจนสิ้นแล้ว!”
“ทว่าก็ยังมีสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือความรู้สึกผิดของเขาที่มีต่อท่าน กระทั่ง
ถึงตอนนี้ เขาก็ยังรู้สึกผิดต่อท่านมาโดยตลอด!”
“เพราะเขามักจะคิด ว่าชาติภพก่อนได้ทำร้ายท่าน และตัวเขาตอนนี้ก็
ไม่อาจชดใช้อะไรให้แก่ท่านได้” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
ปิงชิงกลายเป็นเงียบลง นางเข้าไปกอดร่างฉินหยุนเอาไว้แน่นพร้อม
กล่าวเสียงเบา “อย่างนั้นแล้วจูบเขาจะได้ผลหรือ?”
“หากท่านจูบเขา หมายความถึงท่านยอมรับเขา! นี่จะเป็นการขับไล่
ความรู้สึกผิดในใจของเขาออกไป ทำให้เขาได้มีเศษเสี้ยวความทรง
จำอันดีงามขึ้นมา ตราบเท่าที่ชักนำแสงสว่างแม้เล็กน้อยสู่ความทรง
จำอันมืดมิด มันจะกลายเป็นโชติช่วงในโลกความทรงจำอันมืดมิด
ของเขา!”
หลิงหยุนเอ๋อพบเห็นปิงชิงลังเล นางครวญครางเบา “พี่สาวปิงชิง ข้า
ย่อมได้เห็นถึงความรู้สึกท่านที่มีต่อเสี่ยวหยุน มันยิ่งผ่านไปยิ่งลึกล้ำ
จูบเขาสักครั้งก็ไม่น่ามีปัญหาใช่หรือไม่?”
หลิงหยุนเอ๋อกล่าวต่อ “พี่สาวปิงชิง ความทรงจำชาติภพก่อนของ
เสี่ยวหยุนถูกผนึกเอาไว้ในจิตวิญญาณ! ข้าคาดเดา ว่าในชาติภพก่อน
ท่านมีอิทธิพลทางใจต่อเขาลึกล้ำนัก เพราะเหตุนั้นเขาจึงรู้สึกผิดต่อ
ท่านมาโดยตลอด!”