ราชันเทพเก้าสุริยัน Nine Sun God King - ตอนที่ 722
ตอนที่ 722 นครจันทราโกลาหล
“ข้าน่าจะทราบแต่แรกแล้วว่าเป็นเจ้า!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
มีแต่เชี่ยวเย่ว์เหม่ยที่กล้าสร้างปัญหาไปทั่วทุกที่เช่นนี้
“พี่ชาย นี่ข้าทำก็เพื่อท่านเลยนะ! นี่ถือเป็นการทดสอบความสามารถ
ของท่าน และคล้ายว่าท่านทำพลาดเสียด้วย! ท่านถูกข้าพบเห็นโดยง่าย
กระทั่งถูกข้าลอบติดตาม ความเร็วของท่านยังด้อยกว่าข้าอีก!” เชี่ยว
เย่ว์เหม่ยแลบลิ้นออกมาพลางหัวเราะ
ฉินหยุนหยิกที่ใบหน้าของนางพลางยิ้มต่อว่า “เย่ว์เหม่ย ไม่ใช่ว่าเจ้า
อาศัยวิญญาณยุทธ์กระจกตามรอยข้าหรือไร? ไม่เช่นนั้น ข้าย่อม
สลัดเจ้าหลุดพ้นไปนานแล้ว!”
วิญญาณยุทธ์กระจกของเชี่ยวเย่ว์เหม่ย มันสามารถใช้รับรู้ถึงวิญญาณ
ยุทธ์ที่เคลื่อนไหวได้ และฉินหยุนครอบครองวิญญาณยุทธ์ถึงสาม
จึงเป็นเรื่องง่ายที่เชี่ยวเย่ว์เหม่ยจะพบเจอเข้า
เช่นกัน กำลังของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยได้เพิ่มขึ้นไม่ใช่น้อย นางสามารถ
สัมผัสถึงวิญญาณยุทธ์อื่นได้จากระยะไกล เพราะเหตุนั้นนางจึง
สามารถไล่ตามฉินหยุนได้ทัน
“พี่ชาย ท่านไม่ใช่ว่าหาตัวข้าเพราะมีเรื่องด่วนหรือ? ทันทีเมื่อได้ข่าว
ข้าจึงเร่งรีบมาที่นี่! นอกจากนี้แล้ว ข้ายังต้องรออยู่ที่หน้าพระราชวัง
เซียนยุทธภัณฑ์นานไม่ใช่น้อย!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว
“รอข้าที่ด้านนอกอย่างนั้นหรือ? เหตุใดจึงไม่เข้ามา?” ฉินหยุนคิ้ว
ขมวดกล่าวคำ “ก่อนหน้าเจ้าให้คำชี้แนะแก่จ้าวสำนักไปคราหนึ่ง
เขาสมควรเชิญตัวเจ้าเข้ามาได้!”
“ข้าไม่คิดอยากให้ผู้อื่นทราบว่ามีสัมพันธ์กับท่าน! ตัวท่านตอนนี้
กล่าวได้ว่ามีแต่อันตรายรายล้อม หากผู้อื่นทราบเข้า พวกมันได้เข้า
มาจับตัวข้าเพื่อใช้ข่มขู่ท่านเป็นแน่!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยทันใดนี้จึงกล่าว
คำเบา “อันที่จริง ข้าเกรงว่าจะต้องพบเจอพี่สาวปิงชิง เพราะ…
เพราะข้ารู้สึกละอายที่ต้องพบเจอนาง!”
ฉินหยุนถอนหายใจเบาพลางลูบศีรษะของนาง เขาเผยยิ้มกล่าวคำ
“เย่ว์เหม่ย ข้าได้พบวิญญาณยุทธ์ความสามารถเทวะใหม่แล้วด้วย!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพอได้ทราบ นางจึงนำกระจกน้อยของตนออกมา ก่อน
จะส่องที่หน้าท้องของฉินหยุน
ฉินหยุนปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ความสามารถเทวะทรมาน รวมถึง
วิญญาณยุทธ์ความสามารถเทวะแม่น้ำ
อย่างรวดเร็ว กระจกน้อยในมือของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยจึงสัมผัสถึงวิญญาณ
ยุทธ์ความสามารถเทวะทั้งสอง นางกระโดดโลดเต้นไปมาเผยความ
ยินดี “พี่ชายช่างยอดเยี่ยมนัก! ท่านถึงขั้นหาวิญญาณยุทธ์
ความสามารถเทวะทรมานมาได้! ข้านึกว่ามีเพียงแต่วิญญาณยุทธ์
ความสามารถเทวะแม่น้ำเสียอีก!”
ฉินหยุนได้เห็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะอย่างชอบใจ จึงหยิกที่ใบหน้า
ของนางไปทีหนึ่ง เขายิ้มกล่าว “เย่ว์เหม่ย เจ้าจำได้หรือไม่ว่าครั้งหนึ่ง
ข้าเคยใช้วิญญาณยุทธ์กระจกสร้างวิญญาณยุทธ์กล้วยไม้แดงขึ้นมา?”
“ข้าย่อมต้องจำได้!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพยักหน้ารับพร้อมถามอย่างนึก
สงสัย “พี่ชาย ท่านคิดอยากหยิบยืมวิญญาณยุทธ์กระจกของข้าเพื่อ
สร้างจารึกวิญญาณงั้นหรือ?”
“ฉลาดนัก!” ฉินหยุนเผยยิ้ม
“ก็ตามนั้น! แต่เรื่องนี้ก็ออกจะยากไปบ้าง เพราะจารึกวิญญาณจำเป็น
ต้องใช้พลังเยอะมาก ดังนั้นแล้วมันหมายความถึงต้องใช้วิญญาณ
ยุทธ์ปริมาณมหาศาล!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยคล้ายทราบเรื่องของวิญญาณ
เหล่านี้เป็นอย่างดี
“อย่าได้กังวลไป ข้าได้รวบรวมวิญญาณยุทธ์ที่ดีเอาไว้จำนวนหนึ่ง
แล้ว!”
ฉินหยุนกล่าวพลางหัวเราะ เขารวบรวมวิญญาณยุทธ์ชั้นยอดมาได้
จากครั้งเหตุการณ์ตำหนักเซียนดาบ พวกมันเหล่านั้นต่างถูกผนึก
เอาไว้ที่ภายในวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ
“พี่ชาย ท่านคิดไปหาพี่หยางใช่หรือไม่? ให้ข้าร่วมทางด้วยแล้ว ข้า
เองก็อยากไป!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยดึงแขนฉินหยุนพลางตะโกน นางกลัว
ว่าฉินหยุนจะไม่พานางร่วมทางไปด้วย
“เจ้ารวดเร็วเพียงนั้น ข้าต่างหากควรลากเจ้าไปด้วย!” ฉินหยุนยิ้ม
กล่าว
“วิเศษนัก สมแล้วที่เป็นพี่ชายแสนดีของข้า!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยยืดเท้า
ก่อนจะเข้าจูบที่แก้มฉินหยุน
ฉินหยุนจูบแก้มของนางตอบกลับพร้อมหยิกที่แก้มอีกฝ่าย เขายิ้ม
พลางต่อว่า “เย่ว์เหม่ย เจ้าปล่อยให้เสี่ยวเม่ยเหลียนเข้าไปในตระกูล
หลง นั่นเป็นเรื่องอันตรายยิ่ง! เสี่ยวเม่ยเหลียนไม่เหมาะกับเรื่องราว
เช่นนี้ ครั้งหน้าอย่าได้สร้างปัญหาเช่นเดิมแก่นางอีก!”
“ข้าทราบแล้ว! ข้ากระทั่งไปยังเกาะจันทราปีศาจโดยเฉพาะเพื่อขอ
อภัยต่อเสี่ยวเม่ยเหลียนแล้ว และนางก็ให้อภัยข้าเรียบร้อย ข้าเป็น
พี่สาวที่ดีของนาง ดังนั้นย่อมไม่คิดอยากให้เกิดเรื่องอันตรายใดแก่
นางอีก!”
“เดิมข้าคิดให้นางอยู่แทนที่ข้าชั่วคราว แต่แล้วข้ากลับเผชิญปัญหา
บางอย่างเข้า ทำให้กว่าจะกลับไปก็สายเกินแก้”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยยามเอ่ยถึงเรื่องนี้ ในดวงตานั้นเผยความสำนึกผิดออกมา
ฉินหยุนลูบใบหน้านางเบามือเป็นการปลอบ “ดี เสี่ยวเม่ยเหลียนไม่
เหมาะที่จะออกไปสู้เช่นนั้น!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะซุกซนกล่าว “ไม่ว่าจะชาติภพก่อนหน้าหรือ
ตอนนี้ เสี่ยวเม่ยเหลียนก็ยังคงเป็นเช่นเดิม ทั้งบริสุทธ์ิและงดงาม
เป็นน้องสาวที่ดีเสมอมา!”
“จริงด้วย เย่ว์เหม่ย ชาติภพก่อนหน้าเจ้าเคยได้ยินผู้ใดนามเหยาเฟิง
หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถามขณะบินขึ้นฟ้า
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยตามอยู่ด้านข้าง นางครุ่นคิดพลางขมวดคิ้ว จากนั้นจึง
ค่อยส่ายศีรษะตอบกลับ “ข้าไม่เคยได้ยินนามนั้น มีอันใดหรือ?”
“ไม่มีใด เป็นเพียงสตรีผู้ซึ่งปรากฏในความฝันข้า! นางต้องคำสาป
กล่าวว่าเป็นเพราะข้า…” ฉินหยุนบอกเล่าเรื่องคำสาปของเหยาเฟิง
ให้แก่เชี่ยวเย่ว์เหม่ยได้รับฟัง
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพอได้ยิน นางเผยอาการตื่นตะลึง “ผู้ที่สามารถต้องคำ
สาปโดยจอมจักรพรรดิอสูรเซียนได้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา! นางจะ
ต้องแข็งแกร่งอย่างยิ่ง กระทั่งว่าตัวท่านในชาติภพก่อนจะมีกำลังอยู่
บ้างในแดนเซียนอ้างว้าง กระนั้นหากเทียบกับจอมจักรพรรดิอสูร
เซียนยังห่างไกลกันมากมายนัก!”
“ข้าไม่คิดว่าท่านจะมีส่วนรับผิดชอบในเรื่องเช่นนั้น บางทีอาจเป็น
เพียงฝันร้าย ท่านอยู่ร่วมกับพี่สาวปิงชิงนานไม่ใช่น้อย และในใจ
ท่านยังรู้สึกผิดต่อนางโดยเสมอมา เพราะเหตุนั้นจึงปรากฏเป็นฝัน
ร้าย ดังนั้นอย่าได้ใส่ใจเกินไปแล้ว!”
กล่าวถึงปิงชิง ฉินหยุนจึงเผยยิ้มอ่อน “กับปิงชิงข้าก็ไปได้ด้วยดี
ตอนนี้ฝึกฝนพระสูตรตะวันจันทราร่วมกับนางได้แล้ว!”
“ว่าอะไร?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยไม่คล้ายเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “พี่ชาย หากที่
ท่านกล่าวเป็นจริง นั่นหมายความถึงนางยังมีใจให้แก่ท่าน!”
ปิงชิงกระทั่งฉวยโอกาสครั้งใหญ่ต่อฉินหยุน ทว่าเรื่องนี้เขาไม่คิด
บอกต่อเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ด้วยเขาเป็นกังวลว่าวันหนึ่งนางจะเผลอพลั้ง
โพล่งกล่าวออกไปทั่ว
“เย่ว์เหม่ย สตรีทุกคนที่ข้ารู้จัก ผู้ใดบ้างมีชาติภพก่อน?” ฉินหยุนเอ่ย
ถาม
“ถ้าจะมี… ก็เป็นท่านป้า!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว
“หา!” ฉินหยุนตื่นตะลึง เขาไม่คิดว่าเชี่ยวเสวียนฉินจะมีชาติภพก่อน
เช่นกัน
“แล้วความสัมพันธ์ระหว่างนางกับข้าเล่า?” ฉินหยุนเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ความสัมพันธ์ค่อนข้างซับซ้อน ท่านเป็นศัตรูของนาง! และนางยัง
ไล่ล่าสังหารท่านไปทั่วทุกแห่งหน! เพราะท่านหลอกเอาอุปกรณ์
เซียนที่ดีเลิศล้ำของนางไป เช่นกัน นางคือภูติสาวงดงามที่มีชื่อเสียง
ในแดนเซียนอ้างว้าง ท่านได้ฉกชิงชุดชั้นในของนางไปประมูลขาย
จนสร้างผลกำไรครั้งใหญ่” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยเสียงหัวเราะซุกซน
กล่าวคำ
ฉินหยุนนึกถึงเรื่องนี้ จึงค่อยได้ทราบ ว่าเหตุใดเชี่ยวเสวียนฉินคิดไล่
ล่าสังหารตัวเขาในชาติภพก่อนถึงเพียงนั้น
“พี่ชาย ชาติภพก่อนของท่านก็ไม่ได้ชั่วร้ายเพียงนั้น เพียงแต่ทำตัวแย่
ไปบ้าง ท่านชอบหยอกเย้าสตรีไปทั่ว และท่านยังลวงหลอกต่อพวก
นาง!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะ “ชาติภพก่อนข้าติดตามท่านอยู่นานไม่ใช่
น้อย ดังนั้น… หึหึหึ!”
ฉินหยุนพบเห็นร่างเงาแห่งอดีตของตนเองผ่านทางเชี่ยวเย่ว์เหม่ย เป็น
ตัวนางเวลานี้ที่หยอกเหย้าผู้อื่นไปทั่วและยังมีเรื่องลวงหลอกฉ้อฉล
“เย่ว์เหม่ย ครั้งที่ให้เสี่ยวเม่ยเหลียนเข้าแทนที่ ตอนนั้นเจ้าไปทำอะไร?”
ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ข้าได้ยินว่ามีอัจฉริยะผู้ครอบครองวิญญาณยุทธ์อวกาศ ดังนั้นข้าจึง
เร่งรีบไป ข้าล่อลวงจนมันไม่อาจเคลื่อนไหวได้ แต่ก็ต้องใช้ความ
พยายามไม่ใช่น้อยกว่ากระจกของข้าจะส่องวิญญาณยุทธ์ของมันได้
จากนั้นข้าจึงค่อยปล้นเอาอุปกรณ์เต๋าของมันมา” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว
“วิญญาณยุทธ์อวกาศ นั่นสมควรเป็นของดีไม่ใช่หรือ?” ฉินหยุนเผย
ดวงตาเป็นประกาย
“ย่อมต้องเป็นของดี! บุคคลผู้ซึ่งครอบครองวิญญาณยุทธ์นี้ ตราบเท่า
ที่ผสานรวมมันเข้ากับค่ายอาคม เมื่อนั้นจะกลายเป็นอาจารย์เคลื่อนย้าย
สามารถเคลื่อนย้ายในพริบตาไปยังที่อันแสนห่างไกลได้!” เชี่ยวเย่ว์
เหม่ยหัวเราะ “ตอนนี้ข้าครอบครองวิญญาณยุทธ์อวกาศ ดังนั้นภาย
หน้าข้าย่อมได้เป็นอาจารย์เคลื่อนย้ายแน่นอนแล้ว!”
“เจ้านี่นะ!” ระหว่างฉินหยุนบินไป เขาที่ได้ฟังก็อดไม่ได้ที่จะหยิก
ใบหน้าของนาง
ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยต่างเดินทางด้วยกัน ดังนั้นระหว่างทางจึง
หาได้มีเรื่องอันใดให้นึกเบื่อ เขายังได้ทราบอีกว่าช่วงหลายปีมานี้
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยไปทำอะไรมาบ้าง
สาเหตุว่าทำไมเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเพ่นพ่านไปทั่วทิศ และลวงหลอกผู้คน
ไปมหาศาล นั่นก็เพราะนางต้องการวิญญาณยุทธ์ที่มากขึ้น และนี่ก็
ถือว่ากลายเป็นงานอดิเรกของนางไปแล้ว
ไม่เพียงแต่วิญญาณยุทธ์ แต่ยังรวมถึงวิญญาณยุทธ์ความสามารถเทวะ
จารึกวิญญาณ และวิญญาณยุทธ์สีแดงแปรสภาพ เป็นนางรวบรวม
พวกมันเอาไว้อย่างหมดสิ้น
“จริงด้วย เย่ว์เหม่ย ข้าครอบครองวิญญาณยุทธ์เที่ยงธรรม ก่อนหน้า
นี้เจ้าไม่คล้ายพบเห็นหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“พี่ชาย นี่ท่านถึงขั้นมีวิญญาณยุทธ์นั่น เหตุใดไม่กล่าวให้เร็วกว่านี้!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหยุดชะงักกลางอากาศ
ฉินหยุนหยุดตาม พร้อมกันนี้จึงยิ้มกล่าว “นึกว่าเจ้าพบเห็นแล้วเสีย
อีก”
“เร่งรีบปล่อยมันออกมา วิญญาณยุทธ์นั่นท่านต้องนำออกมาก่อนข้า
จึงพบเจอได้!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเร่งรีบกล่าวพลางถือกระจกน้อยในมือ
นางเผยอาการตื่นเต้นจนร่างสั่น
ฉินหยุนปล่อยวิญญาณยุทธ์สีขาวออกมา
วิญญาณยุทธ์กระจกของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยแสงสีขาว ถัดจากนั้น นาง
ยื่นมือที่ถือกระจกส่องมันเอาไว้ ก่อนจะเผยยิ้มพึงใจกล่าวคำ
“เรียบร้อย!”
“เอาละ เร่งรีบเดินทางกันต่อได้แล้ว!” ฉินหยุนกล่าว
ผ่านการเร่งเดินทางหลายวัน ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยค่อยมาถึง
เมืองแห่งหนึ่ง
มันเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่ไร้ซึ่งกำแพงเมือง มองจากฟากฟ้าด้านบน
ผังเมืองค่อนข้างยุ่งเหยิง นอกจากนี้แล้ว ยังมีอุปกรณ์บินได้สารพัด
ชนิด รวมถึงผู้คนบินว่อนกลางอากาศ
เมืองใหญ่ตามปกติ การบินเหนือเมืองต้องมีการจำกัดควบคุม ดังนั้น
ผู้คนที่จะบินได้ต้องทำตามกฎอย่างเคร่งครัด
แต่เมืองแห่งนี้ ไม่คล้ายมีการจัดระเบียบ จึงทำให้มีสภาพยุ่งเหยิงเช่น
ที่เห็น
“พี่ชาย เมืองนี้อยู่ใกล้เทือกเขานิราศจันทราที่สุด เดิมเป็นเมืองใหญ่
แต่เพราะมีเรื่องเกิดขึ้นบ่อย มันจึงกลายเป็นเช่นนี้ นี่ก็ถูกสร้างวนซ้ำ
ขึ้นมาหลายครั้งแล้ว!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยคล้ายคุ้นเคยกับเรื่องราวต่าง
สถานที่เช่นนี้เป็นอย่างดี
“พวกเราจะตรงเข้าเทือกเขานิราศจันทรา หรือว่าเข้าเมืองนี้ก่อน?”
ฉินหยุนเอ่ยถาม
“เมื่อจันทราสีครามปรากฏ ข้าจะใช้จันทราสีครามนั้นสัมผัสถึง
วิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬของพี่หยาง ถึงตอนนั้นพวกเราจะหาตัว
นางพบได้!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว “หากวิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬ
ซ่อนเร้นตัวตน เช่นนั้นจะยิ่งเป็นเรื่องยากค้นหาขึ้นไปอีก!”
ฉินหยุนพยักหน้ารับ “อย่างนั้นเข้าเมืองไปหาข่าวคราวกันก่อน!”
ไม่นานถัดจากนั้น เชี่ยวเย่ว์เหม่ยและฉินหยุนจึงเข้าสู่นครจันทรา
โกลาหล
พวกเขามุ่งหน้าตรงไปยังพื้นที่ตรงกลาง ที่แห่งนั้นดูค่อนข้างสะอาด
ตา กล่าวเช่นนั้นแต่ก็เป็นเพียงมีความสกปรกและยุ่งเหยิงน้อยที่สุดก็
เท่านั้น
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยที่มาถึงบริเวณตรงกลางเมือง นางจึงมองทางหอคอย
พร้อมกล่าว “พี่ชาย นั่นตำหนักจารึกเทวะ!”
ที่ใดมีเมืองใหญ่ ที่นั่นย่อมมีตำหนักจารึกเทวะ และเมืองนี้ ก็กล่าวได้
ว่าเป็นเมืองใหญ่
“จะเข้าตำหนักจารึกเทวะหรือ? เจ้าคิดเข้าไปทำอะไร?” ฉินหยุนคิ้ว
ขมวดเอ่ยถาม
“ย่อมต้องเข้าไปตรวจสอบ! ไปกัน ข้าจะพาท่านเข้าไปเอง ตามข้า
มา!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว เวลานี้นางสวมใส่ชุดสีดำ ใบหน้ามีผ้าคลุม
สีดำบดบัง ฝีเท้ามาดมั่นก้าวเดินมุ่งหน้าไปยังตำหนักจารึกเทวะ
ฉินหยุนได้แต่ติดตามด้านหลังนาง
ไม่นานนัก ฉินหยุนค่อยตามเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเข้าจนถึงด้านในตำหนัก
จารึกเทวะ
ที่ทำเขาประหลาดใจ คือเชี่ยวเย่ว์เหม่ยที่ข้างกายผู้นี้เริ่มลวงหลอกอีก
ฉากแล้ว
“ผู้จัดการอาวุโสอยู่ที่นี่หรือไม่? ข้าหลงเซียงเย่ว์จากแคว้นมังกรทะยาน
ฟ้า เป็นอาจารย์จารึกลึกล้ำ ผู้น้อยมาเยือนสถานที่แห่งนี้ หวังว่าจะได้
การต้อนรับเป็นอย่างดี!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยเสียงอ่อนนุ่ม ดวงตาเผย
ประกายแสงบริสุทธ์ิสดใส
ที่ทำฉินหยุนตื่นตะลึงกว่าอื่นใด คือเหรียญตราที่เชี่ยวเย่ว์เหม่ยนำ
ออกมา เหรียญตรานั้นมีคำว่า “ลึกล้ำ” แกะสลักเอาไว้ตรงหน้า และ
มี “ระดับ” ระบุเอาไว้
ภายในแดนวิญญาณอ้างว้าง เหรียญตรามีหลากหลายรูปแบบต่างกัน
ไปตามแต่ละแคว้น กระนั้น พวกมันทั้งหมดก็คือสิ่งยืนยันถึงตัวตน
อาจารย์จารึก