ราชันเทพเก้าสุริยัน Nine Sun God King - ตอนที่ 724
ตอนที่ 724 แมวมังกร
“เย่ว์เหม่ย ยันต์ลึกล้ำอันใดที่เจ้าต้องการให้ข้าทำ?” ฉินหยุนถามขึ้น
“ตามแต่ท่าน ทว่าอย่าได้ดีหรือแย่เกินไป ดีที่สุดคือเอาไว้ใช้เพื่อแสดง
ระดับการจารึก!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว “ยันต์ลึกล้ำระดับต้นอะไรทำนอง
นั้นก็ได้!”
ฉินหยุนคิดอยู่ครู่ ก่อนจะตัดสินใจว่าควรสร้างยันต์ลึกล้ำใดให้ดี
เขานำเอากระดาษยันต์ชั้นดีที่สร้างไว้เมื่อนานมาแล้วออกมา
กระดาษยันต์ลึกล้ำเหล่านี้สร้างขึ้นจากหนังสัตว์ที่มีคุณภาพสูง เป็น
เหลียวจิงเหมิงกับเจี้ยนหลิงหลงช่วยกันสร้างขึ้น ล่าสุดตอนฉินหยุน
ไปพบทั้งสอง เขาขอแบ่งมาส่วนหนึ่ง
ฉินหยุนเลือกสร้างยันต์อัคคีคลั่งที่ดูดีขึ้นมาแผ่นหนึ่ง
ด้วยครอบครองจารึกวิญญาณอัคคีคลั่ง ระดับความวิจิตรของธาตุไฟ
นี้จึงสูงล้ำ กระบวนการเป็นไปอย่างรวดเร็ว ยันต์อัคคีที่เขาขัดเกลา
ตอนนี้ ทั้งหมดล้วนใช้อักขระลึกล้ำอัคคี
ฉินหยุนใช้ปากกาลึกล้ำสะท้อนจิต ทำการแกะสลักอักขระลึกล้ำอัคคี
อย่างรวดเร็ว อักขระที่เขาแกะสลัก คุณภาพย่อมไม่แย่ ทว่าเขาก็ไม่
คิดทำให้จนถึงระดับสูงสุด เพราะนี่ก็เพียงไว้ใช้เพื่อหลอกลวงผู้คน
ฉินหยุนได้รับอักขระลึกล้ำจำนวนหนึ่งจากไข่มุกเม็ดที่สองของ
วิญญาณเทวะเก้าตะวัน ทั้งเขายังได้รับอักขระลึกล้ำมาจากอีกหลาย
แหล่ง อย่างเช่นที่โมโมถอดออกมาจากอุปกรณ์ลึกล้ำ และส่วนที่มู่
เฟิงกับฉู่ปินอวี้มอบให้มา
ก่อนหน้า เจี้ยนหลิงหลงก็มอบอักขระลึกล้ำให้แก่เขาไม่ใช่น้อย
เช่นกัน
“พี่ชาย ระดับการจารึกของท่านอยู่ที่เท่าใดแล้ว?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยมอง
ฉินหยุนด้วยดวงตาเบิกกว้าง นางเอ่ยถามเสียงเบา
“ข้าเองก็ไม่มั่นใจเท่าใดนัก โดยสรุปก็คือยังไปไม่ถึงอาจารย์จารึกเต๋า!
บางทีอาจดีกว่าอาจารย์จารึกลึกล้ำระดับกลางสักหน่อยกระมัง!” ฉิน
หยุนยิ้มตอบ
“พี่ชาย ชาติภพก่อนท่านเองก็เป็นอาจารย์จารึก และท่านยังทราบ
กระทั่งวิธีการสร้างอุปกรณ์เซียน! หากท่านฟื้นคืนความทรงจำชาติ
ภพก่อน นั่นจะยิ่งช่วยเสริมเรื่องนี้เป็นเท่าทวี!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยยืน
ด้านหลังฉินหยุน นางม้วนเส้นผมของเขาเล่นพลางพูดไปเรื่อย
“หากความทรงจำชาติภพก่อนของข้าฟื้นกลับคืน พี่สาวปิงชิงได้เอา
ข้าตายแน่!” ฉินหยุนห่วงเรื่องนี้เป็นที่สุด แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่ทราบ
เช่นกัน ว่าจะฟื้นคืนความทรงจำในชาติภพก่อนขึ้นมาได้อย่างไร
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพยักหน้ารับ “พี่ชาย ดีที่สุดคือท่านไม่ฟื้นคืนความทรง
จำในช่วงเวลานี้! พวกเราฟื้นคืนความทรงจำได้ก่อนก็ใช่ ทว่ายิ่งเวลา
ผ่านไป พวกเราจะต้องสะกดจิตวิญญาณเอาไว้ให้มากขึ้น นี่จึงกลาย
เป็นเรื่องไม่ค่อยสะดวกเท่าใดนัก”
สาเหตุว่าทำไมเชี่ยวเย่ว์หลานและชี่เม่ยเหลียนเร่งรีบจากไป ก็เพราะ
ทั้งสองต้องรีบไปสะกดพลังส่วนนี้เอาไว้
“เย่ว์เหม่ย เจ้าต้องการยันต์กี่แผ่น?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ยิ่งมากยิ่งดี ข้าย่อมอยากเก็บไว้ใช้เองด้วย!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว
“เย่ว์เหม่ย หากพวกมันขอให้เจ้าสร้างที่ตรงนั้น เจ้าจะทำอย่างไร?”
ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ข้าย่อมไม่คิดทำตามคำกล่าวพวกมัน หากไม่มีทางเลี่ยง ท่านก็แค่
ออกหน้าแทนข้า!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะคิกคัก
ฉินหยุนพบเห็นลางสังหรณ์ไม่ดีเท่าใดนัก เขาขมวดคิ้วกล่าว “ข้าคือ
บุรุษ คิดให้ข้าปลอมตัวเป็นเจ้าก็ได้หรือ?”
“หากจำเป็น ย่อมทำได้ไม่มีปัญหา!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยยิ้มหวานตอบกลับ
ฉินหยุนเบะปากก่อนจะแกะสลักอักขระต่อเนื่อง
ผ่านไปสามชั่วยาม คนผู้หนึ่งมาเคาะประตู
“พวกมันมาแล้ว!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวคำเบา
ฉินหยุนเร่งรีบเก็บอุปกรณ์
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยได้รับยันต์ลึกล้ำอัคคีทั้งสิ้นเกือบสามสิบแผ่น ขณะนี้
นางเดินไปเปิดประตู
ฉินหยุนลอบนับถือต่อเชี่ยวเย่ว์เหม่ย เพราะนายน้อยเหล่านั้น นำเอา
ผู้อาวุโสตนเองร่วมทางมาด้วยจริง เหล่านั้นคือขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ
นอกจากพวกเขาแล้ว ผู้จัดการหลี่และอาจารย์จารึกลึกล้ำเฒ่าชราอีก
หลายคนต่างร่วมทางมา
ฉินหยุนเร่งรีบลุกยืนขึ้น
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแสร้งเผยมารยาท กล่าวทักทายผู้คนเหล่านี้ เชื้อเชิญให้
พวกเขานั่งลง เป็นผลให้ผู้อาวุโสเหล่านี้ต่างหัวเราะรับ ราวกับพวก
เขาคิดกันไปแล้ว ว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยตัดสินใจตบแต่งเข้าร่วมตระกูล
ของตน
“เสี่ยวหยุน กลุ่มคนเหล่านี้ละโมบยิ่งนัก พวกมันมาด้วยใจที่มีความ
ละโมบเปี่ยมล้น พวกมันคิดจะหยิบจับนายหญิงน้อยจากตระกูลใหญ่
ที่เลิศล้ำนี้สร้างพันธะเอาไว้ ดังนั้นผู้อาวุโสของตระกูลชั้นสวะพวก
นี้จึงออกหน้าเคลื่อนไหว” หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะเบา “เย่ว์เหม่ยใช้
ความโลภของพวกมัน พร้อมความใสซื่อหลอกหน้าโง่พวกนี้ได้อยู่
หมัดยิ่งนัก!”
ผู้อาวุโสทั้งหลายต่างมองฉินหยุนอย่างนึกรังเกียจ
“ตระกูลมู่หรง? ช่างเป็นตระกูลไร้นามนัก! กล้าดีอย่างไรมายืนอหังการ
อวดดีต่อหน้าพวกเรา!” ชายชราจากตระกูลจีแค่นเสียงดังขึ้น
“ตระกูลมู่หรงของข้าไร้นามแล้วอย่างไร? ข้าต่างหากจึงทำตัวเป็นผู้
ที่มีอารยะ ไม่เหมือนดังเช่นพวกเจ้าที่ไม่แม้นำของขวัญชั้นดีติดไม้
ติดมือมา!” ฉินหยุนกล่าวเย้ยหยัน “ผู้เยาว์พวกเจ้าเหล่านั้นต่างหากที่
ดูหมิ่นข้า กระนั้นพอข้าจะมอบหนึ่งพันล้านเหรียญม่วงเพื่อให้นาย
หญิงน้อยได้ซื้อหาเสื้อผ้า พวกมันทำอะไรได้?”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแอบอ้างตนเป็นหลงเซียงเย่ว์ นางดูอ่อนหวานและมาก
มารยาท ทั้งยังเผยความใสซื่อออกมา เป็นนางแสร้งเกรงว่าจะเกิด
ปัญหาขึ้น จึงแสร้งเข้ามาไกล่เกลี่ย เรื่องนี้ยิ่งทำผู้อาวุโสเหล่านั้นยินดี
“เด็กน้อยตระกูลมู่หรง เจ้ากล่าวว่าได้มอบโสมโลหิตอายุห้าหมื่นปี
แก่นายหญิงน้อยอย่างนั้นหรือ? นั่นเป็นความจริง? เท่าที่ข้าทราบ
ตระกูลมู่หรงของเจ้าย่อมไม่มีทางครอบครองสมบัติเช่นนั้น!” ผู้
อาวุโสตระกูลเยี่ยเอ่ยถามดังขึ้น
บรรดาผู้อาวุโสอื่นต่างมองทางเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ชายชราตระกูลเยี่ยเอ่ย
ถามขึ้น “นายหญิงน้อยหลง ท่านนำโสมโลหิตนั้นออกมาได้หรือไม่?
พวกเราจะได้ช่วยตรวจสอบมัน!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวออกอย่างนึกลำบากใจ “ผู้อาวุโส ข้าใช้โสม
โลหิตนั้นป้อนแก่สัตว์เลี้ยงข้าไปแล้ว!”
กล่าวถึงตรงนี้ นางปล่อยสัตว์ตัวน้อยออกมา เป็นแมวสีขาว กระนั้น
ทั้งร่างกลับเผยออร่ามังกรทองคำอ่อนจาง
“นี่… แมวมังกร!” ผู้อาวุโสตระกูลเซียโพล่งตะโกนตื่นตะลึงลุกพรวด
จากที่นั่ง
เด็กสาวตรงหน้าถึงขั้นได้ครอบครองสัตว์ล้ำค่า เรื่องนี้สร้างความตื่น
ตะลึงเกินไป เวลานี้ บรรดาผู้อาวุโสล้วนเชื่อ ว่านายหญิงน้อยหลง
ตรงหน้าพวกตนผู้นี้ เป็นคนของตระกูลหลงจากแคว้นมังกรทะยาน
ฟ้า
เพราะมีแต่ตระกูลหลงแห่งแคว้นมังกรทะยานฟ้า จึงมีสัตว์เลี้ยง
สายเลือดมังกรแปลกประหลาดในครอบครอง
“กล่าวกันว่าแมวเช่นนี้สามารถเติบโตเป็นมังกรที่แข็งแกร่งยิ่งในภาย
หน้า!” นายน้อยเยี่ยมองแมวมังกรตรงหน้าอย่างนึกอิจฉา
“ข้าเองก็ไม่ทราบนัก เป็นทางตระกูลมอบให้เป็นของขวัญแก่ข้า!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยลูบหัวแมวน้อยก่อนจะเก็บมันลงกระเป๋าสัตว์
ถึงตรงนี้ บรรดาผู้อาวุโสก็ไม่มีทางได้เห็นโสมโลหิตกันอีกต่อไป
แล้ว
ฉินหยุนถึงขั้นลอบนับถือต่อกลยุทธ์ของเชี่ยวเย่ว์เหม่ย
“ผู้อาวุโส โสมโลหิตนั่นเป็นของจริง! แมวน้อยคือผู้บอกแก่ข้า!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวอีกครั้ง “ทุกท่านขอจงหยุดพูดกล่าวถึงเรื่องนี้ ถือ
ว่าเป็นมิตรสหายต่อกัน อย่าได้มอบของขวัญใดแก่ข้าแล้ว เอาอย่างนี้
เป็นไร ข้าน้อยผู้นี้จะเป็นคนมอบของขวัญเล็กน้อยแก่พวกท่านเอง!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยนำเอายันต์ลึกล้ำอัคคีจำนวนหนึ่งออกมา ก่อนจะมอบ
ให้คนละแผ่น
ผู้จัดการหลี่ตื่นตะลึงเป็นที่สุด กับเขาที่เป็นผู้จัดการที่นี่ นั่นหมายความ
ถึงระดับจารึกย่อมไม่แย่ หลังได้เห็นยันต์ลึกล้ำ เขาต้องร้องโพล่งออก
“ความวิจิตรที่สูงล้ำ!”
บรรดาอาจารย์จารึกผู้อื่นต่างอุทานอึ้งทึ่งเช่นกัน
“กระทั่งพวกเรายังไม่อาจก้าวถึงความวิจิตรระดับนี้!” อาจารย์จารึก
ลึกล้ำมองทางเชี่ยวเย่ว์เหม่ยอย่างไม่อาจเชื่อสายตา
“นายหญิงน้อยหลง ท่านสร้างพวกมันขึ้นเองหรือ?”
“มีแต่อาจารย์จารึกเต๋าจึงสามารถแกะสลักความวิจิตรระดับนี้ได้!”
“นายหญิงน้อยหลง นี่ไม่ใช่ข้าสงสัยต่อท่าน ทว่า… เรื่องนี้มันผิด
หลักการจนเกินไป ขอท่านโปรดเข้าใจ!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะเบา “ผู้อาวุโส นี่ย่อมเป็นข้าสร้างขึ้นเอง และข้า
เข้าใจในความสงสัยที่ท่านมี”
ยามเมื่อบรรดาผู้อาวุโสของตระกูลทั้งหลายได้เห็นอาการตอบสนอง
จากอาจารย์จารึก พวกเขาค่อยตระหนักได้ ว่ายันต์ลึกล้ำอัคคีนี่ไม่ใช่
เรียบง่าย หากมันสร้างโดยเด็กสาวตรงหน้าพวกตนขึ้นจริง เช่นนั้น
เด็กสาวผู้นี้ก็เป็นยอดอัจฉริยะอาจารย์จารึกที่หาตัวจับได้ยากแล้ว
“นายหญิงน้อยหลง ผู้อาวุโสท่านอยู่ที่ใดแล้ว?” ผู้จัดการหลี่เร่งรีบ
เอ่ยถาม
“พวกเขาเหล่านั้นเข้าไปยังเทือกเขานิราศจันทรา กล่าวว่าภายใน
อันตราย จึงให้ข้ามาที่ตำหนักจารึกเทวะรอคอยพวกเขาที่นี่!” เชี่ยว
เย่ว์เหม่ยกล่าว “ผู้อาวุโสทั้งหลาย เหตุการณ์ในเทือกเขานิราศจันทรา
ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว? ภายในอันตรายมากหรือไม่?”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพอถามคำถามออกไป บรรดาผู้อาวุโสเหล่านี้จึงตอบ
ถึงข้อสงสัยที่นางมีต่อเทือกเขา พวกเขาแทบไม่คิดอยากให้ผู้อื่นตัด
หน้าแย่งตอบแม้เพียงนิด
ฉินหยุนลอบตระหนกยามได้รับฟัง เขาไม่คิดว่าจะมียอดฝีมือมากมาย
มารวมตัวกันที่เทือกเขานิราศจันทราถึงเพียงนี้
เทือกเขานิราศจันทราอันตรายอย่างแท้จริง สัตว์ที่แข็งแกร่งมักปรากฏ
ในเทือกเขา พวกมันถูกเรียกขานเป็นสัตว์ภูตผีนิราศจันทรา พวกมัน
จะปรากฏตัวเพียงยามค่ำคืน ทั้งยังสามารถสังหารขอบเขตวรยุทธ์ลึก
ล้ำได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้แล้ว กองกำลังจากแคว้นอื่นต่างส่งราชันยุทธ์และจักรพรรดิ
ยุทธ์เข้าสู่เทือกเขานิราศจันทรา พวกนั้นจับกลุ่มกันเพื่อออกค้นหา
หยางฉีเย่ว์
หยางฉีเย่ว์เคยปรากฏตัวขึ้นก่อนหน้านี้ และถูกราชันยุทธ์จากตระกูล
หลงทำร้ายบาดเจ็บ ถึงตอนนี้ หลายคนต่างได้ทราบว่าราชันยุทธ์ผู้
นั้นได้ไล่ตามรอยเลือดหยางฉีเย่ว์ไป
พอได้ทราบ ในใจของทั้งเชี่ยวเย่ว์เหม่ยและฉินหยุนแทบถูกเผาไหม้
เป็นเถ้าถ่านด้วยโทสะ
ขณะฉินหยุนกังวลต่อหยางฉีเย่ว์ เชี่ยวเย่ว์เหม่ยจึงส่งเสียงสื่อสารมา
“พี่ชาย ได้เวลากระตุ้นพวกมันแล้ว!”
ฉินหยุนนึกอยู่ครู่จึงค่อยกล่าว “นายหญิงน้อยหลง แมวมังกรน้อย
ของท่านคล้ายต้องการกินวัตถุดิบโอสถกระมัง? ข้ายังคงมีอีกมากมาย
นัก! ถือว่าให้แมวน้อยของท่านก็แล้วกัน!”
ผู้คนต่างได้เห็นเด็กน้อยตระกูลมู่หรงตรงหน้าพยายามสร้างความดี
ต่อหน้าหลงเซียงเย่ว์
ผู้คนจากตระกูลใหญ่เหล่านี้ไม่ยินดี เพราะหากพวกเขาไม่ลงมือทำ
อะไรสักอย่าง ก็เท่ากับพวกเขาแพ้พ่าย เมื่อถึงตอนนั้น พวกเขายังจะ
สร้างความสัมพันธ์อันดีกับอีกฝ่ายไปทำอะไร?
พวกเขาต่างนำเอาของขวัญออกมามากมาย เหล่านี้ล้วนเป็นวัสดุ
สร้างอุปกรณ์ลึกล้ำชั้นเลิศ ส่วนใหญ่เป็นกระดูกสัตว์หรือไม่ก็แร่
“ในเมื่อนายหญิงน้อยหลงเป็นอาจารย์จารึก เหล่านี้ต่างหากจึงเป็น
ประโยชน์!” ผู้อาวุโสตระกูลเยี่ยหัวเราะดัง
“ในเมื่อผู้อาวุโสมีเมตตา เซียงเย่ว์ก็ไม่ขอปฏิเสธน้ำใจท่าน!” เชี่ยว
เย่ว์เหม่ยรับของขวัญมาชิ้นแล้วชิ้นเล่า เป็นผลให้บรรดาผู้อาวุโสต่าง
ต้องเผยยิ้มยินดี
แม้เหล่านี้ไม่แย่ กระนั้นฉินหยุนพบว่ายังไม่พอ เขาครุ่นคิดอยู่พัก
หนึ่งก่อนจะนำเอาชุดเกราะเต๋าออกมาและกล่าว “นายหญิงน้อยหลง
แม้ท่านเป็นอาจารย์จารึกลึกล้ำที่พรสวรรค์เลิศล้ำ กระนั้นตัวท่าน
ตอนนี้ยังไม่อาจสร้างอุปกรณ์เต๋า และข้าก็มีชุดเกราะเต๋าอยู่พอดี ให้
ข้าได้มอบมันแก่ท่านเพื่อหยิบยืม เมื่อใดท่านสร้างอุปกรณ์เต๋าได้
ค่อยส่งมันคืนกลับแก่ข้า”
“ท่านเป็นสตรี ด้วยชุดเกราะเต๋าที่ดี ท่านจะยิ่งปลอดภัย!”
การกระทำนี้ถึงขั้นทำบรรดาผู้อาวุโสตระกูลใหญ่ทั้งหลายนิ่งอึ้ง!
ผู้จัดการหลี่ รวมถึงอาจารย์จารึกลึกล้ำทั้งหลายต่างต้องยืดคอเข้าไป
รับชมชุดเกราะเต๋าดังกล่าว พวกเขาต่างเผยสีหน้าตื่นตะลึงกันออกมา
“นายน้อยมู่หรง นี่ล้ำค่าเกินไปแล้ว ข้าไม่อาจรับไว้!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ย
เผยดวงตาตื่นตะลึง เห็นได้ชัดว่านางคิดอยากรับไว้ กระนั้นนางก็ยัง
ปฏิเสธ
“นี่เป็นเพียงการให้หยิบยืม!” ฉินหยุนหัวเราะ “พวกเรานับเป็นมิตร
สหายที่ดีต่อกัน ข้าย่อมห่วงหาต่อมิตรสหาย ดังนั้นนี่เป็นเรื่องปกติ
โปรดรับเอาไว้แล้ว!”
“อย่างนั้น… ต้องขอบคุณนายน้อยมู่หรงเป็นอย่างยิ่งแล้ว!” ใบหน้า
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยรอยยิ้มยินดี “ภายหน้า เมื่อใดข้าสร้างอุปกรณ์เต๋า
ได้ ข้าจะมาสร้างอุปกรณ์เต๋าให้แก่นายน้อยมู่หรงอย่างแน่นอน!”
บรรดาผู้อาวุโสจากตระกูลทั้งหลายต่างได้เห็นความน่ารักน่าชังของ
เชี่ยวเย่ว์เหม่ย พวกเขาไม่คาดคิด ว่าตระกูลมู่หรงที่ไร้นามจะถึงขั้น
ยอมสูญเสียเพียงนี้
ด้วยฐานะตระกูลใหญ่ พวกเขาไม่อาจยอมรับการพ่ายแพ้ที่ตรงนี้
นอกจากนี้แล้ว เพื่อประโยชน์แก่บุตรหลานตนเอง พวกเขาย่อมคิด
อยากชักจูงเด็กสาวมากพรสวรรค์ผู้นี้เอาไว้ เพื่อให้ภายหน้าสามารถ
เรียกลมเรียกฝนได้ตามต้องการ