ราชันเทพเก้าสุริยัน Nine Sun God King - ตอนที่ 737
ตอนที่ 737 ตกอยู่ในอันตราย
หลังจากที่โลงศพสีเงินเปิดออก ปรากฏการณ์รอบข้างนับได้ว่าชวน
ตื่นตะลึง รัศมีนับหมื่นลี้จากตัวโลงศพ มันถูกปกคลุมด้วยสายลม
เย็นเยือกที่ไหลออกมาจากภายในโลง
ฉินหยุนยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น!
หลิงหยุนเอ๋อที่อยู่ในมิติมายา เวลานี้หวาดกลัวจนถึงขั้นไม่อาจพูด
กล่าวได้อีก
เซี่ยวเสวียนฉินที่ได้เห็นความหวาดกลัวทางสีหน้าของฉินหยุน นาง
ไม่อาจทำความเข้าใจได้ ว่าเหตุใดเขาจึงหวาดกลัวเพียงนี้ นางเชื่อ ว่า
ฉินหยุนนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าตัวนาง กระนั้นเขากลับหวาดกลัว
นางเร่งรีบดึงมือเย็นเยียบของฉินหยุนมาเกาะกุมเอาไว้ มันยิ่งทำให้
นางสัมผัสได้ว่าฉินหยุนหวาดกลัวเพียงใด
“ฉินหยุน นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่? นั่นไม่ใช่อะไรที่เจ้าน่าจะต้อง
หวาดกลัวไปเลยนี่?” เซี่ยวเสวียนฉินรับรู้เพียงแต่สายลมเย็นเยือก
หาได้มีความหวาดกลัวใดแม้แต่น้อย
หน้าผากฉินหยุนมีแต่เหงื่อเย็นไหลหลั่ง เขาเองก็ไม่ทราบว่าตนเอง
หวาดกลัวอันใด
มันเป็นดังที่หลิงหยุนเอ๋อกล่าว เพราะนางหวาดกลัว มันจึงส่งอิทธิพล
ต่อฉินหยุน
สาเหตุว่าทำไมหลิงหยุนเอ๋อหวาดกลัว ก็เพราะนางอ่อนแอยิ่ง นาง
เกรงว่าอสูรจันทราจะเข้ามากลืนกินนาง
“ข้า… ข้าไม่ทราบ เพียงแต่รู้ว่าข้ากลัว!” ฉินหยุนกระชับมือขาวนวล
ของเซี่ยวเสวียนฉินเอาไว้แน่น
เซี่ยวเสวียนฉินดึงฉินหยุนเข้าหา ให้เขาอิงแอบกับกายนาง ทั้งนี้ นาง
ยังส่งถ่ายความอบอุ่นจากร่างกายเพื่อให้ฉินหยุนสบายใจขึ้นด้วย
อย่างกะทันหัน ออร่าอันยิ่งใหญ่ได้มาพร้อมกับสายลมเย็นเยือก
“ครึ่งเซียนกลุ่มนั้นลงมือแล้ว? นอกจากนี้ ยังเป็นการลงมือพร้อมกัน
พวกเขาทำอะไรกันแน่?” เซี่ยวเสวียนฉินเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ข้าไม่ทราบ แต่นี่ยังไม่มีการศึกใดปะทุออก!” ฉินหยุนกุมมือเซี่ยว
เสวียนฉินไว้ทั้งสองมือ เขาพยายามหอบหายใจอย่างหนัก
ฉินหยุนและเซี่ยวเสวียนฉิน เวลานี้อยู่ค่อนข้างห่างไกลจากโลงศพสี
เงิน
หากมีการต่อสู้เปิดฉากขึ้นจริง อย่างนั้นคลื่นพลังต้องส่งผลกระทบ
มาจนถึงที่ตรงนี้
กระนั้นทิศทางดังกล่าวกลับเงียบงัน!
“ไม่มีการต่อสู้หรือ? นี่เรื่องอันใด? หรือพวกนั้นถูกสังหารหมดสิ้น
ในพริบตา?” ฉินหยุนเอ่ยถามเสียงเบา
“พวกเขาจะถูกสังหารในพริบตาได้อย่างไร? ไม่มีทางที่อสูรจันทรา
จะสามารถสังหารครึ่งเซียนมากมายในพริบตาหรอกกระมัง?” เซี่ยว
เสวียนฉินครานี้ค่อยเกิดความหวาดกลัวและกังวลภายในแล้ว
“จ้าวสำนักและผู้อื่นยังอยู่ที่นั่น!” ฉินหยุนยิ่งห่วงหา
ทันใดนี้เอง คลื่นสายลมเย็นเยือกอีกระลอกหนึ่งจึงมาถึง!
ฉินหยุนสัมผัสได้เพียงว่าเป็นออร่าของครึ่งเซียนหลายคน แม้เขาทิ้ง
เนตรวิญญาณไว้ที่นั่น ทว่ากลับสูญเสียการเชื่อมต่อ
“ฉินหยุน เหตุใดไม่ให้ข้าไปรับชมแทน เจ้าเพียงรอที่นี่!” เซี่ยว
เสวียนฉินกล่าว
“นั่นไม่ได้ หากอันตรายเล่า?” ฉินหยุนส่ายศีรษะ “ป้าเซี่ยวอย่าได้
ไป! หากเกิดอะไรขึ้นกับท่าน เย่ว์เหม่ยและเย่ว์หลานได้เกลียดชังข้า
ไปนานนับแน่!”
เซี่ยวเสวียนฉินได้ทราบถึงความห่วงหาที่ฉินหยุนมีให้ นางอดไม่ได้
ที่จะเกิดความรู้สึกอบอุ่นภายในใจ มือของนางยังคงเกาะกุมมือฉิน
หยุนไว้แน่น “ได้ ข้าจะไม่เข้าไป อย่างนั้นรีบไปจากที่นี่!”
ฉินหยุนพยักหน้ารับ
เซี่ยวเสวียนฉินและฉินหยุนตัดสินใจออกจากยอดเขา บินมุ่งหน้า
กลับไปยังนครจันทราโกลาหล
กระนั้นไม่นานหลังเริ่มออกบิน ทั้งสองพลันรับรู้ได้ถึงความเย็น
เยือกเสียดแทงกระดูกที่พุ่งเข้ามา
เซี่ยวเสวียนฉินและฉินหยุนต่างสั่นกลัว มันเป็นเพราะการโจมตีอัน
เย็นเยือกปรากฏที่เบื้องหลัง
“มันมาจากโลงศพนั่น!” ฉินหยุนกระซิบเบา “ข้าไม่ทราบว่ามันเป็น
พลังอันใด ทว่ามันเย็นเยือกอย่างยิ่ง!”
“มันคือวิญญาณร้ายที่แปรสภาพโดยนรกจันทรา พลังนี้อัดแน่นด้วย
หยินชั่วร้าย!” เซี่ยวเสวียนฉินกล่าว
หลังจากที่จิตของฉินหยุนแปรเปลี่ยนสู่จันทรา เขาสามารถดูดกลืน
เส้นสายพลังหยินชั่วร้ายได้ระหว่างการฝึกฝน อย่างไรแล้ว พวกมัน
ก็จะถูกสะกดข่มเอาไว้โดยพลังแห่งความเที่ยงธรรม
เซี่ยวเสวียนฉินและฉินหยุนยังคงบินมุ่งหน้าออกจากสถานที่อันตราย
และเย็นเยือกแห่งนี้ต่อ
วูบ วูบ วูบ!
จากทิศทางโลงศพสีเงิน ในที่สุดก็มีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่บังเกิด
ขึ้น
ออร่านี้ ฉินหยุนคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างยิ่ง
“เป็นจ้าวสำนักดาบเจี้ยนสือเทียน!” ฉินหยุนร้องตระหนกตกใจ
“เหตุใดจึงมีแต่ออร่าของเขาที่เผยออกมา?”
แม้สงสัยอย่างยิ่งว่าเบื้องหลังนั้นเกิดอันใดขึ้น ทว่าทั้งสองไม่คิดไป
ที่ทำได้ มีแต่ต้องบินด้วยความเร็วสูงเพื่อหนีให้พ้นจากที่นี่
ฉินหยุนไม่กล้าใช้พลังเงา เขาเกรงว่าจะเป็นการดึงความสนใจของ
อสูรจันทรา
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม พวกเขาพลันได้เห็นแสงสีเงินกระพริบที่ตรงหน้า!
เมื่อพิจารณาให้ดี จะได้ทราบว่ามันคือโลงศพใหญ่ยักษ์สูงนับร้อย
เมตรตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า!
ได้เห็นมัน โลหิตในกายฉินหยุนและเซี่ยวเสวียนฉินกลายเป็นเย็น
เยียบ!
นั่นก็เพราะทั้งสองแน่ใจแล้วว่าออกมาห่างไกล แต่แล้วเรื่องราวกลับ
ไม่ใช่
นอกจากนี้ ผู้คนที่นี้ล้วนหายไปหมดสิ้น โลงศพสีเงินยังเปิดกว้าง ฝา
โลงศพยืนหยัดปักเอาไว้ประหนึ่งป้ายหลุมศพ
“อันตราย! ฉินหยุน เร่งรีบหนี!” เซี่ยวเสวียนฉินร้อนรน นางนำเอา
ดาบเต๋าที่ฉินหยุนมอบไว้ให้ออกมา
“ข้าไม่ไป!” ฉินหยุนกล่าว
“หากข้าใช้เคล็ดวิชาลับ พละกำลังข้าจะทัดเทียมราชันยุทธ์ ข้าจะรั้ง
มันไว้ได้สักชั่วเวลาหนึ่ง!” เซี่ยวเสวียนฉินร้องตะโกน “เร่งรีบไป!”
ทันใดนี้เอง สายลมเย็นเยือกดุร้ายเสียดแทงกระดูกได้พัดผ่าน มัน
เกิดขึ้นเป็นม่านพลังโอบล้อมฉินหยุนและเซี่ยวเสวียนฉินเอาไว้
“ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่ เหตุใดไม่เข้าไปยังเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ?
ข้าย่อมไม่ทำอันตรายเจ้า!”
เสียงดังผ่านชั้นอากาศ มันให้ความรู้สึกอันไร้สิ้นสุด รวมเข้ากับสาย
ลมเย็นเยือกที่โอบล้อม บรรยากาศกลายเป็นหนักอึ้ง นี่ราวกับภูตผี
สตรีกำลังพูดกล่าว
“อสูรจันทราอย่างนั้นหรือ?” เซี่ยวเสวียนฉินเอ่ยถามเสียงดัง
“ถูกต้อง! พอมาคิดดูแล้ว เจ้าและข้าคล้ายมีความเชื่อมโยงต่อกัน
อย่างไรพวกเราครั้งหนึ่งก็เป็นศิษย์ของพระราชวังกวงหานเช่นเดียว
กัน!” อสูรจันทรากล่าว
อสูรจันทรา แท้จริงแล้วเป็นสตรี!
“เจ้ารู้จักข้าหรือ?” เซี่ยวเสวียนฉินเอ่ยถามอย่างตระหนกตกใจ
“ข้ารู้จัก! ทว่าเจ้าไม่รู้จักข้า! เจ้าคิดอยากเข้าเขตแดนอ้างว้างจันทรา
ทมิฬไปรับชมหรือไม่?” น้ำเสียงของอสูรจันทราดังก้องผ่านอากาศ
“ข้าไม่เข้าไป ข้าอ่อนแอยิ่ง ผู้คนส่วนใหญ่ที่ภายในนั้นล้วนเป็น
จักรพรรดิยุทธ์และครึ่งเซียน!” เซี่ยวเสวียนฉินกล่าว “ข้าขอตัวไป
พบมิตรสหายแล้ว!”
“อย่าได้กังวลไป ด้วยข้าคุ้มครองเจ้า พวกมันจะไม่กล้าลงมืออะไร!”
อสูรจันทราหัวเราะนุ่มนวล “เอาอย่างนี้เป็นไร เจ้าเข้าไปด้วยตนเอง
ก่อน แล้วให้สหายเจ้ากลับไป! กล่าวไปแล้ว เย่ว์จีและข้าต่างเป็นพี่
น้องที่ดีต่อกัน ดังนั้นข้าย่อมไม่ทำร้ายเจ้า!”
เซี่ยวเสวียนฉินกล่าว “หากข้าเข้าไปแล้ว เจ้าจะปล่อยให้สหายข้าจาก
ไปจริงหรือ?”
“เขาก็เพียงมิตรสหายตัวน้อย เหตุใดจึงต้องรั้งเอาไว้?” อสูรจันทรา
หัวเราะ “เร่งรีบเข้าไปยังเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ เปิดประตูค้าง
ไว้เช่นนี้มันสิ้นเปลืองพลังงานข้า!”
เซี่ยวเสวียนฉินหันมองทางฉินหยุน นางได้เห็นเขาส่ายศีรษะให้
“ไม่เป็นไร ข้าเพียงเข้าไปดู ฉีเย่ว์เองก็อยู่ที่ด้านใน!” เซี่ยวเสวียนฉิน
ลูบสัมผัสใบหน้าฉินหยุนพร้อมยิ้มบาง “ไม่จำเป็นต้องกลัวอันใด
อสูรจันทรานี้ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด!”
“ข้าย่อมไม่น่ากลัว ทั้งยังงดงามอย่างยิ่ง!” อสูรจันทราหัวเราะเบา
ด้วยเสียงประหลาด มันทำเอาโลหิตในกายฉินหยุนเย็นเยียบ
“อย่างนั้น ป้าเซี่ยว ขอท่านระวังตัวด้วย!” ฉินหยุนกล่าว
เซี่ยวเสวียนฉินบินขึ้นฟ้าพร้อมกล่าว “ข้าคิดอยากเห็นสหายข้าไป
พ้นจากที่นี่ก่อน จากนั้นข้าจึงค่อยเข้าไปได้หรือไม่?”
“ตามแต่เจ้าต้องการ!” อสูรจันทรากล่าวคำ
ไม่ช้า ฉินหยุนจึงเร่งรีบบินจากไป เขาคิดไปจากสถานที่แห่งนี้ซึ่งมี
ตัวตนชวนขนหัวลุก
เซี่ยวเสวียนฉินที่ได้เห็นฉินหยุนไปแล้ว นางจึงค่อยบินไปทางโลง
ศพขนาดใหญ่ยักษ์ ที่เห็นเบื้องล่าง มันเป็นหุบเหวสีดำสนิท
หลังจากที่นางลงไปแล้วจึงปรากฏตัวที่อีกมิติหนึ่ง ราวกับนางร่วง
หล่นจากสวรรค์ นางสามารถพบเห็นพื้นที่ต่าง ๆ ภายในห้วงอวกาศ
ได้!
ฉินหยุนบินหนีออกมาจากสถานที่อย่างไม่คิดชีวิต นับตั้งแต่เริ่ม
จนถึงตอนนี้ หลิงหยุนเอ๋อไม่กล่าวคำใด ชัดเจนว่านางหวาดกลัวเป็น
ล้นพ้น
ขณะยังคงบินไปต่อ อย่างกะทันหัน แสงสว่างสีเงินพลันวาบขึ้น
ตรงหน้า ภายในใจอดไม่ได้จนต้องสบถคำหยาบออกมา
ตอนนี้เขาค่อยตระหนักได้ชัดเจน ว่าตนเองอยู่ภายในม่านพลัง ไม่ว่า
บินอีกเพียงใด เขาจะไม่มีทางไปพ้นจากที่นี่ เขาจะต้องกลับมายัง
บริเวณที่โลงศพตั้งอยู่
“สหายน้อย เจ้าจำข้าไม่ได้แล้วอย่างนั้นหรือ?” อสูรจันทราเอ่ยถาม
พลางหัวเราะ น้ำเสียงของนางอัดแน่นด้วยความเกลียดชัง
“บัดซบ! หรือจะเป็นอีกคนที่ราชันเซียนไปยั่วยุเอาไว้อีก?”
ฉินหยุนค่อยเข้าใจ ว่าเหตุใดหยางฉีเย่ว์แนะนำให้เขาไม่เข้าไป นี่
จะต้องเป็นสาเหตุอย่างแน่นอน
“ข้า… ข้าไม่รู้จักท่าน!” ฉินหยุนกล่าว
“โอ้? เจ้าคล้ายหวาดกลัวข้าไม่น้อย!” ก่อนหน้า ครั้งที่อสูรจันทราพูด
กล่าวกับเซี่ยวเสวียนฉิน น้ำเสียงของนางอ่อนนุ่มน่ารับฟัง กระนั้น
ตอนนี้ มันกลับเย็นเยียบ
“ท่านแข็งแกร่ง เป็นปกติที่ข้าจะหวาดกลัว!” ฉินหยุนกล่าว “ท่าน
สัญญากับป้าเซี่ยวแล้วว่าจะปล่อยข้าไป หรือจะบอกว่าตอนนี้ท่าน
คิดก่อเรื่องไร้ยางอายขึ้น!”
“เจ้าหวาดกลัวข้า นั่นไม่ใช่เพราะเจ้าก่อเรื่องไร้ยางอายไว้กับข้า
หรอกหรือ? เจ้ายังแสร้งทำเป็นไม่รู้? เจ้าคิดอยากทำเช่นเดิมอีกงั้นรึ!”
อสูรจันทราแค่นเสียงดังครั้งแล้วครั้งเล่า
ฉินหยุนร้อนรน เขาต้องสบถก่นด่าต่อตนเอง นี่เป็นหายนะที่ชาติภพ
ก่อนของเขาทิ้งเอาไว้ให้อีกแล้ว
เขาคิดว่ากว่าจะต้องเผ่นหนีจากศัตรูก็ต่อเมื่อไปยังแดนเซียนอ้างว้าง
ที่ไม่คิดคือกลับต้องมาพบเจอที่นี่
“ดูเหมือนเจ้าจะยังไม่ตื่นรู้ความทรงจำขึ้นมา! ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดเย่ว์
ฉินจึงดีต่อเจ้าเพียงนั้น”
“คล้ายว่านางถูกเจ้าล่อลวงอีกครั้งหนึ่งในช่วงชีวิตนี้! และข้าจะไม่ให้
นางต้องเจ็บช้ำอีกเป็นครั้งที่สอง!” อสูรจันทรากล่าว
“เย่ว์ฉิน? หมายถึงป้าเซี่ยว?” ฉินหยุนถามกลับ
“ถูกต้อง!” อสูรจันทราตอบกลับมา “เห็นแก่เย่ว์จี ข้าจะไม่ทำอะไร
กับเจ้า! แต่ข้าจะให้เย่ว์ฉินกับเย่ว์จีได้ตาสว่าง ได้ทราบว่าเจ้าในชาติ
ภพนี้ก็ยังเป็นสุนัขที่กินขี้ตนเองไม่หยุดหย่อน!”
ฉินหยุนถอนหายใจโล่งอก “อย่างนั้น ท่านคิดปล่อยข้าไปแล้ว?”
“ในเมื่อเจ้ามาแล้ว ก็จงเข้าไปยังเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬเพื่อรับชม
ไม่ว่ากรณีใด ข้าจะไม่สังหารเจ้า ไม่เช่นนั้น เจ้าได้ตายไปนานแล้ว!”
อสูรจันทรากล่าวเสียงเย็น
ฉินหยุนมองทางโลงศพพร้อมถอนหายใจยาว “หากข้าทราบแต่แรก
ข้าคงหนีไปให้พ้นนานแล้ว!”
ตอนนี้ เขามีแต่ต้องเข้าไปในโลงศพสีเงิน
ร่างกายเมื่อลงสู่ภายในนั้น เขาจมดิ่งลงสู่มวลหมอกสีดำเบื้องล่าง
โลงศพสีเงิน มันให้ความรู้สึกราวกับห้วงอวกาศที่ผันแปร
หลังผ่านพ้นมา เขาจึงมองไปพบเห็นพื้นที่ราบเบื้องล่าง เวลายังคง
เป็นค่ำคืน ดวงจันทรางดงามยังคงลอยค้างสูงกลางฟากฟ้า
เขามาถึงเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬแล้ว!
“พอจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าป้าเซี่ยวอยู่ที่ใด?” ฉินหยุนเงยหน้ามอง
ท้องฟ้าพร้อมเอ่ยถาม
ทันใดนี้เอง ที่ตรงหน้า บุคคลชุดสีดำพลันปรากฏตัวขึ้น
ตัดสินจากรูปร่าง อีกฝ่ายเป็นสตรี
นางสวมใส่หน้ากาก เส้นผมสีเงินงดงามของนางพลิ้วไหวกับสายลม
รอบกายนางมีรัศมีแสงสีเงินโอบล้อม ทั้งหมดทั้งมวลได้ขับเน้น
ความงามของนางจนมากล้น
สตรีเส้นผมสีเงินสวมใส่หน้ากากผู้นี้ ย่อมต้องเป็นอสูรจันทรา!
“ข้าจะไม่ให้เจ้าได้ไปพบนาง! ยินดีด้วยแล้ว เจ้าจะต้องติดอยู่ที่นี่ชั่ว
กัปชั่วกัลป์ ! ข้าให้สัญญาต่อเย่ว์จีไว้ว่าจะไม่สังหารเจ้า กระนั้นข้าไม่
เคยให้สัญญา ว่าจะไม่ขังเจ้าเอาไว้ที่นี่ และพวกนางก็จะไม่มีทางได้
ทราบเรื่องนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า!” อสูรจันทราหัวเราะดัง
ยามเมื่อนางหัวเราะ นางนำเอาเชือกสีดำออกมาพร้อมพันธนาการ
ฉินหยุนเอาไว้
ถัดจากนั้น ด้วยเสียงกรีดร้องดังยาว เหยี่ยวสีดำร่างใหญ่ยักษ์จึงบิน
มาจากที่ไกลออกไป
เหยี่ยวร่างยักษ์สีดำคว้าเอาตัวฉินหยุนบินขึ้นไปยังที่ห่างไกล
“ตัวบัดซบเช่นเจ้า ขอให้สำราญในเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ! ข้า
ถูกผนึกเอาไว้ที่นี่นานนับก็เพราะเจ้า ดังนั้นถึงคราวเจ้าได้ลิ้มรสมัน
บ้างแล้ว!”
อสูรจันทราคลุ้มคลั่งจนหัวเราะดังสนั่น มันคือเสียงหัวเราะที่อัดแน่น
ด้วยความแค้นใจที่นางมี