ราชันเทพเก้าสุริยัน Nine Sun God King - ตอนที่ 763 เด็กหนุ่มนามเชี่ยวหยุน
ตอนที่ 763 เด็กหนุ่มนามเชี่ยวหยุน
ฉินหยุนเดิมเหนื่อยล้าอย่างยิ่ง ทว่าสุ่ยเทียนสื่อคิดฉวยโอกาสต่อเขา
ทำให้ต้องเร่งรีบตื่นขึ้นมารับมือ หลังจากที่มือของสุ่ยเทียนสื่อถูกฉิน
หยุนคว้าเอาไว้ ร่างงดงามของนางคล้ายอ่อนยวบก่อนจะโน้มลงที่
บนร่างของฉินหยุน และเวลานี้ นางยังคงเผยรอยยิ้มราวกับผู้หิว
กระหาย
“พี่สุ่ย ข้าเหนื่อยมาก ข้าต้องการพัก!” ฉินหยุนไม่คิด ว่าไม่ได้พบสุ่ย
เทียนสื่อหลายปี นางจะถึงขั้นกล้าลงไม้ลงมือเพียงนี้
ด้วยความเป็นภูติสาวเย้าเสน่ห์เช่นนาง ยามนี้ร่างอ่อนช้อยงดงามนั้น
กลับสวมกอดเขาเอาไว้อย่างไม่คิดหยุดลงมือ
“น้องหยุน ให้พี่สาวผู้นี้ร่วมพักผ่อนกับเจ้าแล้ว!” ร่างของสุ่ยเทียนสื่อ
ทั้งอ่อนนุ่มและอบอุ่น ยิ่งไปกว่านั้น กลิ่นหอมหวานยังเย้ายวน ขณะที่
ถูกนางสวมกอดเอาไว้ ฉินหยุนรู้สึกคล้ายอ่อนแรงยากต้านทาน
สื่อชิงเฉิงเผยยิ้มกล่าวคำ “วิญญาณร้ายวารี น้องสาวของเย่ว์หลานยัง
อยู่ที่นี่และจับตา! เย่ว์หลานเป็นภรรยาของฉินหยุน!”
สุ่ยเทียนสื่อกล่าวอย่างไม่ยินดี “ข้าก็ไม่ได้ทำอันใดต่อน้องหยุนแม้
เพียงนิด ข้าเพียงไม่ได้พบเจอเขามาหลายปี ดังนั้นย่อมต้องคิดถึง
ขนาดร่วมพักผ่อนไปด้วยเพื่อคลายความรู้สึกนั้น!”
ฉินหยุนลอบลูบที่ต้นขาของสุ่ยเทียนสื่อ มันยิ่งทำให้นางเผยยิ้ม
ดึงดูดอย่างมากล้ำยิ่งขึ้น
สุ่ยเทียนสื่อย่อมได้เห็นว่าฉินหยุนเหนื่อยล้าเพียงใด นางจึงจูบเบาที่
ใบหน้าของเขาพร้อมเผยยิ้มบาง “ก็ได้ เจ้าพักให้ดี”
เวลานี้ ฉินหยุนค่อยได้สูดลมหายใจเข้าลึก มันทำให้เขานึกถึงปิงชิง
นางผู้นั้นคือผู้ฉวยโอกาสต่อเขาในทางลับ ขณะที่สุ่ยเทียนสื่อกระทำ
อย่างเปิดเผย!
หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะดัง “เสี่ยวหยุนเอ๋ย ภูติสาวนางนี้คล้ายคิดอยาก
ทำที่ตรงนี้เสียด้วยซ้ำ!”
สุ่ยเทียนสื่อ สื่อชิงเฉิง และเชี่ยวเย่ว์เหม่ยต่างนั่งในห้องรับรอง พวก
นางปล่อยให้ฉินหยุนได้พักผ่อน ย้อนกลับไปครั้งนครจันทราโกลาหล
พวกนางปล่อยให้ฉินหยุนและเชี่ยวเสวียนฉินอยู่ด้วยกันและกลับไป
ก่อน กระนั้น สุดท้ายแล้วมีแต่เชี่ยวเสวียนฉินที่กลับมา หลังได้ทราบ
ว่าฉินหยุนติดอยู่ในเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬที่อันตรายยิ่ง พวก
นางยิ่งกังวล สุ่ยเทียนสื่อกระทั่งร้องไห้โฮออกมา
“เย่ว์เหม่ย นี่น้องหยุนมาพบเจ้าเมื่อใดกัน?” สุ่ยเทียนสื่อเอ่ยถาม
“หลายวันก่อน” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยยิ้มขี้เล่น
“เฮอะ! ชายผู้นี้… เป็นเขาเมินข้าและชิงเฉิงเพราะแก่กว่าอย่างนั้น
หรือ? เพราะเหตุนั้นจึงไม่มาพบพวกเรา?” สุ่ยเทียนสื่อครวญคราง
เบาออกมา
“เย่ว์เหม่ย ยังมีผู้ใดอีกที่ทราบว่าฉินหยุนกลับมา? ได้บอกต่อฉีเย่ว์
และเสวียนฉินหรือยัง? พวกนางทั้งสองต่างก็อยู่ที่นี่” สื่อชิงเฉิงเอ่ย
ถาม
“ข้ายังไม่ได้แจ้งไป! ข้าคิดไม่ให้พวกนางรับรู้ไปชั่วคราว! ก่อนหน้า
นี้ ท่านทั้งสองได้บอกกล่าว ว่าพร้อมติดตามพี่ชายข้าไปชั่วชีวิตและ
เป็นผู้ช่วยเหลือ! เพราะเหตุนั้นข้าจึงติดต่อหาพวกท่าน!” เชี่ยวเย่ว์
เหม่ยลูบแก้มสื่อชิงเฉิงก่อนจะเผยยิ้มซุกซน “พี่สาวซาลาเปานึ่ง
ใบหน้าท่านช่างวิเศษ! ข้านึกเสียใจนักที่พี่ชายชื่นชอบลูบใบหน้า
ท่านเพียงนี้!”
สื่อชิงเฉิงดึงมือซุกซนของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยออกไป นางกล่าวคำด้วย
น้ำเสียงเจือปนความโกรธ “เด็กน้อย อย่าได้กระทำตามอำเภอใจ!”
ใบหน้าของสุ่ยเทียนสื่อพลันเผยร่องรอยความกังวล นางกล่าว “เย่ว์
เหม่ย สถานะของฉินหยุนตอนนี้อันตรายงั้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงยังไม่
แจ้งให้ฉีเย่ว์และเสวียนฉินได้ทราบ?”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยส่ายศีรษะ “พี่ชายยอดเยี่ยม ยังมีอันตรายใดย่างกรายต่อ
เขา? สาเหตุที่ข้าไม่บอกให้พวกนางได้รู้ ก็เพราะข้ากังวลว่าทั้งสอง
จะมาที่นี่ สถานะของพี่หยางจึงอันตราย นางมีผู้อาวุโสกลุ่มใหญ่
คอยคุ้มกันด้วยซ้ำ!”
สื่อชิงเฉิงมองทางห้องของฉินหยุนและกล่าวถาม “เย่ว์เหม่ย เสี่ยว
หยุนจะเข้าร่วมงานชุมนุมยุทธ์ดาบด้วยหรือ? เขาจะเข้าร่วมงาน
ประลองยุทธ์?”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพยักหน้ารับ “การแข่งขันจารึกลงทะเบียนเรียบร้อย
แล้ว ภายหลังค่อยลงทะเบียนงานประลองยุทธ์ วางใจ แม้พี่ชายยังไม่
ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ ก็ยังมีดีมากพอให้จัดการลิงไพร่เช่น
เจี้ยนหนันหู่อย่างไร้ซึ่งปัญหา!”
สุ่ยเทียนสื่อเผยความกังวล นางขมวดคิ้วกล่าวคำ “เสี่ยวหยุนของข้า
สรุปแล้วนี่เขาผ่านเรื่องราวอันตรายน่าหวาดกลัวเพียงใดจากเขตแดน
อ้างว้างจันทราทมิฬ? เป็นเขายังไม่อาจก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ
เสี่ยวหยุนช่างน่าสงสารนัก พี่สาวผู้นี้คงต้องช่วยให้เขาได้ผ่อนคลาย
ทางกายและอารมณ์ให้มากกว่านี้!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเริ่มบอกเล่า ถึงสาเหตุที่ฉินหยุนถูกถ่วงรั้งในเขตแดน
อ้างว้างจันทราทมิฬ นั่นก็เพราะช่องว่างกาลอวกาศ ฉินหยุนพักอยู่
หลายชั่วยาม สุดท้ายค่อยฟื้นคืนกลับมาดีดังเดิม เมื่อออกมาแล้ว สุ่ย
เทียนสื่อพลันก้าวเดินเข้ามาเกาะกุมแขนของเขาเอาไว้
เห็นได้ชัด ว่าฉินหยุนเริ่มคล้อยตามการหยอกเย้าของภูติสาวตรงหน้า
ฉินหยุนที่เดินมานั่งเรียบร้อย สุ่ยเทียนสื่อและสื่อชิงเฉิงจึงพร้อมใจ
กันนำเอากระเป๋ ามิติเก็บของออกมาจำนวนหนึ่ง
“เหล่านี้คือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ผลึกแก้วแกนกลางสัตว์อสูรดวงดาว! ให้แก่เจ้า!” สื่อชิงเฉิงกล่าว
ฉินหยุนรับกระเป๋ าเหล่านี้มารับชม ภายในต้องลอบตื่นตะลึง กระเป๋ า
ทั้งหก มันบรรจุเอาไว้ซึ่งผลึกแก้วแกนกลางสัตว์อสูรดวงดาวอยู่
จำนวนมาก
สุ่ยเทียนสื่อเผยยิ้มกล่าวคำ “เสี่ยวหยุน พวกเรารอเจ้ามาหลายปีนัก
พวกเราที่ไม่มีอันใดทำ จึงแวะเวียนไปเทือกเขานิราศจันทรา สังหาร
สัตว์อสูรดวงดาวเหล่านั้น ทั้งหมดนี้เป็นพวกเราหามาเพื่อมอบให้แก่
เจ้า!”
“ขอบคุณท่านทั้งสองแล้ว!” ฉินหยุนตื้นตัน
“เสวียนฉินก็มีมากมายไม่แพ้กัน!” สื่อชิงเฉิงเผยยิ้มบาง “แน่นอนว่า
ย่อมไม่ใช่การมอบให้โดยเปล่า เจ้าต้องสร้างอุปกรณ์ให้แก่พวกเรา
ด้วย!”
ฉินหยุนยื่นมือออกไปพลางยิ้ม จากนั้นจึงเริ่มลูบไล้ใบหน้าของสื่อ
ชิงเฉิงก่อนจะกล่าวคำ “พี่สาวซาลาเปานึ่ง แม้ท่านไม่มอบของ
เหล่านี้แก่ข้า ข้าก็ย่อมช่วยพวกท่านสร้างอุปกรณ์ให้!”
ถูกฉินหยุนลูบใบหน้าอยู่พักหนึ่ง สื่อชิงเฉิงจึงค่อยดึงมือมารนั้น
ออกไป
สุ่ยเทียนสื่อย่อมเกิดนึกอิจฉา นางฮึมฮัมเผยความโกรธออกมาคำเบา
พร้อมกล่าว “เสี่ยวหยุน ข้ายินดีให้เจ้าลูบได้ทุกส่วนทั้งเรือนร่าง นี่
ย่อมต้องดีกว่าใบหน้าของพี่สาวซาลาเปานึ่งของเจ้า!”
“พวกท่านทั้งสองกล่าว ว่าจะติดตามข้าและเป็นผู้ช่วยเหลือข้าใช่
หรือไม่?” ฉินหยุนยิ้มถาม
“ใช่ ใช่!” สุ่ยเทียนสื่อและสื่อชิงเฉิง ทั้งสองพยักหน้ารับพร้อมกัน
“ไม่ใช่พวกท่านเข้าร่วมเกาะจันทราปีศาจแล้วหรือ? ตอนนี้คิดอยาก
ติดตามข้า นี่คล้ายไม่ดีเท่าใดกระมัง?” ฉินหยุนถามขึ้น
“นั่นไม่สำคัญสักนิด! เกาะจันทราปีศาจแทบไม่เข้มงวดอันใด ยิ่งไป
กว่านั้น ฉีเย่ว์ก็เป็นผู้นำของเกาะจันทราปีศาจ นางจะยิ่งยินดีหาก
พวกเราได้เป็นผู้ช่วยเหลือให้แก่เจ้า!” สุ่ยเทียนสื่อเผยยิ้มยั่วยวน
พร้อมเดินเข้าหา นางเริ่มนวดคลึงแผ่นหลังของฉินหยุน
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวคำขึ้น “เอาละ เอาละ! ตอนนี้ข้าคิดเปลี่ยนรูปลักษณ์
พี่ชายเสียหน่อย! เพื่อที่พี่ชายจะได้เข้าร่วมงานแข่งขันจารึก พวกท่าน
กล่าว ว่าข้าควรเปลี่ยนเขาเป็นสตรีดีหรือไม่?”
“ดี ดี ดียิ่งนัก!” สุ่ยเทียนสื่อหัวเพราะพร้อมกล่าวคำย้ำ
“ดีที่ตรงใดไม่ทราบ!” ฉินหยุนจ้องมองที่สุ่ยเทียนสื่อพลางลูบที่ต้น
ขาของนาง ทำเอานางต้องเผยเสียงครวญครางเบาออกมา!
ความสามารถเทวะของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเหนือล้ำ มันสามารถแปรเปลี่ยน
ฉินหยุนเป็นคนหนุ่ม กระทั่งรูปลักษณ์โครงสร้างร่างกายยังแปรเปลี่ยน
อย่างมหาศาล ตัวเขาเวลานี้ยังคงหล่อเหลาดังเช่นก่อนหน้า ฉินหยุน
มองตัวเองในกระจกก่อนจะยิ้มพึงพอใจ
ถัดจากนั้น เขาจึงออกไปเดินเล่นทั่วตำหนักจารึกเทวะ กระทั่งเดิน
ผ่านตรงหน้ามู่เฟิง กระนั้นอีกฝ่ายก็ไม่คล้ายจดจำได้ เพื่อทำให้มั่นใจ
ว่าจะไม่ถูกจดจำได้ เขาจึงตามเชี่ยวเย่ว์เหม่ยไปยังโรงสุรา ที่แห่งนี้
ศิษย์ของตระกูลเจี้ยนมาบ่อยครั้ง ภายใน เขาได้เห็นเจี้ยนรั่วหยาน
และเจี้ยนหนันหู่ กระนั้น คนทั้งสองคล้ายไม่อาจจดจำเขาได้ เช่นนี้
ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยจึงเดินเตร่ไปทั่วเมืองอยู่หลายวัน
สุดท้ายแล้ว การแข่งขันจารึกก็ใกล้ถึงวันแข่ง
ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันจารึก เพื่อให้มีแต่อาจารย์
จารึกที่แข็งแกร่งในการแข่งขัน มันจึงมีการคัดกรอง ตระกูลเจี้ยน
เพิ่มค่าลงทะเบียนเป็นหนึ่งพันล้านเหรียญม่วง หากเป็นผู้เยาว์และ
เข้าถึงยี่สิบอันดับแรก เช่นนั้นจะได้รับค่าลงทะเบียนกลับคืน
สำหรับอาจารย์จารึกที่แข็งแกร่ง หนึ่งพันล้านเหรียญม่วงแทบไม่นับ
เป็นอะไร เรื่องนี้ย่อมไม่นับเป็นไรสำหรับฉินหยุนเช่นกัน บรรดา
อาจารย์จารึกที่เข้าร่วมการแข่ง เวลานี้ต่างเดินทางมาถึง พวกเขามายัง
ที่นี้พร้อมเงินหนึ่งพันล้าน ด้วยความคาดหวังว่าจะได้รับอักขระตะวัน
รายชื่อของอาจารย์จารึกที่ลงทะเบียนเข้าร่วมถูกประกาศออกมา
จำนวนมีทั้งสิ้นหลายร้อย เหล่านั้นล้วนเป็นตัวตนอาจารย์จารึกลึกล้ำ
และอาจารย์จารึกเต๋า
ตามรายงาน มีอาจารย์จารึกเต๋ามากกว่าร้อยคนมารวมตัวกันในที่นี้
พวกเขาต่างมาจากแคว้นทั้งหลายของแดนวิญญาณอ้างว้างเขตแดน
นอก
ผู้คนคาดเดา ว่าอาจารย์จารึกเต๋าที่เข้าร่วมงานครั้งนี้ กล่าวได้ว่าเป็น
อัตราส่วนแปดในสิบของอาจารย์จารึกเต๋าจากทั่วทั้งแดนวิญญาณ
อ้างว้างเขตแดนนอก ยิ่งไปกว่านั้น อาจารย์จารึกเต๋าหลายคนยัง
ลงทะเบียนด้วยชื่อปลอม ชัดเจนว่าพวกเขาไม่คิดให้ผู้อื่นได้ทราบ
ว่าผู้ชนะได้รับอักขระตะวันไปแท้จริงคือผู้ใด
เวทีการแข่งขันจัดขึ้นที่ตำหนักใหญ่ภายในค่ายอาคมใหญ่เจ็ดดาบ
เวทีตรงกลางกว้างใหญ่ อาจารย์จารึกหลายร้อยคนรวมตัวกันที่นี้
เรื่องน่าสนใจก็คือ อาจารย์จารึกหลายท่านต่างสวมใส่หน้ากาก
แน่นอนว่า ผู้ซึ่งดึงดูดความสนใจที่สุดเป็นเจี้ยนหลิงหลง ในการ
แข่งขันจารึก ไม่เพียงแต่เจี้ยนหลิงหลงเป็นตัวแทนตระกูลเจี้ยน แต่
นางยังเป็นตัวแทนของนครเซียนยุทธภัณฑ์
“ไม่ทราบว่าเจี้ยนหลิงหลงเกิดอันใดขึ้น นางถึงขั้นไปยังนครเซียน
ยุทธภัณฑ์!”
“จริง และตำหนักเซียนดาบก็ถึงกับยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น!”
“ข่าวลือว่านางโดนฉินหยุนล่อลวงไป ฉินหยุนผู้นั้นเชี่ยวชาญโทเทม
มากมาย ดังนั้นนางจึงติดกับได้โดยง่าย!”
“นั่นไม่จริง! ข้าได้ยินว่าบรรดาอาจารย์จารึกเต๋าแห่งตำหนักเซียน
ดาบล้วนถี่เหนียว! พวกเขาไม่คิดแบ่งปันอักขระเต๋าที่ดีแก่นาง ดัง
นั้นเจี้ยนหลิงหลงจึงจากไปด้วยโทสะ!”
“เป็นไปไม่ได้กระมัง? ไม่ใช่ว่าเจี้ยนหลิงหลงครอบครองจารึก
วิญญาณจ้าวเต๋าหรือไร? เหตุใดตำหนักเซียนดาบไม่มอบอักขระเต๋า
ที่ดีแก่นาง?”
“เจ้ายังไม่เข้าใจ หากตาเฒ่าถี่เหนียวพวกนั้นมอบอักขระเต๋าที่ดีแก่
เจี้ยนหลิงหลง ถึงตอนนั้นพวกเขาก็โดนนางทิ้งห่างแล้ว!”
หลายคนต่างพูดคุยกันอย่างออกรสถึงเรื่องของเจี้ยนหลิงหลง
ผู้ชมที่นี่ครึกครื้น อัฒจันทร์ชั้นแล้วชั้นเล่าอัดแน่นด้วยผู้คน พวกเขา
มาจากหลายแคว้น บ้างก็มีตำแหน่งสำคัญในแคว้น บ้างมาเป็นผู้มี
สถานะพิเศษ เพราะงานครั้งนี้ คือการรวมตัวกันของขั้วอำนาจใหญ่
พร้อมเหล่าศิษย์ เปาเฉิงโฉ่วและเจี้ยนสือเทียนนั่งอยู่ด้วยกัน ใบหน้า
เจี้ยนสือเทียนเวลานี้น่าเกลียดไม่ใช่น้อย
เปาเฉิงโฉ่วยิ้มกล่าว “จ้าวสำนักดาบ อย่าได้ใส่ใจเรื่องข่าวลือไร้สาระ
เช่นนั้นไปเลย”
เจี้ยนสือเทียนแค่นเสียง เนื่องด้วยข่าวลือเหล่านั้นล้วนเป็นจริงทั้งสิ้น
หลายปีผันผ่าน หลายผู้คนที่นี่ยังจดจำเรื่องฉินหยุนได้ ยามใดเอ่ยถึง
เรื่องของฉินหยุน เปาเฉิงโฉ่วและฉู่ปินอวี้จะถอนหายใจอย่างนึก
เสียดาย แม่เฒ่าหยุนเหยา เชี่ยวเสวียนฉิน หยางฉีเย่ว์ สื่อชิงเฉิง และ
สุ่ยเทียนสื่อ พวกนางเวลานี้ก็ไม่ได้อยู่ห่างจากเปาเฉิงโฉ่วเท่าใดนัก
“จ้าวสำนักฉู่ ท่านไม่เข้าร่วมหรือ?” ฮูจิงเซียนยิ้มกล่าวถาม
“ไม่เข้าร่วม มันมีแต่ทำข้าเสียเหรียญม่วงโดยเปล่า!” ฉู่ปินอวี้ส่าย
ศีรษะพลางหัวเราะ “หากเข้าร่วม ข้าคงไม่มีทางเข้าถึงแม้ยี่สิบอันดับ
แรก!”
แม่เฒ่าหยุนเหยากล่าวคำ “นครเซียนยุทธภัณฑ์ เจี้ยนหลิงหลง
ครอบครองจารึกวิญญาณจ้าวเต๋า หากแข่งขันแกะสลักอักขระเต๋า ก็
เป็นไปได้สูงยิ่งว่านางจะได้อันดับหนึ่งไปครอง!”
เจี้ยนสือเทียนกล่าว “การแข่งขันนี้ย่อมไม่ให้พวกเขาได้แกะสลัก
อักขระเต๋า ดังนั้นแล้ว จารึกวิญญาณจ้าวเต๋าของหลิงหลงย่อมไม่มี
เปรียบใด”
เปาเฉิงโฉ่วยิ้มกล่าว “พวกเจ้าคล้ายจงใจวางเรื่องราวไว้เป็นอย่างดี
แล้วกระมัง?”
เจี้ยนสือเทียนค่อนข้างไม่ยินดีที่ถูกทราบ “เจ้าอย่าได้กล่าววาจาไร้
สาระ ทุกอย่างเป็นไปอย่างยุติธรรม กล่าวกันตามตรง ผู้มีพรสวรรค์
มีมากมาย ผู้ที่เหนือล้ำกว่าอาจารย์จารึกเต๋าบางทีอาจใช้แค่อักขระลึก
ล้ำ!”
แม่เฒ่าหยุนเหยากล่าว “เป็นเช่นนั้น! ผู้มีพรสวรรค์ คิดสร้างอุปกรณ์
เต๋าเพียงแค่อักขระลึกล้ำยังสามารถกระทำ!”
มู่เฟิงเองก็เข้าร่วม เวลานี้เขาหันมองรอบ พบว่ามีบุคคลหนึ่งนาม
เชี่ยวหยุน หลังพิจารณาให้ดี เขาจึงได้พบเห็นอีกฝ่ายเป็นเด็กน้อย
ซุกซนร่างเล็กและเตี้ย ที่หน้าอกมีป้ายเขียนประดับไว้สองคำ “เชี่ยว
หยุน”
“เหล่ามู่ อย่าได้เปิดโปงข้า!” ฉินหยุนเร่งรีบส่งเสียงสื่อสารร้องบอก
ต่อมู่เฟิง
มู่เฟิงไม่คาดคิด ว่าฉินหยุนจะแปรเปลี่ยนรูปลักษณ์ตนเองเป็นเด็ก
หนุ่มอายุสิบสี่ มันทำเขานึกย้อนถึงกาลก่อน ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ ครั้ง
หนึ่งก็เคยมายืนหยัดที่ตรงหน้าเขาเมื่อนานมาแล้ว!