ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ตอนที่ 1008
ไม่กี่นาที่ถัดมา ไคลน์ที่อยู่ในร่างเกอร์มัน·สแปร์โรว์และมิสจัสติส เดินออกจากบ้านเลขที่ 39 ถนนเบิร์คลุน ตระเวนไปตามจุดต่างๆ ที่มีคนเคยถูกปรสิตเข้าไปอาศัย
หลังจากเดินอย่างเงียบงันสักพัก ไคลน์มองไปข้างหน้าและพูด
“เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับผู้วิเศษไร้สังกัด หากปราศจากคำแนะนำที่ถูกต้อง ก็ไม่ต่างอะไรกับการเดินบนขอบเหว สามารถตกลงไปได้ทุกเมื่อ”
ออเดรย์อืมในลำคอ ตามด้วยกล่าว
“ฉันทราบ… เทียบกับเมื่อก่อน ฉันไม่เหมือนเดิมแล้ว… ตอนนี้ไม่ได้…”
เธอครุ่นคิดสักพักก่อนจะยกมุมปาก พบคำคุณศัพท์ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของตน กล่าวด้วยน้ำเสียงกึ่งเย้ยหยันตัวเอง
“ไร้เดียงสา…”
“เฮ้อ…” หญิงสาวถอนหายใจโดยไม่ปิดบัง มองไปข้างหน้าและพูดต่อ “ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมิถุนายนปีก่อน หากทราบว่าโลกเหนือธรรมชาติจะน่ากลัวและโหดร้ายเช่นนี้ บางทีอาจตัดสินใจไม่เป็นผู้วิเศษ”
ไคลน์เอียงคอเล็กน้อย ชำเลืองไปทางสตรีขุนนางผู้สูงศักดิ์ ถามอย่างเป็นกันเอง
“ถ้าตอนนี้มีวิธีทำให้คุณกลับไปเป็นคนธรรมดาได้… จะทำไหม?”
ออเดรย์ผงะเล็กน้อย ค่อยๆ หุบริมฝีปากและพูด
“ไม่…”
หลังจากตอบออกไป คล้ายกับเธอผ่อนคลายตัวเองลง ยิ้มและพึมพำ
“ฉันหมายถึงตัวเองในช่วงมิถุนายนปีที่แล้ว แต่ไม่ใช่กับตอนนี้… บางที นี่อาจเป็นราคาของการเติบโต”
“ผมเข้าใจที่คุณจะสื่อ” ไคลน์ยังคงเดินต่อไป ไม่เร็วไม่ช้า หันไปพูดกับอีกฝ่าย “บรรดาเหยื่อของปรสิต จะมีจำนวนหนึ่งที่คายหนอนกาลเวลาออกมา สิ่งนั้นสามารถนำไปสร้างเป็นยันต์โจรปล้นดวง มีพลังอยู่ในระดับครึ่งเทพ สามารถแลกเปลี่ยนชะตากรรมระหว่างผู้ใช้งานกับเป้าหมายเป็นเวลาสั้นๆ เมื่อถึงตอนนั้น ผมจะยกให้คุณหนึ่งแผ่น เป็นค่าที่ปรึกษาของวันนี้”
ขณะออเดรย์เตรียมปฏิเสธ เธอชะงักเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าแผ่วเบา:
“ตกลง”
กล่าวจบ เธอชำเลืองไปทางเกอร์มัน·สแปร์โรว์ด้านข้าง ยิ้มด้วยสีหน้าค่อนข้างซับซ้อน
“ดิฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณถึงคำถามคำถามนั้น”
ไคลน์ยิ้ม ไม่ตอบเพิ่ม
ออเดรย์ถอนสายตากลับ สีหน้าแววตาดูแจ่มใสขึ้นมาก รำพันกับตัวเองเล็กๆ
“ตอนเที่ยงเข้าร่วมปฏิบัติการสั่งสอน ตอนบ่ายช่วยจัดการกับผลข้างเคียงอามุนด์… วันนี้ช่างเป็นวันแห่งทาโรต์”
เธอกล่าวด้วยความหมายสองมุม พลางถอนหายใจเปี่ยมอารมณ์
ตามความคิดของหญิงสาว ตอนเที่ยงเป็นความร่วมมือของสมาชิกชุมนุมทาโรต์ที่ประกอบด้วยเดอะมูน เดอะสตาร์ จัสติส จัดจ์เมนต์ และเมจิกเชี่ยน โดยที่แต่ละคนมีบทบาทและความสำคัญต่างกันไป ถัดมาในช่วงบ่าย เดอะเวิร์ลทำการกวาดล้างร่างโคลนของอามุนด์ และจัสติสช่วยขจัดผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น ถือเป็นวันที่น่าจดจำอีกวันหนึ่ง คู่ควรแก่การถูกเรียกว่าวันแห่งทาโรต์
ไคลน์พยักหน้า เห็นด้วยกับคำพูดของหญิงสาว แต่มิได้บอกกับเธอว่า ในภารกิจกว้างล้างอามุนด์ เดอะสตาร์เองก็เข้าร่วมด้วยในฐานะกำลังหลัก
“ร่างโคลนของอามุนด์รับมือได้ยากใช่ไหมคะ…” เมื่อสบโอกาส ออเดรย์ยิงคำถาม
หญิงสาวจ้องไปทางเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ความอยากรู้อยากเห็นเต็มเปี่ยมภายในดวงตาโดยไม่ปิดบัง
ไคลน์ยิ้มและตอบ
“ถ้าผมต้องสู้ตัวคนเดียว ตอนนี้คนที่คุณกำลังคุยด้วยจะไม่ใช่เกอร์มัน·สแปร์โรว์ แต่เป็นอามุนด์”
“ช่วงชิงชะตากรรมและตัวตน?” ออเดรย์ถามกะทันหัน
ไคลน์อืมในลำคอ
“ไว้ค่อยเล่ารายละเอียดภายหลัง สรุปโดยสั้น ในปฏิบัติการกวาดล้างร่างโคลนอามุนด์คราวนี้ ทางเราต้องส่งเทวทูตมาจำนวนหนึ่ง… หากเผชิญหน้ากับร่างโคลนของอามุนด์ในอนาคต อย่ามัวคิดหาวิธีจัดการกับมันให้เสียเวลา รีบสวดวิงวอนทันที… อา… ลักษณะเด่นของมันก็คือ ชอบสวมแว่นตาขาเดียว ชอบแกล้งคนด้วยรสนิยมพิสดาร”
ต้องส่งเทวทูตมาจำนวนหนึ่ง… จะใช่กงสุลมรณะไหมนะ? หรือเป็นเทวทูตในขอบเขตชะตากรรม… หรือว่า… ออเดรย์แหงนมองฟ้า พบก้อนเมฆที่กำลังหยุดนิ่ง ไม่กระดุกกระดิก ราวกับเป็นของประดับฉากหลังที่ค่อนข้างคล้ำ
เฉกเช่นนักเรียนที่กำลังฟังครูสอน ออเดรย์พยักหน้าขึงขัง
“จะจำใส่ใจไว้ค่ะ”
ทั้งสองยังคงเดินเท้าต่อไป บ้างเงียบงัน บ้างคุยกันสบายๆ จนกระทั่งเข้าสู่บ้านเลขที่ 169 ถนนเบิร์คลุน
ผ่านไปหลายนาที ภายในห้องนั่งเล่นของบ้านเฮเซล
ส.ส. มัคท์และคนที่เหลือพลันเกิดความรู้สึกอยากสวดวิงวอนอย่างแรงกล้า รีบหาที่นั่งและประสานมือไว้ใต้ปาก สวดวิงวอนถึงเทพธิดารัตติกาลด้วยพระนามเต็ม
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ พวกมันไอกระแอมพร้อมกัน ไอจนน้ำหูน้ำตาไหล
แค่ก! แค่ก! แค่ก!
พอรู้ตัวอีกที แต่ละคนต่างพากันกระอักหนอนสิบสองปล้องออกจากปาก
ในวินาทีที่แมลงตกถึงพื้น พวกมันอันตรธานหายโดยไม่มีใครมองเห็น
เหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นกับทุกซอกมุมของถนนเบิร์คลุน แต่เพียงไม่นานก็กลับสู่สภาวะปรกติ ความมืดบนท้องฟ้าจางหายไปตอนไหนไม่มีใครทราบ กระแสเมฆไหลไปตามสายลมอีกครั้ง
ท่ามกลางเสียงไอของพ่อแม่ เฮเซลค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นด้วยความฉงน พบว่าตนกำลังอยู่ในช่วงเวลาดื่มชายามบ่าย ส่วนตนเผลอหลับไปบนโซฟา
เธอคิดว่าตนควรจะมีความสุข แต่กลับยิ้มไม่ออก คล้ายกับมีความเศร้าและความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ได้อัดแน่นภายในใจ
เมื่อเห็นสายตาเป็นกังวลจากพ่อแม่ ไม่เพียงเธอจะไม่ขยับ แต่ยังเผยท่าทีสั่นกลัวเล็กๆ เหมือนกับเด็กเก็บตัวที่ไม่คุ้นเคยกับการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
เฮเซลตระหนักว่านี่ไม่ใช่บุคลิกของเธอ แต่ก็มิอาจควบคุมตัวเองได้
ถึงอย่างนั้น หญิงสาวไม่ประหลาดใจนานนัก ยังคงดื่มด่ำไปกับชายามบ่าย
เช่นเดียวกันกับส.ส. มัคท์ มาดามลีอานน่าและคนที่เหลือ พวกมันรู้สึกว่าความทรงจำของตนค่อนข้างคลุมเครือในบางส่วน แต่ก็จำอะไรไม่ได้
…
บ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน ภายในห้องนอนใหญ่ที่ขึงผ้าม่านปิดสนิท
ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะกาแฟ สวมชุดคลุมเรียบง่าย เข็มขัดเปลือกไม้ ไม่ใช่ใครนอกจากผู้นำของเหล่านักบวชที่อยู่ในสภาพเท้าเปล่า หัวหน้าสำนักชีรัตติกาล ประมุขแห่งสิบสามอาร์ชบิชอปของโบสถ์รัตติกาล
บนกระจกตาของเธอสะท้อนภาพดอน·ดันเตสเจ้าของจอนสีขาวที่กำลังเอนตัวลุกจากโซฟา บนโต๊ะกาแฟข้างๆ มีหนอนแมลงโปร่งจำนวนเก้าตัว
“ทิวาสวัสดิ์ พระคุณเจ้าอาเรียนน่า” ไคลน์โค้งคำนับนอบน้อม “เป็นเพราะความช่วยเหลือจากท่าน ร่างโคลนของอามุนด์ในเบ็คลันด์จึงถูกกวาดล้างทั้งหมด ท่านสามารถเลือกส่วนแบ่งจากกองรางวัลเหล่านี้”
มันได้ส่งหุ่นเชิดของตนไปอยู่ข้างๆ ร่างโฮสต์ทุกคน จากนั้นก็ใช้ภาพลวงตาเพื่ออำพรางและนำหนอนกาลเวลากลับมา
ได้ยินคำพูดดังกล่าว อาเรียนน่าเคาะหน้าอกสี่จุด ตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เทพธิดาจงเจริญ”
เธอมิได้ปฏิเสธ ไม่มากพิธี เพียงเหยียดมือขวาออก หนอนกาลเวลาสองตัวก็ลอยขึ้นไปบนมือ
“อามุนด์คงได้รับเบาะแสบางอย่างจากเหตุการณ์นี้ เจ้าต้องระวังตัวเองให้มาก” หลังจากกล่าวประโยคสั้นกระชับ ร่างของอาเรียนน่าเลือนหายไปราวกับถูกเช็ดออกจากอากาศ
เมื่อเห็นอาร์ชบิชอปจากไป ไคลน์หยิบปากกาและกระดาษ เขียนถึงเลียวนาร์ด·มิเชล
มันอยากทราบว่า สำหรับหนอนกาลเวลา นอกจากยันต์โจรปล้นดวงแล้ว ยังนำไปสร้างอะไรได้อีก!
มันคิดว่าตนไม่ควรเปลี่ยนหนอนกาลเวลาทั้งหมดให้เป็นยันต์โจรปล้นดวง เพราะนั่นจะขาดความหลากหลายและง่ายแก่การถูกดักทาง ไม่สามารถใช้รับมือกับสถานการณ์ได้ครอบคลุม จึงควรมองหาช่องทางอื่นสำรองไว้
หากมีหนอนกาลเวลาเป็นภาชนะ การวาดสัญลักษณ์อื่นที่แตกต่างจากของเดอะฟูล ย่อมมีโอกาสสร้างผลลัพธ์ใหม่ๆ ให้กับยันต์ และสำหรับเรื่องนี้ พาลีส·โซโรอาสเตอร์ย่อมชำนาญกว่าใคร
เขียนจดหมายเสร็จ ไคลน์หยิบฮาร์โมนิก้านักผจญภัยออกมาจ่อปากเป่า
ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์เจ้าของสี่หัวทองตาแดงเดินออกจากความว่างเปล่า ดวงตาทั้งแปดชะงักและหันไปทางหนอนกาลเวลาที่เหลืออีกเจ็ดตัวบนโต๊ะกาแฟ
ผู้ส่งสารสาวจ้องพวกมันนานสามวินาทีเต็ม ก่อนจะถอนสายตากลับ งับกระดาษจดหมายและเหรียญทองที่ไคลน์ส่งให้
“บ้านเลขที่ 7 ถนนพินสเตอร์เหมือนเดิม” ไคลน์ตอบห้วน
อีกสามหัวที่เหลือของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ตอบกลับ
“ในอนาคต…” “เจ้าสามารถ…” “ขอความช่วยเหลือ…”
“จากข้าได้…” “โดยมี…” “ค่าตอบแทน…”
“เป็นส่วนแบ่ง…” “จากศัตรู…”
ไคลน์ผงะเล็กน้อย ตามด้วยกล่าว
“ตกลง”
จนกระทั่งมิสผู้ส่งสารกลับสู่โลกวิญญาณ มันขมวดคิ้วและพึมพำ
ถ้าเธอตระหนักถึงคุณค่าของหนอนกาลเวลา… แปลว่าเธอย่อมทราบว่า การต่อสู้ในอนาคตอาจพัฒนาไปถึงสงครามเทวทูต…
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่กลัวเลยสักนิด…
มิสผู้ส่งสารแข็งแกร่งกว่านี้เราคิด?
…
บ้านเลขที่ 7 ถนนพินสเตอร์ เลียวนาร์ดรับจดหมายจากไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์
มันค่อนข้างตื่นเต้น อดใจรอไม่ไหวที่จะคลี่กระดาษและกวาดสายตาอ่าน
จนกระทั่งผู้ส่งสารกลับไป มันหรี่เสียงลงและพึมพำ
“ตาแก่ ยังมีวิธีอื่นในการสร้างยันต์ใช่ไหม?”
ปัจจุบัน พาลีส·โซโรอาสเตอร์ตัดสินใจมอบหนอนกาลเวลาสองตัวจากอามุนด์ให้เลียวนาร์ด เพื่อเป็นรางวัลที่ยอมเสี่ยงชีวิต
ภายในใจเลียวนาร์ด เสียงค่อนข้างชราตอบอย่างมีชีวิตชีวา
“แน่นอน รอให้ข้าหลับพักผ่อนสักพักเพื่อย่อยผลประกอบการในวันนี้ เมื่อตื่นขึ้นมา ข้าจะสอนให้เจ้าเอง คราวนี้ใช้เวลาไม่นาน และระหว่างนั้นไม่ควรแวะไปที่ถนนเบิร์คลุน”
“ทำไม?” เลียวนาร์ดถามด้วยความประหลาดใจ
พาลีส·โซโรอาสเตอร์หัวเราะในลำคอ
“ร่างโคลนของอามุนด์ในเบ็คลันด์ถูกทำลายทั้งหมด เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก จึงเหลือผู้ต้องสงสัยอยู่เพียงไม่กี่ราย เจ้าพอจะเข้าใจไหม?”
หรือว่า… จิตใจเลียวนาร์ดตึงเครียดอีกครั้ง
พาลีสกล่าวต่อ
“แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ต้องกังวลมากไป ร่างจริงของเจ้านั่นเข้ามาในเบ็คลันด์ไม่ได้ และข้าเองก็ฟื้นพลังกลับคืนมามากแล้ว ลำพังร่างโคลนมิอาจทำอะไรได้… นอกจากนั้น จากความทรงจำของร่างโคลนสองสามตัว ข้าพบความคิดของฟลอร่า·เจคอปที่ระบุไว้ว่า: ที่ใดสักแห่งในเบ็คลันด์ มีสมบัติตระกูลเจคอปซ่อนอยู่… ไว้รอให้ถึงการชุมนุมในช่วงสิ้นปี เราจะปรึกษาเรื่องนี้กับทายาทเจคอปที่เหลือ ช่วยกันตามหาสมบัติและแบ่งอย่างเท่าเทียม เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้อามุนด์รวบรวมร่างโคลนได้เป็นจำนวนมากจนเข้าใกล้ลำดับ 1 ก็ยังไม่มากพอจะเอาชนะข้าได้… หึหึ… อา… เพื่อให้เกิดความสมดุล เราจะให้ดอน·ดันเตสเข้ามาเอี่ยวด้วยก็ได้”