ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ตอนที่ 632
Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 632 : บทสรุป
ราชันเร้นลับ 632 : บทสรุป
โดย
Ink Stone_Fantasy
ท่ามกลางความเงียบ อมิรุสรีบแก้ไขสีหน้า พลางเปล่งเสียงด้วยอากัปกิริยาสง่างาม
“ช่วยเล่ารายละเอียดด้วย”
ไคลน์ไม่ปิดบังมากนัก เริ่มต้นเล่าจากคำถามของออสเท่นเมื่อหลายวันก่อน ตามด้วยการถูกชายลึกลับบุกรุกความฝันเพื่อเข้ามาเตือนว่า ห้ามขัดขวางทางเลือกแห่งกาลเวลา และโทรเลขฉุกเฉินที่แจ้งข่าวการเปลี่ยนตัวนายกเทศมนตรี
จากนั้น ชายหนุ่มเริ่มเล่ารายละเอียดในเหตุการณ์ซินเธียแปลงร่างอาละวาด สภาพแวดล้อมในขณะนั้น ความโอหังและเนื้อแท้ของลัวอาน การตอบสนองของตัวไคลน์ และการสืบสวนขยายผลหลังจากนั้น
ส่วนเรื่องที่ปิดบังไว้ก็คือ วันที่ 4 กุมภาพันธ์เป็นวันที่ตนมาถึงเกาะโอลาวี รวมถึงสมมติฐานหลังจากนั้น
แน่นอน รายละเอียดการต่อสู้ก็ค่อนข้างคลุมเครือเช่นกัน แต่ไคลน์เชื่อว่านายพลอมิรุสคงเข้าใจถึงเหตุผล เนื่องจากผู้วิเศษทุกเส้นทางล้วนมีจุดแข็งจุดอ่อน ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะปิดเป็นความลับต่อกัน เพราะถึงจะมีลำดับสูงกว่า แต่ก็อาจเสียท่าผู้วิเศษลำดับต่ำเอาได้ หากถูกล่วงรู้จุดอ่อนและลอบทำร้ายทีเผลอ
สำหรับลำดับต่ำกว่าครึ่งเทพทั้งหมด ทุกคนพร้อมจะแข็งแกร่งและอ่อนแอในเวลาเดียวกัน!
อมิรุสเพียงยืนฟังอย่างเงียบงัน ไม่เปลี่ยนสีหน้าท่ามกลางบรรยากาศมืดสนิทภายในห้อง แต่การที่อีกฝ่ายไม่พูดแทรกระหว่างไคลน์กำลังอธิบาย เรื่องนี้บ่งบอกเป็นนัยถึงบางสิ่ง
ไม่กี่วินาทีถัดมา อมิรุสถามเสียงต่ำ
“มีบุคคลลึกลับบุกรุกความฝันของคุณ แถมยังเน้นย้ำเกี่ยวกับตัวเลือกแห่งการเวลา และกระแสการไหลของชะตากรรม?”
“ถูกต้อง” ไคลน์เปลี่ยนกลับไปเป็นใบหน้าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ โดยมิได้อธิบายเจาะจงไปว่า ชายลึกลับเอ่ยถึงแผนการของออสเท่น·รีเวลต์
อมิรุสยืนนิ่งสักพัก
“ในความฝัน คุณยังรักษารูปโฉมของผมได้?”
“ถูกต้อง นั่นคือความลับของผม” ไคลน์ตอบ
อมิรุสพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินวนเป็นวงแคบหนึ่งรอบ และหันกลับมาหาเกอร์มัน·สแปร์โรว์
“การตัดสินใจของคุณ… ทำได้อย่างไร้ที่ติ”
ได้ยินเช่นนั้น ไคลน์พลันตระหนักอย่างแจ่มชัดว่า นี่คือการตอบสนองในอุดมคติที่ผู้ไร้หน้าทุกคนล้วนปรารถนา การถูกชมเชยจากครึ่งเทพ ช่วยให้โอสถย่อยด้วยความเร็วก้าวกระโดด!
สิ้นเสียงกังวาน อมิรุสหันไปด้านข้าง มองออกไปนอกหน้าต่างเป็นเวลานาน ตามด้วยการเปล่งเสียงเย็นชา
“ในตอนแรก ผมมิได้คิดทำพันธสัญญากับผู้ที่มาสวมรอย แต่จะบอกกับซินเธียด้วยตัวเองว่า ร่างกายของผมเริ่มแสดงอาการของภาวะคลุ้มคลั่ง ไม่สามารถเข้าใกล้เธอได้ห้าวัน แต่สุดท้าย ผมกลับเปลี่ยนใจกะทันหันด้วยเหตุผลบางอย่าง”
นั่นสินะ… หากแรงกระหายทางเพศที่เรามีต่อซินเธียไม่ถูกระงับไว้ด้วยพันธสัญญา เกรงว่า ถึงจะอดทนในเวลาปรกติได้ แต่คงไม่รอดพ้นจากเงื้อมมือของซินเธียในร่างสัตว์ประหลาด…
ถ้าซินเธียทราบล่วงหน้าว่าพันธสัญญามีระยะเวลาเพียงห้าวัน เธอคงไม่รีบร้อนขูดผงจากสร้อยขยายตัณหามาชงดื่มและสวดวิงวอนถึงมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย จนร่างกายถูกเปลี่ยนให้เป็นภาชนะ และเปลี่ยนเป็นสัตว์ประหลาดในที่สุด…
ไม่สิ ถ้าเธอนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับนิกายกายาสวรรค์ อีกฝ่ายคงหาวิธีโน้มน้าวให้ขูดผงชงดื่มและสวดวิงวอนอยู่ดี บทสรุปคงไม่เปลี่ยนไปจากเดิมสักเท่าไร…
เป้าหมายหลักคือเราไม่ผิดแน่…
มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายกำลังหวังอะไร? ทำไมถึงดลใจให้นายพลอมิรุสเปลี่ยนใจมาทำพันธสัญญากับเราในวินาทีสุดท้าย…
ไคลน์เริ่มพบกุญแจสำคัญ จึงหันไปมองอมิรุสที่กำลังยืนหันข้างให้ และเอ่ยปากถามเสียงเรียบ
“เหตุผลอะไรครับ?”
อมิรุสตอบโดยปราศจากอารมณ์
“คุณไม่จำเป็นต้องทราบ”
เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ไคลน์รู้สึกเกลียดชังคำตอบนี้จากก้นบึ้งหัวใจ
หลังจากครุ่นคิดสักพัก ชายหนุ่มโยนสร้อยนอแรดชำรุดไปหานายพล
“นี่คือสร้อยขยายตัณหาจากมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย”
อมิรุสคว้าไว้ ก้มมองจี้นอแรด
“คุณกลับไปได้ ไปหาบิลต์เพื่อรับเงินค่าจ้าง”
ไม่กังวลเลยหรือว่าเราจะรู้ความลับมากไป? นั่นสินะ แผนการของออสเท่นกลายเป็นหมันเรียบร้อยแล้ว ถูกขั้วอำนาจทางการเมืองฝั่งตรงข้ามเล่นงานจนหมดท่า และเนื่องจากอมิรุสไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง คนอย่างเราคงไม่มีวันสืบสวนลึกไปกว่านี้ การปล่อยเอาไว้จึงไม่ใช่เรื่องเสียหาย…
ไคลน์เคยคิดว่า ตนอาจถูกบังคับให้ต้องทำพันธสัญญาระยะยาว เพื่อห้ามแพร่งพรายข้อมูลทุกชนิดที่ได้พบเห็นในช่วงสองสามวันก่อนหน้า แต่ก็ต้องผิดคาดเมื่อถูกปล่อยกลับอย่างเรียบง่าย
เมื่อเห็นว่าอมิรุสไม่กล่าวสิ่งใดต่อ ชายหนุ่มชี้นิ้วกลับไปทางอีกฝ่าย
“เสื้อผ้า”
อมิรุสก้มมองเล็กน้อย นิ่งไปสักพัก ก่อนจะบรรจงถอดทักซิโด้ เชิ้ต และเสื้อกั๊ก
อันที่จริง ไคลน์ต้องการเรียกค่าเสี่ยงภัยจากภารกิจเพิ่มเติม แต่หลังจากพิจารณาว่า ซินเธียเสียชีวิตโดยมีตนเป็นต้นเหตุ หากตนไม่เดินทางมายังโอลาวี เธอก็คงไม่ต้องตาย มันจึงค่อนข้างรู้สึกผิด
ไคลน์เพียงก้มหน้า ถอดชุดนอนออกโดยไม่เรียกร้องสิ่งใด นำทักซิโด้ของอีกฝ่ายมาสวม
จากนั้นก็หลบหนีไปยังทิศทางที่อมิรุสบอก กระโดดจากหน้าต่าง และรีบออกจากคฤหาสน์อย่างราบรื่นประหนึ่งบอดี้การ์ดตาบอดชั่วคราว
อมิรุสสวมชุดนอน มือขวากำสร้อยขยายตัณหาแน่นจนเส้นเลือดปูด ดวงตาจ้องออกไปนอกหน้าต่าง แหงนมองจันทราสีแดงและหมู่ดาวที่กำลังส่องแสงเจิดจรัส
ใบหน้ายังคงไม่แปรเปลี่ยน อากัปกิริยาแน่นิ่งเช่นนั้นเป็นเวลานาน
กร็อบ!
หมัดที่กำแน่นเริ่มคลายตัว เศษผงซึ่งเคยเป็นจี้นอแรดยาวหนึ่งข้อนิ้ว ร่วงกราวลงพื้นทีละนิด
…
เที่ยงตรง
ไคลน์ ผู้ได้หลับเต็มอิ่มตลอดช่วงเช้า เดินออกจากโรงแรม เช่ารถมาตรงมายังผับมะนาวหวาน เข้าพบบิลต์·แบรนโด้ภายในห้องชั้นสอง
“จบแล้วหรือ” บิลต์ซักถาม สีหน้าเผยความผ่อนคลายเจือตกตะลึง
ไคลน์ผงกหัว
“นายพลอมิรุสกลับมาแล้ว ค่าจ้างที่เหลืออยู่ไหน”
บิลต์ฉีกยิ้มกว้างอย่างปีติ รีบสั่งให้บอดี้การ์ดออกไปรอด้านนอก ตัวมันตรงไปยังตู้นิรภัยพร้อมกับหยิบเงินสดห้าร้อยปอนด์และกระดุมข้อมือสีน้ำเงินออกมา
“สิ่งนี้คือสมบัติวิเศษที่สร้างจากถุงลมของตัวเมอร์ล็อก” บิลต์อธิบาย “สรรพคุณช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างเกล็ดปลาใต้ชั้นผิวหนัง ถูกจับตัวได้ยากเพราะลื่นไหลเหมือนกับปลา แถมยังช่วยลดความเสียหายที่ได้รับ ด้วยสิ่งนี้ คุณจะดำน้ำลึกสิบห้าเมตรได้นานสิบนาที ผลข้างเคียงไม่รุนแรงนัก หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนหรือแห้งจัด คุณจะเหนื่อยได้ง่ายกว่าปรกติ”
หรือก็คือ อย่าใช้งานร่วมกับเข็มกลัดสุริยัน…
ไคลน์ยื่นมือออกไปรับเงินและสมบัติวิเศษ
“ไม่นับเงินสักหน่อยหรือ” บิลต์ติดตลก
“ธุรกิจของนายอยู่ที่นี่” ไคลน์ตอบห้วน
ความนัยที่แฝงมาด้วยก็คือ หากมีปัญหากับจำนวนเงินหรือสมบัติวิเศษ มันสามารถตามหาคนรับผิดชอบได้ไม่ยาก
รอยยิ้มของบิลต์แข็งค้างหลายวินาที
“ส…สิ่งนี้ยังไม่มีชื่อ เชิญคุณตั้งได้เลย”
“กระดุมข้อมือเมอร์ล็อก” ไคลน์ไม่เปลืองเซลล์สมองคิด
“เป็นชื่อที่ดี เห็นภาพชัดเจนมาก” บิลต์ยังคงสวมรอยยิ้มจอมปลอม
มันเว้นวรรคสักพัก
“ช่างฝีมือกล่าวว่า เขาสามารถบรรจุพิธีกรรมอัญเชิญสัตว์วิญญาณลงในวัตถุได้ พลังวิญญาณจะคงอยู่ได้นานหนึ่งปีครึ่ง แต่ก่อนอื่น ผมต้องขอทราบรายละเอียดที่แน่ชัดกว่านี้ ฮะฮะ! ไม่ต้องกังวล ตามที่ได้ตกลงกันไว้ ผมจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด”
“ดี สร้างเป็นฮาร์โมนิก้า” ไคลน์หยิบปากกาและกระดาษจากกระเป๋าเสื้อ โน้มตัวตัวเขียนรายละเอียดพิธีกรรมอัญเชิญผู้ส่งสาร
“ผู้ส่งสาร…? หายากมาก ผมไม่เคยเห็นผู้วิเศษนอกเส้นทางแห่งความตายครอบครองผู้ส่งสารมาก่อน” บิลต์รับกระดาษไปอ่าน “หือ… หากเกิดอุบัติเหตุขณะสร้างจนทำให้ผู้ส่งสารปรากฏกาย พวกเราจำเป็นต้องจ่ายเงินหนึ่งปอนด์ให้นาง… ุถ้าไม่จ่ายล่ะ? ฮะฮะ! สัตว์วิญญาณมีแต่พวกพิสดารเต็มไปหมด ผมเคยเห็นตัวที่ชอบดนตรีเป็นพิเศษ และตัวที่ไปไหนมาไหนด้วยการขี่อุจจาระ”
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าไม่จ่าย?
บางที มาดามไรเน็ตต์คงนำศีรษะของนายและช่างฝีมือมาให้ฉัน…
หล่อนเป็นถึงสัตว์วิญญาณที่มีปราสาทของตัวเองภายในโลกวิญญาณ! ฝีมือน่าจะแข็งแกร่งกว่าเราพอสมควร…
ในกรณีที่ไม่ได้ใช้คทาเทพสมุทรล่ะนะ…
ไคลน์รำพัน หันไปกล่าวเสียงทุ้ม
“สำหรับสิทธิ์การจ้างงานครั้งที่สาม เรื่องนั้นคงต้องค้างไว้ก่อน”
“ไม่มีปัญหา” บิลต์ไม่โต้แย้ง เพียงถามกลับด้วยความสงสัย “มิสเตอร์เกอร์มัน คุณตบตาเลขานุการลัวอาน มิสซินเธีย และท่านนายกเทศมนตรีออสเท่นด้วยวิธีใด?”
ไคลน์ฝืนระงับมุมปากที่พยายามสั่นกระตุก
“ตอบตามข้อมูล คิดให้ถี่ถ้วนทุกการกระทำ”
ชายหนุ่มไม่อธิบายลงลึก เพียงเหยียดตัวตรง สวมหมวกกลับ กล่าวคำอำลา
“ขอตัว”
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกับคุณ” บิลต์ฉีกยิ้มกว้าง
เมื่อเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์เดินพ้นประตู มันส่ายหน้า รำพันกับตัวเอง
“นักผจญภัยที่ทรงพลังและเสียสติคนนั้น เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ของยอดนักแสดงรึไง…”
…
หลังเสร็จอาหารเที่ยง คนของบิลต์นำกระดาษหนังสือพิมพ์มาส่ง
บิลต์ ผู้กำลังนั่งสูบซิการ์ตัวโปรดพลางอ่านหนังสือพิมพ์อย่างสบายอารมณ์ พลันดวงตาแข็งทื่อกะทันหัน
“เมื่อคืน เบ็น·คอนราด นายกเทศมนตรีคนใหม่ จัดงานเลี้ยงขึ้นที่คฤหาสน์ประจำตำแหน่ง… นายกเทศมนตรีคนใหม่… ออสเท่น·รีเวลต์ถูกปลดตอนไหน?” บิลต์รีบเปิดอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นด้วยสีหน้าฉงน และพบว่าทั้งหมดลงข่าวไปในทิศทางเดียวกัน
ด้วยเส้นสายบนเกาะโอลาวีของมัน เรื่องใหญ่ระดับการเปลี่ยนตัวนายกเทศมนตรี ควรต้องแพร่งพรายมาถึงหูล่วงหน้าหลายวัน แต่กลับกลายเป็นว่า ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างปุบปับฉับพลัน กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อคนใหม่เดินทางมาถึงแล้ว
ผ่านไปสักพัก ลูกน้องของนายพลอมิรุสที่คอยประสานงานกับบิลต์ เดินเข้ามาในห้อง
“ท่านนายพลสั่งให้นายตรวจสอบคนใกล้ชิดอย่างละเอียด หากใครนับถือนิกายกายาสวรรค์ ให้จับโยนลงทะเลทันที”
“ไม่มีปัญหา” บิลต์ซักถามพลางขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เฉพาะเมื่อวานวันเดียว นิกายกายาสวรรค์ก็แทบไม่เหลือซากแล้ว…”
“เมื่อคืนวาน ท่านนายพลถูกลอบสังหารโดยคนของนิกายกายาสวรรค์ มิสซินเธียถูกสังหารภายในคฤหาสน์ เลขานุการลัวอานบาดเจ็บ หน่วยองครักษ์เสียชีวิตไปหลายนาย” เจ้าหน้าที่ประสานงานอธิบายสถานการณ์อย่างคร่าว
“อะ…” บิลต์พลันผงะ ทำได้เพียงพ่นลม
พวกเขาคือคนสนิทของนายพลไม่ใช่หรือ…
เรายังกังวลอยู่เลยว่า เกอร์มัน·สแปร์โรว์อาจถูกหนึ่งในสามคนนี้จับพิรุธ…
แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่… มิสซินเธียถูกฆ่า เลขาลัวอานบาดเจ็บ ออสเท่น·รีเวลต์ถูกปลด…
บิลต์พะงาบปากด้วยสีหน้าเหม่อลอย
…
สโตน เมืองเอกประจำรัฐเชสเตอร์ตะวันออก
ออเดรย์รับฟังคำพูดของสตรีขุนนางอย่างมีมารยาท จากนั้นก็มอบคำตอบกลับไปสองประโยคยาว
“ออเดรย์ คุณเป็นราวกับนางฟ้ามาโปรด! หลังจากได้คุยกัน ดิฉันสบายใจขึ้นมากแล้ว” สตรีขุนนางกล่าวชมจากก้นบึ้ง
ทันใดนั้น ออเดรย์เหลือบเห็นนักบวชหญิงของโบสถ์รัตติกาลเดินเข้ามาใกล้ จึงทักทายอย่างสุภาพพร้อมกับส่งยิ้มตามมารยาท
นักบวชคนนี้ไม่มีสิ่งใดโดดเด่น ตำแหน่งงานอยู่ในระดับล่างสุดของโบสถ์ แต่ในความเป็นจริง หล่อนคือสายลับของสมาคมแปรจิต
“ออเดรย์ สูตรโอสถถูกส่งมาถึงมือดิฉันแล้ว แต่คุณต้องสะสมคะแนนผลงานให้ครบกำหนด”
นักบวชหญิงกระซิบโดยไม่หันหน้ามอง
ประกายดวงตาออเดรย์เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ไม่มีปัญหา ว่าแต่… มิสซีมิน ชื่อของมันคืออะไรหรือ”
นักบวชหญิงนามซีมินกวาดตามองรอบตัว ก่อนจะเปล่งเสียงแผ่ว
“นักสะกดจิต”
……………………