ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ตอนที่ 678
Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 678 : ลงไม้ลงมือ
ราชันเร้นลับ 678 : ลงไม้ลงมือ
โดย
Ink Stone_Fantasy
บนเก้าอี้สองฝั่งของโต๊ะทองแดงยาวที่มีลวดลายเก่าแก่ ร่างอันเลือนรางปรากฏขึ้นพร้อมกับแสงสีแดงเข้มทีละจุดสองจุด เพียงไม่นานก็คมชัด สภาพแวดล้อมโดยรอบยังคงเงียบสงบเหมือนทุกที ประหนึ่งไม่เคยมีสิ่งใดย่างกรายเข้ามานานหลายพันปี
“ทิวาสวัสดิ์ค่า มิสเตอร์ฟูล~” เสียงอันร่าเริงแจ่มใสของ ‘จัสติส’ ออเดรย์ดังขึ้นตามความคาดหมาย เนื้อเสียงกังวานไปทั่วพระราชวังโอ่อ่าที่มีเสาหินค้ำจุน
ไคลน์ยิ้มพลางพยักหน้ารับ เฝ้ามองการทักทายระหว่างสมาชิกที่นำโดยมิสจัสติส
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาเงียบงันกว่าปรกติ ออเดรย์สามารถพบความผิดปรกติได้ไม่ยากเย็น
รอจนสิ้นเสียงและสมาชิกทุกคนนั่งลง ‘เดอะฟูล’ ไคลน์เหลือบมองจัสติสด้วยหางตา ด้วยความที่เป็นนักจิตบำบัด หญิงสาวทราบทันทีว่าอีกฝ่ายหมายถึงสิ่งใด จึงไม่ยกมือขึ้นพูดเหมือนทุกที ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงมองไปยังแคทลียาพลางหัวเราะในลำคอ
“จงไปบอกกับแบร์นาแดตว่า หากต้องการคำตอบ หล่อนสามารถใช้บางสิ่งแลกเปลี่ยนได้”
แบร์นาแดต… หลังจากได้ยินอีกฝ่ายเรียกชื่อที่เธอเคยคุ้นหู มิใช่ ‘ราชินีเงื่อนงำ’ หรือเจ้าของ ‘เรือรุ่งอรุณ’ หรือผู้นำแห่งองค์กร ‘แก่นรุ่งอรุณ’ แคทลียาพลันตระหนักได้ทันทีว่า มิสเตอร์ฟูลทราบเรื่องราวทั้งหมดอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว ความระแวดระวังของเธอมิอาจตบตา ‘ท่าน’ ได้แม้แต่น้อย!
หญิงสาวพลันหดหู่ ความหวาดกลัวที่ยากจะต้านทานเริ่มกัดเซาะจิตใจ ตอบสนองไม่ถูกไปชั่วขณะ
ตามความคิดของเธอ ความนัยที่มิสเตอร์ฟูลแฝงมาจากประโยคเมื่อครู่ก็คือ ให้ตนแจ้งได้เพียง ‘สาร’ เมื่อครู่เท่านั้น ห้ามพูดนอกเหนือจากสิ่งที่ข้าให้พูด หากบอกใบ้เพิ่มเติมเด็ดขาด!
ความนัยดังกล่าวกำลังสื่อถึงสิ่งใด แคทลียารู้อยู่แก่ใจเป็นอย่างดี
แบร์นาแดต? เป็นชื่อที่นิยมในหมู่หญิงสาวชาวอินทิส ท่านหมายถึงใครกัน? แล้วอีกฝ่ายต้องการคำตอบอะไร? มีความสัมพันธ์อย่างไรกับมาดามเฮอร์มิท? ว่าแต่ มาดามเฮอร์มิทปรึกษาเรื่องนี้กับมิสเตอร์ฟูลตอนไหน? สนทนาตัวต่อตัว? ไม่สิ… ไม่ใช่แบบนั้นแน่ หากเป็นการสนทนาตัวต่อตัวและคำขอร้องของอีกฝ่ายสมเหตุสมผล มิสเตอร์ฟูลคงไม่เอ่ยออกมาต่อหน้าทุกคนแน่ ท่านสามารถตอบสนองผ่านคำวิงวอนไปถึงมาดามเฮอร์มิทได้โดยตรง… หรือว่า… ท่านกำลังตักเตือน? ‘จัสติส’ ออเดรย์ครุ่นคิดหลายสิ่งจนลืมสังเกตอากัปกิริยาของสมาชิกคนอื่น เพียงไม่นาน อาศัยพลังพิเศษของเส้นทางผู้ชม หญิงสาวเริ่มพบเจตนาที่แท้จริงของเดอะฟูล
ออเดรย์ทำการคาดเดา
เป็นเพราะสตรีที่ชื่อแบร์นาแดตต้องการคำตอบของบางสิ่ง มาดามเฮอร์มิทจึงแนะนำชุมนุมทาโรต์ให้อีกฝ่ายรู้จัก… มิสเตอร์ฟูลค่อนข้างไม่พอใจกับเรื่องนี้ จึงนี้แสดงออกอย่างชัดเจนเพื่อเป็นการตักเตือนผู้กระทำความผิดหนแรก?
ให้ตายสิ ทำไมถึงนำข้อมูลของชุมนุมเราออกไปเปิดเผย? แม้แต่ซูซี่ฉันก็ยังไม่เคยเล่า! การทำแบบนี้มีแต่จะนำพาอันตรายมาสู่ทุกคน โชคดีที่พวกเรามีมิสเตอร์ฟูล!
ออเดรย์เกือบเผลอทำแก้มป่อง แต่โชคดีที่สงวนกิริยาไว้ได้ทัน เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวตระหนักว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้สึกผูกพันต่อองค์กรเหมือนกับเธอ บางคนมิได้เทิดทูนในตัวมิสเตอร์ฟูลอย่างสุดหัวใจ
ขณะเดียวกัน ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์ส และ ‘เดอะมูน’ เอ็มลินต่างก็มีคำถามและข้อสันนิษฐานที่คล้ายคลึงกันอยู่ในใจ เพียงแต่ประเด็นความสนใจอาจไม่เหมือนกัน
อัลเจอร์กำลังเฝ้ารอว่า มิสเตอร์ฟูลจะทำสิ่งใดต่อ พลางพยายามหาคำตอบว่า ชื่อแบร์นาแดตซึ่งน่าจะเป็นหญิงสาวชาวอินทิสนั้นหมายถึงใคร เหตุใด ‘เฮอร์มิท’ ที่รอบคอบคนนั้นถึงยอมเสี่ยงเปิดเผยข้อมูลของชุมนุมทาโรต์ ทางด้านฟอร์สกังวลว่า ข้อมูลของชุมนุมทาโรต์จะแพร่กระจายออกสู่โลกภายนอกอย่างรวดเร็ว ภายในหัวเริ่มจินตนาการถึงเรื่องราวเกี่ยวกับสายลับและสายลับสองหน้า ขณะที่เอ็มลินทำเพียงยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างเงียบงัน ในใจนึกสมเพชและเหยียดหยันความโง่เขลาของมาดามเฮอร์มิท
หึหึ… กระทั่งท่านบรรพชนของข้าก็ยังปฏิบัติต่อมิสเตอร์ฟูลอย่างเท่าเทียม ถึงขั้นส่งข้ามาเป็นทูตสันถวไมตรี เข้ารับการฝึกอบรมพิเศษ… แต่ตัวเจ้าที่มิได้เป็นกระทั่งครึ่งเทพ กลับกล้าเล่นตุกติกต่อหน้ามิสเตอร์ฟูล เกิดเบื่อชีวิตขึ้นแล้วหรือ? เฮ่อ… การพยายามทำความเข้าใจสิ่งมีชีวิตที่อายุขัยสั้นช่างเป็นเรื่องยากนัก ดังที่จักรพรรดิโรซายล์เคยกล่าวไว้ แมลงในฤดูร้อนย่อมไม่เคยเห็นหิมะในฤดูหนาว… ‘เดอะมูน’ เอ็มลินรำพันด้วยท่าทีผ่อนคลาย ส่ายศีรษะอย่างไม่แยแส
‘เดอะซัน’ เดอร์ริคมิได้คิดอะไรมากนัก ตระหนักได้เพียงว่า บรรยากาศของชุมนุมผิดไปจากปรกติเล็กน้อย ก่อนจะซักถามด้วยน้ำเสียงกึ่งสงสัยกึ่งประหลาดใจ
“มิสเตอร์ฟูล แบร์นาแดตคือใครหรือ?”
ถามได้ดี! คิดว่าจะออกจากปากมิสจัสติสเสียอีก… ฟู่ว… ท่าทีของเธอคล้ายกับกำลังโมโห คงไม่อยากพูดอะไรมากนักสินะ… ไคลน์ชมเชยเด็กหนุ่มในใจพลางมอบคำตอบ
“บุตรสาวคนโตของโรซายล์… กัปตันแห่งรุ่งอรุณ… ผู้นำองค์กรแก่นรุ่งอรุณ”
ชายหนุ่มสาธยายทุกตัวตนของแบร์นาแดตจนหมด ไม่มีการปิดบังใดต่อหน้าสมาชิกชุมนุมทาโรต์
และสาเหตุที่เลือกใช้ ‘กัปตันแห่งรุ่งอรุณ’ แทน ‘ราชินีเงื่อนงำ’ เพราะไคลน์รู้สึกว่า ตัวตนระดับเดอะฟูลไม่ควรเรียกแบร์นาแดตว่าราชินี
กัปตันแห่งรุ่งอรุณ… ราชินีเงื่อนงำ! ที่แท้เธอคือบุตรสาวคนโตของจักรพรรดิโรซายล์! เฮ่อะ! มาดาม ‘เฮอร์มิท’ เท่านี้ก็ชัดเจนแล้วว่าเธอคือพลเรือเอกดวงดาว แคทลียา! และนั่นหมายความว่า ข่าวลือที่เธอตัดขาดกับราชินีเงื่อนงำนั้นเป็นเรื่องเท็จ… ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์เริ่มตื่นเต้น ในใจรู้สึกราวกับแรงกดดันที่ได้รับมาเกือบสามเดือน อันตรธานหายในพริบตา
ความจริงข้อนี้ทำให้มันเหยียดหยันเฮอร์มิทในใจ
จักรพรรดิโรซายล์เคยกล่าวไว้ว่า ผู้ใดริอ่านเล่นกับไฟ ผู้นั้นย่อมต้องถูกไฟลวก! และเธอ… พลเรือเอกดวงดาว เธอบังอาจท้าทายดวงตาแห่งเทพ!
ในวินาทีนี้ อัลเจอร์รู้สึกว่าตนเป็นคนที่โชคดีมาก โชคดีที่แม้ในอดีตจะเคยพยายามวางกลอุบายเพื่อทดสอบตัวตนและสถานภาพของมิสเตอร์ฟูล แต่ก็ไม่มีเรื่องใดใกล้เคียงกับการทำความลับรั่วไหล จึงไม่เคยมีบทโทษเกิดขึ้น
สืบเนื่องจากอัลเจอร์เคยเล่าเรื่องสี่ราชาและเจ็ดนายพลโจรสลัดให้ทุกคนฟัง ‘จัสติส’ ออเดรย์และคนที่เหลือจึงเชื่อมโยงได้ทันทีว่า แบร์นาแดตคือ ‘ราชินีเงื่อนงำ’ ครึ่งเทพแห่งห้าห้วงสมุทร ขณะเดียวกันก็ประหลาดใจที่บุตรสาวคนโตของจักรพรรดิโรซายล์ยังมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบัน กลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่โด่งดังมากที่สุดของโลก
หรือคำตอบที่ราชินีเงื่อนงำต้องการ จะอยู่ในไดอารีจักรพรรดิโรซายล์? พิจารณาจากบริบทและถ้อยคำ ออเดรย์ลองคาดเดาจุดประสงค์ของแบร์นาแดตอย่างคร่าว เชื่อว่าบุตรสาวคนโตของมหาจักรพรรดิคงต้องการสืบค้นความจริงเกี่ยวกับการถูกลอบปลงพระชนม์ของบิดา
ในวินาทีนี้ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาเริ่มได้สติ จึงเงยหน้ามองไปยังมุมโต๊ะทองแดงยาวพลางกล่าวโดยไม่ภาวนาต่อสิ่งใด
“ดิฉันกระทำเรื่องมิบังควรลงไป จะไม่ขอแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น เพราะนั่นเป็นความผิดที่ไม่สมควรได้รับการอภัย… มิสเตอร์ฟูล ไม่ว่าท่านจะกระทำสิ่งใดต่อดิฉัน แม้กระทั่งเอาชีวิต ดิฉันก็ยินดีน้อมรับ”
ทำเป็นพูดดี… หากมิสเตอร์ฟูลปรารถนาชีวิต เธอมีสิทธิ์ขัดขืนด้วยหรือ? แฮงแมนเหยียดหยันอีกฝ่ายในใจ มันสามารถยืนยันข้อสันนิษฐานของตนหลังจากฟังประโยคเมื่อครู่
มาดามเฮอร์มิสกำลังสั่นกลัว… ‘จัสติส’ ออเดรย์สัมผัสถึงอาการหวาดผวาจากอากัปกิริยาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แคทลียาพยายามกลบเกลื่อน
ตามความคิดของออเดรย์ ผู้ที่ร้องขอโทษประหารชีวิต ส่วนมากมักกลัวตายจากก้นบึ้ง
‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สตระหนักถึงความสงบนิ่งและมั่นคงได้จากท่าทีของเดอะฟูล จึงเริ่มมั่นใจว่า ข้อมูลของชุมนุมทาโรต์ยังมิได้รั่วไหล หรือส่วนที่รั่วไหลไม่น่าเป็นกังวลขนาดนั้น เช่นเดียวกับ ‘เดอะมูน’ เอ็มลิน ทั้งคู่ต่างเฝ้ารอบทลงโทษของมิสเตอร์ฟูล
‘เดอะซัน’ เดอร์ริคยังคงตามเหตุการณ์ไม่ทัน ไม่เข้าใจว่าเหตุใดมาดามเฮอร์มิทถึงร้องขอโทษตาย
ในเวลาเดียวกัน เมื่อเห็นว่ามิสเตอร์ฟูลยังคงเงียบ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาขจัดความกระสับกระส่ายภายในใจ เงยศีรษะขึ้นเล็กน้อย เพ่งมองไปยังเบื้องหลังม่านหมอกสีเทาหนาทึบ พยายามอ่านเจตนาที่แท้จริงของอีกฝ่าย จะได้แสดงออกอย่างเหมาะสม เพราะเธอไม่ต้องการทำผิดพลาดซ้ำสองจนอีกฝ่ายพิโรธหนัก นั่นจะทำให้สถานการณ์แย่ลงจนมิอาจย้อนกลับไปแก้ไข
แสงสีม่วงเข้มปรากฏขึ้นในดวงตาสีดำของหญิงสาว ไหลวนเวียนอย่างลึกลับ จนกระทั่งมองทะลุหมอกสีเทาและได้เห็น ‘เดอะฟูล’ อย่างแจ่มชัด
ทันใดนั้น ดวงตาของแคทลียาพลันร้อนระอุ พร้อมเลือดมายาที่ไหลซึมออกมาตามร่องขอบ
โสตประสาทของหญิงสาวพลันท่วมท้นไปด้วยเสียงเพรียกอันชั่วร้ายและน่าหวาดกลัว เป็นความรู้สึกอันยากจะพรรณนา ประสาทสัมผัสทั้งห้าถูกถาโถมด้วยมวลความเจ็บปวดปริมาณมหาศาล ร่างกายชักกระตุกรุนแรงอย่างมิอาจควบคุม
ใบหน้าและหลังมือของแคทลียา รวมถึงผิวหนังส่วนที่ไม่มีเสื้อผ้าบดบัง เริ่มเกิดการปริแตกจนสามารถมองเห็นเส้นเลือดและเนื้อแดง ภายในนั้นยังมีหนอนแมลงสีดำและขาวจำนวนมาก กำลังดีดดิ้นยุบพองอย่างน่าขยะแขยง เตรียมก่อตัวเป็นรูปทรงดวงตาที่ยากจะอธิบาย
เสียงกรีดร้องโหยหวนของแคทลียาดังกังวานไปทั่วมิติหมอกเทา เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้ง ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ ‘เดอะมูน’ เอ็มลิน ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์ส และคนที่เหลือต่างหันมาจ้องหน้ากัน คล้ายกับรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายกำลังลิ้มรส
ทันใดนั้น ภาพฉายของร่างกายที่เคยเลือนรางเริ่มคมชัด ส่งผลให้ทุกคนมองเห็นความผิดปรกติทางร่างกายของ ‘เฮอร์มิท’ ได้อย่างชัดเจน
ฉากอันน่าขยะแขยงทำให้ ‘จัสติส’ ออเดรย์ผวาจนเบือนหน้าหนี หญิงสาวรีบเหยียดหลังตั้งตรง สายตามองตรงไปยังฝั่งตรงข้ามโดยไม่กล้าขยับตัว
แม้ท่าทีของสมาชิกคนอื่นจะไม่เด่นชัดเท่า แต่ก็ไม่ต่างกันมากนัก
หนึ่งในประโยชน์ของเสียงเพรียกจากพระผู้สร้างแท้จริง… ได้เห็นฉากตรงหน้า ไคลน์ผู้มีร่างกายรายล้อมด้วยม่านหมอกสีเทา ถอนหายใจจากก้นบึ้ง
ย้อนกลับไปเมื่อครู่ ชายหนุ่มไม่รีบตอบสนองคำพูดของแคทลียาที่ขอรับบทลงโทษ เพราะต้องการตรวจสอบให้แน่ใจว่าดวงตาของเธอมีความพิเศษจริงหรือไม่ สามารถมองทะลุผ่านม่านหมอกได้ไหม!
เพื่อการนั้น ไคลน์ทำการรวบรวมกระแสพลังที่ไหลเวียนภายในมิติหมอก ใช้มันปกคลุมร่างกายตัวเองไว้ล่วงหน้า จุดประสงค์ก็คือ หากใครใช้พลังพิเศษเพื่อมองทะลุม่านหมอก ประสาทสัมผัสของคนคนนั้นจะถูกโอนถ่ายไปยังถุงมือ ‘อินธน์’ !
ผลลัพธ์จะมีค่าเท่ากับ เจ้าของพลังพิเศษต้องใช้จิต ‘สำรวจ’ วัตถุที่ถูกกัดกร่อนโดยพระผู้สร้างแท้จริงโดยตรง และเมื่อไคลน์มิได้ใช้พลังมิติหมอกผนึกอิทธิพลของ ‘อินธน์’ ไว้ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาย่อมต้องได้ยินเสียงเพรียกของพระผู้สร้างแท้จริงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผลที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ อันดับแรก อวัยวะที่ใช้พลังพิเศษได้รับความเสียหายหนักหน่วง ความเจ็บปวดแล่นผ่านไปทั่วร่างจนเข้าสู่ภาวะกลายพันธุ์ในที่สุด
แต่ถ้าพลเรือเอกดวงดาวมิได้พยายามมองเข้ามา แผนสำรองของไคลน์คือ ให้เธอทำการขอโทษสมาชิกชุมนุมทาโรต์ทุกคน จากนั้นก็ช่วยกันลงความเห็นว่าควรมีบทลงโทษอย่างไร วิธีนี้จะสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นประชาธิปไตย
และไม่ว่า ‘ประชาธิปไตย’ จะลงเอยเช่นไร ในท้ายที่สุด ไคลน์จะลงโทษด้วยการเชื่อมโยงประสาทสัมผัสของ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียากับถุงมืออินธน์อยู่ดี!
ปล่อยให้เวลาผ่านไปสามวินาที ไคลน์ที่เห็นว่าเพียงพอแล้ว เลื่อนฝ่ามือทั้งสองข้างมาถูกันอย่างอ่อนโยน เป็นการควบคุมพลังในมิติหมอกเทาให้ผนึกเสียงเพรียกของพระผู้สร้างแท้จริง ด้วยเหตุนี้ การกลายพันธุ์ของแคทลียาจึงหยุดลงและร่างกายเริ่มกลับมาฟื้นฟู
อาการชักของพลเรือเอกดวงดาวเริ่มบรรเทาลงอย่างชัดเจน รอยปริแตกตามผิวหนังค่อย ๆ สมานเป็นเนื้อเดียว สติสัมปชัญญะกลับคืนมาอีกครั้งจนเริ่มตระหนักถึงสถานการณ์รอบตัวได้อย่างคร่าว
ทันใดนั้น ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์กล่าวเสียงทุ้มต่ำ คล้ายกับกำลังตักเตือนตัวเอง
“ห้ามส่องความลับเทพ…”
……………………………………………………..