ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ตอนที่ 699
ราชันเร้นลับ 699 : ล่าบอส
อดีตทหารโลเอ็นที่กำลังเฝ้าปากทางเข้าถ้ำ รอนเซล·เอ็ดเวิร์ด พลันออกอาการสั่นเทา ดวงตาทั้งสองจับจ้องสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาที่ร่อนลงจากท้องฟ้า โฉบลงบนหินก้อนใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยชั้นน้ำแข็งหนาในบริเวณใกล้เคียง ปีขนาดยักษ์สองข้างสยายออกกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งบดบังแสงสว่างโดยรอบเกือบหมด
เกล็ดมายางดงามคล้ายผลึกน้ำแข็ง ดวงตามังกรสีฟ้าแฝงความดุร้ายอย่างเต็มเปี่ยม ในแวบแรกที่รอนเซลเห็น มันตระหนักถึงอันตรายได้จากก้นบึ้งหัวใจ ท่าทีตอบสนองแรกคือการถือดาบเหล็กดำกระโจนไปด้านข้าง พยายามม้วนตัวกลิ้งออกจากตำแหน่งเดิม
แทบจะในเวลาเดียวกัน ‘ราชาแดนเหนือ’ มังกรน้ำแข็งยูลิเซี่ยนอ้าปากกว้าง พ่นเกลียวเปลวเพลิงสีฟ้าเย็นยะเยือกและเงียบงันเข้าใส่ปากถ้ำ ตลอดทางที่คลื่นพลังพุ่งผ่าน ห้วงมิติพลันจับตัวเป็นน้ำแข็งในพริบตา!
ผ่านไปไม่กี่อึดใจ เปลวเพลิงสีฟ้าเย็นเยียบแปรสภาพเป็นคลื่นแสงมายา พรั่งพรูเข้าไปในถ้ำอันมืดมิดอย่างบ้าคลั่ง ทุกจุดที่พุ่งผ่านล้วนถูกแช่แข็ง
แม้ว่าหัวใจไคลน์จะกำลังสูบฉีดอย่างบ้าคลั่งหลังจากได้ยินคำว่า ‘เทวทูตจินตภาพ อาดัม’ จนทำให้หวนนึกถึงคำอธิบายของจักรพรรดิโรซายล์เกี่ยวกับ ‘สภานักสิทธิ์สนธยา’ ที่ว่า — “จุดประสงค์ของพวกเขาคือการคืนชีพให้พระผู้สร้างต้นกำเนิด มีอาวุโสหลายคนขององค์กรเป็นครึ่งเทพบนเส้นทาง ‘ผู้ชม’ นอกจากนั้นยังเป็นผู้ถือครอง ‘เอกลักษณ์’ ของเส้นทางดังกล่าว สมาชิกจะเข้าร่วมการชุมนุมผ่าน ‘ดินแดนความฝันที่แท้จริง’ ซึ่งเชื่อมต่อกับชายฝั่งตะวันตกและตะวันออกของทวีป และเมื่อใดที่นามขององค์กรถูกเอ่ยถึง พวกเขาจะทราบได้ทันที” แต่ถึงอย่างนั้น ไคลน์ก็ยังมีสมาธิตอบสนองต่อเหตุการณ์อันตรายตรงหน้า
ชายหนุ่มกระโจนออกด้านข้าง หลบเข้าไปในส่วนเว้าโค้งของถ้ำ พยายามใช้ผนังเป็นกำบังสำหรับป้องกันการโจมตีที่กำลังจะมาถึง
ทว่า แสงสีฟ้าราวกับน้ำแข็งได้ถาโถมเข้ามาดุจดังคลื่นยักษ์ ท่วมท้นทุกซอกมุมของถ้ำ หมายแช่ทุกสรรพสิ่งให้กลายเป็นน้ำแข็ง ด้วยสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายดังกล่าว เหยื่อภายในถ้ำแทบไม่มีโอกาสหลบพ้น
ขณะเห็นว่าบรรยากาศรอบตัวกำลังจะกลายเป็นโลงศพน้ำแข็ง ร่างกายขนาดมหึมาสีฟ้าอมเทาพลันปรากฏตรงหน้าไคลน์
คนยักษ์กรอซายเดินย่างสามขุมอย่างไร้สุ้มเสียง คุกเข่าลงหนึ่งข้าง เสียบดาบยักษ์ที่ใหญ่กว่าบานประตูของมนุษย์ลงบนพื้นเบื้องหน้าโดยหันส่วนคมออกจากลำตัว
แสงรุ่งอรุณพลันสาดส่อง กำแพงมายาโผล่ขึ้นจากความว่างเปล่า ห่อหุ้มกรอซายไว้ทุกทิศทาง ช่วยปกป้องทุกคนที่อยู่ด้านหลัง
‘คลื่นน้ำ’ สีฟ้าเย็นเยียบเริ่มถาโถม ปะทะกับคมดาบเป็นสิ่งแรกจนคลื่นถูกผ่าออกเป็นสองซีก แยกย้ายพุ่งใส่กำแพงแสงรุ่งอรุณทั้งสองฝั่ง!
ทัศนวิสัยไคลน์และคนที่เหลือพลันดำมืด ก่อนจะกลับมาสว่างอีกครั้งจากแสงไฟดวงเล็ก ๆ
ทุกคนกำลังเห็นสองสิ่ง หนึ่งคือกองไฟที่ดับมอดไปแล้ว และอีกหนึ่งคือแสงสลัวจากภายนอกที่พยายามทะลวงผ่านก้อนน้ำแข็งหนาจนเกิดการหักเหหลายครั้ง
ในวินาทีปัจจุบัน กรอซายและทุกสิ่งด้านหน้าได้กลายเป็นน้ำแข็งทุกตารางนิ้ว คนยักษ์สีฟ้าอมเทาดูราวกับเป็นแมลงที่ติดอยู่ในก้อนอำพัน!
ไม่กี่อึดใจถัดมา ดาบใหญ่ที่เสียบลงบนพื้นเริ่มระเบิดแสงสว่างที่คล้ายกับแสงรุ่งอรุณไปรอบทิศ
แสงดังกล่าวอาบร่างกรอซายอย่างท่วมท้น ก่อนจะหลอมรวมและแปรสภาพกลายเป็นพายุแห่งแสง พัดผ่านทุกสิ่งออกไปด้านนอกถ้ำ
กระแสเวลาไหลผ่านอย่างเงียบงัน น้ำแข็งเบื้องหน้าทุกคนปรากฏช่องว่างเป็นทางยาวไปจนถึงปากถ้ำ ร่างกายสีฟ้าอมเทาของกรอซายหายไปจากตำแหน่งเดิมโดยสมบูรณ์
เซียธาส ‘ผู้ขับขานแห่งเอลฟ์’ ที่ไม่มีเวลามัวมัดผมกลับ กำคันศรและลูกศรในมือแน่น เสกสายลมโอบกอดร่างกายและรีบพุ่งตัวออกจากถ้ำโดยไม่ปล่อยให้เวลาสูญเปล่า ขณะเดียวกัน ในสภาพสวมชุดคลุมสีดำไม่สมมาตร โมเบธ·โซโรอาสเตอร์ ไวเคาต์แห่งจักรวรรดิโซโลมอนส่งเสียงพึมพำ “อย่าแตกตื่น” “เวลาที่เรารอคอยมาถึงแล้ว” จากนั้นก็รีบวิ่งย่ำเท้าก้าวใหญ่ ไล่ตามหลังเซียธาสไปติด ๆ
นักบวชสโนวมันที่มักหันหน้าเข้าหาผนังหิน พลันลุกพรวดพร้อมกับทำเครื่องหมายสี่จุดบนหน้าอก คล้ายกับวาดสัญลักษณ์ไม้กางเขน
“ข้าแต่พระองค์ ได้โปรดประทานพลังให้ข้าด้วย!”
ท่ามกลางเสียงแหบแห้ง ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าทั้งสองข้างเหยียบลงบนพื้นน้ำแข็งเย็นเฉียบ วิ่งผ่านช่องว่างออกไปจากถ้ำ
ไคลน์เองก็ไม่ลังเล วิ่งออกไปในสภาพมือเปล่าพร้อมกับแอนเดอร์สันที่กำลังถือ ‘เขี้ยวมรณะ’
เอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ดในสภาพสวมเชิ้ตลวดลายซับซ้อน มองไปทางเดนิสที่กำลังยืนสั่นเทาภายใต้แรงกดดันของสิ่งมีชีวิตระดับสูง ก่อนจะเปล่งเสียงแผ่วด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
“คุณรออยู่ที่นี่”
กล่าวจบ ดวงตาสีฟ้าอ่อนของหญิงสาวพลันทวีความเข้ม รอบตัวรายล้อมด้วยสายลม ช่วยส่งให้วิ่งไปทางปากถ้ำเร็วขึ้น
รออยู่ที่นี่… เดนิสยืนตัวแข็งทื่อหลายวินาที กวาดตามองไปรอบ ๆ ตามความเคยชิน พบเพียงผนังหินที่มีน้ำค้างเกาะและกองไฟดับมอด
ท่ามกลางถ้ำเงียบสงบ มีแค่มันคนเดียวที่ยืนอยู่
ร่างกายเดนิสสั่นระริกเล็กน้อย ปากอ้ากว้าง แต่มิได้กล่าวสิ่งใด ทำได้เพียงเฝ้ามองกัปตันเดินหายออกไป
ด้านนอกน้ำ อดีตทหารโลเอ็น รอนเซล·เอ็ดเวิร์ด กลิ้งตัวหลบการโจมตีระลอกแรกพ้น เมื่อชำเลืองเห็น ‘ราชาแดนเหนือ’ ยูลิเซี่ยนกระพือปีกเตรียมบิน หวังรักษาระยะห่างจากผู้วิเศษคนอื่น รอนเซลรีบใช้มือซ้ายดันพื้นเพื่อพยุงตัวขึ้น
จากนั้น อดีตทหารโลเอ็นตะโกนด้วยภาษาเฮอร์มิสโบราณ
“ที่นี่ไม่อนุญาตให้บิน!”
เพียงพริบตา ปีกของมังกรน้ำแข็งที่ปกคลุมท้องฟ้า คล้ายกับถูกวัตถุล่องหนกดทับด้วยน้ำหนักที่มากกว่านับสิบนับร้อยเท่า การกระพือปีกกลายเป็นเรื่องยากในทันที
ราชาแดนเหนือส่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว คลื่นเสียงอันทรงพลังทะลวงเข้ามาในโสตประสาทรอนเซล ส่งผลให้ร่างกายโงนเงนอย่างมิอาจควบคุม
ท่ามกลางเสียงร้อง ปีกที่ปกคลุมท้องฟ้าเริ่มขยับได้อีกครั้ง พัดกระพือหิมะและน้ำแข็งรอบ ๆ จนฟุ้งเต็มอากาศ
แม้จะยากลำบาก แต่ยูลิเซี่ยนก็บินขึ้นฟ้าสำเร็จ
ในเวลาเดียวกัน สีหน้าของ ‘อัศวินวินัย’ รอนเซลพลันดำมืด ประโยคภาษาเฮอร์มิสโบราณถูกเปล่งอีกครั้ง
“ผู้ฝ่าฝืนกฎต้องได้รับโทษ!”
กล่าวจบ ร่างกายชายหนุ่มทะยานขึ้นฟ้า รวดเร็วยิ่งกว่ามังกรน้ำแข็งยูลิเซี่ยนที่เฉื่อยชา คล้ายกับถูกเสริมพลังจากบางสิ่ง
กิ้ง!
รอนเซลจัดระเบียบร่างกายกลางอากาศ แกว่งดาบเหล็กดำฟันใส่คอของราชาแดนเหนือในมุมที่ยากจะหลบพ้น
ณ จุดดังกล่าว ผิวเกล็ดน้ำแข็งเริ่มเกิดรอยแตกที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ก่อนจะเริ่มลุกลามออกไปเป็นวงกว้าง แต่นั่นมิได้ทำให้ยูลิเซี่ยนเลือดออกหรือแสดงอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด
มังกรน้ำแข็งตัวนี้อาจไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ ดวงตาสีฟ้าพร่ามัวของมันหันมาจ้องรอนเซล สีหน้าเผยความดุร้ายและเกรี้ยวกราดชัดเจน
ยูลิเซี่ยนยกอุ้งเท้าหน้าขึ้นเตรียมตะปบ รอนเซลที่ลอยอยู่กลางอากาศแทบไม่มีทางหลบพ้น
ในช่วงเวลาความเป็นความตาย พายุเฮอร์ริเคนพลันพัดผ่าน ผลักอัศวินวินัยที่สวมชุดเกราะสีดำกระเด็นออกไป ท่าตะปบของยูลิเซี่ยนจึงสัมผัสโดนเพียงความว่างเปล่าพร้อมกับเกิดเสียงแหวกอากาศ มิอาจสร้างบาดแผลแก่เป้าหมาย
ในวินาทีที่ ‘ผู้ขับขานแห่งเอลฟ์’ เซียธาสออกจากถ้ำ เธอไม่ลังเลที่จะช่วยชีวิตรอนเซล
ถัดมาหนึ่งอึดใจ เส้นผมของหญิงสาวลอยขึ้นในอากาศอย่างขัดต่อกฎธรรมชาติอีกครั้ง ไล่จากรากจนถึงปลาย เกลียวสายฟ้ากำลังหมุนวนรอบเส้นผมอย่างงดงาม
หญิงสาวเล็งปลายศรไปทางราชาแดนเหนือซึ่งกำลังทำตัวเชื่องช้าอยู่กลางอากาศ ดึงสายธนูไปด้านหลังอย่างทะมัดทะแมง
ท้องฟ้าพลันดำมืดทันใด ประหนึ่งเมฆดำกำลังรวมตัว เส้นสายฟ้าแลบผ่าเป็นระลอก
อาจเพราะกำลังถูกครอบงำโดยพลังของอัศวินวินัย การบินบนฟ้าจึงไม่ราบรื่นนัก ยูลิเซี่ยนตัดสินใจขยับปีกเข้าหากันเพื่อร่อนลงพื้น เตรียมพุ่งชนเซียธาสประหนึ่งรถไฟหัวกระสุน
ทันใดนั้น ร่างกายสีเทาอมฟ้าที่มอบความรู้สึกสุขุม ขยับตัวไล่ตามความเร็วจนกระทั่งสามารถขวางทางราชาแดนเหนือสำเร็จ!
คนยักษ์กรอซายคุกเข่าลงหนึ่งข้างอีกครั้ง ดาบใหญ่ชนิดที่มนุษย์หมดสิทธิ์ใช้งานถูกปักลงบนพื้นด้านหน้า
แสงคล้ายรุ่งอรุณพลันสว่างวาบ สร้างกำแพงล่องหนที่มิอาจถูกทำลาย
บึ้ม!
การปะทะกันระหว่างมังกรน้ำแข็งและกรอซายคล้ายกับเหตุระเบิดวินาศสันตะโร ส่งผลให้หิมะและน้ำแข็งโดยรอบแตกกระจัดกระจาย ผลักทุกคนกระเด็นถอยหลัง
กรอซายเองก็มิอาจต้านทาน ตัวปลิวราวกับลูกบอล กลิ้งผ่านเซียธาสกระแทกภูเขาเสียงดังโครมใหญ่ ทำให้หิมะและน้ำแข็งตกลงมาจากด้านบน เกือบเป็นเหตุการณ์หิมะถล่ม
ในส่วนของยูลิเซี่ยน มันมิได้ถอยหลัง ยังคงยืนแน่นิ่งในจุดเดิม
หลังจากการพุ่งชนถูกขวาง ขาหลังสองข้างเริ่มดันพื้น ลำตัวโน้มไปด้านหน้า สะบัดคอพร้อมกับอ้าปากเล็งไปทาง ‘ผู้ขับขานแห่งเอลฟ์’ เซียธาส
เมื่อโมเบธ·โซโรอาสเตอร์ ขุนนางแห่งจักรวรรดิโซโลมอนเข้าประชิดตัวเซียธาสสำเร็จ มือขวาของมันเหยียดออก บิดข้อมืออย่างรวดเร็ว
ขณะปากของยูลิเซี่ยนกำลังอ้าจนสุด คล้ายมังกรน้ำแข็งหลงลืมสิ่งที่อยากจะทำไปชั่วขณะ แน่นิ่งในท่านั้นไปอีกสักพัก มิได้ดำเนินการใดต่อ โมเบธอาศัยโอกาสนี้สะบัดหน้าไปด้านข้าง ถุยน้ำลายหนึ่งคำ
“ถุด!”
เป็นเพียงน้ำลายธรรมดา ไม่มีสิ่งใดพิเศษ
พร้อมกันนั้น นักบวชสโนวมันที่ตามออกมา ยกมือขึ้นประสานกัน คล้ายกับกำลังรอคอยการโอบกอดจากทวยเทพ
ทันใดนั้น สโนวมันหันหน้าไปทาง ‘ผู้ขับขานแห่งเอลฟ์’ เซียธาส กล่าวด้วยภาษาเฮอร์มิสโบราณ
“พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า จงสำเร็จ!”
สายฟ้าสีเงินรอบเส้นผมเซียธาสทวีความสว่าง แต่ละเส้นเริ่มถ่ายเทออกมาพัวพันรอบลูกศรยาวระหว่างสองมือ
หญิงสาวปล่อยมือจากสายรั้ง ส่งลูกธนูพุ่งตรงด้วยความเร็วสูง
ครืนนน!
กลุ่มเมฆเริ่มก่อตัวกลางอากาศ สายฟ้าเส้นหนึ่งฟาดผ่าลงมา ช่วยเสริมพลังให้ศรยาวดอกดังกล่าว
ศรยาวถูกย้อมกลายเป็นสีเงินอมขาว ด้วยความเร็วอันยากจะหลบพ้น ปลายศรกระแทกใส่หน้าผากยูลิเซี่ยนประหนึ่งสายฟ้าจากเทพเบื้องบน
ผลึกน้ำแข็งที่ปกคลุมเริ่มเลือนหาย เกล็ดมังกรสีใสปรากฏรอยร้าวอย่างเด่นชัด ในวินาทีที่ศรยาวปักใส่ศีรษะของราชาแดนเหนือ เสียงคำรามแฝงความเจ็บปวดพลันดังอึกทึกกึกก้อง
เลือดสีฟ้าอ่อนไหลทะลักก่อนจะแข็งตัว ศีรษะที่น่าเกลียดน่ากลัวของมังกรน้ำแข็งสั่นคลอนอย่างรุนแรงหลังจากถูกศรสีเงินเล่นงาน
ขณะเดียวกัน ไคลน์และแอนเดอร์สันเพิ่งวิ่งออกจากถ้ำ ส่วน ‘อัศวินวินัย’ รอนเซลกลิ้งไปบนพื้นสองสามตลบก่อนจะลุกขึ้นยืน ทางด้านกรอซายเหยียดแขนออกจากกองหิมะ ลูบศีรษะเล็กน้อยคล้ายกับไม่บาดเจ็บ
ถ้ามีพวกพ้องมากขนาดนี้ เราไม่จำเป็นต้องโจมตีเอง สามารถทุ่มสมาธิไปกับการครอบงำ ‘ด้ายวิญญาณ’ ของยูลิเซี่ยนได้โดยตรง… จากการพิจารณาเบื้องต้น ถึงพลังป้องกันของมันจะไม่ได้อยู่ในระดับครึ่งเทพ แต่ก็แข็งแกร่งกว่าลำดับ 5 มากพอสมควร… การเข้าใกล้ในระยะห้าเมตรค่อนข้างอันตราย… ไคลน์จ้องมังกรน้ำแข็ง ภายในใจครุ่นคิดหลายสิ่งอย่างรวดเร็ว