ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ตอนที่ 761
ราชันเร้นลับ 761 : คนดีและสิ่งดีๆ
เกิดอะไรขึ้น? ไคลน์เริ่มรู้สึกไม่ดี
ชายหนุ่มเคยเผชิญเหตุไม่คาดฝันมากมาย และทราบว่าเหตุการณ์เหนือธรรมชาติมักเกิดขึ้นรอบๆ ตนบ่อยครั้ง เมื่อเห็นเค้าลางของเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกัน ความหวาดระแวงเริ่มก่อตัว คล้ายกับคนมีแผลใจในเรื่องนี้
หลังจากเฝ้ามองเฮเซล·มัคท์หายไปจากบันได ไคลน์พบว่าอีกฝ่ายเพียงแค่รีบร้อน แต่ไม่กระวนกระวาย
สถานการณ์อยู่ในความควบคุมสินะ… นอกจากนั้นโมวรี·มัคท์ยังเป็นหนึ่งในสมาชิกสภาสามัญ ชนชั้นสูงที่เป็นรองเพียงขุนนาง มีโอกาสค่อนข้างมากที่บอดี้การ์ดจะเป็นผู้วิเศษ… แถมที่นี่ยังมีบุตรชายคนโตของเอิร์ลฮอลล์ บอดี้การ์ดของเขาต้องเป็นผู้วิเศษแน่นอน… วิหารนักบุญแซมมวลอยู่ห่างจากถนนเบิร์คลุนเพียงสิบนาทีด้วยรถม้า ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น เหยี่ยวราตรีและนักบวชกับบิชอปสามารถมุ่งหน้ามาที่นี่ได้ทันที… เว้นเสียแต่จะมีใครสักคนพร้อมพลีชีพ ไม่อย่างนั้น คงเป็นการยากที่จะก่อโศกนาฏกรรมขึ้นในงานเลี้ยงเต้นรำ… ไคลน์เริ่มใจเย็นลง ผุดข้อสงสัยใหม่เกี่ยวกับความผิดปรกติของเฮเซล
หรือว่าเธอจะรีบร้อนขึ้นไปยังชั้นสามเพื่อขจัดผลข้างเคียงของสมบัติวิเศษ?
ไคลน์เคยถามอาโรเดสไปว่า ตนจะหาสมบัติวิเศษที่สามารถช่วงชิงพลังพิเศษของคนอื่นได้จากไหน และหนึ่งในคำตอบที่ ‘กระจกวิเศษ’ แสดงให้เห็นก็คือเฮเซล·มัคท์!
ไคลน์ย้อนความทรงจำกลับไปยังฉากการเต้นรำเมื่อครู่ รูปลักษณ์โดยละเอียดของเฮเซลผุดขึ้นในใจอย่างรวดเร็ว สมาธิจดจ่ออยู่กับเครื่องประดับบนร่างกาย
เครื่องประดับเส้นผม ต่างหู สร้อยคอ เข็มกลัด ถุงมือตาข่าย… จะเป็นชิ้นไหนกัน? ไคลน์ถอนสายตากลับ เริ่มหิวน้ำ จึงเดินไปหยิบแก้วน้ำเปล่า ดื่มอึกอึกรวดเดียวจนหมด
ขณะวางแก้ว ชายหนุ่มเหลือบไปเห็นครูสอนมารยาท วาฮาน่า·เฮย์เซ่นในท่าถือจานอาหาร เดินตรงมาทางตน
สตรีผู้นี้สวมเดรสสีแดงสด แต่ไม่ฉูดฉาดจนเกินงาม ส่งยิ้มให้ดอน·ดันเตสและกล่าว
“ดิฉันสังเกตเห็นว่าคุณไม่ชอบดื่มแอลกอฮอล์”
“ผมเคยต้องเสียการใหญ่เพราะดื่มของมึนเมา” ไคลน์กุเรื่องขึ้นโดยอิงจากประสบการณ์และปูมหลังของดอน·ดันเตส
แน่นอน ชายหนุ่มรู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่ได้ใช้พลังของ ‘ผู้ไร้หน้า’ เพื่อสร้างตำหนิขึ้นบนนิ้วมือ แสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงแค่ไหน
วาฮาน่าได้ยินเช่นนั้น เผยรอยยิ้มพลางครุ่นคิด
“อดีตของคุณเต็มไปด้วยปริศนา… ในหมู่สตรีวัยเยาว์ คุณน่าจะเป็นที่ชื่นชอบได้ไม่ยาก”
เธอไม่สานต่อบทสนทนาเดิม พูดเปลี่ยนเรื่อง
“ลืมบอกไปว่า ปัญหาของสามีฉันได้รับการแก้ไขแล้ว”
ไคลน์หยิบแก้วแชมเปญ ยื่นไปข้างหน้า กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ถือเป็นข่าวดี… ขอแสดงความยินดีด้วยครับ”
ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่ตนแอบช่วยอย่างลับๆ
วาฮาน่าจ้องดอน·ดันเตส มือข้างหนึ่งยกแก้วไวน์ขึ้นและกล่าว
“เชียร์!”
กิ๊ง! หลังจากต่างคนต่างจิบ ไคลน์ขอตัวอย่างสุภาพ วางแก้วลง หันหลังและเดินไปทางห้องน้ำ
มันไม่ได้คิดจะเข้าไปในมิติเหนือสายหมอก แต่เกิดจากผลข้างเคียงของลูกโม่ ‘ลางมรณะ’ หลังจากดื่มน้ำเข้าไปมาก จำเป็นต้องปลดทุกข์
เมื่อออกจากห้องน้ำ ไคลน์เงยหน้าและชำเลืองไปทางบันไดระหว่างชั้นสองกับชั้นสาม พบเฮเซล·มัคท์กำลังเดินลงทีละขั้นอย่างไม่รีบร้อน สีหน้าสุขุมและไม่สั่นคลอน
เป็นอย่างที่คิด ไม่ใช่ปัญหาร้ายแรง… น่าจะเป็นผลข้างเคียงจากสมบัติวิเศษที่เธอพก… ผลข้างเคียงที่ว่าคืออะไรกัน… ไคลน์ถอนหายใจโล่งอก มองสุ่มๆ เข้าไปในฟลอร์เต้นรำ จนกระทั่งได้ยินดนตรีเปลี่ยนจังหวะ มันเดินไปหาสตรีผู้หนึ่ง ชักชวนอีกฝ่ายมาเต้นรำ
อาศัยรูปลักษณ์กับบุคลิกของดอน·ดันเตส ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอีกฝ่ายไม่ปฏิเสธ
เต้น กิน คุย ทำเช่นนี้ซ้ำอีกหลายรอบ จนกระทั่งงานเลี้ยงใกล้เลิกรา แขกทยอยเดินทางกลับทีละคนสองคน
เช่นเดียวกันกับไคลน์ ผู้มีแผนจะแลกเปลี่ยนนามบัตร แต่ก็ไม่ใช่คนแรกหรือคนสุดท้ายที่กลับออกไป
โถงเต้นรำว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว มาดามลีอานน่าสั่งให้สาวใช้มาทำความสะอาด ขณะเดียวกันก็กวักมือเรียกบุตรสาว เฮเซล·มัคท์
“มิสเตอร์ดอน·ดันเตสน่าสนใจว่าที่คิด สุภาพสตรีหลายคนแอบมาถามถึงเขา” มาดามลีอานน่ากล่าวอ้อมค้อม “เฮเซล ลูกมีโอกาสได้เต้นและพูดคุยกับมิสเตอร์ดันเตส คิดว่าเขาเป็นคนยังไง? แม่เชื่อสายตาและการประเมินของลูก เพราะลูกเป็นผู้ใหญ่กว่าคนวัยเดียวกัน”
เธอรู้จักบุตรสาวของตัวเองดี จึงจงใจเสริมประโยคสุดท้ายเข้าไป ไม่อย่างนั้น เฮเซลคงไม่สนใจจะตอบอย่างละเอียด
เมื่อสนทนากับมารดา เฮเซลมิได้ทำตัวยโส ครุ่นคิดสักพักและตอบ
“เขาไม่ค่อยคุ้นเคยกับสังคมแบบเราเท่าไร มักเผลอชวนคุยในหัวข้อที่ทำให้คู่สนทนาขุ่นเคืองใจ แต่เขาเป็นคนที่มีความรู้กว้างขวาง”
“มีความรู้กว้างขวาง…” มาดามลีอานน่าทวนคำของบุตรสาวด้วยน้ำเสียงค่อนข้างประหลาดใจ
พิจารณาจากนิสัยของเฮเซล นี่คือคำชมที่ดีมาก
เธออดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล กลัวว่าบุตรสาวของตนจะเริ่มหลงรักดอน·ดันเตส
เฮเซลไม่ชอบหนุ่มโสดรอบๆ ตัวเธอ เพราะอีกฝ่ายเด็กเกินไป ตื้นเขินเกินไป และไม่เอาการเอางาน? ดอน·ดันเตสเป็นสุภาพบุรุษประเภทที่เด็กผู้หญิงแก่แดดชอบสินะ… ลีอานน่าเริ่มเสียใจที่ชวนสุภาพบุรุษทรงเสน่ห์มาร่วมงานเต้นรำ
เธอรู้จักนิสัยเฮเซลเป็นอย่างดี หากหลงรักใครสักคนที่ครอบครัวต่อต้าน เธอจะหนีออกจากบ้านไปอย่างง่ายดาย
คล้ายกับเฮเซลอ่านความคิดมารดาออก กล่าวเสียงขรึม
“หนูชอบผู้ชายที่แข็งแกร่ง”
ฟู่ว… ลีอานน่าแอบโล่งใจ เลิกกังวลปัญหาเมื่อครู่ เพราะเฮเซลคือเด็กที่จะไม่พูดโกหก
…
กลางดึกสงัด เฮเซลลุกจากเตียง อาศัยเนตรมองกลางคืน สวมเสื้อผ้าที่ง่ายต่อการเคลื่อนไหว
หญิงสาวปืนลงจากระเบียงห้องนอนตัวเอง หลบเลี่ยงสายตาบอดี้การ์ดภายในบ้านอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งพ้นเขตสวน เฮเซลเดินเท้าต่อมายังฝาท่อระบายน้ำที่ตั้งอยู่ตอนกลางของถนนเบิร์คลุน จากตรงนี้ มนุษย์สามารถลงไปข้างล่างได้ด้วยบันไดแนวตั้ง
เฮเซลเปิดฝาท่ออย่างชำนาญ ปืนลงไป และปิดฝาท่อจากด้านใน
ราวสี่สิบห้านาทีถัดมา หญิงสาวโผล่ออกจากฝาท่ออีกแห่งหนึ่ง เดินเข้าไปซ่อนตัวในเงามืดริมถนน
ทันใดนั้น เฮเซลเห็นเงาดำกำลังกระโดดเข้าไปในสวนของบ้านหลังที่ไม่ห่างออกไป
“บ้านเลขที่ 160…” หญิงสาวอ่านป้ายเลขที่บ้าน
บ้านของดอน·ดันเตส
บนชั้นสามคฤหาสน์ ไคลน์ตื่นขึ้นเนื่องจากสัมผัสวิญญาณถูกกระตุ้น ในใจนึกอยากจับผู้บุกรุกที่บังอาจรบกวนเวลานอน และป้อนเป็นอาหารของยุบพองหิวโหย
ในคราวนี้ ชายหนุ่มเปิดกล่องบุหรี่โลหะ ปลอดปล่อยหุ่นเชิดวิญญาณอาฆาต
เซนอล สวมแจ็คเก็ตสีแดงเข้ม ลอยเข้าไปในกระจกเงาเต็มบาน จากนั้นก็กระโดดไปยังมุขหน้าต่างของห้องบุรุษรับใช้
‘มัน’ จ้องไปทางริชาร์ดสัน เห็นบุรุษรับใช้กำลังนั่งริมขอบเตียง มองไปทางประตูห้องด้วยท่าทางหวาดกลัวและกระวนกระวาย
ประตูเปิดออกอย่างเชื่องช้า ร่างของบุคคลหนึ่งปรากฏขึ้น
ภายใต้แสงจันทร์สีแดง ผู้บุกรุกมีผิวสีน้ำตาลอมเหลือง ใบหน้าอ่อนโยน ผมสั้นสีดำหยักศก ทั้งหมดคือลักษณะเด่นของชาวไบลัมจากทวีปใต้
ผู้บุกรุกยืนตรงประตูด้วยบรรยากาศเย็นเยียบ จ้องริชาร์ดสัน กล่าวเสียงทุ้ม
“ตัดสินใจได้รึยัง? อย่าคิดว่าการหนีไปจากพวกเรา จะช่วยให้ได้รับอิสรภาพและชีวิตอันแสนสงบสุขตามที่นายต้องการ สายเลือดของบริวารแห่งมรณากำลังไหลเวียนอยู่ในร่างกายของนาย ชะตากรรมเดียวคือการอุทิศทุกสิ่งเพื่อฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของพระองค์”
“คิดถึงมารดาที่ตายไป คิดถึงการถูกกลั่นแกล้งที่เคยได้รับ นายจะปล่อยให้ทายาทของตัวเองเติบโตมาถูกกลั่นแกล้งเหมือนเดิมอีกหรือ? อยากเป็นขี้ข้าของใครสักคนไปตลอดรึไง?”
“ล…แล้วจะให้ฉันทำยังไง?” ริชาร์ดสันก้มหน้าลง กล่าวตะกุกตะกัก
“มีงานรอนายอยู่” เสียงของผู้บุกรุกอ่อนโยนลงเล็กน้อย
ริชาร์ดสันไม่ตอบ คล้ายกับกำลังลังเล
ผู้บุกรุกมิได้แยแสความลังเลนั้น ถือว่าอีกฝ่ายตอบตกลงแล้ว เพียงหันหลังกลับ เดินออกจากห้อง กลับทางเดียวกับที่เข้ามา
“บริวารแห่งมรณา… นิกายวิญญาณ หรือคนจากองค์กรฟื้นฟูราชวงศ์ไบลัม?” ไคลน์ ผู้ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เอนหลังกลับลงไปบนเตียงนอน พึมพำเงียบงัน “งานที่จะให้ริชาร์ดสันทำคืออะไร? ขโมยเงินเรา รวบรวมเงินทุนสำหรับองค์กร? หรือก่อการร้ายในงานเลี้ยงชนชั้นสูง?”
ขณะเดียวกัน ผู้บุกรุกปืนลงจากระเบียง เดินผ่านสวน กระโดดออกจากรั้วเหล็กชั้นนอก กลับไปยังถนน
ทันใดนั้น มันเห็นร่างหนึ่งพุ่งมาจากฝั่งซ้ายมือ จึงรีบโยกตัวหลบ กำหมัดแน่นและชกกลับไป
วืด!
กำปั้นกระแทกร่างดังกล่าว แต่กลับทะลุผ่านไปด้านหลัง คล้ายกับเป็นเพียงเงาดำที่เกิดจากโคมไฟถนน
ทันใดนั้น มันถูกอัดเข้าที่ท้ายทอยอย่างจัง หลับกลางอากาศและล้มกระแทกพื้น
ร่างของเฮเซลปรากฏขึ้นด้านหลังผู้บุกรุก สีหน้าเผยความตื่นเต้นเล็กๆ ประหนึ่งกำลังยินดีที่ตบตาอีกฝ่ายสำเร็จ
หญิงสาวสงบสติอย่างรวดเร็ว กลับมาทำโอหังตามเดิม พลางหันไปมองรั้วเหล็กของบ้านเลขที่ 160 ด้านข้าง
เธอโน้มตัวลง คว้าแขนผู้บุกรุกและค่อยๆ ลากไปวางไว้หน้าประตูบ้านดอน·ดันเตส
ถัดมา เฮเซลปล่อยมือซ้าย จัดการลบร่องรอยทั้งหมด เชิดคางขึ้นเบาๆ และเดินสองก้าว สั่นกระดิ่งหน้าบ้าน
จากนั้น หญิงสาวรีบหนีทันที ตรงกลับบ้านโดยอาศัยเงามืดริมถนน
ณ โคมไฟถนนด้านนอกบ้านเลขที่ 160 ร่างของชายวัยกลางคนสวมแจ็คเก็ตสีแดงเข้มและหมวกสามมุมทรงโบราณ กำลังปรากฏบนผิวกระจก เฝ้ามองเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ
…
เราควรทำยังไงต่อ… ไคลน์ในห้องนอนกำลังเค้นสมองคิดอย่างยากลำบาก
ชายหนุ่มทราบว่า เฮเซลมีจิตใจดีและอยากช่วยเพื่อนบ้านจัดการกับผู้บุกรุกโดยไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน แต่หากปล่อยเอาไว้ หลังจากพ่อบ้านเรียกตำรวจ สืบสวนเรื่องราวลึกลงไป คดีนี้จะถูกส่งต่อให้เหยี่ยวราตรีแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น คำถามสำคัญก็คือ ใครเป็นคนจัดการกับผู้บุกรุก?
หากไคลน์เป็นเพียงคนธรรมดา เรื่องนี้ไม่น่ากังวล ปล่อยให้เหยี่ยวราตรีสืบสวนได้ตามใจชอบ ทว่า ไม่เพียงมันจะเป็นผู้วิเศษลำดับ 5 แต่ยังวางแผนขโมยของจากด้านหลังประตูยานิส ย่อมไม่อยากให้เหตุไม่คาดฝันเล็กน้อยมารบกวนงานใหญ่ ในกรณีเลวร้าย อาจถึงขั้นต้องเสียเวลาเปลี่ยนหน้าและตัวตนใหม่
ด้วยความสัตย์จริง ความคิดแรกในหัวคือการหาข้ออ้างไล่ริชาร์ดสันออก
อย่างไรก็ตาม ความคิดดังกล่าวถูกสั่นคลอนจากบทสนทนาที่ตนได้ยิน
หากเราไล่ริชาร์ดสันออกตอนนี้ ตัวเขาที่ปรารถนาชีวิตอันสงบสุขก็จะถูกเราถีบลงนรก ชะตากรรมที่เหลืออยู่มีเพียงการทำตามคำสั่งชั่วๆ ของคนเหล่านั้น… น่าเสียดาย ตัวตนดอน·ดันเตสเองก็มี ‘ภารกิจสำคัญ’ ไม่อย่างนั้น การช่วยริชาร์ดสันคงไม่ใช่เรื่องยาก…
สิบวินาทีถัดมา ผู้บุกรุกที่นอนหมดสติเกิดตื่นขึ้นกะทันหัน ขยับคอเล็กน้อย เข้าไปหลบในเงามืดใกล้เคียง พร้อมกันกับที่พ่อบ้านวอลเตอร์ผู้ได้ยินเสียงกระดิ่งและเพิ่งสวมเสื้อผ้าเสร็จ เดินออกจากประตูของอาคารหลัก