ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 1099 : 1368
“…” ลูก้า·บรูว์สเตอร์ก้มมองตัวเอง จากนั้นก็รีบยกแขนขวาขึ้นมาปิดเบื้องล่าง
ทันใดนั้น ดวงตาสีเทาอมเขียวของมันเปลี่ยนเป็นสีเข้ม
ทองคำที่ถูกหลอมเข้ากับราวบันไดลอยขึ้นไปในอากาศ ผสานกันกลายเป็นชุดเกราะแผ่นบาง ประกบเข้ากับร่างกายลูก้า·บรูว์สเตอร์
ลูก้าขยับแขน อธิบายพลังพร้อมกับผลข้างเคียง
“ศาสตร์เกราะทองคำของสเตียโน่… มีพลังป้องกันเทียบเท่าลำดับ 5 การ์เดียน”
“สเตียโน่?” ไคลน์ถามอย่างเป็นกันเอง
ลูก้าทำเสียงขรึมเพื่อแนะนำคนดังในประวัติศาสตร์
“หนึ่งในผู้ก่อตั้งนิกายมอสส์ยุคบุกเบิก… ได้ยินมาว่า จักรพรรดิโรซายล์เคยพัฒนาศาสตร์เกราะทองคำให้ดียิ่งขึ้น แต่ผมเองก็ไม่แน่ใจว่ามีสิ่งใดที่เพิ่มเข้ามา”
…เราพอจะเดาได้… บางทีเกราะทองคำอาจเปลี่ยนร่างได้สิบสองแบบ… ไคลน์พึมพำเงียบ ชักนำบทสนทนากลับเข้าประเด็น
“เฟเนพ็อตและโบสถ์พระแม่ธรณีเข้าร่วมสงครามแล้ว?”
ออเดรย์ซึ่งลืมตาขึ้นหลังจากลูก้าแนะนำเกี่ยวกับ ‘ศาสตร์เกาะทองคำของสเตียโน่’ พยายามข่มใจให้ไม่ทำท่าเอียงคอ เพียงจ้องมองครึ่งเทพตรงหน้าด้วยกิริยาสำรวม
ลูก้าถอนหายใจ
“ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะวางตัวเช่นไร แต่พวกเขาจะเข้าร่วมสงครามหลังเที่ยงคืนวันนี้แน่นอน… อย่างไรก็ตาม เป้าหมายแรกยังไม่ใช่โลเอ็น แต่มีแนวโน้มสูงที่จะเป็นลุนเบิร์ก มาซิน และเซกัล นั่นเพราะพวกเขาไม่ต้องการให้แนวรบกว้างเกินไปจนกองทัพกระจายตัว ยิ่งไปกว่านั้น โบสถ์พระแม่ธรณีไม่ต้องการสำแดงพลังมากนัก…”
หลังจากถอนหายใจ ครึ่งเทพแห่งโบสถ์ปัญญาความรู้กล่าวกับออเดรย์ซึ่งสวมหน้ากากสีเงิน ด้วยน้ำเสียงจริงใจ
“ไม่ทราบว่าผมต้องจ่ายค่ารักษาอย่างไร?”
ออเดรย์ชำเลืองมิสเตอร์เวิร์ลด้านข้าง
“เขาจ่ายให้แล้ว”
ลูก้า·บรูว์สเตอร์หันเหความสนใจมาทางดอน·ดันเตส
ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก
“ผมมีคำถาม”
“เชิญ” ลูก้ามิได้วางตัวเป็นครึ่งเทพ แต่ดูคล้ายกับอาจารย์มหาวิทยาลัยที่รอฟังคำถามจากนักศึกษา
แต่แน่นอน ต้องให้ชายคนนี้ถอดชุดเกราะทองคำออกเสียก่อน และสวมสูทสามชิ้นเข้าไปแทน
โดยไม่ปล่อยให้รอนาน ไคลน์เอ่ยคำถาม
“คุณรู้อะไรเกี่ยวกับการกัดกร่อนจากใต้ดินบ้าง”
ไคลน์คิดมาสักพักแล้วว่า นักบุญของโบสถ์ที่โด่งดังด้านสติปัญญา น่าจะ ‘ทน’ ต่อการกัดกร่อนด้านข้อมูลได้ดีกว่าเส้นทางอื่น และถ้าข้อมูลดังกล่าวเป็นอันตรายกับมิสจัสติส ลูก้าจะต้องเตือนก่อนแน่นอน เพราะชายคนนี้ไม่ใช่หนอนหนังสือทั่วไป
เนื่องจากหัวข้อ ‘การกัดกร่อนจากใต้ดิน’ เป็นสิ่งที่ออเดรย์เรียนรู้จากการสำรวจ ‘การเดินทางของกรอซาย’ เธอจึงตามบทสนทนาทัน และคิดว่าตนน่าจะเข้าใจคำตอบของอีกฝ่าย จึงยืนรอฟังสิ่งที่ออกจากปากครึ่งเทพฝั่งตรงข้ามอย่างใจเย็น
ลูก้าขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ผมเองก็ไม่มีข้อมูลมากนัก ทราบเพียงว่า ‘ใต้ดิน’ คือต้นกำเนิดของมลพิษ… อา… ผมเคยอ่านเจอบางประโยคในหนังสือโบราณ กล่าวไว้ว่า ยิ่งลำดับสูงเท่าไร อันตรายก็ยิ่งมากขึ้นเมื่อเข้าใกล้ใต้ดิน”
นั่นคือเหตุผลที่มังกรจินตภาพ แอนเคอร์เวลเกิดความกลัวและสร้างบาดแผลทางใจ? ออเดรย์หวนนึกถึงสิ่งที่ถูกผนึกอยู่หลังประตูทองแดงในเมืองแห่งปาฏิหาริย์ เลฟซิด
หญิงสาวหันไปมองมิสเตอร์เวิร์ลด้านข้าง พบว่าอีกฝ่ายยังไม่เปลี่ยนสีหน้า
อย่างไรก็ตาม ไคลน์หันมาผงกศีรษะให้มิสจัสติสเล็กน้อย เป็นนัยว่าตนกำลังคิดแบบเดียวกัน
ฉากตรงหน้าทำให้ออเดรย์นึกย้อนกลับไปในอดีต ตอนนั้นเธอยังเป็นผู้ชมลำดับต่ำ ไม่สามารถ ‘ถอดรหัส’ ภาษากายและสีหน้าของมิสเตอร์เวิร์ลได้แม่นยำนัก
ยิ่งมีลำดับสูง การเข้าใกล้ใต้ดินก็ยิ่งอันตราย? ฟังดูไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด… ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก เมื่อยืนยันว่าลูก้าไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม ชายหนุ่มเปลี่ยนประเด็น
“คำถามที่สอง คุณทำนายแนวโน้มของสงครามไว้อย่างไร”
เมื่อเอ่ยถึงการทำนาย ลูก้า·บรูว์สเตอร์ดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
“ตอนนี้แค่เริ่มต้น ยังห่างไกลจากสูงสุดอยู่มาก… ความเสียหายใหญ่หลวงจะเกิดขึ้น บางส่วนมาจากสงคราม แต่ก็มีบางส่วนมาจากนอกสงคราม ส่วนจะเป็นสิ่งใดนั้น ผมเองก็ไม่ทราบ”
สงครามเพิ่งเริ่ม… สีหน้าออเดรย์มืดมนอย่างมิอาจหักห้าม
บางส่วนเกิดจากสงคราม แต่บางส่วนก็เกิดจากนอกสงคราม? หมายถึงพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์ของพี่ชายอามุนด์หรือจักรพรรดิมืด? หรือการกลับมาของโรซายล์? ไคลน์พยักหน้าพลางคาดเดา ก่อนจะเริ่มคำถามที่สาม
“คุณเคยทำนายถึงวันสิ้นโลกบ้างไหม? ผลเป็นอย่างไร?”
ลูก้า·บรูว์สเตอร์ทำหน้าเครียด
“ไม่… นั่นไม่ใช่คำทำนาย… ทุกคนที่มีพลังทำนายหรือพยากรณ์ล้วนมั่นใจว่าวันนั้นจะต้องมาถึง… พระองค์ระบุไว้ในพระคัมภีร์ว่า จุดจบของทุกสิ่งจะเกิดขึ้นในปี 1368 แห่งยุคสมัยที่ห้า… แต่แน่นอน พระองค์กล่าวว่าจะมีผู้มาโปรด”
คำพยากรณ์ของเทพปัญญาความรู้? 1368… อีกแค่สิบกว่าปีเท่านั้น… หรือว่า เหตุผลที่เทพธิดาต้องรีบตัดไมตรีกับเทพสงครามและพยายามปรองดองกับ ‘เอกลักษณ์’ ของเส้นทางมรณาโดยเร็ว เพราะว่าโลกกำลังจะถึงจุดจบ? ไคลน์ทวีความตึงเครียด แต่ก็ไม่แสดงออกทางสีหน้าหุ่นเชิด
เหลืออีกแค่สิบกว่าปี… ออเดรย์ออกอาการมึนงงหลังจากได้ยินคำตอบครึ่งเทพฝั่งตรงข้าม
ด้วยความสัตย์จริง เธอเคยคิดว่าคำพยากรณ์ดังกล่าวเป็นของปลอม มันถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ควบคุมสาวกและทำให้ศาสนามั่นคง
ต่อให้มีสงครามขนาดใหญ่ปะทุขึ้นไปทั่วโลก แต่ออเดรย์ก็ไม่เคยจินตนาการว่าโลกจะถึงจุดจบ
นี่คือสามัญสำนึกของคนปรกติและผู้วิเศษส่วนใหญ่
“ทำไมถึงต้องเป็น 1368?” ไคลน์อดไม่ได้ที่จะถาม
ลูก้า·บรูว์สเตอร์ส่ายหน้า
“ผมเองก็ไม่ทราบ นั่นคือสิ่งที่พระองค์ระบุไว้”
เมื่อพิจารณาว่า แม้อีกฝ่ายจะเป็นถึงลำดับ 4 แต่ถ้าวันสิ้นโลกเกิดขึ้นจริง ลูก้าก็คงทำอะไรไม่ได้มากนัก ไคลน์ตัดสินใจยุติหัวข้อดังกล่าวและหันไปพูดกับลูก้า นักบุญแห่งโบสถ์ปัญญาความรู้
“หมดคำถามแล้ว”
สำหรับประเด็นอื่นที่ไคลน์อยากทราบ อีกฝ่ายก็คงตอบไม่ได้ ยกอย่างเช่น มลพิษจากอวกาศคืออะไร โรซายล์จะกลับมาตอนไหน ในสภาพใด
ลูก้า·บรูว์สเตอร์พยักหน้า
“หากในอนาคตคุณต้องการความช่วยเหลือ มาหาผมได้ทุกเมื่อ… ติดต่อผ่านเอ็ดวิน่าได้เลย”
มันยังไม่ลืมว่า เอ็ดวิน่าคือผู้ที่ชักนำให้ดอน·ดันเตสทำการค้าขายกับเมซันเญส
เอ็ดวิน่า… พลเรือโทธารน้ำแข็ง? ออเดรย์ผงะเล็กน้อย ก่อนจะชำเลืองมาทางเดอะเวิร์ลด้วยความสงสัย
เธอจำได้ว่า ตนเคยอ่านหนังสือพิมพ์ที่เขียนถึงเรื่องราวระหว่างเกอร์มัน·สแปร์โรว์กับสามนายพลโจรสลัดสาวสวย
“ตกลง” ไคลน์ไม่ปฏิเสธ การมีผู้ช่วยเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องดีเสมอ
หลังจากหันมาพยักหน้าขอบคุณออเดรย์ ลูก้า·บรูว์สเตอร์เลือนหายไปราวกับผสานเป็นหนึ่งกับโลกวิญญาณ
จากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อมองไปยังจุดที่ลูก้าเคยยืนและตระหนักว่า ทองคำทั้งหมดภายในห้องโถงหายไป ไคลน์พึมพำบางสิ่งในใจและยังคงรักษาความเงียบ
มันบังคับให้หุ่นเชิดหันไปทางออเดรย์ด้านข้าง
“ผมนึกว่างานของคุณจะยากกว่านี้”
“อีกฝ่ายคือนักบุญที่ช่วยเหลือตัวเองได้ทันเวลา และเชื่อใจดิฉัน ยอมให้ฝังการชี้นำทางจิตโดยไม่ขัดขืน” ออเดรย์ยิ้มตอบ พยายามทำตัวจริงใจและถ่อมตน
ดอน·ดันเตสพยักหน้า
“ภารกิจคราวนี้จะถูกนับรวมเป็นคะแนนผลงานของคุณ… รีบกลับกันเถอะ ที่นี่อันตรายมาก”
การได้เห็นครึ่งเทพเกือบคลุ้มคลั่งไปต่อหน้า ออเดรย์ไม่สงสัยใน ‘อันตราย’ ที่มิสเตอร์เวิร์ลเอ่ยถึง เธอรีบใช้ยุบพองหิวโหยเพื่อเทเลพอร์ตตัวเองกลับไปยังทวีปเหนือผ่านโลกวิญญาณ
หลังจากหญิงสาวสังเวยถุงมือหนังมนุษย์คืนมิสเตอร์ฟูลและเก็บกวาดแท่นบูชา เอิร์ลฮอลล์และบุตรชายคนโต ฮิบเบิร์ต·ฮอลล์กลับถึงบ้าน
ขณะออเดรย์เตรียมออกไปพบหน้าบิดาเพื่อทักทายสองสามคำ เธอได้ยินมารดาของตน คุณหญิงเคทลิน ซักถามภายในห้องโถง
“เกิดปัญหาขึ้นอีกแล้วหรือ? วันนี้คุณกลับช้ากว่ากำหนดมาก”
เอิร์ลฮอลล์ถอนหายใจ
“เฟเนพ็อตเปิดฉากโจมตีลุนเบิร์กแล้ว”
…
“ข่าวด่วน! ด่วนพิเศษ! เฟเนพ็อตเปิดฉากโจมตีลุนเบิร์กอย่างอุกอาจ!”
เลียวนาร์ดซึ่งสวมถุงมือสีแดง เดินลงจากรถม้าและเตรียมเดินเข้าไปในวิหารนักบุญแซมมวล
มันโบกมือเรียกเด็กขายหนังสือพิมพ์ ล้วงเหรียญหนึ่งเพนนีออกมาจ่าย จากนั้นก็กระซิบกระซาบขณะพลิกอ่าน
“อีกไม่นาน ทางใต้จะกลายเป็นสนามรบ”
“ใช่” พาลีส·โซโรอาสเตอร์ เจ้าของเสียงค่อนข้างชรา ตอบภายในใจ
“แล้วทำไมผมถึงยังอยู่ที่เบ็คลันด์…” เลียวนาร์ดพึมพำด้วยน้ำเสียงค่อนข้างฉงน
หลังจากเลื่อนลำดับเป็นจอมอาคมวิญญาณ มันกลายเป็นหัวหน้าหน่วยถุงมือแดง สมาชิกบางส่วนถูกดึงมาจากหน่วยอื่น หนึ่งในนั้นมีบ็อบและซินดี้ที่คุ้นเคย
หลังจากสงครามปะทุขึ้น เลียวนาร์ดคิดว่าทีมของตนจะถูกเรียกตัวกลับมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์เพื่อเข้าร่วมสมรภูมิเทือกเขาอมานด้า แต่กลับกลายเป็นว่า พวกมันยังคงถูกสั่งให้ประจำการในมุขมณฑลเบ็คลันด์เช่นเดิม
และในมหานครแห่งนี้ เนื่องจากมีการประกาศกฎอัยการศึกและเคอร์ฟิวในเวลากลางคืน ระดับความปลอดภัยภายในเมืองจึงเพิ่มสูงขึ้นมาก ไม่มีผู้วิเศษเถื่อนออกมาก่อความวุ่นวาย หรือกระทั่ง ‘ปีศาจ’ ที่ชอบฆ่าคนก็ยังเงียบกริบ นั่นทำให้เลียวนาร์ดค่อนข้างว่าง ผ่อนคลายยิ่งกว่ายามบ้านเมืองสงบสุขเสียอีก
ทันใดนั้น พาลีส·โซโรอาสเตอร์หัวเราะในลำคอ
“ข้าพอจะเดาได้”
“เดาได้ว่า?” เลียวนาร์ดถามเสียงต่ำ
“ข้ายังไม่อยากบอกเจ้าตอนนี้” พาลีสตอบด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
“…” เลียวนาร์ดไม่กล่าวคำใดต่อ เพียงจัดระเบียบปกเสื้อและเดินเข้าไปในวิหารนักบุญแซมมวล ทักทายอาร์ชบิชอปสองสามคำ จากนั้นก็นั่งสวดมนต์ห้านาที
ถัดมา มันลงไปยังชั้นใต้ดินและเปิดประตูห้องทำงานชั่วคราวของถุงมือแดง
“อรุณสวัสดิ์ หัวหน้า” หน่วยถุงมือแดงอย่างบ็อบและซินดี้ลุกขึ้นทำความเคารพ
ได้เห็นฉากตรงหน้า เลียวนาร์ดที่เคยคิดว่าตนคุ้นชินแล้ว กลับต้องตกอยู่ในภวังค์ไปพักใหญ่
เพียงพริบตา บ่ายวันจันทร์วนกลับมาถึงอีกครั้ง เลียวนาร์ดแจกงานให้คนในทีม ส่วนตัวเองเข้ามาพักในห้อง รอให้ชุมนุมทาโรต์เริ่มขึ้น
………………………………….