ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 1149 : หนี
เมื่อออเดรย์และชาวเมืองมองเห็นฉากดังกล่าว พวกมันรู้สึกตื่นตาตื่นใจประหนึ่งได้เห็นมายากลที่ยอดเยี่ยม ไม่มีใครเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่กี่วินาทีถัดมา เหตุการณ์เริ่มโกลาหล ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของผู้คน ทหารองครักษ์ต่างพากันกรูขึ้นไปบนเวทีสูง
เหล่าคณะรัฐมนตรีและขุนนางของสภาสูงพลันแตกตื่นและหากำบังหลบ บางคนรวบรวมความกล้าและวิ่งตามองครักษ์ขึ้นไป
ออเดรย์เฝ้ามองด้วยท่าทีเหม่อลอย เธอมิได้ประหลาดใจมากนัก แต่ก็ไม่คิดว่านี่จะเป็นเรื่องจริง
หากมิสเตอร์เวิร์ลให้ความสนใจใครเป็นพิเศษ นั่นแปลว่าเป้าหมายถูกจับตามองโดยมิสเตอร์ฟูล และพระองค์ไม่เคยล้มเหลวมาก่อน
นี่คือเจตจำนงของเทพ
ในจัตุรัสเทศบาลแห่งอื่นประจำกรุงเบ็คลันด์ เบ็นสัน เมลิสซ่า และคนที่เหลือต่างก็ได้ยินเสียงระเบิด จากนั้นก็ตระหนักว่าสุนทรพจน์ของกษัตริย์หยุดลงกลางคัน
หลังจากความเงียบเข้าครอบงำสักพัก ผู้คนเริ่มกระสับกระส่ายพลางส่งเสียงกระซิบกระซาบ
ความตื่นตระหนักและหวาดกลัวในอนาคตที่ไม่แน่นอน กำลังกัดกินจิตใจพวกมัน
…
เขตชานกรุงเบ็คลันด์ ภายในโบราณสถานหมายเลขหนึ่ง
สติของจอร์จที่สามกำลังเลือนรางสุดขีด มันสัมผัสถึงจิตสำนึกอันบ้าคลั่งและท่วมท้นกำลังปะทุจากภายในประหนึ่งภูเขาไฟ ส่งผลให้ร่างกายเริ่มแปรสภาพ ทุกสิ่งรอบตัวถูกบิดเบือน
มันเห็นบัลลังก์สีดำขนาดมหึมาอย่างคลุมเครือ และเห็นว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ด้านบน สวมมงกุฎจักรพรรดิสีดำ เฝ้ามองโลกเบื้องล่างด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย ปกครองเหล่าพสกนิกรประหนึ่งทวยเทพ
มันเหยียดแขนออกไปโดยพยายามจับคว้าอนาคตดังกล่าว แต่กลับถูกคำสาปจำนวนมากและการโจมตีที่ไม่รู้จักถาโถมเข้าใส่ ส่งผลให้เอื้อมไปไม่ถึงความฝันดังกล่าว
“ไม่…”
มือมายาของจอร์จที่สามชะงักค้างกลางอากาศ สติของมันเลือนรางและขาดห้วง ร่างกายแปรสภาพโดยสมบูรณ์
ทริสซี่ที่ปัจจุบันกลายเป็นเพียงก้อนเลือด ใช้เส้นผมอสรพิษหนาจำนวนมากห่อหุ้ม ‘เงาดำแห่งระเบียบ’
บึ้ม!
ด้านนอกโบราณสถานหมายเลขหนึ่ง ภูเขาและป่าไม้พังทลายจนเกิดฝุ่นควันลอยฟุ้งปริมาณมหาศาล
บึ้ม!
จุดที่เชื่อมกับแม่น้ำทัสซอคพลันเกิดหลุมลึกขนาดมหึมา ส่งผลให้กระแสน้ำอันเชี่ยวกรากพรั่งพรูเข้าไป
ครืน—!
บนท้องฟ้าสูงในจุดดังกล่าว พายุอันน่าสะพรึงก่อตัวขึ้นและปกคลุมไปทั่วบริเวณ
บนยอดเขาไกลออกไป ร่างของสองบุคคลกำลังเฝ้ามองฉากดังกล่าวโดยไม่มีใครพูดคำใดเป็นเวลานาน
หนึ่งในนั้นคือแม่มดยุพนิรันดร์ที่แต่งกายในชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์ อีกคนคือวิญญาณมารเทวทูตสีชาดในร่างชายผิวซีดสวมเสื้อคลุม
ผ่านไปหลายวินาที นักบุญขาว คาร์เทอริน่าถอนหายใจแผ่ว
“เหตุผลที่เราไล่ตามเธอ เพราะท่านบรรพกาลแจ้งว่าเธอมีแนวโน้มที่จะทำลายตัวเอง”
หลังจากยืนฟังเงียบงัน ใบหน้าของวิญญาณมารเทวทูตสีชาดบิดเบี้ยวเล็กน้อย
“ข้ารู้แล้วว่าใครคอยขัดขวางผลการทำนายของข้า”
คาร์เทอริน่ามีคำตอบในใจมากมาย แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยัน จึงเลือกที่จะเงียบ
วิญญาณมารเทวทูตสีชาดเปล่งเสียงเชื่องช้า
“รัตติกาล”
เว้นวรรคสักพัก มันข่มอารมณ์พลางเสริม
“ไม่อย่างนั้นข้าคงหาทริสซี่ชีคพบนานแล้ว”
โดยไม่รอการตอบสนองจากคาร์เทอริน่า วิญญาณมารเทวทูตสีชาดหันหลังกลับและเดินจากไปทันที
…
ภายในโบราณสถานอีกแห่ง ไคลน์ที่ได้เห็นสุสานลับพังทลายและมีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก เกิดความยินดีปรีดาอย่างเหนือคำบรรยาย แต่ก็ต้องรีบดึงสติกลับมาสนใจสถานการณ์ปัจจุบัน
เมื่อพิธีกรรมของจอร์จที่สามล้มเหลวและหมดสิทธิ์กลายเป็นจักรพรรดิมืด นั่นหมายความว่าเป้าหมายของไคลน์ลุล่วงแล้ว และขั้นตอนถัดไปคือการหาทางหลบหนี!
ทันใดนั้นอาศัยประโยชน์จากแรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้นขณะสุสานถูกทำลาย ไรเน็ตต์ไทน์เคอร์ซึ่งตระหนักว่าข้อตกลงระหว่างเธอกับไคลน์ลุล่วงแล้ว หยุดต่อสู้และหลบหนีเข้าไปในส่วนลึกของโลกวิญญาณทันที
พลังที่เธอยืมจากอดีตกำลังจะหมดลง!
เทวทูตแห่งการปกปิดเจ้าของใบหน้าสะสวยแต่เฉื่อยชา ถึงขีดจำกัดที่ไคลน์จะคงสภาพไว้ได้ หลังจากจำแลงกายเป็นโลกพิสดาร เธอเลือนหายไปตามธรรมชาติ
ภายในโบราณสถานที่ใกล้ถูกทำลาย ไคลน์กำลังเผชิญหน้ากับท่อนแขนของเทพหายนะเซียอา เฮอร์มิสจากโบราณ ภาพฉายของจักรพรรดิโรซายล์ ภาพฉายของวิลเลียมออกัสตัสที่หนึ่ง ภาพฉายของเทวทูตแสงนิรนาม และเสียงฟ้าร้องที่ยังไม่ทราบเป้าหมาย ทุกฝ่ายสามารถสังหารชายหนุ่มได้ง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ
และหากมันหวังอัญเชิญเทวทูตออกจากช่องว่างประวัติศาสตร์อีกครั้ง ใช่ว่าเพียงสองสามหนจะประสบความสำเร็จ
โดยปราศจากความลังเล ร่างไคลน์กลายเป็นมายา พยายามหลบเข้าไปในช่องว่างประวัติศาสตร์
ทันใดนั้นท่ามกลางทัศนียภาพของไคลน์ที่เต็มไปด้วยสายหมอกสีเทา วังวนอันเกิดจากกลุ่มหนอนแมลงสีใสปรากฏขึ้น พวกมันแผ่ขยายหนวดรยางค์โปร่งใสออกไปทุกทิศทาง
ซาราธ!
ร่างจริงของซาราธ!
มันกำลังรอไคลน์ภายในช่องว่างประวัติศาสตร์!
ถึงตรงนี้ไคลน์มิอาจถอนตัวจากการเข้าไปหลบในช่องว่างทางประวัติศาสตร์ ทำได้เพียงมองดูร่างของตนถูกวังวนดูดเข้าไปยังจุดศูนย์กลางของสายหมอก!
มันยกนิ้วขึ้นมาเตรียมดีดเพื่อจุดไฟเผานกกระเรียนกระดาษ แต่กลับพบว่าที่นี่ไม่สามารถจุดไฟได้
ซาราธซึ่งจับตามองมาสักพัก มีเข้าใจเกี่ยวกับไพ่ตายของเหยื่อในระดับหนึ่ง จึงอาศัยระดับตัวตนที่สูงกว่าและอำนาจในขอบเขตความพิสดาร ยับยั้งมิให้ไคลน์ควบคุมเปลวไฟได้อีก!
นอกจากนั้นสัญชาตญาณของไคลน์ยังเตือนว่า ปลายทางของการ ‘เทเลพอร์ต’ เชื่อมโยงกับวังวนหนอนแมลงสีใสอย่างน่าประหลาด
มันหนีไม่พ้นและไม่มีเวลาอัญเชิญผู้ช่วย
ทว่าผู้วิเศษเส้นทางนักทำนาย ย่อมไม่ลงมือโดยไม่เตรียมตัวล่วงหน้า
วังวนหนอนโปร่งใสหมุนรอบตัวเองอย่างเชื่องช้าราวกับกำลังต้อนรับ ‘การมาเยือนที่มิอาจเลี่ยง’ ของไคลน์ และหนวดรยางค์โปร่งใสกำลังแหวกว่ายไปมาโดยที่ไม่มีสิ่งใดสามารถยับยั้ง
พวกมันรัดพันร่างกายไคลน์ แต่สุดท้ายกลับคว้าได้เพียงหนังสือโบราณปกหนังสีเข้ม
บนผิวของปกหนังสือยังมีคราบเลือดเปียกติดอยู่
การเดินทางของกรอซาย!
ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ ไคลน์ทำการหักนิ้วตัวเองและปล่อยให้เลือดหยดลงบนผิวการเดินทางของกรอซาย ส่งตัวเองเข้าไปอยู่ในโลกหนังสือเพื่อหลบหนีกับดักที่ซาราธวางไว้
ทันทีที่เข้าสู่โลกหนังสือ ไคลน์เอื้อมมือไปข้างหน้าทันที จับคว้าหุ่นเชิดที่เคยครอบครองครู่หนึ่งออกจากช่องว่างประวัติศาสตร์
เฮอร์วินแรมบิส!
ไคลน์เคยทดสอบดูแล้ว หากเป็นที่นี่มันสามารถอัญเชิญภาพฉายทางประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นจริงได้ เพราะที่นี่ยังได้รับความช่วยเหลือจากปราสาทต้นกำเนิด อ้างอิงจากการที่โลกภายในหนังสือสามารถสวดวิงวอนถึงเดอะฟูลได้อย่างอิสระ แต่แน่นอนต่อให้ไม่ได้ผล ไคลน์ก็ยังมีวิธีแก้ขัดเป็นการอัญเชิญจัสติส ออเดรย์ ที่เคยมีตัวตนภายในโลกหนังสือออกมา!
สรุปโดยสั้น ชายหนุ่มต้องการผู้วิเศษลำดับกลางถึงสูงของเส้นทางผู้ชม จุดประสงค์เพื่อนำตนเข้าไปในทะเลจิตใต้สำนึกรวมและเข้าสู่ ‘เมืองแห่งปาฏิหาริย์’ เลฟซิด เป้าหมายคือโถงแห่งความจริง
ยิ่งเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี เพราะไคลน์ไม่มีทางทราบว่า เทวทูตลำดับหนึ่ง อย่างซาราธจะใช้เวลานานแค่ไหนในการถอดรหัสความลับของ ‘การเดินทางของกรอซาย’ และยิ่งไม่มีข้อมูลว่าอีกฝ่ายสามารถบุกรุกเข้ามาโดยตรงได้หรือไม่
ทางรอดเดียวคือต้องแข่งกับเวลา!
เฮอร์วินแรมบิสเจ้าของมาดอ่อนโยนและสง่างาม แต่งกายในชุดสุภาพและติดโบสีแดงเข้ม จับแขนไคลน์ด้วยสีหน้าแข็งทื่อ จากนั้นก็พาเข้าสู่ทะเลจิตใต้สำนึกรวมซึ่งมีลักษณะเป็นแสงเงาซ้อนทับกัน
อาศัยพลังของ ‘จอมบงการ’ พวกมันเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วจนกระทั่งถึงเลฟซิดภายในไม่กี่วินาที จากนั้นก็มาถึงหน้าโถงแห่งความจริง
ไคลน์ยกเลิกการคงสภาพหุ่นเชิดเฮอร์วินแรมบิส อาศัยแรงลมส่ง มัน ‘วิ่ง’ ผ่านประตูเข้าไปด้านใน
ขณะเดินผ่านภาพจิตรกรรมที่มีสีสัน เสียงชายหนุ่มดังก้องภายในห้องโถง
“ถ้าเป็นที่นี่ โอกาสอัญเชิญ ศูนย์-ศูนย์แปด สำเร็จน่าจะสูงขึ้น…”
“หากใช้มันวาดต่อท้ายภาพจิตรกรรมบนผนังฝั่งซ้าย มีโอกาสที่จะส่งผลต่อโลกความจริง…”
“อาศัยการจัดแจงทางโชคชะตา ซาราธอาจทำพลาดและเปิดช่องว่างให้เราหนีอย่างปลอดภัย…”
“ไม่สิ ให้ร่างโคลนของอามุนด์เข้ามาตะลุมบอนกับซาราธ แบบนี้จะง่ายกว่ามาก…”
“ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเทพธิดาถึงต้องการ ‘ล่อ’ อามุนด์เข้ามาในเบ็คลันด์…”
“ภาพจิตรกรรมฝาผนังฝั่งขวาสื่อถึงโลกในหนังสือ เราสามารถใช้ ศูนย์-ศูนย์แปด เพื่อพรรณนาถึงประตูชั่วคราวสำหรับเปิดทางหนี…”
ขณะกำลัง ‘บิน’ ไคลน์เหยียดแขนขวาออกไปจับคว้าความว่างเปล่า
ห้าครั้ง สิบครั้ง ยี่สิบครั้ง เมื่อไคลน์ทำการยืมพลังจากตัวเองในอดีตเพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณ มือขวาของมันจมลง ก่อนจะดึงปากกาขนนกทรงโบราณสีทึบออกมา
ศูนย์-ศูนย์แปด!
วินาทีถัดมาชายหนุ่มมาถึงหน้าเสาหินต้นยักษ์ที่ต้องใช้หลายคนโอบ
แม้จะผ่านกาลเวลามานานจนเสื่อมสภาพ แต่มันก็เคยเป็นบัลลังก์ของมังกรจินตภาพ แอนเคอร์เวล
ไคลน์อ้อมเสาหินไปทางด้านหลังจนกระทั่งสุดทางภาพจิตรกรรม ยกปากกาศูนย์-ศูนย์แปด ขึ้นและเตรียมเขียน
ชายหนุ่มไม่เคยทดสอบการใช้ศูนย์-ศูนย์แปดกับที่นี่มาก่อน ด้วยเกรงว่าอาจไปกระตุ้นให้พี่ชายอามุนด์ไหวตัวทัน จนตระหนักว่ามีใครบางคนพยายามขัดขวางพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์จักรพรรดิมืดของจอร์จที่สาม
แต่ปัจจุบันมันไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นอีกต่อไป สามารถเขียนในสิ่งที่ตนต้องการได้เต็มที่
ทันใดนั้นศูนย์-ศูนย์แปดที่กำลังจะถูกเขียนพลันเลือนหายไป สลายตัวก่อนจะครบกำหนดด้วยซ้ำ!
เกิดอะไรขึ้น…ไคลน์เริ่มตื่นตัว
ทันใดนั้น ชายหนุ่มพบว่าโถงแห่งความจริงมิได้ขยายความคิดของตนให้เป็นเสียง สภาพแวดล้อมกำลังเงียบสงัดสุดขีด
เมื่อสัมผัสวิญญาณถูกกระตุ้น ไคลน์บรรจงหันกลับไปและพบว่าเสาหินที่ผ่านร้อนผ่านหนาวเป็นเวลานานจนสึกกร่อน แปรสภาพกลายเป็นไม้กางเขนยักษ์ที่สูงกว่าร้อยเมตรตั้งแต่ตอนไหนก็มิอาจคาดเดา
เบื้องหน้าไม้กางเขน ร่างอันพร่ามัวขนาดมหึมากำลังยืนเด่นสง่า ราวกับแบกทุกสิ่งไว้บนแผ่นหลังและเฝ้ามองวิญญาณทุกดวงด้วยสีหน้าเห็นใจ
ภายในโถงแห่งความจริง แถวม้านั่งสีดำจำนวนมากปรากฏขึ้น แต่มีผู้สวดวิงวอนเพียงคนเดียว
ผู้วิงวอนนั่งอยู่กึ่งกลางแถวหน้าสุดในสภาพหลับตา แต่งกายด้วยชุดคลุมสีขาวเรียบง่าย หนวดเคราสีทองปกปิดครึ่งล่างของใบหน้า มือสองข้างประสานกันบนสร้อยคอไม้กางเขนสีเงินตรงหน้าอก บรรยากาศอ่อนโยนและสงบเสงี่ยม
อาดัม
ประธานใหญ่แห่งสภานักสิทธิ์สนธยา ราชาเทวทูตอาดัม
ไคลน์ไม่ทราบว่าชายคนนี้เข้ามาตั้งแต่ตอนไหน
ขณะเดียวกัน อาดัมเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นดวงตากระจ่างใสเหมือนเด็ก
มันบรรจงยืนขึ้นเชื่องช้า กล่าวด้วยมาดสงบนิ่ง
“การร่วงหล่นของจอร์จที่สามส่งผลให้โลเอ็นเผชิญสูญเสียครั้งใหญ่ อินทิสจะไม่นิ่งดูดายอีกต่อไป พวกเขาจะฉวยโอกาสนี้ในการเปิดศึกเต็มอัตรา และสงครามที่ปกคลุมโลกก็จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ…เจ้ายอมรับบทสรุปเช่นนี้หรือไม่?”
…………………………