ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 1300 : คนที่สี่
- Home
- ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ
- ราชันเร้นลับ 1300 : คนที่สี่
แบร์นาแดตจ้องไปยังเค้าโครงสีดำเป็นเวลานาน ปลายสายตาทวีความชัดเจนเมื่อ ‘รุ่งอรุณ’ ยิ่งแล่นเข้าไปใกล้ จนกระทั่งยืนยันได้ว่านั่นคือเกาะขนาดใหญ่
บนเกาะเต็มไปด้วยต้นไม้ยักษ์สีเขียวเข้มสูงตระหง่าน แนวต้นไม้ปกคลุมพื้นดินและยอดเขา
แม้แบร์นาแดตจะไม่มั่นใจว่าที่นี่คือเกาะโบราณซึ่งบิดาเคยมาเยือน แต่สัมผัสวิญญาณของ ‘ผู้หยั่งรู้’ บอกกับเธอว่า นี่อาจเป็นสถานที่ที่เธอกำลังตามหา
เมื่อภาพชายฝั่งฉายเข้ามาในดวงตา หญิงสาวเม้มริมฝีปาก ก้มศีรษะเปล่งพระนามเต็มอันทรงเกียรติ:
“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย ผู้ปกครองลึกลับเหนือห้วงสายหมอกสีเทา ราชันเหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ…”
ทันทีหลังจากนั้น ราชินีเงื่อนงำแบร์นาแดตยกมือขึ้น หยุด ‘รุ่งอรุณ’ ซึ่งไม่มีลูกเรือไว้กลางทะเล ไม่เข้าไปใกล้ฝั่ง
ในเวลาเดียวกัน เสียงของเปียโน ไวโอลิน เชลโล ฟลุต และเครื่องดนตรีชนิดอื่นดังขึ้นภายในห้องโดยสารซึ่งปลอดคน สอดประสานกันกลายเป็นท่วงทำนองอันอบอุ่นและร่าเริง
ท่ามกลางเสียงดนตรี ขนมปัง สเต๊ก มันฝรั่งบด เห็ดทอด และอาหารประเภทอื่นซึ่งวางอยู่บนจานอาหารค่ำพลันลอยขึ้นพร้อมกับเต้นระบำ บ้างกลับไปยังเตาอบ แต่บ้างก็โยนตัวเองลงถังขยะ
ขวดไวน์แดง ผ้าปูโต๊ะสีขาว และสิ่งอื่นลอยกลับคืนตำแหน่งเดิม บางกลับเข้าที่และผนึกตัวเอง บ้างก็พับเก็บอย่างมีระเบียบ
จากนั้น แบร์นาแดตบรรจงใช้มือขวาโยนก้อนเส้นด้ายมายาออกไป
ก้อนเส้นด้ายเลือนหายไปกับความว่างเปล่า เหลือทิ้งไว้เพียงปลายเส้นด้าย แบร์นาแดตเดินตามเข้าไปในโลกวิญญาณจนกระทั่งโผล่ตัวบริเวณเขตรอบนอกของเกาะนิรนาม
ราชินีเงื่อนงำไม่รีบร้อน เพียงค้นหาเบาะแสของสุสานจักรพรรดิมืดจากรอบนอกด้วยความระมัดระวัง ดวงตาสีฟ้าประหนึ่งน้ำทะเลสูญเสียความคมชัดเล็กน้อย คล้ายกับพยายามมองเข้าไปในแม่น้ำแห่งชะตากรรม
ไม่กี่วินาทีถัดมา ดวงตาแบร์นาแดตกลับเป็นปรกติ เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าโดยไม่รู้ตัว
คล้ายกับเธอสัมผัสได้ว่า ตอนนี้กำลังถูกใครสักคนจ้องมอง
แน่นอน หญิงสาวคาดหวังสิ่งนี้ ไม่อยากนั้นคงไม่ท่องพระนามเต็มของเดอะฟูล
เหนือสายหมอกสีเทา ภายในวังโบราณ ไคลน์ซึ่งสอดไพ่เดอะฟูลไว้ในร่างกาย สวม ‘ม่าน’ และถือไม้เท้าดวงดาว กำลังตรวจสอบสถานการณ์บนเกาะผ่านจุดแสงวิงวอนของราชินีเงื่อนงำ
ภายในทัศนวิสัย ‘ตาทิพย์’ เกาะตรงหน้าถูกปกคลุมไปด้วยม่านบางๆ สีดำที่บิดเบี้ยว ส่งผลให้มองไม่เห็นสถานการณ์บนเกาะได้โดยตรง ทำได้เพียงอาศัยมุมมองจากแบร์นาแดต
ต่อให้ที่นี่ไม่ใช่เกาะโบราณซึ่งจักรพรรดิโรซายล์ค้นพบ แต่ก็คงไม่ใช่สถานที่ธรรมดาแน่… ไคลน์พยักหน้าแผ่วเบา รอให้ราชินีเงื่อนงำทำการสำรวจเพิ่มเติม
แบร์นาแดตไม่ได้ใช้ก้อนด้ายอีกต่อไป เพราะเกิดลางสังหรณ์ว่า มันจะพาเธอเข้าไปในนรกแสนอันตรายซึ่งยากจะต้านทาน
หญิงสาวหยิบหมวกมายาออกมาสวมบนศีรษะ
ร่างกายซึ่งสวมชุดกัปตันเรือเลือนหายไป ร่องรอยทั้งหมดก็เช่นกัน
นี่คือหนึ่งในเวทมนตร์นิทานปรัมปราจาก ‘สำแดงความรู้’ แก่นแท้ของมันคือหมวกซึ่งทำให้ผู้สวมล่องหน
จากนั้น แบร์นาแดตเดินไปตามถนนซึ่งคล้ายกับเกิดจากฝีมือมนุษย์ เข้าไปจนถึงป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่
ที่นี่ปราศจากเสียงนกร้อง ปราศจากเสียงสัตว์ป่าคำราม และปราศจากแมลงเลื้อยคลาน สงบสุขราวกับกระแสเวลาถูกแช่แข็ง เงียบสงัดราวกับไม่มีชีวิตชีวา
ตามความเข้าใจของแบร์นาแดต ที่นี่ควรจะเต็มไปด้วยสัตว์วิเศษซึ่งสูญพันธุ์ไปแล้วบนโลกภายนอก ตามปรกติแล้วจึงควรจะมีชีวิตชีวา แต่ในปัจจุบัน เธอกลับรู้สึกประหนึ่งเดินผ่านสุสานร้าง ต้นไม้ใหญ่ทุกต้นคือป้ายหลุมศพ
สำหรับผู้วิเศษทั่วไปซึ่งมีจิตใจอ่อนแอ พวกมันคงเผชิญความตึงเครียดเป็นล้นพ้น และเมื่อถูกแรงกดดันถาโถม ย่อมมีโอกาสในการเกิดภาวะคลุ้มคลั่ง แต่สำหรับแบร์นาแดต เธอยังคงเผยสีหน้าเย็นชาไม่แปรเปลี่ยน คล้ายกับคุ้นเคยสถานการณ์แปลกประหลาดเป็นอย่างดี ทำเพียงย่างกรายไปด้านหน้าโดยไม่สั่นคลอน
หลังจากเดินไปได้เกือบครึ่งชั่วโมง หญิงสาวไม่พบสิ่งมีชีวิตใด ไม่มีแม้กระทั่งสายลม
ทันใดนั้น ดวงตาแบร์นาแดตเริ่มเบิกกว้าง เนื่องจากแนวต้นไม้ใหญ่ตรงหน้าเริ่มบางตา
เธอมิได้ยินดี แต่กลับกัน หญิงสาวลดความเร็วลงและยกมือขึ้นมาแตะหว่างคิ้ว
ดวงตาแสนเย็นชาและโปร่งใสซึ่งปราศจากขนตา ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าแบร์นาแดตหนึ่งคู่
จากนั้น ‘เนตรผู้ส่องความลับ’ ดังกล่าวถูกมือล่องหนคว้าไปสวมลงบนใบหน้าของร่างมายา
นี่คือทาสรับใช้ล่องหนของแบร์นาแดต
ทาสรับใช้ล่องหนดังกล่าวพา ‘เนตรส่องความลับ’ เดินไปบนถนนและเข้าสู่เขตป่าเปิดโล่ง
ระหว่างนี้ การมองเห็นของมันค่อยๆ ทวีความคมชัด คล้ายกับไม่ได้รับผลกระทบจากชั้นความมืดบางเบาในอากาศ
ในที่สุด ทาสรับใช้ล่องหนก็มาถึงบริเวณเปิดโล่ง และถ่ายทอดสถานการณ์ภายในนั้นกลับไปหาแบร์นาแดตผ่านเนตรผู้ส่องความลับ
ด้านนอกป่าโปร่งเป็นพื้นที่เปิดโล่งซึ่งมีสัตว์จำนวนมากกำลังหมอบกราบ
ในหมู่พวกมันมีมังกรแดงซึ่งผิวหนังลุกโชนด้วยเปลวเพลิง มีมนุษย์ต้นไม้ซึ่งมีรอยกรีดคล้ายปาก ตาไม้สองจุดคล้ายดวงตา มีหมาป่าอสูรแปดขา มีคนยักษ์ที่แขนขายาวผิดสัดส่วน มีงูขนนกเกล็ดสีเขียวและขนเปื้อนน้ำมัน อย่างหลังขดตัวเองจนมีลักษณะคล้ายเนินเขาลูกเล็ก นอกจากนั้นยังมีสิ่งมีชีวิตอีกมากซึ่งดูคล้ายส่วนผสมระหว่างมนุษย์และสัตว์
ปัจจุบัน พวกมันทั้งหมดกำลังหันหน้าไปในทิศทางเดียวกัน ร่างกายท่อนบนหมอบกราบติดพื้น ศีรษะก้มต่ำ คล้ายกับกำลังทำความเคารพตัวตนลึกลับบางอย่าง ไม่มีใครส่งเสียงใด.ไอรีนโนเวล.
ในหมู่พวกมันมีมนุษย์ปะปนอยู่เล็กน้อย
หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า… ขณะแบร์นาแดตนับจำนวนสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์ ดวงตาสีฟ้าของเธอพลันเบิกกว้าง
เธอได้ฟังมาจากพลเรือเอกดวงดาวแคทลียา ว่าเกราะโบราณที่บิดาของเธอค้นพบจะมีการกัดกร่อนแบบพิเศษ ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตซึ่งถูกอิทธิพลบนเกาะกัดกร่อนจนตาย จะกลับมาคืนชีพที่นี่เสมอไม่ว่าจะหนีไปไกลขนาดไหน
จากบรรดา ‘อัศวิน’ ผู้คอยติดตามรับใช้จักรพรรดิโรซายล์ กริมม์เสียชีวิตเป็นคนแรก ตามด้วยวิลเลียมและโพลี แต่นอกเหนือจากสามคนดังกล่าวก็ไม่มีใครเสียชีวิตในลักษณะเดียวกันอีก ทว่า สิ่งมีชีวิตลักษณะคล้ายมนุษย์ที่เธอนับได้มีมากถึงห้าร่าง
นอกจากนั้น แบร์นาแดตยังทราบว่า ในท้ายที่สุด บิดาของตนสามารถรับมือการกัดกร่อนและเปลี่ยนให้เกาะแห่งนี้กลายเป็นฐานทัพลับ
เรามาผิดเกาะ…? ราชินีเงื่อนงำตรวจสอบมนุษย์ทั้งห้าคนอย่างละเอียดผ่านเนตรส่องความลับ
ทุกคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราแห่งยุคสมัยโรซายล์ ใบหน้าขาวซีด ผิวแห้งจนปริแตก ดูคล้ายซอมบี้มากกว่าคนเป็น
อย่างไรก็ดี เนื่องจากทั้งห้ากำลังหมอบกราบติดพื้น แบร์นาแดตจึงมองมิอาจมองเห็นใบหน้าได้ชัดเจน ทำได้เพียงอดทนรอให้สิ้นสุดช่วงเวลา ‘สวดวิงวอน’
ไม่กี่นาทีถัดมา สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ทยอยลุกขึ้นยืน ผืนป่าโดยรอบกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
อาศัยโอกาสดังกล่าว แบร์นาแดตตรวจสอบใบหน้าคนทั้งห้าและเปรียบเทียบกับภาพเหมือนในความทรงจำ:
กริมม์… เป็นกริมม์จริงๆ ที่นี่คือเกาะโบราณ…
นั่นมัน… ลุงวิลเลียม เราไม่มีทางลืม เขาเคยเป็นอาจารย์สอนดาบให้เรา…
ลุงโพลี…
จนกระทั่งยืนยันใบหน้าของรายที่สี่ ใบหน้าซึ่งมักเก็บอารมณ์ได้ดีของแบร์นาแดต เผยอาการตกตะลึงโดยไม่ปกปิด
บุคคลดังกล่าวก็คือ:
เอ็ดเวิร์ด!
ตามความทรงจำของแบร์นาแดต อัศวินรายนี้ยังมีชีวิตอยู่ในตอนที่บิดาของตนสิ้นใจ และในภายหลังได้ย้ายครอบครัวไปอาศัยที่ลุนเบิร์กโดยไม่ได้ตายเพราะการกัดกร่อนบนเกาะ
จากข้อมูลของพลเรือโทธารน้ำแข็ง เอ็ดเวิร์ดมีอายุยืนเกือบร้อยปี เสียชีวิตอย่างสงบและถูกฝังในสุสานย่านชานเมืองของลุนเบิร์ก
ลุงเอ็ดเวิร์ดก็ถูกส่งกลับมาที่นี่… ทั้งที่เขาไม่ได้ถูกกัดกร่อนจนตายเพราะอิทธิพลจากเกาะ… ความคิดมากมายพรั่งพรูเข้ามาในหัวแบร์นาแดต ดวงตาของทาสรับใช้ล่องหนยังคงจดจ้องผู้ที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นเอ็ดเวิร์ด
‘สุภาพบุรุษ’ รายนี้มีสภาพแก่ชรา ผมขาวทั้งหัว สอดคล้องกับภาพเหมือนของบรรพชนตระกูลเอ็ดเวิร์ดในช่วงบั้นปลายซึ่งเอ็ดวิน่าเคยนำมาแสดงให้ดู พิจารณาจากรูปลักษณ์ดังกล่าว แบร์นาแดตสามารถเชื่อมโยงกับใบหน้าสมัยยังหนุ่มแน่นของอีกฝ่ายและยืนยันได้ว่าเป็นคนเดียวกัน
ในช่วงเวลาดังกล่าว เอ็ดเวิร์ดเคยเป็นครูสอนขี่ม้าของเธอ
ทันใดนั้นเอง มนุษย์ซึ่งต้องสงสัยว่าจะเป็นเอ็ดเวิร์ด หันมาจ้องทาสรับใช้ล่องหนด้วยสายตาเย็นชา
แม้แบร์นาแดตจะสืบทอดมรดกของจักรพรรดิโรซายล์มามากมาย แต่การไต่เต้ามาจนถึงตำแหน่งปัจจุบัน แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเอาแต่พึ่งพามรดกดังกล่าว ในวินาทีปัจจุบัน หญิงสาวรีบตัดสินใจสลายเนตรส่องความลับและส่งทาสรับใช้ล่องหนกลับโลกวิญญาณ
ทันทีหลังจากนั้น เธอแอบเปลี่ยนตำแหน่งของตัวเอง
ขณะเดียวกัน ไคลน์บนสายหมอกสีเทาซึ่งกำลังเคาะขอบโต๊ะทองแดงยาว ส่งพลังลงไปเพื่อ ‘เพิ่มโอกาส’ ที่แบร์นาแดตจะไม่ถูกพบตัว
เมื่อมนุษย์ซึ่งต้องสงสัยว่าจะเป็นเอ็ดเวิร์ดถอนสายตาอันว่างเปล่ากลับและเดินไปยังตำแหน่งอื่นภายในป่าพร้อมกับสิ่งมีชีวิตโดยรอบ ไคลน์ขมวดคิ้วพลางพึมพำกับตัวเอง:
“เกิดอะไรขึ้นกับที่นี่กันแน่…”
ไคลน์มั่นใจว่ามหาจักรพรรดิสามารถขจัดปัญหาการกัดกร่อนจากอวกาศบนเกาะได้ในตอนที่ยังมีชีวิต แต่ทำไมสิ่งมีชีวิตบนเกาะถึงยังคงกราบไหว้บูชาตัวตนลึกลับและประกอบพิธีกรรม สถานการณ์ดังกล่าวมีความใกล้เคียงกับช่วงต้นของไดอารีมาก
มีบางตัวตนจากอวกาศทำการกัดกร่อนเกาะแห่งนี้อีกครั้งหลังจากจักรพรรดิร่วงหล่น? หรือว่าที่จริงแล้ว พวกมันกำลังกราบไหว้บูชาสัญลักษณ์ซึ่งมหาจักรพรรดิเหลือทิ้งไว้? มนุษย์อีกสองคนที่ดูเหมือนเอ็ดเวิร์ดและเบ็นจามิน·อับราฮัมเป็นใครกันแน่? ไคลน์ซึ่งถูกก่อกวนทัศนวิสัยด้วยชั้นความมืดเจือจางบนเกาะ ย่อมมองไม่เห็นสิ่งที่สัตว์เหล่านี้กราบไหว้บูชา ทำได้เพียงอาศัยการมองเห็นจากมุมของแบร์นาแดตเพื่อสังเกตการณ์
ผ่านไปสักพัก แบร์นาแดตซึ่งเชี่ยวชาญการพยากรณ์ สามารถยืนยันได้ว่าในพื้นที่เปิดโล่งไม่มีสิ่งมีชีวิตใดหลงเหลือ จึงอัญเชิญทาสรับใช้ล่องหนออกมาอีกครั้งและมอบเนตรส่องความลับให้มัน
ทาสรับใช้ล่องหนเดินผ่านป่าในเขตต้นไม้เบาบาง จนกระทั่งมาถึงพื้นที่เปิดโล่งซึ่งเคยสิ่งมีชีวิตจำนวนมากกราบไหว้บูชาบางสิ่ง
บนหินก้อนใหญ่มีศาลพระภูมิเรียบง่ายสไตล์จีนสร้างจากไม้สีแดงเข้ม
ทาสรับใช้ล่องหนเดินวนครึ่งวงกลมจนกระทั่งมาถึงด้านหน้าศาลพระภูมิ แต่กลับต้องพบว่าด้านในว่างเปล่า ปราศจากเทวรูปหรือตราศักดิ์สิทธิ์ซึ่งทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์
สิ่งมีชีวิตบนเกาะกราบไหว้บูชาตัวตนที่คล้ายกับไม่มีอยู่จริง
……………………………………………..