ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 1323 : แผนการพัฒนา
- Home
- ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ
- ราชันเร้นลับ 1323 : แผนการพัฒนา
หลังจากได้ฟังความปรารถนาของชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ ไคลน์ผุดความคิดหนึ่งทันที
ทำไมทุกอาชีพถึงเกี่ยวกับอาหาร…
แฮงแมนอัลเจอร์ใช้ความคิดสักพัก จากนั้นก็กล่าวกับเด็กหนุ่ม
“คุณสามารถบอกให้คนที่อยากเป็นจริงๆ เข้าร่วมสภาพแรงงานในบายัมเพื่อเรียนกับครูอย่างเป็นกิจจะลักษณะ หรือไม่ก็เชิญผู้เชี่ยวชาญไปถ่ายทอดความรู้ให้ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ได้โดยตรง แลกกับการจ่ายค่าจ้างราคาแพง… แต่แน่นอน พื้นฐานคือการเรียนภาษา พวกคุณต้องเชี่ยวชาญภาษาถิ่นของหมู่เกาะรอสต์ รวมถึงภาษาโลเอ็น ฟุซัคโบราณ และตูทาน”
ฟังอัลเจอร์กล่าวจบ แคทลียาแนะนำต่อทันที
“นอกจากการตั้งทีมทหารรับจ้าง พวกคุณควรลองไปสมัครงานในหน่วยพิเศษตามเมืองใหญ่บนหมู่เกาะรอสต์เพื่อทำคดีเหนือธรรมชาติ”
แม้รัฐบาลของหมู่เกาะรอสต์และโบสถ์เทพสมุทรจะ ‘เคลม’ ตะกอนพลังกับสูตรโอสถจากเมืองเงินพิสุทธิ์และจันทราไปมาก แต่พวกมันก็มิอาจฝึกฝนหน่วยพิเศษได้ในเวลาอันนั้น – อาจไม่เป็นปัญหาในลำดับ 9 เพราะขอเพียงเลือกคนที่มีจิตใจและร่างกายแข็งแรงมาดื่มโอสถ โอกาสคลุ้มคลั่งก็คงมีไม่มาก แต่หากเป็นลำดับสูงกว่านั้น อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาในการสวมบทบาท
ในกรณีดังกล่าว หากชาวเมืองเงินพิสุทธิ์คนใดได้เข้าร่วมหน่วยพิเศษของทางการ ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะตกงานในอนาคต
อย่างไรก็ดี ทางรัฐบาลหมู่เกาะรอสต์คงไม่เปิดรับสมัครหน่วยพิเศษมากนัก ไม่ใช่ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ทุกคนที่จะมีงานทำ
ไคลน์เห็นด้วยกับคำแนะนำของมาดามเฮอร์มิท และเชื่อว่าตนควรส่งวิวรณ์ไปยังเดนิส กำชับให้รัฐบาลหมู่เกาะรอสต์และโบสถ์เทพสมุทรเพิ่มจำนวนหน่วยพิเศษขึ้นจากเดิม
นี่มิได้ทำไปเพื่อช่วยหางานให้ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์และคนพิการในเมืองจันทรา แต่เพื่อรับมือกับความวุ่นวายอันเกิดจากการแทรกแซงของเทพภายนอก ต้องไม่ลืมว่า ยิ่งใกล้วันสิ้นโลกมากเพียงใด เหตุการณ์เหนือธรรมชาติก็ยิ่งกลายเป็นเรื่องปรกติ
ทันใดนั้น แคทลียาชำเลืองมิสจัสติสเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวกับเดอะซัน
“ตอนนี้พวกคุณน่าจะมีเงินสดจำนวนมาก ลองลงทุนในเหมืองแร่ ไร่เครื่องเทศ และไร่นาตามหมู่เกาะรอสต์ดู เล็งซื้อที่ดินและป่าไม้อุดมสมบูรณ์ พวกมันราคากำลังถูก… อา แม้โบสถ์วายุสลาตันจะยังมีอิทธิพลอยู่บ้างในน่านน้ำแถบนี้ และทางรัฐบาลหมู่เกาะรอสต์ก็สัญญาว่าจะช่วยปกป้องที่ดินทำกินให้คนต่างถิ่น แต่ก็ยังมีชาวโลเอ็น ฟุซัค และอินทิสจำนวนไม่น้อยที่หวาดกลัวและต้องการเทขายทรัพย์สินเพื่อกลับบ้านเกิดบนแผ่นดินใหญ่”
ผู้ส่งสารที่ชื่อเดนิสเพิ่งซื้อคฤหาสน์ติดไร่เครื่องเทศไป… เดอร์ริคนึกทบทวนในสิ่งที่ได้ยินด้วยความกระจ่าง
ข้อเสนอของแคทลียากลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น และเป็นออเดรย์ที่กล่าวเสริมทันที
“ในตอนที่คุณไปเจรจา ควรจ้างนักกฎหมายมืออาชีพไปด้วยสักสองสามคน ไม่อย่างนั้นอาจถูกหลอกได้ง่าย และดิฉันขอแนะนำให้คุณพา ‘นักจิตวิเคราะห์’ ของเมืองติดไปด้วยหากต้องการ… นอกจากนั้น ในเมื่อมีท่าเรือขนาดกลาง คุณสามารถพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลได้เช่นกัน… จริงสิ เนื่องจากคนยุคสมัยปัจจุบันยังขาดแคลนความรู้ทางประวัติศาสตร์ที่ถูกต้อง โดยเฉพาะหน่วยพิเศษทางการของหมู่เกาะรอสต์และโบสถ์เทพสมุทร ดังนั้น พวกคุณสามารถเปิดหลักสูตรคาบเรียนประวัติศาสตร์ภายในโรงเรียนเมืองเงินพิสุทธิ์ใหม่ และเก็บเงินจากผู้เล่าเรียนภายนอก แต่แน่นอน คำสอนใดที่อาจขัดต่อคำสอนของเจ็ดเทพจารีต ดิฉันแนะนำให้ตัดทิ้งไป… ควรรีบสร้างทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่างเมืองเงินพิสุทธิ์ใหม่และเมืองรอบข้างโดยเร็ว…”
เดอร์ริคตกตะลึงไปสักพัก ก่อนจะรีบยกมือ
“ขอโทษครับ ผมขอจดก่อน สมองคิดตามไม่ทัน”
ลืมไปว่าเด็กคนนี้ไม่มีพื้นฐานเศรษฐศาสตร์… จัสติสออเดรย์ครุ่นคิด จากนั้นก็ยิ้มให้เดอะซัน เป็นนัยให้อีกฝ่ายขอความช่วยเหลือจากเดอะฟูล
เมื่อเดอร์ริคเสกปากกาและกระดาษ เด็กหนุ่มเริ่มเขียนคำแนะนำทั้งหมดก่อนหน้านี้ลงไป ถัดมา ออเดรย์ เอ็มลิน เลียวนาร์ด และคนที่เหลือต่างช่วยกันออกความเห็นเพิ่มเดิม และคอยตัดข้อเสนอที่ฟังดูเป็นไปไม่ได้ออก
ฉากอันน่าตื่นเต้นและอบอุ่นเกิดขึ้นยาวนานเกือบสามสิบนาที และเมื่อจบลง เดอร์ริคจ้องปึกกระดาษที่ไม่หนาไม่บางตรงหน้าพลางอมยิ้มอย่างหุบไม่ได้
คล้ายกับมันกำลังมองเห็นอนาคตอันสดใสของเมืองเงินพิสุทธิ์
เดอะฟูลไคลน์ในตำแหน่งประธาน รำพันในใจด้วยอารมณ์หนักอึ้ง:
หากไม่ติดว่าในอีกสิบกว่าปี วันสิ้นโลกจะดำเนินมาถึง พัฒนาการของเมืองเงินพิสุทธิ์ในวันนี้คือเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง
น่าเสียดาย เมื่อวันสิ้นโลกมาถึง ผู้กำหนดชะตากรรมจะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป แม้แต่นักบุญและเทวทูตก็ทำอะไรไม่ได้.Aileen-novel.
เดอร์ริคถอนสายตาออกจากปึกกระดาษตรงหน้าและกล่าว
“ทางเราสร้างวิหารของมิสเตอร์ฟูลขึ้นมาแล้ว ถ้าต้องการเผยแผ่ศาสนา เราต้องคำนึงถึงเรื่องใดบ้าง”
แฮงแมนอัลเจอร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เขียนพระคัมภีร์ขึ้นมาหรือยัง? ออกแบบพิธีมิสซาและบทสวดแล้วหรือยัง?”
“เสร็จแล้ว” เดอร์ริคพยักหน้าหนักแน่น
เนื้อหาของพระคัมภีร์จะเกี่ยวกับปาฏิหาริย์ที่มิสเตอร์ฟูลแสดงเป็นหลัก ขณะเดียวกันก็ดัดแปลงจากพระคัมภีร์ของพระผู้สร้างคนก่อน นอกจากนั้น ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ยังสวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูลเพื่อขอความเห็นในประเด็นดังกล่าว คำตอบของมิสเตอร์ฟูลจึงหมายถึงการอนุญาตให้ทำได้โดยนัย
“สร้างระบบภายในของศาสนาหรือยัง” อัลเจอร์ยังคงถามต่อ
เดอร์ริคชำเลืองมิสเตอร์ฟูลผู้ปกคลุมด้วยม่านหมอกตามสัญชาตญาณ จากนั้นก็หันหน้ามาพูดกับอัลเจอร์
“ตอนนี้ยังเป็นการเลียนแบบระบบของศาสนาอื่นอยู่ หกสภาอาวุโสจะทำหน้าที่เป็นอาร์ชบิชอป และเตรียมตั้งกลุ่มที่กระตือรือร้นในการเผยแผ่ศาสนามาเป็นนักบวชและบิชอป”
สำหรับหน่วยพิเศษของศาสนาเดอะฟูลเพื่อคอยรับมือกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ ทางเมืองเงินพิสุทธิ์ยังมิได้จัดตั้ง เพราะสมาชิกส่วนใหญ่ก็เป็นผู้วิเศษกันอยู่แล้ว และในดินแดนของพวกตนก็มีหน่วยงานท้องถิ่นคอยดูแลอยู่
เมื่อแฮงแมนอัลเจอร์เห็นว่าเดอะฟูลมิได้คัดค้าน มันระงับความอยากที่จะสอนสั่งเอาไว้ก่อน เพียงพยักหน้าแผ่วเบา
“ตอนนี้ลองลงมือทำไปก่อน”
มันเว้นวรรคเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวต่อ
“สองประเด็นที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ หนึ่ง ห้ามว่าร้ายศาสนาอื่นโดยเด็ดขาด พยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้งให้มากที่สุด สอง ต้องแสดงความเคารพต่อผู้ส่งสารคนปัจจุบัน เพราะในกรณีที่มิสเตอร์ฟูลยังมิได้แต่งตั้งประมุขศาสนา ผู้ส่งสารของพระองค์จะถือว่าดำรงตำแหน่งแทนชั่วคราว”
ประการที่สาม ห้ามเผยแผ่ศาสนาเชิงรุกจนผู้อื่นรำคาญเด็ดขาด… นอกจากนั้น เรายังสงสัยในทักษะและคารมคมคายของบิชอปเมืองเงินพิสุทธิ์ เห็นทีต้องบอกให้เดนิสจ้างผู้เชี่ยวชาญมาฝึกอบรม… ไคลน์พึมพำเงียบ
มันมิได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเกี่ยวกับพระคัมภีร์ที่ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์เขียนขึ้น เพราะเนื้อหาค่อนข้างกระอักกระอ่วน แต่ถ้ามันคัดค้านหรือปฏิเสธเนื้อหาส่วนใด นั่นจะเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของเดอะฟูล
คิดถึงตรงนี้ ไคลน์รำพันติดตลก:
บางที ถ้าวิล·อัสตินได้เห็นพระคัมภีร์ของโบสถ์เดอะฟูลในภายหลัง หมอนั่นคงโพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง: อะไรกัน? ข้าไปเป็นเทวทูตรับใช้ของเดอะฟูลตั้งแต่เมื่อไร!
จากนั้น มิสเตอร์อะซิกที่ตื่นขึ้น ปู่ของเลียวนาร์ดและมิสผู้ส่งสารที่พยายามฟื้นคืนชีพ ก็คงพูดแบบเดียวกันว่า: อะไรนะ? ข้าก็ด้วยหรือ?
หลังจากจบการสนทนาในประเด็นเกี่ยวกับเมืองเงินพิสุทธิ์และจันทรา แคทลียามองไปรอบตัวด้วยสายตาคาดหวัง
“มีใครมีตะกอนพลังของลำดับ 3 เส้นทางผู้ส่องความลับบ้าง?”
เธอย่อยโอสถปราชญ์พิศวงเสร็จนานแล้ว แต่ปัจจุบันมีเพียงสูตรโอสถ ‘ผู้หยั่งรู้’ จากนิกายมอสส์ ยังปราศจากตะกอนพลังหรือวัตถุดิบหลัก
แม้เธอจะกลายเป็นหนึ่งในสิบเสาหลักของนิกายมอสส์ แต่ยิ่งลำดับสูงขึ้น ทรัพยากรยิ่งมีจำกัด แม้แต่องค์กรโบราณก็มิอาจแจกจ่ายตะกอนพลังลำดับ 3 ได้ตามอำเภอใจ อีกทั้ง แคทลียายังมีพื้นเพมาจากกลุ่มโจรสลัด ‘รุ่งอรุณ’ เธอแทบไม่ได้รับความชื่นชอบจากปราชญ์เร้นลับ จึงยังไม่ได้รับความไว้วางใจจากเบื้องบนนิกายมอสส์
สำหรับแคทลียาผู้ใช้เลือดของอสรพิษปรอทในการเลื่อนเป็นครึ่งเทพ โอสถของเธอถูกย่อยได้เร็วมาก จึงมาจ่ออยู่หน้าปากประตูของลำดับ 3 ‘ผู้ทรงปัญญา’ ได้ในเวลาแสนสั้น ทว่า ปัญหาด้านวัตถุดิบต้องพึ่งพาวาสนา บางทีเธออาจต้องรอนานหลายปี หรือหลายสิบปี
ดังนั้น แคทลียาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากนำมาถามในชุมนุมทาโรต์
เดอร์ริคนึกทบทวนตะกอนพลังที่เมืองเงินพิสุทธิ์ครอบครองสักพัก จากนั้นก็ส่ายหน้า
ทันใดนั้นเอง เดอะเวิร์ล เกอร์มัน·สแปร์โรว์หัวเราะแหบแห้ง
“ผมแนะนำให้คุณถามจากราชินีเงื่อนงำโดยตรง”
แบร์นาแดนกลายเป็นเทวทูตลำดับ 2 เรียบร้อยแล้ว หากมีตะกอนพลังลำดับ 3 ส่วนเกินในร่างกาย เธอสามารถสกัดออกมาให้แคทลียาปรุงโอสถได้
แต่แน่นอน ไคลน์ไม่แน่ใจว่าตะกอนพลัง ‘ผู้ทรงปัญญา’ ที่แบร์นาแดตนำมาปรุงเป็นโอสถจะมีของลำดับ 3 และ 4 แถมมาด้วยหรือไม่
ถามองค์ราชินีโดยตรง? เฮอร์มิทแคทลียาจับประเด็นจากคำแนะนำของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ เธอเกิดลางสังหรณ์ว่าอาจมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับราชินี
“ตกลง” หญิงสาวควบคุมความอยากที่จะตาม
ไคลน์ยังคงควบคุมเดอะเวิร์ลสนทนากับมาดามเฮอร์มิท
“ผมมีงานจ้างระยะยาว: ช่วยผมสืบข้อมูลทุกแง่มุมเกี่ยวกับการคืนชีพอย่างกะทันหันของปราชญ์เร้นลับ… คุณสามารถคิดค่าตอบแทนล่วงหน้าได้เลย หรือจะเก็บไว้แลกเปลี่ยนในอนาคตก็ย่อมได้”
ไคลน์คาใจเรื่องนี้มาตลอด ต่อให้อ้างเหตุผลว่าปราชญ์เร้นลับคือ ‘เอกลักษณ์’ ที่ถูกกระตุ้นจนมีสัญญาณชีพ แต่ปรากฏการณ์ดังกล่าวก็คว้รเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้วในอดีต
แคทลียาขบคิดสักพัก
“ไม่มีปัญหา”
หลังจากสนทนากันอีกเล็กน้อย ชุมนุมทาโรต์ประจำสัปดาห์ก็ถึงคราวยุติ สมาชิกทยอยถูกส่งกลับโลกแห่งความจริง
ภายในห้องกัปตันของอนาคตกาล แคทลียาผลักแว่นตาเลนส์หนาบนสันจมูก ไตร่ตรองเกี่ยวกับเนื้อหาจดหมายที่จะเขียนถึงราชินี
ระหว่างนั้น เธอเดินไปยืนริมหน้าต่างและเห็นแฟรงค์·ลีกำลังนำเสนอเบียร์ภูเขาไฟให้ลูกเรือคนอื่น มันโฆษณาว่าเบียร์ชนิดนี้ปลอดแอลกอฮอล์เพราะผลิตจากจุลินทรีย์ใต้ทะเล
ไฟแรงจริงๆ … ขณะแคทลียาถอนหายใจ เธอขมวดคิ้วทันใด
ในการชุมนุมทาโรต์เมื่อครู่ มิสเตอร์ฟูลแจ้งว่า เส้นทางนักเพาะปลูกและจันทราเป็นเส้นทางพิเศษที่มาจากอวกาศ และมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกกัดกร่อนโดยวิวรณ์ปลอม…
แฟรงค์อยู่บนเส้นทางนักเพาะปลูก…
ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งหนึ่งแฟรงค์ยังเคยบ่นว่า โบสถ์พระแม่ธรณีไม่เข้าใจเจตจำนงที่แท้จริงของมารดาผู้มีพระคุณ… ดวงตาแคทลียาซึ่งถูกเลนส์หนาปกปิด หรี่ลงจากปรกติทันที
………………………………………