ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 1382 : เจ้าบ้าน
- Home
- ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ
- ราชันเร้นลับ 1382 : เจ้าบ้าน
ขณะอามุนด์กล่าว ไคลน์ทำท่าทางคล้ายตั้งใจฟัง แต่ลึกๆ แล้วกำลังหาทางออกจากปราสาทต้นกำเนิด
นี่มิใช่การยอมแพ้หรือยอมจำนน หรือว่าขี้กลัวเกินไป คิดแต่จะหนี แต่ไคลน์มองว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบัน
หากตนยังอยู่ในปราสาทต้นกำเนิด จะเกิดความเสียเปรียบสามประการ
ประการแรก มันเพิ่งเลื่อนลำดับเป็นเดอะฟูล ร่างกายในปัจจุบันยังขาดเสถียรภาพอยู่มาก แถมยังใช้พลังงานเกือบทั้งหมดไปกับการกำราบเจตจำนงของราชันสวรรค์ฟ้าดิน ประการที่สอง การอยู่บนนี้จะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพันธมิตร ต้องต่อสู้ตามลำพังเท่านั้น ประการที่สาม ภายใต้เงื่อนไขที่ทั้งสองฝ่ายสามารถระดมพลังปราสาทต้นกำเนิดได้ ต่อให้ไคลน์เชี่ยวชาญมันมากกว่าอามุนด์ แต่ก็ไม่ช่วยให้ได้เปรียบขนาดนั้น อีกฝ่ายเป็นถึงนักเจาะช่องโหว่และบั๊ก การต่อสู้ภายใต้เงื่อนไขเดียวกันฟังดูเสียเปรียบเกินไป
หากเดอะฟูลลำดับ 0 ต้องเผชิญหน้ากับ ‘ข้อผิดพลาด’ และ ‘ประตู’ ซึ่งหน้า แม้โอกาสแพ้จะไม่ใช่หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่โอกาสชนะก็ไม่ได้สูงสักเท่าไร
แต่ถ้าออกจากปราสาทต้นกำเนิดไปได้สำเร็จ ไคลน์สามารถขอความช่วยเหลือจากพันธมิตรได้ทันทีเพื่อพลิกสถานการณ์
หากอามุนด์ตามลงมา ไคลน์จะไม่ปล่อยให้อามุนด์กลับขึ้นปราสาทต้นกำเนิดไปอีก ด้วยวิธีนี้ พันธมิตรของตนก็จะรุมจัดการอามุนด์ได้ไม่ยากเย็น เพราะเมื่อถึงตอนนั้น แม่มดบรรพกาลคงไม่เคลื่อนไหวอีกแล้ว และเทพสุริยันบรรพกาลก็คงจำลองพลังครึ่งวันวานขึ้นมาใหม่ไม่ได้ เมื่อมีเทพธิดารัตติกาลและอีกห้าเทพจารีตคอยหนุนหลัง ไคลน์มั่นใจว่าฝ่ายตนชนะอามุนด์ได้แน่นอน
แม้อามุนด์จะมีอำนาจในสองเส้นทางอย่างข้อผิดพลาดและประตู ส่งผลให้การฆ่าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เหล่าเทพจารีตย่อมสามารถทำให้อีกฝ่ายอ่อนแอลงและผนึกไว้ได้ รอให้ร่างกายไคลน์มีเสถียรภาพและควบคุมปราสาทต้นกำเนิดในเชิงลึก ถึงตอนนั้นค่อยลงมือเชือดอามุนด์ก็ยังไม่สาย
หรือต่อให้เทพสุริยันบรรพกาลสามารถระเบิดพลังกลายเป็นครึ่งวันวานได้อีกครั้ง ผลลัพธ์ก็จะไม่แปรเปลี่ยน – พระองค์สามารถกำราบเทพจารีตได้เพียงสามตนพร้อมกัน และต้องไม่นับรวมเทพธิดารัตติกาลเข้าไป
แต่แน่นอน เทพภายนอกย่อมไม่ยินดีที่จะให้มีราชันเร้นลับถือกำเนิด หากอามุนด์ถูกผนึกไว้ พวกมันก็จะพยายามอย่างหนักเพื่อป้องกันไม่ให้อามุนด์ร่วงหล่น แต่หากบาเรียโลกยังไม่ถูกทำลาย เทพภายนอกก็คงแผ่อิทธิพลได้ไม่มากนัก หรืออาจแทบไม่ส่งผลใดเลย เหมือนกับเมื่อก่อนที่ไคลน์เชื่อว่าเทพผู้ถูกล่ามกับด้านมืดของเอกภพ ยังด้อยกว่าปราชญ์เร้นลับอยู่พอสมควร
หรือต่อให้เทพภายนอกสร้างอิทธิพลได้มาก แต่ไคลน์ก็ไม่มีอะไรจะเสีย เพราะอีกฝ่ายย่อมไม่มีทางปล่อยให้อามุนด์ฆ่าตนเช่นกัน ไคลน์สามารถซ่อนตัวในสถานที่เงียบสงบ รักษาสภาพจิตใจและรอจนกว่าจะวางแผนใหม่ – หมู่บ้านสายหมอกของเทพธิดารัตติกาลถือเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว
ถ้าอามุนด์ไม่ตามมาและเอาแต่หมกตัวอยู่บนปราสาทต้นกำเนิด ไคลน์สามารถใช้ความเป็นเจ้าของปราสาทเพื่อควบคุมการใช้งานพลังทุกชนิดได้ตลอดเวลา ส่งผลให้อามุนด์บนปราสาทต้นกำเนิดมิอาจระดมพลังเพื่อทำสิ่งใดได้เลย กระทั่งลงมือกับสมาชิกชุมนุมทาโรต์ผ่านดาวแดงก็ไม่ได้
กล่าวคือ เป็นการยากที่ทั้งสองฝ่ายจะระดมพลังปราสาทต้นกำเนิดสำเร็จ แต่การห้ามใช้งานนั้นง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ
ภายใต้สภาวะยืดเยื้อดังกล่าว ไคลน์มีเวลาเหลือเฟือที่จะรักษาสภาพจิตใจ เพิ่มความเชี่ยวชาญในปราสาทต้นกำเนิด และค่อยๆ ถือไพ่เหนือกว่าอีกฝ่ายทีละนิด
ท้ายที่สุด ทางเลือกของอามุนด์จะมีเพียงหลบหนีหรือซ่อนตัว หรือไม่ก็ให้ราชันสวรรค์ฟ้าดินคืนชีพในร่างกายโดยสมบูรณ์ กระชากไคลน์ให้ตกตายไปพร้อมกัน
ดังนั้น แม้จะไม่มีเวลาชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย แต่ไคลน์ก็ตัดสินใจได้ในทันที
ปัจจุบัน การออกจากปราสาทต้นกำเนิดเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ทว่า เมื่อจิตใต้สำนึกไคลน์เริ่มดำดิ่งออกจากปราสาทต้นกำเนิด ชายหนุ่มพบว่าทางหนีมีเลนส์แว่นตาผลึกกีดขวางไว้
เป็นการขัดขวางอย่างฉิวเฉียด
“คิดว่าข้าจะทิ้งช่องโหว่ที่ชัดเจนขนาดนี้ไว้หรือ? แน่นอน เจ้าเองก็ขัดขวางมิให้ข้าออกจากปราสาทต้นกำเนิดได้เช่นกัน” อามุนด์งอนิ้วชี้ข้างขวาพลางจับใต้กรอบแว่น
ด้านหลังเก้าอี้ที่มันนั่งลง สัญลักษณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง บ้างก็เป็นส่วนผสมของสัญลักษณ์เกี่ยวกับปรสิต เวลา และชะตากรรม แต่บ้างก็เป็นสัญลักษณ์เกี่ยวกับประตู
สัญลักษณ์ที่แตกต่างกันสลับไปมาตลอดเวลา ไม่หยุดนิ่งอยู่จุดใดจุดหนึ่ง
ไคลน์ไม่ได้ฟังในสิ่งที่อามุนด์พูดเลยสักนิด ทันทีที่หลบหนีไม่สำเร็จ ชายหนุ่มทำการสร้างดินแดนเร้นลับซึ่งถือเป็นอาณาจักรเทพของเดอะฟูล
ต่อหน้าอามุนด์ แสงและเงาเกิดการเปลี่ยนแปลงในพริบตา วังโบราณอันงดงามเลือนหายไปพร้อมกับโต๊ะทองแดงยาวและเก้าอี้พนักสูง จากนั้นก็แทนที่ด้วยปราสาทโบราณ
อามุนด์ไม่แน่ใจว่าปราสาทโบราณหลังนี้มีรูปทรงเป็นเช่นไร เพราะมันกำลังยืนอยู่บนทางเดินภายในปราสาท อย่างมากก็ทำได้เพียงสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับปราสาทต้นกำเนิด ยากที่จะทำความเข้าใจโครงสร้างของสิ่งที่กำลังเห็น
ทางเดินดูมืดมนผิดปรกติ คล้ายกับปลายทางไม่มีจุดสิ้นจุด ตามทางมีเชิงเทียนสีเงินหรูหราประดับเป็นระยะ เหนือเชิงเทียนมีแสงสลัว
ทั้งสองฝั่งของทางเดินมีประตูไม้สีแดงเข้มวางเรียงราย คล้ายเชื่อมต่อเข้ากับห้องต่างๆ
ไม่มีเสียงใดดังเล็ดลอดจากห้อง ยากจะทราบว่าด้านในมีสิ่งใดซ่อนอยู่
อามุนด์กวาดตาไปมาสักพักก่อนจะยิ้มด้วยความสนใจ
“ไม่เลว”
ในฐานะนักถอดรหัสที่ทรงพลังที่สุดในโลก มันย่อมทราบว่าที่นี่คืออาณาจักรเทพ การบุ่มบ่ามฝืนทำลายด้วยพละกำลังไม่ใช่เรื่องฉลาด
นั่นเพราะประตูแต่ละบานได้ถูก ‘ผนวกใหม่’ เข้ากับวัตถุที่แตกต่างกันไป หากเผลอทำลายทิ้ง ไม่มีทางเดาได้เลยว่าจะเกิดผลลัพธ์เช่นไรบ้าง อามุนด์ไม่คิดประมาทฝีมือและสติปัญหาของลำดับ 0 เดอะฟูล และไม่อยากเผชิญเหตุไม่คาดฝันเพิ่มเติม
อย่างไรก็ดี เมื่อกฎของอาณาจักรเทพถูกกำหนดขึ้น เจ้าของอาณาจักรก็จะอยู่ภายใต้กฎเดียวกัน
กล่าวคือ ไคลน์ต้องอยู่ภายในห้องใดห้องหนึ่งอย่างแน่นอน ไม่ใช่ข้างนอกหรือที่ไหน
จะไม่มีใครได้ประโยชน์จากสถานการณ์อยู่ฝ่ายเดียว
“คิดจะถ่วงเวลาเพื่อสร้างความมั่นคงให้จิตใจสินะ” อามุนด์พึมพำคล้ายกำลังคุยกับมนุษย์ล่องหน
จากนั้น แต่งกายด้วยหมวกปลายแหลมและชุดคลุมสีดำ มันเดินไปยังบานประตูสีแดงเข้มที่ใกล้ที่สุด
ประตูไม้บานนี้ไม่มีแม้แต่ช่องหรือรูเดียว ไม่สามารถเห็นสถานการณ์ด้านใน
กล่าวคือ หากไม่เปิดประตู ก็คงยากที่จะอามุนด์จะทราบว่าไคลน์อยู่ด้านในหรือไม่
มุมปากอามุนด์ขดขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือขวาออกไปวาดสี่เหลี่ยมผืนผ้าลงบนบานประตูไม้สีแดงเข้ม
บนสี่เหลี่ยมผืนผ้า แสงดาวระยิบระยับสว่างขึ้น ผิวประตูเปลี่ยนเป็นโปร่งใสคล้ายกระจก เผยให้เห็นฉากด้านใน
อามุนด์อาศัยอำนาจของ ‘ประตู’ และพลังของบั๊ก เพื่อสร้างหน้าต่างโดยไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงของการเปิดประตู
ถัดมา มันจ้องเข้าไปข้างใน
ไอลีนโนเวล
ไม่มีโต๊ะ ไม่มีเก้าอี้ ไม่มีพรม และไม่มีเครื่องเรือนใดเลย มีเพียงน้ำทะเลสีคราม
“อย่างที่คิด ประตูบานนี้ถูกผนวกใหม่เข้ากับทะเลภายนอก” อามุนด์ยิ้มเจือความประหลาดใจ
หากบิดประตูเข้าไป มันจะถูกส่งออกจากปราสาทต้นกำเนิดทันทีและไปโผล่กลางทะเล
เมื่อถึงตอนนั้น ไคลน์ที่เป็นคนรอบคอบย่อมไม่ปล่อยให้อามุนด์เข้ามาในปราสาทต้นกำเนิดเป็นหนที่สอง เฉกเช่นที่อามุนด์จะไม่ยอมให้ไคลน์ออกไปไหน
นี่คือเหตุผลที่อามุนด์ไม่ฝืนทำลายอาณาจักรเทพของเดอะฟูล แต่เลือกจะเปิดประตูเข้าไปทีละบาน
การทำลายจะให้ผลลัพธ์แบบเดียวกับการเปิด ดังนั้น หากอามุนด์ทำลายอาณาจักรเทพทั้งหมดในคราวเดียว มันจะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่คาดฝันอย่างต่อเนื่อง ต่อให้มีช่องโหว่มากมายช่วยหลบหลีก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เป็นอะไรเลย
ถอนสายตากลับ อามุนด์เดินไปยังห้องฝั่งตรงข้าม สร้างหน้าต่างด้วยวิธีเดียวกับเมื่อครู่
แต่ในคราวนี้ ด้านในมืดสนิท มองไม่เห็นสิ่งใดเลย
อามุนด์ยกมือขึ้นจับกรอบแว่นบนล่างพลางกระแอมแห้ง
ทันใดนั้น ร่างของมันถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน
อามุนด์เพิ่มจำนวนตัวเอง
อามุนด์ที่เป็นฝ่ายแยกตัวออกมา กล่าวกับอามุนด์ที่ยืนในตำแหน่งเดิม
“แล้วทำไมเจ้าถึงไม่ลองแสวงหาความตื่นเต้นด้วยตัวเองดูบ้างล่ะ?”
กล่าวจบ อามุนด์คนที่พูดเหยียดแขนออกไปจับลูกบิดประตูไม้สีแดงเข้ม
ทันทีที่ออกแรงบิด สีหน้าของมันพลันเหม่อลอย ก่อนจะทรุดตัวลงในท่านั่ง ราวกับสูญเสียความสามารถในการคิด
“การปั่นหัวสินะ” อามุนด์ที่ยืนในตำแหน่งเดิม ผงกศีรษะแผ่วเบา
อามุนด์ที่โง่เขลาเริ่มสลายตัว กลายเป็นหนอนกาลเวลาสิบสองปล้อง
ตะกอนพลังซึ่งถูกสกัดออกมาเล็กน้อย ลอยกลับคืนมายังร่างอามุนด์
มันอาศัยช่องโหว่เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่ร่างโคลนอาจนำมาสู่ร่างต้น
เมื่อตะกอนพลังลอยกลับมาครบถ้วน อามุนด์ปลดปล่อยเปลวไฟที่ขโมยมาเพื่อเผาร่างหนอนกาลเวลา
จัดการเสร็จ มันเงยหน้าขึ้นพลางขยับแว่นขาฝั่งขวา
บนเลนส์แว่นที่ทำจากผลึก สัญลักษณ์ ลวดลาย และอักขระจำนวนมากปรากฏขึ้น พวกมันแหวกว่าย พัวพัน หรือไม่ก็จัดระเบียบใหม่ด้วยความเร็วสูง ราวกับกำลังคำนวณบางสิ่ง
นี่คือการผสมผสานระหว่างพลังการถอดรหัสของนักถอดรหัส และอำนาจในขอบเขต ‘พิกัด’ ของกุญแจดารา
การทดสอบทั้งสองครั้งของอามุนด์ ต่างทำไปเพื่อหยั่งเชิงและรวบรวมข้อมูล พยายามวิเคราะห์หากฎเกณฑ์ และเตรียมไขปริศนาถัดไปภายในอาณาจักรเทพของเดอะฟูล
เพียงไม่นาน สัญลักษณ์ ลวดลาย และอักขระบนผิวแว่นได้เรียงตัวกันเป็นฉาก
ด้านหลังประตูไม้สีแดงเข้ม ไคลน์กำลังนั่งบนเก้าอี้พนักสูง จดจ้องทางเข้าด้วยสายตาสุขุม ตามร่างกายมีหนวดรยางค์ยื่นออกมาสองสามเส้น
มุมปากอามุนด์ยกโค้ง ร่างของมันส่องสว่างก่อนจะหายตัวไปโผล่ในห้องทันที
ทว่า ฉากตรงหน้าพังทลายลงกะทันหัน
ออร่าของ ‘เดอะฟูล’ ไคลน์เลือนหายไปอย่างรวดเร็วและกลายสภาพเป็นไพ่
บนหน้าไพ่ โรซายล์·กุสตาฟแต่งกายด้วยหมวกโพกศีรษะหรูหรา เสื้อผ้าสีสันสดใส ถือพลองยาวพร้อมสัมภาระ ดวงตาเต็มไปด้วยความปรารถนา
ไพ่เดอะฟูล
ไพ่เย้ยเทพเดอะฟูล
ไคลน์ทราบดี ลำพังกระดาษคนตัวแทนที่แม้จะเพิ่มคุณสมบัติ ‘ปั่นหัว’ และ ‘ปลูกถ่าย’ เข้าไป คงไม่เพียงพอที่จะตบตาสุดยอดนักต้มตุ๋นตัวฉกาจอย่างอามุนด์ได้ เป็นเหตุผลที่ชายหนุ่มต้องใช้ควบคู่กับไพ่เดอะฟูลซึ่งแผ่แรงดึงดูดบางอย่างออกมา
แม้จะมิอาจระดมพลังปราสาทต้นกำเนิด แต่ที่นี่ก็เปรียบดังบ้านของไคลน์ มีทั้งกองขยะและวัตถุมากมายที่ชายหนุ่มรวบรวมมา รวมถึงหนังสือทองเหลืองทรันซอสต์และตะเกียงวิเศษประทานพรที่ยืมมาหนึ่งวัน
…………