ราชาซากศพ - บทที่ 266 ค่ายกล
บทที่ 266
ค่ายกล
ด้านหน้าของพวกเขา มีทหารสิบคน ในกลุ่มเล็ก ทหารธรรมดาจำนวนเก้าคน และหัวหน้ากลุ่มเล็ก ๆ ความสำเร็จของทหารธรรมดา ล้วนอยู่ในระดับขั้นราชาแห่งการต่อสู้ หัวหน้ากลุ่มเล็ก ๆ นั้นถูกควบคุมโดย ทหารระดับขั้นจักรพรรดิ
แน่นอนสิ่งที่ หลินเว่ยสนใจ ไม่ใช่ความแข็งแกร่งของพวกเขา
เขาพบว่า หัวหน้ากลุ่มทหาร ก่อนหน้านี้ เขามีความแข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิ ระดับห้า แต่ตอนนี้เขาได้ระเบิดพลังลมปราณกลายเป็น จักรพรรดิระดับเจ็ด
หลินเว่ยพบว่า หัวหน้าทหารเตรียมพร้อมกับการต่อสู้ ทุกคนที่อยู่เบื้องหลังเขา ดูเหมือนมีพลังที่เชื่อมโยงกัน และดูราวกับพลังของกองกำลังนั้นถูกถ่ายทอดให้กับเหยียนติง
“ช้าก่อน!” หลินเว่ยกล่าวอย่างรีบร้อน
“อะไรนะ….ตอนนี้เจ้ารู้ตัวแล้ว…..มันสายเกินไป! ข้าเพิ่งมอบโอกาสให้แก่เจ้า” เหยียนติงยกปากขึ้นและพูดด้วยความเยาะเย้ย
“ข้าอยากจะถามว่า เหตุใดความแข็งแกร่งของจ้า ถึงเพิ่มขึ้นมากขนาดนี้?” หลินเว่ยชี้ไปที่นายทหาร และมองไปที่ เหยียนติงอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ฮึ่ม! สงสัยงั้นหรือ มันเป็นเพราะชุดการต่อสู้ ด้วยสิบคนเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่ง สามารถรวบรวมและถ่ายทอดให้กับคนๆคนเดียว เจ้าโชคดีมากในวันนี้ ที่ได้สัมผัสกับพลังรบนี้ เหยียนติงหัวเราะเยาะสองครั้งและพูดด้วยความยินดี
“ของดี! อย่างไรก็ตาม มีเพียงสิบคนเท่านั้น ที่สามารถใช้เครื่องมือชุดการต่อสู้นี้ได้ หรือว่าสามารถใช้จำนวนน้อยกว่าสิบหรือมากกว่าสิบคน?” ดวงตาของหลินเว่ยเป็นประกาย เขาไม่โกรธกับท่าทีของอีกฝ่าย ตรงกันข้าม ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม เขายังคงตั้งคำถามราวกับว่าเขาสนใจมาก
“นี่…มันไม่ใช่ธุระของเจ้า…อย่ามาถ่วงเวลา” สำหรับการซักถามซ้ำ ๆ ของ หลินเว่ย หัวใจของเหยียนติงก็ปรากฏความรู้สึกระมัดระวัง และปฏิเสธโดยตรง จากนั้นจึงพูดกับทหารของเขา “จัดการ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหยียนติง กองกำลังรักษาเมืองเหล่านั้นก็ขยับตัว และจะตรงเข้ามาจัดการหลินเว่ย เมิ่งหูลู่และคนอื่น ๆ ทำให้จิตใจของพวกเขาหนักอึ้ง และขยับอาวุธในมือของพวกเขา
“ตกลง! ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จะไม่เกรงใจ หลินเว่ยเม้มริมฝีปากของเขาแล้วพูดด้วยเสียงเยาะเย้ย
ทันทีที่หลินเว่ยโบกมือ ร่างสีเขียวมรกตทั้งห้า ก็ปรากฏตัวต่อหน้าหลินเว่ยและคนอื่น ๆ มันโค้งคำนับหลินเว่ยและร้องออกมาว่า “นายท่าน!”
“หึ่ง…”! นี่มันอะไรกัน? เมื่อเห็นต้นไม้ทั้งห้าที่โผล่ขึ้นมา ทันใดนั้น เหยียนติงสูดลมหายใจและพูดด้วยความตกใจบนใบหน้าของเขา
เหตุผลในการแสดงออกของเหยียนติง ไม่ใช่ว่าจู่ ๆต้นไม้ทั้งห้าก็ปรากฏตัวขึ้น แต่เพราะเขารู้สึกว่าลมปราณของนักรบต้นไม้ทั้งห้านี้ แข็งแกร่งมาก และไม่มีใครที่อยู่ระดับต่ำ
กล่าวคือพวกต้นไม้ทั้งห้านั้น เทียบเท่ากับสัตว์อสูร ขั้นเก้า นั่นคือนักรบมนุษย์ขั้น จักรพรรดิ
เมื่อเทียบกับ เหยียนติงและคนอื่น ๆ เมิ่งหูลู่และคนอื่น ๆ ค่อนข้างแปลกใจ แต่พวกเขาก็ไม่สนใจมากนัก เหตุผลที่พวกเขาแปลกใจก็คือ พวกเขาอยากรู้อยากเห็น….สัตว์อัญเชิญของ หลินเว่ย คือโครงกระดูกแต่ต้นไม้เหล่านี้คืออะไร? กลายเป็นต้นไม้ห้าต้นได้อย่างไร! ต้นไม้ทั้งห้านี้ เป็นเมล็ดพันธุ์ของนักรบต้นไม้โบราณ ที่หลินเว่ยได้มาในตอนแรก เขาผลาญสมบัติจำนวนมาก โดยไม่คำนึงถึงราคา หลังจากผ่านไปนานกว่าหนึ่งปี ความแข็งแกร่งของต้นไม้ทั้งห้านี้ ก็เพิ่มสูงขึ้น
ตอนนี้แต่ละต้น มาถึงขั้นเก้า ระดับหก และกำลังจะเลื่อนระดับพัฒนาความแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม เส้นทางเลื่อนระดับของนักรบต้นไม้โบราณทั้งห้านี้แตกต่างกัน ทั้งสี่ต้นได้เลื่อนระดับเป็น ผู้พิทักษ์ต้นไม้ และมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น สามารถเลื่อนระดับ เป็นต้นไม้โบราณศักดิ์สิทธิ์
ผู้พิทักษ์ต้นไม้ทั้งสี่ มีขนาดใหญ่ที่สุด โดยมีความสูงเกือบ 20 เมตร และลำต้นมากกว่าสองเมตร พวกมันถือโล่ขนาดใหญ่ในมือข้างหนึ่งและอีกข้างหนึ่งถือค้อนขนาดใหญ่
ในทางกลับกัน ต้นไม้โบราณศักดิ์สิทธิ์มีขนาดเล็กกว่ามาก มีความสูงมากกว่าเก้าเมตร สูงเกือบสิบเมตร และมีขนาดลำต้นมากกว่าหนึ่งเมตร ถือไม้ยาวไว้ในมือ มันก็ลอยอยู่ในอากาศ
เมื่อผู้พิทักษ์ต้นไม้ ขั้นที่ พวกเขาเองก็สามารถล่องลอยอยู่ในอากาศได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากขนาดที่ใหญ่โต และน้ำหนักมาก การเหาะเหินจึงใช้พลังงานมาก ดังนั้นพวกเขาชอบที่จะต่อสู้บนพื้นดิน
หากไม่จำเป็นก็จะไม่ใช้พลังในการลอยตัว
“ไป! จัดการพวกเขา” หลินเว่ยชี้ไปที่ เหยียนติง และกองกำลังรักษาเมืองและออกคำสั่งกับนักรบต้นไม้โบราณ
“ช้าก่อน! ข้ามีอะไรจะพูด” เมื่อได้ยินคำพูดของ หลินเว่ย เหยียนติงก็อุทานออกมาอย่างรวดเร็ว
“อะไรนะ…ตอนนี้เจ้ารู้ตัวแล้วหรือ….มันสายเกินไปแล้ว! ข้าพึ่งมอบอาสให้แก่เจ้า” เมื่อได้ยินคำพูดของเหยียนติง หลินเว่ยพูดด้วยความเยาะเย้ย เขาตอบกลับอีกฝ่าย ด้วยสิ่งที่อีกฝ่ายเพิ่งพูดกับเขา
“เจ้า…!” เมื่อ เหยียนติงได้ยินคำพูดของหลินเว่ย เขาก็สำลักน้ำลายของตัวเอง เขาโกรธจนแทบจะอาเจียนเป็นเลือด อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เหยียนติงจะพูดจบ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
ตามคำสั่งของหลินเว่ย ผู้พิทักษ์ต้นไม้ทั้งสี่ ยืนเคียงข้างกัน ห่างกันประมาณสองเมตร โดยมีโล่ขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้าเขา จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่ทหารของเหยียนติง
“ ฮึก … !”
“อา…!” ผู้พิทักษ์ต้นไม้ทั้งสี่ ดูคล้ายกับเนินเขา ที่กำลังเคลื่อนที่ชนเข้ากับทหารรักษาเมือง และจากนั้นผู้คนก็พลิกคว่ำ ล้มระเนระนาด
นอกจากนี้ ในระหว่างการเข้าชน เหล่าผู้พิทักษ์ยังใช้ค้อนขนาดใหญ่โตในมือขวาของเขาอย่างคล่องแคล่ว ทหารรักษาเมืองซึ่งยากที่จะต่อกรกับ ผู้พิทักษ์ ต่างก็ถูกเหยียบย่ำใต้เท้า หรือโดนค้อนขนาดใหญ่ทุบตี
สักครู่หนึ่ง มีเสียงร้องโหยหวนและกล้ามเนื้อและกระดูกหักจำนวนมาก
ส่วน เหยียนติงได้รับการดูแลเป็นพิเศษ จากต้นไม้โบราณศักดิ์สิทธิ์ เถาวัลย์โผล่ขึ้นมาจากพื้นเช่นเดียวกับหนวดปลาหมึก และพุ่งเข้าหาเหยียนติงอย่างบ้าคลั่ง
เถาวัลย์เหล่านี้มีความยืดหยุ่นและโจมตีได้จากทุกทิศทาง ซึ่งทำให้ เหยียนติงไม่สามารถหลบหนีได้ ยิ่งไปกว่านั้นเถาวัลย์เหล่านี้มีจำนวนมาก ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งไปกว่านั้นการป้องกันของเหยียนติงก็แย่มากเช่นกัน
แม้ว่าเหยียนติงจะพยายามอย่างเต็มที่ในการฟันเถาวัลย์เหล่านั้น อาวุธลึกลับอยู่ในมือเขา ก็ไม่สามารถฟันเถาวัลย์ให้ขาดได้ในครั้งเดียว
ตราบใดที่ เหยียนติงไม่สามารถตัดเถาวัลย์ออกได้ ในครั้งเดียวเขาจะเสียเปรียบ เพราะเถาวัลย์เหล่านี้จะซ่อมแซมบาดแผลได้โดยทันที ในไม่กี่อึดใจ พวกมันก็ฟื้นตัวเช่นเดิม
“ บ้า! ไอ้บ้า เขามองเถาวัลย์รอบ ๆ ตัวเขา ที่มากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าเขาจะอยู่กลางอากาศ เหยียนติงก็ไม่สามารถไขว่คว้ามันได้ และรู้สึกว่าวิกฤตกำลังใกล้เข้ามา
เมื่อรู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้ เหยียนติงกัดฟันของเขา และเริ่มดึง ฟันเถาวัลย์อย่างรวดเร็ว
“ไอ้บ้า! มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?”
อย่างไรก็ตามใบหน้าของเหยียนติงก็เปลี่ยนไป และเขาก็ดูร้อนรน ปรากฏว่าเถาวัลย์พันข้อเท้าข้างหนึ่งของเขา ทำให้เขาไม่สามารถลุกขึ้นต่อไปได้ แต่ถูกดึงและล้มลงไปในทันที โดยไม่สามารถควบคุมร่างกายได้