ราชาซากศพ - บทที่ 93 รอปลากินเหยื่อ
บทที่ 93
รอปลากินเหยื่อ
“อืม! นั่นเป็นเรื่องถูกต้อง ตระกูลเย่ช่วยพวกเราเอาไว้มาก และข้าเองก็ได้รับผลประโยชน์มากมายจากตระกูลเย่ อย่างไรก็ตามยาที่ข้ามอบให้เจ้าในตอนแรก ทำให้คลังสมบัติส่วนใหญ่ของตระกูลเย่ว่างเปล่า แม้ว่าจะมีอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น แต่ว่าสิ่งต่าง ๆ ที่ได้รับมานั้น ล้วนมาจากการช่วยชีวิตคนตระกูลเย่เอาไว้” หลินเว่ยพยักหน้าและกล่าวขึ้น
ดังนั้นเราจึงร่วมช่วยเหลือพวกเขา อย่างไรก็ตาม ทั้งเรา….ตระกูลไป๋ หรือหอการค้าหรูหยุน ก็ไม่ใช่คู่แข่งของตระกูลซุย ทั้งพันธมิตรของตระกูลซุยนั้น รวบรวมกำลังและต่อสู้กับเจ้าเมืองเฮยสุ่ยหรือตระกูลไป๋ ”
“อืม….เข้าใจแล้ว…ปล่อยมันไปก่อน ใจเย็น ๆ รอจนกว่าจะถึงเวลา หลังจากที่ช่วยให้สถานการณ์สงบลงแล้ว ข้าจะออกไปหาประสบการณ์ต่อ….อาจจะกินเวลานาน กว่าที่ข้าจะมีโอกาสได้กลับมาอีกครั้ง ” หลินเว่ยเลิกคิ้ว และพูดอย่างสบายใจ
“ใจเย็น ๆ หรือ?” เมื่อเถาจุนและคนอื่น ๆ ได้ยินคำพูดของหลินเว่ย ใบหน้าของพวกเขาแสดงออกคล้ายคลึงกัน มุมปากของพวกเขาก็กระตุกเล็กน้อย เถาจุนคิดว่าหลินเว่ยเพิ่งกลับมา และไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย
พวกเขาจึงอ้าปากและพูดว่า “นายน้อย…ท่านไม่รู้เกี่ยวกับความแข็งแกร่งของพันธมิตรตระกูลซุยที่ต่อสู้กับเจ้าเมืองเฮยสุ่ย มีสามกองกำลังหลัก ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นไม่ธรรมดา ตอนนี้มันกำลังจะเข้าสู่ทางตัน ”
“รอปลามาติดเบ็ด แล้วค่อยฆ่ามันลงไปในทีเดียว” หลินเว่ยเข้าใจความหมายของคำพูดของเถาจุน เป็นอย่างดี แต่เขาไม่ได้ใส่ใจกับมัน เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา ว่าต้องการจะสังหารอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา ไม่ต้องการสังหารสิ่งมีชีวิตที่มีพลังต่ำกว่าขั้นที่หก
“เอ่อ … “! รอปลามาติดเบ็ด? นั่นคือสิ่งที่หลินเว่ยพูดออกมา เถาจุนและคนอื่น ๆ ก็พูดไม่ออก และไม่รู้จะพูดอะไรดี
“เอาล่ะ! วันนี้พอเท่านี้ก่อน วันนี้พรุ่งนี้เจ้าไปตามตระกูลเย่และตระกูลไป๋ รวมถึงหอการค้าหรูหยุนมาหาข้า และพูดคุยถึงแผนการ” หลินเว่ยบอกเถาจุน
“เรื่องนี้…!” เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย เถาจุนก็แสดงท่าทางงงงวย และมองคนอื่น ๆ ด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
เมื่อเห็นดวงตาของเถาจุน ผู้คนทั้งหมดก็ลดศีรษะลงทันที และดูทำอะไรไม่ถูก
“ไอ้หยา!” เมื่อเห็นท่าทางของคนเหล่านี้ เถาจุนรู้สึกปวดหัวและบ่นกับตนเอง จากนั้นเขาก็หันไปมองหลินเว่ย
“มีปัญหาอะไรหรือ?” หลินเว่ยพูดอย่างติดตลก
“นายน้อยมันไม่ใช่ปัญหา…. แต่เป็นปัญหาใหญ่ เราสามารถตามพวกเขามาปรึกษาหารือกันได้ไม่ยาก แต่ปัญหาคือ … !” เถาจุนกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น ในที่สุดเขาก็หยุดพูด เขารู้ว่าหลินเว่ยนั้นสามารถเข้าใจความหมายของเขาได้
“ถ้าข้าบอกว่า…แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีระดับพลังอยู่ที่ขั้นที่เจ็ด ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับข้า?” หลินเว่ยไม่ได้แกล้งเถาจุนอีกต่อไป แต่ให้ความมั่นใจแก่เขาแทน
“โอ้! นายน้อย! เสียงกระซิบกระซาบระเบิดไปทั่วบริเวณ เถาจุนอึกอักพูดไม่ออก หมายถึงขั้นเจ็ดหรือ….ราชาแห่งการต่อสู้ ขั้นที่เจ็ด เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย ฝูงชนก็แทบหยุดหายใจ เถาจุนมองไปที่หลินเว่ยด้วยความตกใจและพูดอย่างไม่เชื่อ
“แน่นอน หลินเว่ยพยักหน้าและพูดอย่างจริงจัง
“นายน้อย! ท่านอาจไม่รู้ว่า มีความแตกต่างระหว่างขุนศึกขั้นที่ห้า และราชาแห่งการต่อสู้ขั้นที่เจ็ดมากมาย! ท่าน … !” เถาจุนคิดว่าหลินเว่ยนั้นเข้าใจผิด ในเรื่องขอบเขตพลังของศิลปะการต่อสู้ เป็นผลให้ก่อนที่เขาจะพูดจบ
เขาก็แสดงท่าทางตกตะลึง ปากของเขาอ้ากว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ และเขาพูดไม่ออก
ไม่เพียง… แต่เถาจุนเท่านั้น แต่คนอื่น ๆ ยังมีเหงื่อออกซึ่มที่หน้าผากของพวกเขา ทุกคนตัวแข็งทื่อและมีสีหน้าไม่เชื่อบนใบหน้าของพวกเขา
เมื่อหลินเว่ยเห็นว่าเถาจุนนั้นไม่เข้าใจ และเขาเองก็คร้านจะอธิบายอีกครั้ง เขาจึงขอให้เสี่ยวไป๋ระเบิดแรงกดดันทั้งหมดของเขาออกมา และรีบเก็บมันลงไปในทันที แต่แรงกดดันอันทรงพลังก็สร้างความประทับใจให้กับทุกคนอย่างลึกซึ้ง
ดังนั้นสภาพที่เห็นในปัจจุบันนั้นคือ ทุกคนอ้าปากค้างใบหน้าตื่นตระหนก
“ขั้นหก…..สัตว์อสูรของนายน้อย มันเป็นสัตว์อสูรขั้นที่หก เถาจุนพลันได้สติและพูดด้วยความยากลำบาก
“ตอนนี้เจ้าเชื่อหรือไม่!” หลินเว่ยยักไหล่และพูดอย่างหมดหนทาง
“ข้าเชื่อเล้ว..นายน้อย!”
ทุกคนรวมทั้งเถาจุนพยักหน้าอย่างรีบร้อน และกล่าวว่าแม้ว่าพวกเขาจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างของหลินเว่ย ว่าพวกเขาสามารถต่อสู้กับราชาแห่งการต่อสู้ได้ แต่พวกเขาก็ไร้ซึ่งความสงสัยใด ๆ ทั้งสิ้น
เอาล่ะ! ไปจัดห้องให้ข้าที ข้าต้องการพักผ่อนอย่างเต็มที่” หลินเว่ยยืดตัว และใบหน้าของเขามีร่องรอยของความเหนื่อยล้า
“นายน้อย! ห้องของท่านพร้อมมานานแล้ว มีการทำความสะอาดตลอดเวลา ท่านสามารถเข้าไปพักได้ทุกเมื่อ ข้าจะพาท่านไปที่นั่น เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย เถาจุนก็รีบลุกขึ้นและพูด
เมื่อหลินเว่ยมาถึงห้องที่เถาจุนเตรียมไว้ให้ ก็พบว่าแม้จะบอกว่าเป็นห้อง แต่คือลานกว้าง ๆ ภายในเงียบมากซึ่งเป็นห้องที่หลินเว่ยชื่นชอบ
ทันทีที่พวกเขาเข้ามาในห้อง หญิงสาวสองคนก็เข้ามาช่วยหลินเว่ยอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า ต่อมาหลินเว่ยขับไล่พวกนางออกไป
หลังจากอาบน้ำแล้ว หลินเว่ยก็มาที่บ้านพักของเขา และสั่งห้ามไม่ให้ใครมารบกวน หลังจากปล่อยเสี่ยวหลงออกมา เขาก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงและเข้านอน
“ก๊อกๆ!” มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น หลินเว่ยตื่นขึ้นและลืมตาขึ้น และเขาพบว่าท้องฟ้านั้นสดใสอยู่ด้านนอกหน้าต่าง
“ใคร?” หลินเว่ยลุกขึ้นนั่งและถาม
“นายน้อย! ข้าเอง” เสียงของเถาจุนดังอยู่ข้างนอก
“มีเรื่องอันใด?” หลินเว่ยขมวดคิ้วและถามด้วยความสงสัย
“ตระกูลเย่และตระกูลไป๋ รวมถึงหอการค้าหรูหยุนมาถึงแล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อขอให้นายน้อยออกไปพบพวกเขา” เถาจุนรีบเปิดปากอธิบาย
“โอ้! หลินเว่ยพยักหน้าและตอบรับ
ไม่นานประตูห้องของหลินเว่ยก็เปิดออก ร่างของหลินเว่ยปรากฏต่อหน้า เถาจุนและกล่าวว่า “ไปกันเถอะ!” หลังจากนั้นเถาจุนเดินนำหลินเว่ยไปยังห้องโถงรับรองที่ทั้งสามตระกูลรออยู่
…………
“หลานชายคนดี….เจ้ากลับมาแล้ว จิตใจของเจ้านั้น กว้างขวางมาก! สามารถทิ้งกองทหารรับจ้างโลกันตร์ให้รอคอยมานานกว่าหนึ่งปี จึงสามารถเดินทางกลับมาได้” ทันทีที่หลินเว่ยเดินเข้าไปในห้องโถง เขาก็เห็นเย่ชิงเฟิงเดินเข้ามา และเสียงหัวเราะเยาะเย้ยก็ดังขึ้น
“ฮ่าฮ่า! ลุงเย่ ท่านเองก็อยู่ที่นี่ คอยเฝ้าดูค่ายทหารของข้า ใครจะกล้าเข้ามาปล้นชิง!” หลินเว่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มและแสดงความเคารพ หลินเว่ยไม่รู้ว่าเย่ชิงเฟิงรู้ได้อย่างไรว่า เขากลับมาเมื่อวานนี้ แต่ว่ามีคนมากมายเห็นเขากลับมาที่ค่าย เกรงว่าอาจจะมีคนของเย่ชิงเฟิงปะปนอยู่ในนั้น
“มาเถอะ…หลานชาย ข้าขอแนะนำเจ้าให้รู้จัก นี่คือท่านเจ้าเมืองเฮยสุ่ยจากตระกูลไป๋ ” เย่ชิงเฟิงไม่มีทางเลือก นอกจากยิ้มแย้มและชี้ไปที่ชายวัยกลางคนที่สวมชุดคลุมสีขาว
“ฮ่าฮ่า! คุณชายหลินยังดูอ่อนเยาว์ และมีท่าทางที่ไม่เลว! เป็นที่กล่าวกันอย่างกว้างขวางว่า ผู้นำกิตติมศักดิ์ของกองทหารรับจ้างโลกันตร์ มีระดับพลังที่สูงมาก วันนี้ข้าได้พบท่าน รู้สึกว่าระดับพลังของท่านนั้น สูงกว่าข้ามาก อีกไม่นานจะทะลวงถึงระดับขุนศึกขั้นห้า!” ไป๋หลงหัวเราะสองครั้ง ดวงตาคู่หนึ่งที่มีท่าทางเปิดเผยตรงไปตรงมา