ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 106 ระเบิดเสียเถอะ เสี่ยวเสวียนจื่อ
ชายชุดสีเลือดแดงปรากฏในเงามือ ถูกลมพัดโชยไปมาดังซ่าซ่า
ในขณะนี้ ในสายตาเจียงหลีมองเห็นแต่เพียงชุดสีแดงไม่ว่าจะเป็นนักฆ่าหรือลู่เสวียน ต่างถูกนางลบเลือนออกจากหัวหมด
“…ชิงเกอ” นั่นเจ้าใช่ไหม ชิงเกอ! เสียงแผ่วบางลอยออกมาจากปากของเจียงหลี ดึงดึงดูดความสนใจของลู่เสวียน เขาขมวดคิ้วมองไปยังใบหน้าเจียงหลี เห็นสีหน้านางเต็มเปี่ยมด้วยความตื่นเต้นและความคิดถึง เขาแปลกใจเล็กน้อย ใครกัน ที่ทำให้นางมีสีหน้าเช่นนี้ได้ เมื่อมองขึ้นไปตามสายตาเจียงหลี ชายชุดสีแดงสดก็ตกอยู่ในสายตาลู่เสวียน หางตาลู่เสวียนหดอย่างรวดเร็วพลางถามด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “ข้าก็นึกว่าใครแอบซุ่มมองอยู่ ที่แท้ ก็คุณชายรองจากตระกูลฉินนี่เอง” คนที่อยู่บนต้นไม้ เมื่อตัวตนถูกเฉลยก็ไม่คิดจะหลบซ่อนอีก
กิ่งไม้ขยับเมื่อชายชุดสีแดงดั่งเปลวไฟร่วงลอยมาจากบนต้นไม้ ใบไม้โบยบิน พร้อมชายหนุ่มผู้มีผมดำเงางาม ดวงตาฉายแววหยิ่งยโส ปรากฏต่อหน้าทั้งสองคน
ไม่ใช่นาง เมื่อเห็นใบหน้าของคนที่อยู่บนต้นไม้อย่างชัดเจน แววตาเจียงหลีเผยความผิดหวังเล็กน้อย
นางเก็บอารมณ์ความรู้สึกตื่นเต้นและคิดถึงอย่างเร็ว ราวกับไม่เคยปรากฏออกมาก่อน ชิงเกอจะปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร เจียงหลีหัวเราะในใจกับการเข้าใจผิดของตน
ลู่เสวียนที่คอยสังเกตนางอยู่ตลอดเวลารู้สึกประหลาดใจ แต่เวลานี้ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ส่วนชายหนุ่มรูปงามในชุดสีแดงที่กระโดดลงมาจากต้นไม้ กลับยักคิ้วขึ้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีหญิงสาวที่เห็นใบหน้าเขาแล้วเกิดอาการผิดหวัง
“นี่สาวน้อย ข้าไม่หล่อเหลาหรือไร” ฉินเทียนอีสองเท้าเหยียบลงพื้น ก็เดินมาทางเจียงโดยตรง ส่วนลู่เสวียนถูกเพิกเฉย ท่าทีที่แสนจะเย่อหยิ่งเมื่ออยู่บนตัวเขากลับแฝงด้วยความหล่อเหลา ดวงตาเจียงกลับคืนสู่ปกติ ราวกับว่าคำพูดของเขา ทำให้สายตาที่ตกอยู่บนตัวฉินเทียนอีกวาดมองอย่างละเอียด คนคนนี้สวมเสื้อคลุมสีโลหิตดั่งเปลวไฟ ทำให้เด่นชัดยิ่งนัก รูปหน้าอันหล่อเหลาแฝงไปด้วยความเลินเล่อ เป็นที่หนุ่มรูปงามอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่า ไม่ได้ทำให้นางรู้สึกหวั่นไหวเลยแม้แต่นิด
“ก็หล่ออยู่” เจียงหลีตอบถือเป็นการให้เกียรติเขา หรืออาจเป็นเพราะเห็นแก่ชุดสีแดงที่ใส่อยู่ก็ได้
“ถ้าหล่อ เหตุใดเจ้าจึงรู้สึกผิดหวัง” ฉินเทียนอีถามแบบตรงๆ
“ฉินเทียนอี!”
ก่อนที่ฉินเทียนอีจะขยับเข้าใกล้มากกว่านี้ ลู่เสวียนรีบก้าวเข้ามาเสียบระหว่างคนทั้งคน เขามองฉินเทียนอีด้วยความระแวง “ห่างออกจากนางหน่อย!”
ฉินเทียนอีเก็บขาที่จะก้าวออกไป “คุณชายตระกูลลู่ หัดให้ความสนใจกับหญิงสาวเมื่อไหร่กัน”
ฉินเทียนอี?
ฉินเทียนอี!
ในที่สุดเจียงหลีก็ดึงสติตัวเองกลับมาได้ นางคิดชื่อนี้ทวนอยู่สองรอบ เพิ่งนึกได้ว่าฉินเทียนอีคือใคร ที่แท้ เขาก็คือคุณชายรองแห่งตระกูลฉินผู้มีชื่อเสียงล้ำลือเทียบเท่าลู่เจี้ย ตอนนี้สามคนผู้โดดเด่นของยุค ก็เหลือเพียงคนเดียวแล้วที่นางยังไม่ได้เจอ เจียงหลีเข้าใจอย่างโจ่งแจ้งกับฐานะของเขา ไม่พลาดที่จะกวาดตามองอีกรอบ
บนใบหน้าที่แสนจะโอหังและมั่นใจนั้น ให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยเหลือเกิน อีกทั้งความรู้สึกนี้ ทำให้นางมีความรู้สึกที่ดีต่อเขาด้วย
“หึ เจ้าไม่ต้องสนหรอกว่าข้าจะใส่ใจหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน นางไม่ใช่คนที่เจ้าสามารถมาเกี่ยวพันได้ ถ้าเจ้าอยากเกี้ยวพาราสีนัก ก็ไปไกลๆ หน่อย” ลู่เสวียนเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นชา สามารถทำลู่เสวียนหวาดระแวงได้ขนาดนี้ ดูท่าชื่อเสียงด้านเสเพล สมตามคำล่ำลือเสียจริง
จริงด้วย คุณชายรองแห่งตระกูลฉินมีชื่อเสียงด้านเสเพล ทำอะไรตามอำเภอใจ เจียงหลีคิดในใจ
“วางใจเถอะ ข้าไม่ยุ่งกับหญิงงามที่มีเจ้าของหรอก” ฉินเทียนอีสะบัดแขนเสื้อเอามือไขว้หลัง แต่ว่า ยิ้มก็ยิ้มเถอะ ดวงตาเปล่งประกายนั้นกลับมาทางเจียงหลี “หากสาวงามชอบข้า นั่นก็เป็นอีกเรื่อง”
“เชอะ หลียาโถ่วนะเหรอจะชอบเจ้า” ลู่เสวียนโต้กลับ พูดจบ เขาก็หันกลับไปมองเจียงหลีที่ถูกปกป้องอยู่ด้านหลังอย่างไม่ไว้ใจ ราวกับว่ากลัวนางจะถูกฉินเทียนอีชักจูงไป เจียงหลีที่ถูกมองเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว สายตาของตานี่มันอะไรกัน ราชินีเยี่ยงข้าเป็นคนมักง่ายเช่นนั้นเชียวหรือ
“หลียาโถ่ว หรือว่า เจ้าคือคนที่ท่านอาจารย์หนานส่งมอบป้ายชื่อให้ด้วยตัวท่านเอง เจียงหลีคนนั้นที่มาจากซูหนาน” หลังจากได้ยินคำพูดของฉินเทียนอี สายตาที่ลู่เสวียนมองเจียงหลีเพิ่งความสนใจมากขึ้น
“เจ้ารู้จักข้า?” เจียงหลีก้าวออกมาจากหลังลู่เสวียน มายืนต่อหน้าฉินเทียนอี ฉินเทียนอีพยักหน้า แววตาเปล่งประกาย
“ทาสสาวเจียงหลีแห่งตระกูลลู่ ในงานประลองชิงเจียวของเมืองซูหนาน เจ้าได้ฆ่าเทียนเจียวของตระกูลเย่ว์ อีกทั้งยังต่อสู้อย่างสาหัสกับผู้หลิงเจี้ยงของตระกูลเย่ว์ถึงสี่คน สุดท้ายชนะด้วยศาตราวุธเทพของตระกูลลู่ สังหารหลิงเจี้ยงไปถึงสามคน และยังกลับตระกูลลู่ได้อย่างปลอดภัย ถึงขั้นทำให้ตระกูลลู่บันดาลโทสะ ฆ่าล้างตระกูลเย่ว์ เรื่องราวเหล่านี้ช่างโด่งดังยิ่งนัก”
ลู่เสวียนที่ยืนฟังอยู่ด้านข้างๆ ถึงขั้นตกตะลึงอ้าปากค้างไป เขาไม่รู้เลยว่าหลียาโถ่วเก่งกาจถึงขั้นนี้ ว่าแต่ ศาตราวุธเทพของตระกูลลู่นั่นมันอะไรกัน ทำไมเขาไม่รู้ว่าตระกูลลู่มีศาตราวุธเทพอะไรนั่นด้วย “ดูท่า เหยี่ยวข่าวของคุณชายฉินช่างว่องไวเหลือเกิน” เจียงหลียิ้มไม่ได้ปฏิเสธ ลู่เสวียนเตือนนางเวลานี้ว่า “หลียาโถ่ว ฉินเทียนอีเป็นคนของสำนักหลิงอู่”
เจียงหลียักคิ้ว สงสัยเหมือนกันว่าการที่ฉินเทียนอีปรากฏที่นี่มีเป้าหมายอันใด “ฉินเทียนอีเจ้าเป็นศิษย์ปัจจุบันสำนักหลิงอู่ เหตุใดจึงมาอยู่ในหุบเขาโยวโยว ” ลู่เสวียนถาม
ฉินเทียนอียิ้มกว้าง “หุบเขาโยวโยวไม่เพียงมีแต่ศิษย์ใหม่เท่านั้นที่เข้าใด้ ขนาดคนที่จะฆ่าเจ้ายังเข้ามาได้ ข้าที่จะมาหาความสนุกดู เหตุใดจึงจะเข้าไม่ได้” คำพูดนี้ของเขาเหมือนมีความหมายแอบแฝง
ยังไม่ที่ทันลู่เสวียนจะถามต่อ แรงกดดันจากข้างหลังไล่ตามมาติดๆ จนลู่เสวียนและเจียงหลีหันมองไปข้างหลังพร้อมกัน เงาร่างทั้งแปดปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาไล่ตามมาด้วยความเร็วสูง “แย่ละ พวกมันไล่ตามมาแล้ว” ลู่เสวียนเอ่ยอย่างเจ็บใจ
เขาหันกลับไปมองฉินเทียนอี สายตาตำหนิอย่างเห็นได้ชัด เพราะเขาขัดขวางจึงทำให้คนด้านหลังไล่ตามทัน ฉินเทียนอีกลับถอยออกไปพิงต้นไม้พร้อมกอดอดดูสนุกสนาน “หลียาโถ่ว ดูท่าแล้วพวกเราคงต้องกัดฟันสู้แล้วล่ะ จำไว้ ถ้าสบโอกาสให้รีบหนีทันที” เจียงหลีพยักหน้า เรื่องคอขาดบาดตายเช่นนี้ นางไม่ชะล่าใจแน่นอน
อ้ากกกก
ลู่เสวียนที่ยืนข้างนางตะโกนออกมาจนตกใจ พลังที่เพิ่มเป็นทวีคูณทะลุระดับหลิงซื่อจนบรรลุระดับลมปราณก้าวสู่ระดับหลิงเจี้ยง
เจียงหลีหน้าถอดสีเมื่อเห็นผิวของลู่เสวียนเปลี่ยนเป็นสีทองแดง ดวงตาทั้งคู่กลายเป็นสีแดงสด “สายเลือด…”