ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 145 เจอชาวเป่ยโหรวอีกครั้ง!
ในอาณาเขตหลิงอู่ รอบๆ หนองน้ำเป่ยยวนที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบ
ท้องฟ้าที่นี่มืดครึ้ม และมีบรรยากาศที่เสื่อมโทรม
“อาหลี ข้างหน้าก็คือหนองน้ำเป่ยยวน” เจียงเฮ่าหยุดแล้วยกมือขึ้นชี้ไปที่ที่มีหมอกหนาทึบด้านหน้า อธิบายให้น้องสาวฟัง
เจียงหลีเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ เขา มองดูหนองน้ำที่เต็มไปด้วยอันตรายด้วยกันกับเขา
“หนองน้ำเป่ยยวนในอาณาเขตหลิงอู่ จะมีวิญญาณยุทธ์ปรากฏตัวน้อยมาก ดังนั้นคนทั่วไปก็ไม่ค่อยมาที่นี่ แต่ก็มีตำนานเล่ากันว่าในหนองน้ำลึกนั้นมีวิญญาณยุทธ์ที่แข็งแกร่งมากซ่อนอยู่ และทำให้วิญญาณยุทธ์ธรรมดาๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ เลยกลายเป็นสถานที่ต้องห้ามของมัน ตำนานเรื่องเล่านี้เป็นเรื่องจริง วิญญาณยุทธ์ที่ซ่อนอยู่ที่นี่ก็คือเสวียนกังกุย” ในน้ำเสียงของเจียงเฮ่ามีความทอดถอนใจ
เจียงหลีเม้มปากไม่พูดอะไร ในหัวนางกำลังนึกถึงบันทึกที่เกี่ยวข้องกับเสวียนกังกุย
[ในโบราณกาลเสวียนกังกุยเป็นปีศาจที่ถูกจัดอันดับว่าแข็งแกร่งเป็นอันดับสาม ความสามารถในการป้องกันไม่มีใครเทียม เสวียนกังกุยรักสงบ สามารถนอนได้เป็นร้อยปีพันปี อีกทั้งยังชอบสถานที่มืดและชื้น]
จากข้อมูลนี้ ยิ่งทำให้นางเชื่อมากยิ่งขึ้นว่าวิญญาณยุทธ์เสวียนกังกุยซ่อนตัวอยู่ในหนองน้ำ
เป่ยยวน
เพียงแต่ว่า
เจียงหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย
เจียงเฮ่าเห็นท่าทีของเจียงหลี เขาอดไม่ได้ที่จะถาม “อาหลีกำลังคิดอะไรอยู่”
เจียงหลียังคงขมวดคิ้วอยู่ “ข้าแค่กำลังคิดว่าข่าวคราวนี้ใครเป็นคนปล่อย แล้วมีจุดประสงค์อะไร”
พอฟังคำพูดของนาง เจียงเฮ่าก็ขมวดคิ้ว แต่ว่าครู่เดียวเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไร แล้วก็ไม่สนด้วยว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ ข้ารู้เพียงแต่ว่าอาหลีอยากได้เสวียนกังกุย เช่นนั้นพี่ก็จะช่วยเจ้าแย่งชิงมันมาให้ได้!”
คำพูดนี้ทำให้เจียงหลีชำเลืองตามองหน้ากากโลหะที่เย็นชาอันนั้น
เจียงเฮ่าเป็นนักโทษหลบหนี จิ่งเยี่ยเป็นคนสำนักหลิงอู่ ดังนั้นตอนนี้เขาทำได้เพียงใส่หน้ากากอยู่ข้างๆ นาง
แต่ทว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ หน้ากากที่เย็นชานี้ก็ไม่สามารถปิดบังความรักและความห่วงใยที่เขามีให้น้องสาวได้
“ถ้าหากว่าคู่ต่อสู้แข็งแกร่งมาก……”
“ไม่มีถ้าหาก” เจียงเฮ่าพูดแทรกเจียงหลีด้วยความมั่นใจ “อาหลีเจ้าเชื่อพี่ ขอเพียงเป็นสิ่งที่เจ้าต้องการ พี่ก็จะช่วยเจ้าเอามันมาให้ได้”
คำพูดหยั่งเชิง จบลงแค่นั้น
เจียงหลียิ้มมุมปากเล็กน้อย เจียงเฮ่าไม่เข้าใจดวงตาที่สดใสเปล่งประกายของนาง “อืม” นางพยักหน้า
เจียงเฮ่าไม่รู้ นับตั้งแต่นี้ เจียงหลีถึงมองเขาเป็นพี่ชายจริงๆ
ถ้าการกระทำของเขาเหมือนกับที่เขาพูด เจียงหลีก็จะยอมรับเขาจากใจจริง ไม่ใช่เพียงเพราะร่างกายนี้ ก็เลยต้องยอมรับพี่ชายที่ไม่เอาไหนคนนี้
“พวกเราไปกันเถอะ” น้ำเสียงใต้หน้ากากที่เจียงเฮ่าใส่อยู่อ่อนโยนมาก
ถึงแม้ไม่เห็นหน้าเขา เจียงหลีก็เดาได้ว่าตอนนี้เขากำลังยิ้มอย่างอบอุ่น
ทั้งสองเข้าไปสู่หนองน้ำ
เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าไป รอบๆ ตัวพวกเขาก็ถูกล้อมด้วยหมอกหนาทึบ ทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจน
“ข่าวคราวบอกแค่ว่าวิญญาณยุทธ์เสวียนกังกุยปรากฏที่หนองน้ำเป่ยยวน แต่กลับไม่ได้บอกตำแหน่งที่แน่นอน ต้องใช้เวลาเยอะมากในการค้นหา” เจียงเฮ่าพูดข้างหูเจียงหลีเบาๆ
เจียงหลีเม้มปากและพยักหน้า
ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ถึงแม้ว่าเป็นนาง ก็ไม่กล้าประมาทเกินไป เพื่อจะได้ไม่ถูกลอบทำร้าย
ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าคนมาที่หนองน้ำเป่ยยวนเพราะได้ยินข่าวมากเท่าไหร่
ระหว่างทาง พวกเขาเจอกับคนไม่น้อย เหมือนว่าล้วนแต่มากันเพราะข่าวคราวของเสวียนกังกุย เพียงแต่เพราะว่าทุกคนก็ยังหาไม่เจอ ทุกคนต่างไม่ยุ่งกัน ต่างคนต่างหาเว้นระยะห่างเพราะระวังตัว
หน้ากากโลหะที่โหดเ**้ยมเยือกเย็นของเจียงเฮ่านั้น ยังปล่อยพลังลมปราณของหลิงเจี้ยงออกมา เพื่อเป็นเกราะป้องกัน
“พวกเราเดินลึกเข้าไปกันอีกเถอะ” เจียงหลีมีความรู้สึกว่าเสวียนกังกุยไม่มีทางอยู่รอบนอกหนองน้ำ
“อืม” เจียงเฮ่าไม่มีทางปฏิเสธทุกคำพูดของเจียงหลี
สองพี่น้องเดินลึกเข้าไปอีก
แต่ว่ายังหาที่ที่เสวียนกังกุยอยู่ไม่เจอ เสียงฝีเท้าดังลอยมา
“สาวน้อย เป็นเจ้านี่เอง”
เสียงดังมากจากด้านหลัง เจียงหลีและเจียงเฮ่าหันมาพร้อมกัน หลังจากที่มองคนที่มาชัดแล้ว นางประหลาดใจมาก
คนที่มาคือกลุ่มคนชาวเป่ยโหรวกลุ่มนั้นที่นางเคยบังเอิญเจอก่อนหน้านี้
และคนที่พูดเมื่อกี้นี้ ก็คือชายวัยกลางคนๆ นั้นที่เก่งที่สุดในนั้น
“อาหลี เจ้ารู้จักพวกเขารึ” สายตาขอเจียงเฮ่าใต้หน้ากากมีความระแวง พูดเบาๆ ข้างหูเจียงหลี
“เคยเจอกันครั้งหนึ่ง” เจียงหลีตอบกลับเสียงเบา
นางไม่ลืมว่าจุดประสงค์ของคนกลุ่มนี้เหมือนจะมาเพื่อวิญญาณยุทธ์ในอาณาเขตหลิงอู่
“ฮาๆ ดูเหมือนว่าเราจะชะตาต้องกันนะสาวน้อย! ท่านนี้คือ……” ไป๋เซี่ยงเลี่ยเดินเข้าใกล้หนึ่งก้าว ในขณะที่กล่าวทักทายเจียงหลี แต่ตากลับมองไปที่เจียงเฮ่า
เขาจำไม่ผิด ก่อนหน้านี้เจียงหลีตัวคนเดียว ถึงแม้ว่าในคำพูดของนางไม่ได้บอกว่าเข้ามาคนเดียว แต่ตอนนี้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ นาง……
ไป๋เซี่ยงเลี่ยแววตาเป็นประกาย
เจียงเฮ่าร่างกายสูงใหญ่ พลังล้ำเลิศ แล้วยังสวมหน้ากากโลหะที่ดูโหดเ**้ยม ยืนอยู่ข้างเจียงหลีเหมือนองครักษ์ที่คอยปกป้อง ทำให้เขาเดาไปได้ต่างๆ นาๆ
“ข้าเป็นองครักษ์ของคุณหนู” ไม่รอให้เจียงหลีพูด เจียงเฮ่าก็แนะนำตัวเอง
คำพูดนี้ของเขา ทำให้เจียงหลีที่เตรียมจะพูดหุบปาก
แค่องครักษ์ก็มีพลังขั้นหลิงเจี้ยงเลยรึ ผู้หญิงคนนี้ฐานะไม่ธรรมดาแน่! ไป๋เซี่ยงเลี่ยจบการคาดเดาในใจ รอยยิ้มบนใบหน้าก็กว้างขึ้นอีก “เป็นเช่นนี้นี่เอง ทั้งสองก็มาเพราะเสวียนกังกุยรึ”
ในน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยการหยั่งเชิง
แต่ว่าเจียงหลีกลับรับรู้ได้อย่างรวดเร็ว ในตอนที่เขาพูดประโยคนี้ออกมา ท่าทีของกลุ่มคนวัยรุ่นที่ตามมาด้วยกับเขาครู่เดียวก็เปลี่ยนไป
สายตาที่พวกเขามองสองพี่น้อง ครู่เดียวจากความเย็นชาก็เปลี่ยนเป็นเจตนาร้าย
เจียงหลีหรี่ตาทั้งสองข้าง ถามกลับด้วยรอยยิ้มที่ไร้เดียงสา “ใช่แล้ว! พวกเราได้ยินมาว่าเสวียนกังกุยอยู่ที่นี่ ก็เลยมาร่วมสนุกด้วย พวกเจ้าก็มาเพราะเสวียนกังกุยเหมือนกันรึ”
ไป๋เซี่ยงเลี่ยหัวเราะตาหยี เพียงแต่ในแววตามีความเยือกเย็นออกมา “ใช่แล้ว พวกเราก็ได้ยินข่าวคราวของเสวียนกังกุยมาเหมือนกัน ก็เลยมาร่วมสนุกด้วย”
“ที่แท้ก็มาแค่ร่วมสนุก!” รอยยิ้มของเจียงหลีสดใสมาก
ดวงตาที่ยิ้มเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวมีความปลิ้นปล้อนซ่อนอยู่ นอกจากเจียงเฮ่าก็ไม่มีใครเคยเห็น
น้องสาวฉลาดขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน เจียงเฮ่าอุทานในใจ แต่กลับปวดใจมาก เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าน้องสาวที่ใสซื่อบริสุทธิ์ราวกับกระดาษขาว ต้องประสบกับอะไรมานิสัยถึงได้เปลี่ยนไป
“ไปด้วยกันดีกว่าไหม” เจียงหลีพูดลองเชิง
ไป๋เซี่ยงเลี่ยกลับปฏิเสธนางที่ดูคาดหวังเช่นนั้นอย่างนิ่มนวล “ไม่ล่ะ หนองน้ำนี้ใหญ่มาก ไม่แน่ว่าพวกเราก็อาจจะหาเสวียนกังกุยไม่จอ ถ้าหากทำแม่นางเสียความสนุกไปจะแย่”
ตาแก่เจ้าเล่ห์ เจียงหลียิ้มเยาะในใจ คนๆ นี้เข้าใจผิดคิดว่านางมีฐานะที่ยิ่งใหญ่ ก็เลยไม่อยากปะทะด้วย
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็……”
“เสวียนกังกุยปรากฏตัวแล้ววว!”
แต่ทว่าในตอนนี้ เสียงที่ตกตะลึง ดังแทรกคำพูดของเจียงหลีขึ้นมา ในขณะเดียวกันก็ทำให้สีหน้าของนางเคร่งขรึมขึ้นมา…