ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 180 ใครหน้าไหนก็ทำร้ายเจ้าไม่ได้
ลู่เจี้ยไม่ได้หงุดหงิดกับคำว่า ‘ซ้อเล็ก’ ของลู่เสวียน
หลังจากที่ได้ยินว่าเจียงหลีตามคนอื่นไป ดวงตาของเขาควบแน่นขึ้น อารมณ์ก็เริ่มเย็นขึ้น “พูดให้มันชัดเจน”
ขณะเดียวกันลู่เสวียนก็เริ่มกังวลขึ้นและรีบเล่าถึงสถานการณ์
เดิมทีหลังจากที่พวกเขาตามขบวนเทียนเจียวไปก็พบว่าได้ติดกับดักของฝ่ายตรงข้าม แต่ในขณะนั้น พวกขบวนเทียนเจียวก็ได้เริ่มรู้สึกเยาะเย้ยขึ้นเพราะคิดว่ากองทัพต้าฉินนั้นตกใจกลัวจนหนีไป พวกเขาไม่สนคำเตือนและตามกองทัพที่หนีไป พวกเขาจึงทำได้เพียงตามไปเพื่อดูว่าต้าฉินคิดกำลังทำอะไร
เมื่อพบเจอกับดักแรกนั้นเจียงหลีสังเกตเห็นผู้ที่ปลุกปั่นหลายคนก่อนหน้านี้ตั้งใจฉวยโอกาสที่ฝูงชนไม่ทันระวังไถลลงข้างทางอย่างเงียบๆ จากนั้นนางก็ตามไปอย่างเงียบๆ และเตือนสติลู่เสวียนว่าถ้าสถานการณ์ไม่ดีไม่ต้องสนสิ่งอื่นให้ตัวเขารีบไปแจ้งข่าวในเมือง
“เอ่อคือ…จิ่งเยี่ยก็ตามไปด้วย” หลังพูดจบลู่เสวียนก็ได้เสริมอีกประโยคด้วยความกังวล
“ทำตามแผนการ พาพวกเขาออกไป” ลู่เสวียนไม่ได้ตอบรับคำพูดของลู่เจี้ย แต่เขาก็มอบหมายให้กับคนข้างกาย
ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาถามขึ้นประโยคหนึ่ง “แล้วซื่อจื่อต้องทำเช่นใดเล่าขอรับ”
ลู่เสวียนรู้สึกสับสนไม่เข้าใจความหมายในสิ่งที่พี่ชายของพูด
เห็นเพียงแต่ลู่เจี้ยมองมาทางเขา ดวงตาที่วาววับสวยงามราวกับดวงดาวนั้นเหมือนเมฆและหมอกทำให้ไม่สามารถเข้าใจอารมณ์ที่แท้จริงของเขา
“จัดการซะ แล้วส่งกลับไป” ลู่เจี้ยกล่าวอย่างช้าๆ
อะไรนะ!
ลู่เสวียนฟังแล้ว ก็เริ่มเป็นกังวลภายในใจ
เขากระโดดขึ้นจากพื้นอยากจะถามพี่ชายของเขาว่าเหตุใดต้องทำเช่นนี้ แต่ว่าคำถามยังไม่ทันออกจากปากก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หลัง ตาของเขาเริ่มพร่ามัวหมดสติและล้มลงไปที่พื้น
ลูกน้องของลู่เจี้ยรับร่างของลู่เสวียนที่ร่วงลงไป
ในความมืด ไม่มีสิ่งใดหยุดนิ่ง ต้องนำลู่เสวียนออกไปจากท่ามกลางความโกลาหล
หลังจากที่ลู่เวียนถูกพาตัวไป สายตาที่เย็นชาของลู่เจี้ยเหลือบมองในสนามรบที่สิ้นสุดลงแล้วอีกครั้ง จากนั้นเขาก็หันหลังจากไป
องครักษ์ข้างกายเขาอยากจะออกไปจากที่นี่ด้วยแต่กลับถูกพลังบางอย่างของเขาเรียกให้กลับมา
หลีเอ๋อร์ เจ้าอยู่ที่ไหน ลู่เจี้ยที่จากออกไปถามตัวเองในใจ
การอ่านจิตที่แข็งแกร่งไม่หยุดที่จะแผ่ออกจากตัวเขาเพื่อไปค้นหาข่าวคราวของเจียงหลีรอบสารทิศ
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องที่เหนือการควบคุมของเขา จึงทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
เขาจะไม่อนุญาตให้เจียงหลีเป็นอะไรไป! ไม่มีวัน!
ใครหน้าไหนก็ทำร้ายเจ้าไม่ได้ คิ้วของลู่เจี้ยขมวดขึ้น ดวงตาของเขาคมขึ้น
เขาในขณะนี้รูปลักษณ์ที่ดูอ่อนแอจางหายไป ตอนนี้คมเหมือนดาบที่ลับมาหลายพันปี ความคมที่แผ่ออกมาสามารถทำลายโลกได้
คืนที่เงียบเหงาใต้ผืนทรายสีเหลือง เงาที่ทอดยาวและเงียบเหงาไม่หยุดออกตามหา
ในฐานะเนี่ยนจง การอ่านจิตของเขาเพียงพอที่จะสามารถคลอบคลุมได้ทุกหนแห่งในเป่ยฝาง ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขาโดยที่ไม่รู้ตัว
แต่กลับไม่พบผู้ใด อาณาเขตที่กว้างใหญ่นี้ ใบหน้าหล่อเหลานั่นเริ่มซีดลงพร้อมกับริมฝีปากที่ค่อยๆ เม้มแน่นขึ้น
หลีเอ๋อร์
หลีเอ๋อร์
หลีเอ๋อร์ เจ้าอยู่ไหน
…
หืม?
“การอ่านจิตที่แข็งแกร่งที่เป่ยฝาง คาดไม่ถึงว่าจะมีเนี่ยนซือที่แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่” สักแห่งในทะเลทราย นอกรถม้ามีคุณชายชุดขาวยืนอยู่ ทันใดนั้นเขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
“คุณชาย!” บ่าวรับใช้ข้างกายขยับใกล้เข้ามาอย่างระมัดระวัง
ใบหน้าหมดจดราวกับหยกเป็นผู้ชายที่สะอาดสะอ้านเขาส่ายหัวอย่างช้าๆ “ไม่น่าจะมาเพื่อพบข้า”
หลังจากฟังคำพูดเขาจบบ่าวก็แอบโล่งใจขึ้น คุณชายไปเป่ยฝางอย่างเงียบๆ โดยมากก็จะไปคนเดียว ต่อให้พบเจอปัญหา เขามีสติปัญหาเป็นเลิศไม่ได้กำจัดง่ายเช่นนั้น
“แต่ทว่าที่เป่ยฝางกลับมีเนี่ยนซือที่แข็งแกร่ง นี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจทีเดียว” ชายหนุ่มยกยิ้มในดวงตาที่ชัดเจน สะท้อนถึงความสนใจ
“ไปเถอะ ตามไปดูให้เห็นกับตา” เขาหันตัวสะบัดชายผ้าขึ้นรถม้า
บ่าวทำอะไรไม่ถูกทำได้แต่ขับรถม้า ทำตามคำสั่งของชายในรถไปตามหนแห่งที่การอ่านจิตที่แผ่ออกมา
…
เป่ยฝาง เป็นดินแดนทางเหนือของราชวงศ์โฮ่วจิ้นเชื่อมต่อกับราชวงศ์ต้าฉินที่ชายแดนอีกด้านเป็นทะเลทราย
ดังนั้นจึงเป็นสถานที่ๆ เกิดสงครามบ่อยครั้ง
ใจกลางทะเลทราย เจียงหลีที่ห่างฝูงคนก็ได้เข้าไปลึกขึ้นโดยไม่รู้ตัว ขณะเดียวกันนางถูกกองทัพต้าฉินล้อมไว้แล้ว
เมื่อมองไปรอบๆ กองทัพต้าฉินได้ล้อมไว้เป็นชั้นๆ มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด จากที่คำนวณคร่าวๆ เกรงว่าจำนวนกองทัพต้าฉินมีไม่ต่ำกว่าแสนนาย
สมควรตาย! เจียงหลีด่าในใจ
นางมีความรู้สึกเหมือนไปตีโดนรังแตน
จากเดิมนางแค่ต้องการติดตามคนที่น่าสงสัยเหล่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะหนีมาถึงยังค่ายทหารของกองทัพต้าฉิน
หนีก็หนีแล้ว นางและจิ่งเยี่ยยังถูกกองทัพต้าฉินพบเจอ เพื่อให้นางรอดจากอันตราย จิ่งเยี่ยวิ่งไปล่อศัตรูตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร
ส่วนนางหลังจากที่หนีได้สักพักกลับถูกกองทัพต้าฉินมากมายที่ไม่รู้มาจากไหนล้อมเอาไว้
ขณะนี้กองทัพต้าฉินเหล่านี้ล้อมนางไว้แต่ไม่ได้ลงมือฆ่าเสียที ทหารม้าที่ทำเอาประชาชนผวาล้อมนางไว้เป็นวงกลมเป็นชั้นๆ ดูแล้วทำให้สับสนและทำให้เจียงหลีคาดเดาไม่ออกว่าพวกเขาคิดจะทำอะไร
“ก่อนหน้านี้มีเด็กสาวชุดดำอายุราวสิบสามสิบสี่ ได้รับเสวียนกังกุยเป็นวิญญาณยุทธ์ที่อาณาเขตหลิงอู่ ลักษณะของเจ้า ช่างเหมาะกับข่าวลือนี้เสียจริง ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ของเจ้าออกมาสิ”
ในกองทัพต้าฉิน มีแม่ทัพรูปร่างกำยำขี่ม้ามองลงมายังเจียงหลี
ดวงตาของเจียงหลีหรี่ตาทันที ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรเช่นนี้
เสวียนกังกุย!
วันนั้นตอนที่อยู่ในอาณาเขตหลิงอู่มีฝูงคนรวมตัวกันเป็นร้อย จากนั้นคนพวกนั้นเป็นอย่างไร นางไม่รู้จริงๆ แต่ว่านางรู้สึกได้ถึงความเป็นศัตรูในน้ำเสียงของแม่ทัพต้าฉิน
เจียงหลีไม่รู้เหตุการณ์จากนั้นและลู่เจี้ยเองก็กำชับให้ลู่จ้านเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ
แต่ว่าในอาณาเขตหลิงอู่ไม่ได้มีเพียงคนของโฮ่วจิ้น ต่อให้เก็บเป็นความลับก็จะยังมีปลาที่หลุดลอดตาข่าย ข่าวคราวก็คงแพร่ออกไปเช่นนี้
ถ้าเจียงหลีไม่ติดต่อกับคนชาติอื่น เรื่องที่นางมีเสวียนกังกุย ก็คงไม่แพร่ออกไป
แต่ว่า ต่อให้เป็นใคร ก็น่าจะคาดไม่ถึงว่าในวันนี้เจียงหลีจะถูกกองทัพต้าฉินหันกระบอกปืนใส่ และแม่ทัพที่ตั้งคำถามนี้ ที่บ้านเขามีผู้อาวุโสคนหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในร้อยคนในวันนั้น เป็นพยานในเหตุการณ์ที่เจียงหลีแย่งเสวียนกังกุย
“ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์”
“ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์”
ชั้นในสุดทหารที่อยู่ใกล้กับเจียงหลีที่สุด หลังคำพูดของแม่ทัพนั้นสิ้นสุดลงได้ประสานเสียงพร้อมเพรียงกันราวกับเสียงฟ้าผ่าเขย่าหัวใจและจิตวิญญาณของผู้คน
เจียงหลีที่อยู่ในสถานการณ์ที่บีบบังคับนี้ นางรู้สึกว่าเลือดพุ่งขึ้นที่หน้าอกและกลิ่นเลือดพุ่งไปที่ริมฝีปาก
หึ!
เจียงหลีกระวนกระวายใจ นางกลืนเลือดในปากของนาง ใบหน้าเล็กๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชามองไปที่แม่ทัพต้าฉินด้วยสายตาที่เฉียบคม…