ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 290 เพราะว่านางคือเทพยธิดา!
ในตอนที่ทหารซีเฉียนถูกสังหาร ชาวสุ่ยหันรู้สึกเพียงแค่ได้ระบายความแค้น!
พวกเขาแทบอยากจะให้เจียงหลีฆ่าอีก ฆ่ามากกว่านี้อีกนิด สับไอพวกที่ยิ่งกว่าเดรัจฉานเหล่านี้ให้ขาดเป็นชิ้นๆ
แต่ว่า ในตอนที่เห็นบนพื้นเต็มไปด้วยซากศพที่ขาดเป็นชิ้นๆ นั้น ความบ้าคลั่งในแววตาของพวกเขาเริ่มลดลง รู้สึกหวาดกลัวต่อสิ่งที่ไม่รู้ทั้งหมด
เงียบสนิท! ยังคงเงียบสนิท!
จักรพรรดินีแห่งจยาเซียน อายุยังน้อย แต่กลับลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมขนาดนั้น ภายใต้การปกครองของนาง พวกเขาจะใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขหรือไม่
แม้แต่ชายชราที่เห็นอะไรมามากมาย ตอนนี้ก็ไม่มั่นใจ
“รีบ…รีบคุกเข่าลงเร็ว”
ได้สติจากความตะลึง ชายชรารีบสั่งให้ทำ
เสียงที่พูดแทรกขึ้นมา ดังขึ้นท่ามกลางชาวสุ่ยหัน พวกเขาทนกับความรู้สึกคลื่นไส้ ภายใต้การสั่งของชายชรา คุกเข่าลงกับพื้นอย่างงกๆ เงิ่นๆ ด้วยท่าทางต่ำต้อย ก้มหัวลงตรงหน้าเจียงหลี
สาวน้อยที่เจียงหลีช่วยชีวิตไว้ไม่เข้าใจ จนถูกคนข้างๆ ดึงให้คุกเข่าลง
คุกเข่าให้จักรพรรดินีแห่งจยาเซียน อันนี้นางเข้าใจ
แต่ว่า ที่นางไม่เข้าใจก็คือทำไมคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ถึงได้มีสีหน้าท่าทางที่หวาดกลัวเช่นนี้
“พวกเจ้ากำลังกลัวข้ารึ” เจียงหลีมองท่าทีของพวกเขาอย่างไม่ปริปากพูดสักคำ หรี่ตาทั้งสองข้าง พูดด้วยสีหน้าเหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม
“พวก…พวก…พวกเรา”
ผู้คนก้มหน้าต่ำลงเข้าไปอีก ตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อย ชายชราที่เป็นคนนำก็ไม่พูดอะไรเลย แต่ว่าใบหน้าที่ซีดเซียวของเขา ในแววตาเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวและความลนลาน นั่นได้บอกทุกอย่างแล้ว
มองดูพวกเขาอย่างเงียบๆ รอยยิ้มของเจียงหลียิ่งชัดเจนขึ้น แต่ก็ทำให้พวกเขายิ่งกลัวมากขึ้น
น่ากลัวมาก! สายตาของจักรพรรดินีน่ากลัวมากเลย!
ข้ากลัวมากเลย!
จักรพรรดินีจะฆ่าข้าไหม!
สายตาของเกือบทุกคน เผยให้เห็นความรู้สึกแบบนี้ออกมา
ทันใดนั้น ตอนนี้สาวน้อยที่ถูกเจียงหลีช่วยไว้ ขัดขืนการถูกควบคุมจากคนข้างๆ ลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนว่า “พวกเจ้ากลัวอะไรกัน จักรพรรดินีมาช่วยพวกเรา! ตอนนี้พวกเราคือประชาชนของราชวงศ์จยาเซียน จักรพรรดินีแห่งจยาเซียนก็คือราชาของพวกเรา!”
“ซื่อผิง!” ชายชรารีบตะโกนอย่างร้อนใจ ข่าวลือว่าจักรพรรดินีแห่งจยาเซียนคุ้มดีคุ้มร้าย ในวันที่ขึ้นครองราชย์ก็กล้าฆ่าคนเซ่นไหว้สวรรค์!
คนที่มีฐานะแบบนี้ ใช่คนที่ประชาชนตัวเล็กๆ อย่างพวกเขาจะเข้าใกล้และไม่เคารพได้หรือ
แต่ว่า สาวน้อยกลับไม่สนใจ ยังคงคิดเอาเองและพูดว่า “เมื่อกี้ฝ่าบาทได้พูดแล้ว พวกเราคือประชาชนของนาง ทหารซีเฉียนเหล่านี้กล้าทำร้ายพวกเรา โทษของพวกเขาคือตายเป็นหมื่นๆ ครั้ง! ฝ่าบาทกำลังแก้แค้นให้พวกเรา แก้แค้นให้กับเหล่าคนในครอบครัวของพวกเราที่ตายไป!”
คำพูดของนาง ทำให้เจียงหลีเลิกคิ้ว ชำเลืองมองมา
ดูจากอายุของจักรพรรดินีแล้ว เด็กกว่านางไม่เท่าไหร่ แต่ว่าความกล้าหาญมากแบบนั้น ไม่ใช่ว่าคนต่ำต้อยจะเทียบได้
“เจ้าชื่ออะไร” จู่ๆ เจียงหลีก็ถามขึ้นมา
สาวน้อยที่ฮึกเหิม หลังจากที่ได้ยินเสียงของนาง ก็รีบหันหน้าไปหานาง เสียง ‘ตุบ’ คุกเข่าลงกับพื้น เอาหัวกระแทกพื้นสามครั้งเพื่อแสดงความเคารพอย่างเอาจริงเอาจัง แล้วถึงจะพูดว่า “ฝ่าบาท ข้าชื่อซื่อผิงเพคะ ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ช่วยข้าไว้เมื่อครู่นี้ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือสังหารพวกเดรัจฉานเหล่านี้ แก้แค้นให้กับพ่อแม่ของข้า!”
ตาทั้งสองข้างของนางแดงก่ำ เสียงสะอึกสะอื้น ในแววตาลึกๆ มีเปลวไฟที่เคียดแค้นที่รุกโชนขึ้นมา
“ลุกขึ้นเถอะ” เจียงหลีพูดอย่างเย็นชา
ซื่อผิงลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างว่องไว ตบฝุ่นที่หัวเข่า แสยะยิ้มให้เจียงหลีอย่างเกรงใจ
ในตอนที่เผชิญหน้าเจียงหลี นางเก็บความเคียดแค้นที่บ้านพังทลาย ครอบครัวถูกทำร้าย เผยความไร้เดียงสาที่สดใสเหมาะกับอายุของนาง
สาวน้อยแบบนี้ ทำให้เจียงหลียิ้มออกมา
นางมองคนอื่นๆ รอยยิ้มหายไป เพียงแต่แค่พูดอย่างเย็นชาว่า “พวกเจ้าก็ลุกขึ้นเถอะ”
คนที่เข้าใจนาง ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก คนที่ไม่เข้าใจนาง ทำไมจะต้องพูดให้เปลืองน้ำลายด้วยหรือ
แท้จริงแล้วนางเป็นกษัตริย์ที่มีคุณธรรม หรือว่ากษัตริย์ที่โหดเหี้ยมอำมหิต เวลาจะตัวพิสูจน์ทุกอย่าง!
“ขอบ…ขอบพระทัยฝ่าบาท”
ฝูงชนลุกขึ้นยืนอย่างงกๆ เงิ่นๆ
ในใจพวกเขาก็ซาบซึ้งในการปรากฏตัวของเจียงหลีเช่นกัน เพียงแต่ว่าความน่ากลัวในสังหารกลับปกปิดความซาบซึ้งนี้
“ซื่อผิง” ทันใดนั้นเจียงหลีก็เรียกขึ้นมา
สาวน้อยซื่อผิงรีบเข้าไปหานาง แต่กลับรู้งานรักษาระยะห่างไว้เล็กน้อย พูดอย่างนอบน้อมว่า “ฝ่าบาทเชิญรับสั่งได้เลยเพคะ”
เจียงหลียิ้ม แล้วถามว่า “ที่นี่ นอกจากพวกเจ้าแล้ว บริเวณรอบๆ ยังมีประชาชนคนอื่นๆ อีกไหม หรือไม่ก็……” นางหยุดพูดไปครู่หนึ่ง แววตาดุดันขึ้นมาทันที “พวกกองกำลังทหารซีเฉียน”
ซื่อผิงส่ายหัว “ทหารซีเฉียนในบริเวณรอบนอกภายในระยะสิบลี้ เพิ่งจะถูกฝ่าบาทสังหารหมดแล้ว ที่นี่ นอกจากพวกเราแล้ว ยังมีคนอื่นๆ พวกเขาได้รับบาดเจ็บ ซ่อนอยู่ในที่ลับ พวกเราออกมาหาของกิน ไม่ทันระวังเจอเข้ากับพวกเดรัจฉานเหล่านั้นเพคะ”
นางเล่าเรื่องทั้งหมดออกมา คนอื่นๆ ก็ห้ามไว้ไม่ทัน
ไม่ใช่ พวกเขาไม่ได้จะปิดบัง แต่เพราะว่าความหวาดกลัวที่มีต่อเจียงหลี และไม่กล้าที่จะเปิดเผยทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมาก็เท่านั้น
บาดเจ็บอย่างนั้นหรือ
เจียงหลีเลิกคิ้ว ไม่สนใจคนอื่นๆ ที่ตามน้ำ ท่าทางที่เต็มไปด้วยความกลัว พูดกับซื่อผิงว่า “พาข้าไปดูหน่อย”
“เพคะ!” ซื่อผิงไม่ลังเลเลยสักนิด พยักหน้าตอบรับอย่างตรงไปตรงมา “ฝ่าบาท ท่านตามข้ามานะเพคะ”
นางพาเจียงหลีไปยังที่อื่น ชายชราถอนหายใจอย่างจนปัญญา ทำได้เพียงนำคนที่เหลือตามไปอยู่ห่างๆ
หลังจากไกลจากที่ๆ เต็มไปด้วยเลือดนั้น สีหน้าของพวกเขาก็ดีขึ้นบ้าง
…
ท่ามกลางซากปรักหักพัง หลังจากเดินวนไปวนมาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม เจียงหลีก็ถูกซื่อผิงพามาถึงตรงหน้าวัดพังๆ แห่งหนึ่ง
ยังไม่เข้าไป นางก็เห็นคนที่ได้รับบาดเจ็บเต็มไปหมด ทั้งด้านนอกและด้านในวัด
ไม่ง่ายเลยที่พวกเขาจะหนีรอดจากเงื้อมมือของทหารซีเฉียนมาได้ แต่ก็ได้รับความเจ็บปวดที่ต่างออกไป ในยุคสมัยที่พิเศษนี้ จะมีใครมารักษาพยาบาลพวกเขาล่ะ
“เจ้าถอยออกไปหน่อย” ทันใดนั้น เจียงหลีก็เก็บสายตาที่พินิจพิเคราะห์ แล้วพูดกับซื่อผิง
ซื่อผิงไม่สงสัยนาง รีบถอยหลังไปสองสามก้าว
ชิ้ง!
ในแสงสีทองทั้งสอง ปะปนกับแสงสีแดงทองที่งดงาม ทันใดนั้นก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน
อ้า!
เสียงร้องด้วยความประหลาดใจ ดังออกมาจากปากของคนที่ได้รับบาดเจ็บในวัด
พวกเขาเห็นอะไร สาวน้อยแปลกหน้าคนนี้ จู่ๆ ก็มีปีกออกมาจากที่หลัง ภาพมายานั้นเหมือนกับปีกที่โปร่งใส กำลังพานางค่อยๆ ลอยขึ้นไปบนฟ้า…
ปีกที่ใหญ่มหึมา กระพืออกท่ามกลางอากาศ ด้วยการกระพือปีกของนาง แสงสีแดงทองที่เหมือนกับแสงดาวมากมายค่อยๆ ร่วงลงมายังบาดแผลของทุกคน และปกคลุมวัดนี้
“อ้า! แผลของข้า… แผลของข้าหายแล้ว!”
“ข้าก็ด้วย!”
“ข้าก็รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย”
“…”
เสียงประหลาดใจดังขึ้นในกลุ่มคนผู้บาดเจ็บ แสงสีทองเล็กๆ เหล่านั้นมีพลังรักษา
“เทพยธิดา!”
“เทพยธิดาผู้ช่วยเหลือยามทุกข์ยาก!”
“ขอบคุณเทพยธิดาที่ช่วยลูกของข้า!”
“…”
ผู้คนที่ถูกรักษา ต่างพากันคุกเข่าลง ก้มศีรษะติดกับพื้นเพื่อคำนับสาวน้อยที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศอย่างไม่หยุด ซื่อผิงตะลึงจนอ้าปากค้าง แววตาเผยความเลื่อมใสศรัทธาและดีใจเป็นอย่างมากออกมา
คนเหล่านั้นที่ชายชรานำอยู่ ก็มองดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยความตะลึง คุกเข่าทั้งสองข้างลงกับพื้นช้าๆ อย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่