ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 291 คนขี้ขลาดอย่างพวกเจ้านะหรือ
วิญญาณยุทธ์ของนกอมตะ ไม่เพียงแต่สามารถทำให้เจ้าของมีความสามารถในการฟื้นคืนสู่สภาพเดิมที่แข็งแกร่งมากแล้ว อีกสามชีวิต ยังมีความสามารถในการรักษาอาการบาดเจ็บของผู้อื่นได้
นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงหลีใช้พลังการรักษา อีกทั้งยังเป็นการรักษาที่มากขนาดนี้ หลังจากที่เจียงหลีหลอมรวมเข้ากับวิญญาณยุทธ์ตัวที่สาม
ถ้าไม่ใช่เพราะว่านางมีพลังวิญญาณที่น่าทึ่งและมากกว่าคนปกติหลายเท่า เกรงว่านางยังไม่ทันได้รักษาคนเหล่านี้เสร็จ พลังวิญญาณก็คงจะเหือดแห้งไปเสียก่อน
เจียงหลีลอยตัวอยู่กลางอากาศ ปีกสีแดงฉานทั้งสองที่ใหญ่มหึมาข้างหลังของนาง ตัดกับชุดสีดำลายมังกรบนตัวนาง เสริมให้นางดูงดงามมากยิ่งขึ้น
แสงสีทองเล็กๆ เหล่านั้น ยังคงอยู่ ปกคลุมทั้งวัด
เจียงหลีไม่รู้ว่านั้นคืออะไร แต่ชัดเจนว่าเป็นพลังวิญญาณที่เปลี่ยนเป็นพลังการรักษาผ่านวิญญาณยุทธ์ตัวที่สามของนาง
วิญญาณยุทธ์ช่างมหัศจรรย์จริงๆ ในขณะเดียวกันที่ผู้คนตกตะลึง เจียงหลีกลับอุทานด้วยความซึ้งใจให้กับความมหัศจรรย์ของวิญญาณยุทธ์
แววตาที่สดใสและสงบนิ่งของนาง ค่อยๆ มองไปยังผู้คนที่คุกเข่าอยู่กับพื้น ความรู้สึกที่ซาบซึ้งในบุญคุณของพวกเขา พวกเขาแสดงความเคารพนับถือด้วยการก้มหัวลงกับพื้น แต่ไม่ได้ทำให้นางแสดงความอวดดีออกมา
นางมองไปยังกลุ่มคนกลุ่มนั้นที่นางช่วยไว้ก่อนหน้านี้ แต่กลับหวาดกลัวนาง ตอนนี้พวกเขามองนางด้วยสีหน้าทึ่ง อ้าปากค้าง
เหมือนว่าไม่อยากจะเชื่อว่าทำไมจักรพรรดินีที่สังหารคนมากมาย ถึงได้กลายมาเป็นนางฟ้าที่ช่วยเหลือประชาชนได้หรือ
แท้จริงแล้ว นางเป็นปีศาจหรือเทพเจ้ากันแน่
ฟุบ!
ทันใดนั้น ปีกที่ใหญ่มหึมาหุบเก็บหายไปในหลังของนาง
ท่ามกลางความตกตะลึงและเงยหน้ามองของประชาชนชาวสุ่ยหัน นางค่อยๆ ลอยตัวลงมาอย่างช้าๆ ชายเสื้อปลิวไปตามลม เส้นผมปลิวไสวในอากาศ
ในตอนที่เท้าทั้งสองข้างแตะพื้น จู่ๆ สาวน้อยซื่อผิงก็ตะโกนด้วยความดีใจว่า “ทุกคน ท่านผู้นี้ก็คือจักรพรรดินีของพวกเรา คือจักรพรรดินีแห่งจยาเซียน! เมื่อครู่นี้ นางได้ช่วยพวกเราไว้ จัดการสังหารพวกคนชั่วซีเฉียนเหล่านั้น พวกคนที่ยิ่งกว่าเดรัจฉานเหล่านั้นตายเกลี้ยง!”
คำพูดของนางทำให้ผู้คนเหล่านี้เหมือนเพิ่งตื่นขึ้นจากฝัน แล้วมองเจียงหลี
จักรพรรดินี
จักรพรรดินีของพวกเขา!
ใช่แล้ว หนานฮวงไม่มีประเทศสุ่ยหันแล้ว มีเพียงมณฑลสุ่ยหัน แห่งราชวงศ์จยาเซียน! ประชาชนที่สูญเสียชื่อของประเทศไป ที่จริงไม่ได้รู้สึกอะไรมากกับสิ่งนี้ สำหรับพวกเขาแล้ว ขอเพียงแค่มีข้าวกิน มีเสื้อผ้าใส่ สามารถใช้ชีวิต่อไปได้ แค่นี้ก็พอแล้ว
อีกทั้ง ด้วยฐานะจักรพรรดินีแห่งจยาเซียนที่สูงศักดิ์เช่นนี้ ไม่คิดเลยว่าจะมาช่วยพวกเขาด้วยตัวเอง!
ทันใดนั้น ประชาชนมีความรู้สึกเหมือนกับฝัน ไม่แน่ใจว่าตอนนี้คือเรื่องจริงหรือหลอก
สายตาของเจียงหลี มองไปยังซื่อผิง พูดในใจ เด็กผู้หญิงคนนี้ ก็ถือว่าฉลาดหลักแหลม
ซื่อผิงพูดอีกว่า “จักรพรรดินีไม่เพียงแต่สังหารทหารซีเฉียนเหล่านั้น ยังรักษาทุกคนให้หาย พวกเจ้ายังไม่รีบขอบพระทัยฝ่าบาทอีกรึ”
อ้อ!
ใช่แล้ว! ขอบพระทัยฝ่าบาท!
ผู้คนที่ถูกซื่อผิงเตือน ต่างพากันทำความเคารพด้วยการก้มหัวลงกับพื้น “ขอบพระทัยฝ่าบาทมากขอรับ! ขอบพระทัยฝ่าบาทมากเพคะ!”
“ลุกขึ้นเถอะ” เจียงหลีพูด
อากัปกิริยาที่เหมือนจักรพรรดิแบบนั้น ทำให้คนยากที่จะคิดว่าอายุของนางยังสิบหกไม่เต็ม
หลังจากที่ประชาชนแสดงความขอบคุณ ถึงจะลุกขึ้นมา เจียงหลีสังเกตได้ ถึงแม้ว่าซื่อผิงจะปิดบังสุดๆ แต่ก็ยังมีความเอาความดีของคนอื่นไปเป็นของตัวเองออกมาจากแววตา
ยิ้มเล็กน้อย เจียงหลีไม่ได้พูดอะไร
ซื่อผิงฉลาดมาก สติปัญญาดี นางสามารถมองออกว่านี่คือโอกาสที่ดีที่จะประจบประแจงตัวเอง! ถ้าหากประจบนาง จักรพรรดินีแห่งจยาเซียนได้สำเร็จ ก็สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตที่ยากลำบากได้
เจ้าแผนการ เจียงหลีไม่ถือสา แต่ว่าคนที่มีใจนึกถึงแต่ชื่อเสียงและผลประโยชน์มากแบบนี้ นางก็ชอบไม่ลงแล้ว
นางจะใช้ใคร ชอบก็ใช้ ไม่ชอบก็ไม่แม้แต่จะมอง ก่อนหน้านี้ ยังรู้สึกว่าซื่อผิงเฉลียวฉลาด แต่ตอนนี้ นางกลับไม่รู้สึกชอบสาวน้อยคนนี้อีกแล้ว
ไม่ได้ตอบรับสายตาที่กระตือรือร้นของซื่อผิง แต่เจียงหลีกลับเดินไปยังชายชราท่านนั้นที่ถูกนางทำให้ตกใจกลัวก่อนหน้าแทน
“ฝ่า…ฝ่าบาท” เห็นเจียงหลีเดินมาทางตัวเอง ชายชราก็เสียงสั่นเป็นอย่างมาก
ซื่อผิงมองด้านหลังเจียงหลี แววตาเผยคามหดหู่ที่พูดไม่ออกออกมา
“ที่นี่ห่างจากเมืองซู่หยวนไกลไหม” เจียงหลีถามตรงๆ
“ระยะห่างหนึ่งเมือง ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ใช้ม้าเร็วก็จะถึงได้ในสามวัน” ชายชราตอบกลับอย่างนอบน้อม
เจียงหลีขมวดคิ้ว ไม่ได้พูดอะไร
เมืองซู่หยวนเป็นเมืองแรกของสุ่ยหันที่ถูกบุกยึดโจมตี ตอนนี้ที่นี่ก็ยังเป็นเช่นนี้ เกรงว่าที่นั่นก็ยังคงเงียบสงัดยิ่งกว่า
“รู้ไหมว่าทหารซีเฉียนตั้งฐานทัพอยู่ที่ใด” เจียงหลีถามอีก
ชายชราพูดอย่างเป็นกังวลว่า “ก่อนหน้านี้ ได้ยินที่พวกเขาพูด ฐานทัพของพวกเขาตั้งอยู่ที่เมืองซู่หยวน คนจำนวนครึ่งหนึ่งในนั้น แบ่งออกเป็นกองทัพมากมาย กระจายอยู่ตามเมืองใกล้ๆ”
“ใช่ไหม” เจียงหลีหรี่ตาทั้งสองข้าง รอยยิ้มนั้นมีความเยือกเย็น
…
หลายวันต่อมา เจียงหลีไปในที่ใกล้ๆ อย่างมั่วๆ เจอกับทหารซีเฉียนก็สังหารพวกเขา หลังจากนั้นก็พาประชาชนชาวสุ่ยหันที่เสียขวัญมายังวัดพังๆ แห่งนี้
หลายวันผ่านไป วัดพังๆ แห่งนี้ มีประชาชนชาวสุ่ยหันอยู่นับพันคน
และหลังจากหลายวันมานี้ กองกำลังทหารสุ่ยหันในตอนแรก ในที่สุดก็มาถึงช้ามาก ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเจียงหลี
ในตอนที่ออกเดินทางจากราชวงศ์จยาเซียน เจียงหลีสั่งว่าให้จวิ้นหวังแห่งสุ่ยหันรวบรวมกำลังทหารท้องที่ ดำเนินการปิดเมืองเพื่อป้องกัน แล้วรวบรวมทหารที่ใช้การได้ รีบไปยังที่ๆ สงครามแพร่กระจายไป เพื่อช่วยประชาชนจากอันตราย
แต่ว่า ในตอนที่เจียงหลีเห็นกองกำลังทหารที่ตามมานี้ ใบหน้าเล็กๆ กลับเย็นชาขึ้นมา
ทหารสุ่ยหันที่ตามมามีไม่ถึงห้าพันคน ห้าพันคนนี้ แต่ละคนผอมและอ่อนแอมาก เกาะบนตัวเอียงไปหมด ไม่มีท่าทางที่เหมือนทหารเลยสักนิด
ยืนอยู่ตรงหน้านาง หลบหน้าหลบตา ไม่มีความกล้าหาญเลยแม้แต่น้อย!
“จวิ้นหวังแห่งสุ่ยหันส่งทหารอย่างพวกเจ้ามารึ” เจียงหลีทนไม่ไหวด่าเปิง
อาศัยแค่กลุ่มคน จะปกป้องประเทศชาติบ้านเมืองได้อย่างไร
มิน่าล่ะตอนที่ลู่เจี้ยได้สุ่ยหันมาถึงง่ายดายเช่นนี้ ที่จริงก็ไม่ต้องใช้กำลังทหารอะไรมากเลย ได้มาอย่างง่ายดาย!
ถูกเจียงหลีว่ากล่าว ทหารขี้ขลาดกลุ่มนี้ก็ไม่กล้าส่งเสียงสักกระผีก แต่ละคนก้มหน้า มองรองเท้าของตัวเอง อาวุธที่ถืออยู่ในมือก็แกว่งไปมา
กองกำลังทหารแบบนี้ ประชาชนชาวสุ่ยหันดูแล้วก็ยังผิดหวัง ในใจไม่รู้สึกถึงความปลอดภัยใดๆ เลย ยิ่งไปกว่านั้น แล้วเจียงหลีล่ะ
“ข้าสั่งให้เงยหน้าขึ้นมาเดี๋ยวนี้!” เจียงหลีตะโกนเสียงดัง ในน้ำเสียงมีพลังแห่งจิตวิญญาณ ทำให้ทหารเหล่านี้ตกใจ จนเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกัน มองนางด้วยสายตาที่ทึ่งและมัวหมอง
สาวน้อยคนนี้ คือกษัตริย์พระองค์ใหม่ของพวกเขา? ใช่จักรพรรดินีแห่งราชวงศ์จยาเซียนจริงๆ หรือ
ไม่ว่าพวกเขาจะไม่อยากจะเชื่ออย่างไร พลังในตัวของเจียงหลี ทำให้พวกเขาไม่กล้าไม่เชื่อ
ท่าทางของพวกเขา ทำให้เจียงหลียิ้มออกมา นางพูดอย่างหยอกเย้าว่า “พวกเจ้ากลุ่มนี้ที่มานี้ แท้จริงแล้วมาเพื่อให้ทหารซีเฉียนฆ่า หรือว่ามาเพื่อฆ่าทหารซีเฉียนกันแน่”
“…”
ตั้งแต่แม่ทัพยันทหาร แววตาของแต่ละคนมีแต่ความขลาดกลัว
พวกเขาก็ไม่อยากมาตายนี่! นี่ไม่ใช่ความตั้งใจของจักรพรรดินีแห่งจยาเซียนหรอกหรือ
“ตอบข้า! ทำไม เป็นใบ้ไปแล้วรึ” เจียงหลีคิ้วขมวด แล้วจู่ๆ ก็ยิ้มออกมา
“พวก…พวกเรา…ทำไมพวกคนที่มีพื้นเพที่ดีถึงไม่ต้องมาตายได้ แล้วพวกเราที่มีพื้นเพไม่ดี ถึงมาที่นี่ได้ล่ะ” ภายใต้อำนาจของเจียงหลี แม่ทัพก็เลยพูดออกมาอย่างกล้าหาญ
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ” ทันใดนั้น เจียงหลีก็ขมวดคิ้ว