ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 341 คุณชายเสวียนที่ถูกเข้าใจผิด
ไป๋เซี่ยงเลี่ยจำเจียงหลีไม่ได้ ไป๋เซี่ยงไท่ก็จำตัวตนที่แท้จริงของเจียงหลีไม่ได้เช่นกัน
จุดนี้ เจียงหลีมีความมั่นใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ล้อเล่น ของที่จักรพรรดิเซ่าตี้ให้มา จะถูกมองออกง่ายๆ ได้อย่างไร
“เหอะๆๆ หยวนหวัง”
คนตระกูลไป๋เซี่ยงทั้งสามคน เดินมาตรงหน้าลู่เสวียน ความสนใจไปรวมอยู่ที่เขา
เจียงหลีแอบถอยหลังก้มหน้าลง แล้วทำท่าทำทางที่ทาสสาวข้างกายควรจะทำ นางอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นนี้ ก็เป็นธรรมดาที่ทั้งสามคนจะไม่ได้สนใจ
ตอนนี้ กลิ่นหอมสดชื่นลอยมา นางเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเหวินเหรินชิ่งชิ่งที่เดินมาหาพวกเขา
เหวินเหรินชิ่งชิ่งมองนาง แล้วเดินผ่านหน้านางไป หยุดอยู่ข้างๆ ลู่เสวียน เจียงหลีสังเกตเห็นได้ว่าหลังจากที่นางปรากฏตัว คนตระกูลไปเซี่ยงคนนั้นก็ยิ้มฝืนๆ เดิมทีคำพูดที่จะพูดกับลู่เสวียน ก็กลืนมันลงไป เปลี่ยนเป็นทักทายปกติ
การปรากฏตัวของพวกเขาครั้งนี้ ทำให้เจียงหลีเลิกคิ้วเล็กน้อย ทำไมตระกูลไป๋เซี่ยงถึงให้ความสนใจลู่เสวียนมากขนาดนี้
“ได้เวลาแล้ววว!”
คุยกันอยู่ครู่หนึ่งก็มีคนตะโกนขึ้นมาจากไกลๆ
นี่ถึงทำให้คนตระกูลไป๋เซี่ยงทั้งสามคนบอกลาแล้วก็จากไป
“ทีหลังเจ้าก็อย่าไปคุยอะไรกับพวกเขามาก ตระกูลไป๋เซี่ยงมีความทะเยอทะยานสูง ระวังจะติดกับ” คำพูดของเหวินเหรินชิ่งชิ่งดังขึ้น
คำพูดนี้ ชัดเจนมากว่าพูดกับลู่เสวียน
แต่ทว่า น้ำเสียงที่แนะนำแบบนี้ กลับทำให้ลู่เสวียนยิ้มอย่างรับไม่ได้ “องค์หญิงดูแลทั่วถึงดีนะ”
“เหอะ!” เหวินเหรินชิ่งชิ่งส่งเสียงแสดงความไม่พอใจอย่างอวดดี แล้วเดินไปยังที่ๆ คนรวมตัวกัน
“ผู้หญิงคนนี้นี่ช่าง!” หลังจากนางเดินไปแล้ว ลู่เสวียนก็พูดพึมพำ
“ไปกันเถอะ” เจียงหลีพูดเร่ง
ลู่เสวียนเห็นเจียงหลีสนใจเขา ก็รีบพูดความทุกข์ใจของตัวเองออกมา “เจ้าคิดว่านางหมายความว่าอย่างไร เดี๋ยวก็ให้ข้าอยู่ห่างๆ นางไว้ ดูรังเกียจข้ามาก อีกเดี๋ยวก็มาพูดแบบนี้กับข้า นางเป็นห่วงข้ารึเหอะ ข้าไม่ต้องการ! เห็นข้าเป็นเด็กหรืออย่างไร!”
เจียงหลีเงยหน้า แล้วมองเขาด้วยสีหน้าแปลกประหลาด “ข้าคิดว่านางเพียงแค่ทำตามที่ฮ่องเต้แห่งเป่ยโหรวสั่ง การเตือนเจ้าก็ถือเป็นการดูแล”
“จริงหรือ” ลู่เสวียนสีหน้าเก้อเขิน
ท่าทางแบบนี้ของเขา เจียงหลีรู้สึกน่าขัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ทั้งสองคนเดินเข้าไปใกล้แล้ว ถึงรู้ว่าต้องนั่งรถม้าไป
“สุสานโบราณไม่ได้อยู่ใกล้ๆ นี้หรือ” ลู่เสวียนถามอย่างแปลกใจ
เหวินเหรินชิ่งชิ่งมองเขาด้วยความเหยียดหยาม “ใครบอกเจ้าว่าสุสานโบราณอยู่นอกชิ่งตูล่ะ ถ้าหากอยู่นอกชิ่งตู ก็ถูกคนค้นพบไปนานแล้ว จะรอให้ถึงตอนนี้ทำไม ที่นี่เป็นเพียงแค่ที่รวมตัว ที่ๆ สุสานโบราณตั้งอยู่ยังห่างจากที่นี่อีกไกล หลังจากลงรถม้าแล้วยังต้องเดินทางอีกไกล ระหว่างทางจะมีสัตว์ร้าย ปีศาจจู่โจม ถ้าหากหยวนหวังกลัวลำบาก กลัวอันตราย ก็รีบใช้โอกาสนี้กลับซื่อฟังก่วนไปพักผ่อนเถอะ”
“นี่สาวน้อย เจ้าไม่ต้องพูดจาเหน็บแนมข้าทุกคำได้หรือไม่ ข้าไปพูดตอนไหนว่าข้ากลัวเหนื่อย กลัวอันตราย” ลู่เสวียนโต้กลับ
“เหอะ” เหวินเหรินชิ่งชิ่งแสยะยิ้ม เหมือนบนหน้ามีคำสามคำเขียนไว้ว่า เกลียดขี้หน้า
การทะเลาะกันเหมือนเด็กๆ ของทั้งสองคน ทำให้เจียงหลีปวดหัว อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาคลึงขมับ คนตระกูลไป๋เซี่ยงที่อยู่รอบๆ ต่างก็มองมาทางนี้กัน สีหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
“ท่านทั้งสองไม่อายหรือ” เจียงหลีกัดฟัน พูดเสียงเบา
ลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งนิ่งไป ในขณะเดียวกันก็มองไปยังคนตระกูลไป๋เซี่ยง แล้วก็หน้านิ่งไป
“ขึ้นรถกันเถอะ” เจียงหลีพูด แล้วขึ้นไปก่อน
เหวินเหรินชิ่งชิ่งหันตัว แล้วขึ้นรถตัดหน้าลู่เสวียน ลู่เสวียนถูกนางชนไปที ไม่มีคนตระกูลไป๋เซี่ยงมาสักคน ก็เป็นไปตามที่พวกเขาหวัง
โคลงเคลงไปมา เดินทางมาเกือบหนึ่งวัน
ในตอนที่ถึงจุดหมาย ฟ้าก็มืดลงแล้ว
“คืนนี้ก็พักที่นี่ พอรุ่งสางการฝึกประสบการณ์ของพวกเจ้าก็จะเริ่มขึ้น พวกเจ้าแต่ละกลุ่มเริ่มหาตำแหน่งของสุสานโบราณตามแผนที่จากตรงนี้ โอกาสต่างๆ ก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว”
เจียงหลีหันกลับไปมองไป๋เซี่ยงเลี่ยที่เป็นคนพูด ดูแล้ว เขาเป็นหนึ่งในคนที่รับบผิดชอบการฝึกฝนในครั้งนี้ คนนั้นที่ปรากฏตัวในพระราชวัง ชแล้วก็ไป๋เซี่ยงไท่ที่ตอนนี้หายไปแล้ว
คืนนี้เงียบสงบไม่มีอะไร
หรือบางทีก่อนที่คนตระกูลไป๋เซี่ยงจะออกมา ได้ถูกเตือนไว้แล้ว พวกเขาไม่มีใครมาหาเรื่องเหวิน
เหรินชิ่งชิ่งและลู่เจี้ยเลย
เพียงแต่ตอนนี้มันแค่เพิ่งเริ่มต้น ไม่มีใครรู้ว่าพอเข้าไปในสุสานโบราณแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเจอโอกาส
วันรุ่งขึ้น พอฟ้าสว่าง ผู้คนต่างก็พากันออกเดินทาง
เหวินเหรินชิ่งชิ่งนำลู่เสวียนและเจียงหลี เลือกเส้นทางที่คนน้อยๆ และการฝึกประสบการณ์ในครั้งนี้ก็ได้เริ่มขึ้น
“ไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมพวกเราต้องไปกับผู้หญิงคนนี้ด้วย” ลู่เสวียนบ่นพึมพำ
เจียงหลีเงยหน้ามองเหวินเหรินชิ่งชิ่งที่กำลังดูแผนที่ “นางกลับต่างออกไป เป็นองค์หญิง ถึงจะไม่ใช่โดยสายเลือด แต่ฮ่องเต้แห่งเป่ยโหรวก็คงปฏิบัติต่อนางดีใช้ได้ แต่ว่าเข้าร่วมการฝึกฝน นึกไม่ถึงว่าจะเข้าร่วมเพียงลำพัง ไม่มีคนฝีมือดีมาด้วย”
“หรือว่านางอาจจะได้รับความรักใคร่เอ็นดูแบบจอมปลอม” ลู่เสวียนโต้กลับ
เจียงหลีส่ายหน้า “ด้วยนิสัยของนางแล้ว ถ้าหากฮ่องเต้แห่งเป่ยโหรวทำไม่ดีกับนาง นางไม่มีทางฟังคำสั่งของฮ่องเต้แห่งเป่ยโหรว แล้วไปกับพวกเราสองคนหรอก เพียงแต่นางก็เหมือนจะไม่ได้ใกล้ชิดกับฮ่องเต้แห่งเป่ยโหรวมาก”
แกร็ก!
ลู่เสวียนหักกิ่งไม้ที่ขวางทางทิ้ง ส่งเสียงแสดงความไม่พอใจ “คนเนรคุณอย่างนั้นหรือ”
“ไม่รู้เรื่องภายใน ก็อย่าพึ่งด่วนตัดสิน” เจียงหลีจ้องเขา
ลู่เสวียนขมวดคิ้ว “ทำไมข้ารู้สึกว่าเจ้าประทับใจนางไม่น้อยเลย!”
เจียงหลีดูคลุมเครือแล้วพูดว่า “เดินไปสิ เดินระวังๆ ด้วย”
“อ้าก!”
นางยังพูดไม่ทันขาดคำ ลู่เสวียนก็เดินเหยียบหลุมบนพื้น ตัวเซแล้วพุ่งไปยังพุ่มหญ้าข้างทาง
เสียงที่ดังมาจากข้างหลัง ทำให้เหวินเหรินชิ่งชิ่งหันมา แล้วเห็นภาพเหตุการณ์ที่ลู่เสวียนล้มลงไป นางหัวเราะเสียงดังอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด “ฮ่าๆๆ ดูดี แต่ไม่มีประโยชน์จริงๆ ด้วย! ไม่สิ แม้แต่ดูดีก็ไม่ได้!”
“เจ้า!” ลู่เสวียนลุกขึ้นมาจากพุ่มหญ้า มองนางด้วยความโกรธ
เหวินเหรินชิ่งชิ่งเลิกคิ้วยั่วโมโห “ข้าทำไมฮะ โตขนาดนี้ เดินยังไม่ดูตาม้าตาเรือ มิน่าล่ะออกมาฝึก ก็ยังต้องเอาทาสสาวมาคอยดูแล”
“…” ลู่เสวียนสีหน้าอึมครึม มองเจียงหลีด้วยความอึดอัดใจที่ถูกเข้าใจผิด
“เฮ้อ” เจียงหลีหลบสายตาที่อ้อนวอน แสร้งทำเป็นยื่นมือออกไปดึงเขา “ไอ้หยา ทำไมพระองค์ถึงไม่ระวังเช่นนี้ ท่านมีเนื้อตัวที่สง่างามสูงส่ง ทางเดินนี้ขรุขระ เดินต้องดูทางด้วยนะเพคะ”
“…”
ในตอนที่ลู่เสวียนเห็นสายตาดูถูกของเหวินเหรินชิ่งชิ่งที่แสดงออกว่า เป็นองค์ชายที่หยิ่งยโสจริงๆ ด้วย เขามองสาวน้อยที่ร่วมผสมโรง กัดฟันพูดในใจว่า เจียงหลี!
เจียงหลีเมินอารมณ์โกรธของเขา แล้วยิ้มออกมา ทันใดนั้นรอยยิ้มที่งดงามก็ทำให้ใบหน้าที่ธรรมดาดูสดใสขึ้นมา
…………………