ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 354 มีปัญญาก็เข้ามาหยิบเองสิ
ดูเหมือนว่าตราบใดที่พวกเขายังปกป้องเจียงหลีอยู่ พวกเขาจะใช้กำลังโดยตรงจึง ‘เชิญ’ พวกเขาหลีกไป
“เจ้า!”
ลู่เสวียนขบกราม
เขาไม่อยากถอยแต่เจียงหลีกลับให้เขาถอย
ไม่สามารถถอยได้! จะถอยได้อย่างไร
ราวกับขาของลู่เสวียนถูกตอกตรึงไว้บนพื้นไม่เดินแม้แต่ก้าวเดียว เขาไม่ขยับ เหวินเหรินชิ่งชิ่งก็ไม่ขยับ เพียงแค่มองดูสาวกที่กำลังเดินมาหาพวกเขาอย่างมืดมน พลังวิญญาณในมือของเขาก็ออกมาอย่างเงียบๆ
เมื่อเห็นทั้งสองเป็นเช่นนี้ ไป๋เซี่ยงเลี่ยก็ขมวดคิ้วสบถเสียงเย็นสีหน้าพลันเย็นเยียบ
แต่เจียงหลีกลับแปลกใจเมื่อเห็นเงาหลังของเหวินเหรินชิ่งชิ่ง นางประหลาดใจลู่เสวียนปกป้องนางนี่เป็นเรื่องธรรมดา
แต่ทว่า เหตุใดเหวินเหรินชิ่งชิ่งจึงทำเช่นนี้
“องค์หญิง ท่านถอยไปเถอะ” เจียงหลีเอ่ยขึ้น
“ไม่! เรามาด้วยกันก็ต้องกลับไปด้วยกัน” เหวินเหรินชิ่งชิ่งเอ่ยปฏิเสธ
เจียงหลีอึ้ง ทันใดนั้นมองหลังนางแล้วยิ้ม ไม่พูดไม่ได้ว่านิสัยใจคอของแม่นางน้อยผู้นี้ช่างน่าเอ็นดูจริงๆและถูกชะตานาง
เมื่อถอนสายตากลับมาดวงตาเปล่งประกายของเจียงหลีพลันเย็นเฉียบ นางมองไป๋เซี่ยงเลี่ยอย่างเหยียดหยัน ทันใดนั้นจึงเอ่ยขึ้น “อยากได้ของที่ข้าเอาออกมาจากสุสานโบราณก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ อยากมีเรื่องก็เข้ามาหยิบเอง!”
เมื่อกล่าวจบ นางก็ปล่อยท่าร่างชวนเสินอิ่นออกมาทันที จากนั้นเงาร่างก็หายไปจากที่เดิม
ไป๋เซี่ยงเลี่ยหรี่ตา สีหน้าเย่อหยิ่งเมื่อครู่นี้พลันแตกยับ
“อ้าก!”
เสียงร้องดังขึ้นทันใด เมื่อทุกคนหันไปมองก็เห็นเพียงวงที่ล้อมทั้งสามอยู่ที่เดิมถูกแหวกปากทาง ลูกศิษย์ตระกูลไป๋เซี่ยงเหล่านั้นคว่ำลงกับพื้น แขนของทุกคนมีเลือดไหลอาบเนื้อหนังถูกเปิดออก เมื่อดูที่บาดแผลก็จะเห็นได้ชัดว่าถูกแส้ฟาด
เมื่อมองไปตามช่องว่าง ร่างของเจียงหลีก็โผล่ออกมาไกลเสียแล้ว
“นางอยู่ตรงนั้น รีบตามไป!” ไป๋เซี่ยงเลี่ยสั่งให้ทุกคนวิ่งผ่านลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งไป
นอกจากคนบาดเจ็บที่ไม่มีแรงตามทันแล้วยังมีคนอื่นที่เหลือจึงไล่ตามทิศทางที่เจียงหลีหนีไปทันที
แต่ลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งกลับถูกมองข้ามโดยสิ้นเชิง
“เร็ว อย่าให้นางหนีรอดไปได้!”
“นางไม่คิดชีวิตเยี่ยงนี้ ต้องได้ของดีมาแน่ๆ อย่าให้นางหนีไปได้เด็ดขาด!”
“ล้อมไว้ทั้งสองด้าน ปิดกั้นนางเอาไว้”
“…”
คนในตระกูลไป๋เซี่ยงตามหลังเจียงหลีไปราวกับกำลังล่าสัตว์ก็มิปาน ส่วนเจียงหลีก็เหมือนสัตว์ที่ถูกล่าในสายตาพวกเขา
“สมควรตาย!” ลู่เสวียนกัดฟันพูดอย่างเคียดแค้น
เขาอยากรีบตามไปแต่เหวินเหรินชิ่งชิ่งคว้าข้อมือเอาไว้ก่อน “เจ้าจะทำอะไร นางจงใจล่อคนไปทางนั้นให้เพราะไม่อยากให้เราเข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่องนี้”
“เจ้าปล่อยมือ” ลู่เสวียนสะบัดมือเหวินเหรินชิ่งชิ่งออก สีหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิด “เจ้าต้องการให้ข้าเห็นตระกูลไป๋เซี่ยงรุมล้อมนางหรืออย่างไร”
“เจ้าอย่าพึ่งวู่วาม เมื่อครู่นี้เจ้าก็เห็น ไป๋เซี่ยงเลี่ยไม่ได้เห็นเราอยู่ในสายตาเลย ต่อให้เราสองคนตามไปสมทบจะมีประโยชน์อะไร” เหวินเหรินชิ่งชิ่งกล่าวอย่างชัดเจน
เหตุผลข้อนี้ไม่ใช่ว่าลู่เสวียนไม่เข้าใจ เพียงแต่สถานะของเจียงหลีพิเศษเป็นอย่างยิ่ง นางไม่ได้เป็นเพียงราชินีแห่งราชวงศ์จยาเซียน สำหรับเขาก็เปรียบเสมือนคนในครอบครัว เขารู้ชัดเจนทุกอย่าง แต่ในเรื่องความรู้สึกเขาไม่สามารถทิ้งเจียงหลีไว้คนเดียว
“นางเก่งกว่าเราแล้วเป็นคนฉลาด ไม่ถูกคนในตระกูลไป๋เซี่ยงจับตัวได้ง่ายๆ หรอก สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้คือรีบออกไปจากที่นี่ เจ้าหาวิธีรีบไปบอกคนของเจ้าให้เร่งตามมา ยับยั้งการกระทำผิดของตระกูลไป๋เซี่ยง ส่วนข้าจะรีบกลับวังทันทีเพื่อทูลให้ฝ่าบาทออกหน้าแทน” เหวินเหรินชิ่งชิ่งเล่าถึงแผนการของนาง
“ไกลเกินไป…ไกลเกินไป” ลู่เสวียนส่ายหน้า
จากที่นี่ไปกลับชิ่งตูต้องใช้เวลาสองวัน ภายในสองวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้
“นี่เป็นเพียงหนทางเดียว ดังนั้นเจ้ายังยืนยันเสียเวลาอยู่ที่นี่ต่อหรือไม่” เหวินเหรินชิ่งชิ่งเอ่ยเตือนสติเขา
“สมควรตาย! ไม่น่ามาร่วมฝึกประสบการณ์ตั้งแต่แรก” ลู่เสวียนคำรามอย่างไม่สบอารมณ์
อันที่จริงเขารู้แก่ใจดี เจียงหลีคือผู้ฝึกบำเพ็ญขั้นหลิงไซว่ นับว่าเป็นบุคคลที่ฝึกฝนขั้นสุดยอดในหนาน
ฮวงแล้ว แม้คนในตระกูลไป๋เซี่ยงที่นี่จะมีมากแต่ไม่แน่ว่าจะถูกจัดการในเวลาอันสั้น แต่เข้าก็ยังห่วงพะวง เขาไม่อาจให้เจียงหลีเป็นอะไรไปได้
“ไป! กลับไปเรียกคนที่ชิ่งตูมา!” ในที่สุดเขาก็กัดฟันตัดสินใจ
เหวินเหรินชิ่งชิ่งนำเขาลงเขาไปด้วยกันอย่างรวดเร็ว
ลูกศิษย์ตระกูลไป๋เซี่ยงที่เหลืออยู่อยากขัดขวางพวกเขาเอาไว้ “หยุดเดี๋ยวนี้ พวกท่านไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“ลุยออกไปเลย” เหวินเหรินชิ่งชิ่งขี้เกียจเสียเวลาพล่ามไร้สาระ นางเปิดฉากต่อสู้ทันที
ลู่เสวียนมองนางอย่างประหลาดใจ แต่ก็เข้าร่วมต่อสู้ด้วย
พวกเขาสองคนจัดการกับผู้บาดเจ็บเพียงไม่กี่คนตาม แน่นอนพวกเขาจัดการสุนัขเฝ้าบ้านสามสี่ตัวเหล่านี้ได้และรีบออกไป
ซ้อเล็ก เจ้าต้องดูแลตัวเองดีๆ โปรดรอข้าด้วย ขณะที่กำลังวิ่งหนี ลู่เสวียนพูดในใจไม่หยุด ความเร็วของฝีเท้ายิ่งรวดเร็วขึ้น
“เดี๋ยว เจ้ารอข้าด้วยสิ…”
เพียงเดี๋ยวเดียวเหวินเหรินชิ่งชิ่งก็ถูกเขาทิ้งอยู่ด้านหลัง
ลู่เสวียนหันกลับไป เขาทราบดีดว่าเรื่องนี้ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากเหวินเหรินชิ่งชิ่งจึงจะทำให้ฮ่องเต้เป่ยโหรวตัดสินใจโดยเร็วที่สุด
แววตาของเขาเป็นประกายวูบไหวแล้วใช้มือทั้งสองข้างจับนางขี่หลัง
“เจ้าทำอะไร!” เหวินเหรินชิ่งชิ่งตกใจกับการกระทำของเขา
ลู่เสวียนตอบลวกๆ “เจ้าช้าเกินไปแล้ว” เมื่อพูดจบเขาก็พาเหวินเหรินชิ่งชิ่งขี่หลังแล้วเริ่มวิ่งอย่างบ้าคลั่ง
เหวินเหรินชิ่งชิ่งรู้สึกเพียงลมพัดผ่านใบหน้า ภาพตรงหน้าพร่ามัว นางขี่บนหลังของลู่เสวียนรู้สึกถึงความอบอุ่นในร่างกายของชายหนุ่มแล้วยังรู้สึกถึงพลังของธาตุหยางอีกด้วย นางจึงใจเต้นระส่ำแปลกๆ
…
“อยู่ไหน!”
“เร็วๆ หน่อย อย่าให้นางหนีไปได้”
“บัดซบเอ๊ย แม่นางนี่เร็วอะไรขนาดนี้ เร็วเหมือนปลาไหลจริงๆ”
“อย่ามันพูดไร้สาระเลย รีบตามไปซี่!”
“…”
ท่ามกลางป่าเขา เงาร่างของเจียงหลีราวกับภูตผีปีศาจ โฉบเฉี่ยวผ่านหน้าพวกตระกูลไป๋เซี่ยงไปราวกับใกล้สายตาแต่ทำให้พวกเขาจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน
“ลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งน่าจะลงเขาไปแล้ว” เจียงหลีคำนวณเวลาในใจ
เมื่อล่อตระกูลไป๋เซี่ยงออกไปเพื่อให้พวกเขามีเวลาหนีไป หวังว่าลู่เสวียนจะเข้าใจความหมายที่นางสื่อ ยามนี้นางมีสถานะเป็นแค่นางทาสนางกำนัล หากเขาแสดงความสำคัญออกนอกหน้ามากไปก็จะทำให้ฮ่องเต้เป่ยโหรว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป่ยเหมินเวยรู้สึกสงสัยได้
แผนการของหรงจิ่งห้ามมีข้อผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว
ดังนั้นนางจำเป็นต้องให้พวกลู่เสวียนกลับไป มิฉะนั้นหากนางต้องลงมือกับตระกูลไป๋เซี่ยง คงทำได้แค่ชกหมัดหรือเตะต่อย
“นางวิ่งไปทางไหน”
ตอนที่ความเร็วของเจียงหลีลดลง จู่ๆ คนของตระกูลไป๋เซี่ยงก็ล้อมรอบปิดทางถอยหนีทั่วสารทิศ
เจียงหลีหยุดลงเอากระเป๋าไว้ที่ตัวอย่างมั่นคง รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
“นำของออกมา” ไป๋เซี่ยงเลี่ยก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ยถามเอาของรอยยิ้มของเจียงหลีประชดประชันลึกซึ้งยิ่งขึ้น “ข้าบอกแล้วไง ถ้า อยากได้ของมีปัญญาก็เข้ามาหยิบเองสิ”