ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 369 ก็แต่งกันแบบนี้แหละ
เขาโมโหตระกูลไป๋เซี่ยงเป็นอย่างมาก
เจียงหลียิ้มออกมา ด้วยสีหน้าภาคภูมิใจเล็กน้อย
“ฝ่าบาทนี่ช่างเก่งกาจจริงๆ เพิ่งจะมาถึงเป่ยโหรวได้ไม่นาน ก็สามารถปั่นหัวของฮ่องเต้แห่งเป่ยโหรวและตระกูลไป๋เซี่ยงได้ ข้าขอนับถือ” หรงจิ่งพูดชมเชย ดวงตาที่สดใสสะท้อนภาพหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า แววตาเปล่งประกายราวกับแสงดาวอย่างไรอย่างนั้น
“เก่งกาจที่ไหนกัน อ่อนหัดจะตาย” เจียงหลีพูดจาถ่อมตน แต่สีหน้ากลับแสดงความโอ้อวดออกมา
ในสายตาของหรงจิ่ง ความโอ้อวดนี้กลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกไม่ชอบ แต่กลับทำให้เขารู้สึกว่าน่ารักเสียด้วยซ้ำ นางเป็นถึงจักรพรรดินี เดิมทีก็ไม่จำเป็นต้องถ่อมตนอะไร
“อีกไม่กี่วัน ข้าก็จะออกเดินทางกลับแคว้นแล้ว” เจียงหลีเก็บสีหน้าที่โอ้อวด แล้วพูดกับหรงจิ่ง
จะไปแล้วหรือ
ขนตาที่งอนยาวของหรงจิ่งกะพริบเบาๆ ปิดบังความมืดมัวในแววตาของเขา เขาก้มหน้าลงดื่มชา ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เจียงหลีพูดต่ออีกว่า “แท้จริงแล้วท่านวางแผนไว้อย่างไร ข้าจะช่วยเหลือท่านได้อย่างไร แล้วก็ท่านอยู่ที่เป่ยโหรวเพียงลำพัง ก็ถือว่าอันตราย ท่านหาจังหวะปลีกตัวออกมา ด้วยความสามารถของท่าน ถ้าหากท่านไม่ยินยอม ราชวงศ์เป่ยโหรวก็จับท่านไม่ได้”
“ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ข้าวางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้ว หลังจากกลับไป ภายในครึ่งปี ท่านต้องได้รับจดหมายสั่งทหารบุกโจมตีเป่ยโหรวอย่างแน่นอน” หรงจิ่งวางถ้วยชาลง แววตากลับมาสดใสอีกครั้ง
“ครึ่งปีเชียวหรือ” เจียงหลีแปลกใจ เขาวางแผนอะไรไว้กันแน่ ทำไมถึงสามารถบอกเวลาได้แม่นยำเช่นนี้
“เดิมทีจะนานกว่านี้หน่อย แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับไม่กี่วันนี้ เพราะฝ่าบาทได้ทำลายความสัมพันธ์ของตระกูลไป๋เซี่ยงและราชวงศ์เป่ยโหรว ถึงได้ทำให้ระยะเวลาสั้นลงเป็นอย่างมาก” หรงจิ่งอธิบายอย่างช้าๆ
เจียงหลีมุมปากกระตุก นี่ไม่ใช่เรื่องที่นางสนใจ
“ท่านมั่นใจก็ดี เอาเป็นว่าท่านต้องดูแลตัวเองให้ดี แล้วกลับมาอย่างปลอดภัย” เจียงหลีมองเขาอย่างจริงจัง
หรงจิ่งเงยหน้าขึ้นมามองนาง “ฝ่าบาทเป็นห่วงข้าหรือ”
รู้สึกได้ถึงความคาดหวังในน้ำเสียงนี้ เจียงหลีถอนหายใจในใจ “คนทุกคนที่ต่อสู้เพื่อราชวงศ์จยาเซียน ข้าก็เป็นห่วงหมด และหวังให้พวกเขากลับมาอย่างปลอดภัย”
“เช่นนี้นี่เอง” หรงจิ่งก้มหน้าลงอีกครั้ง
“ใช่แล้ว ข้าจะพาเหวินเหรินชิ่งชิ่งไปด้วย” เจียงหลีรู้สึกว่าบรรยากาศน่าอึดอัด ก็เลยเปลี่ยนเรื่องคุย
หรงจิ่งพยักหน้า “เหวินเหรินชิ่งชิ่งไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่จริงๆ”
เจียงหลีหรี่ตา แล้วถามด้วยเสียงเข้ม “ท่านไปรู้อะไรมาใช่หรือไม่”
หรงจิ่งยิ้มเล็กน้อย “ตอนที่สืบ ได้เจออะไรบางอย่าง”
“ท่านสืบเรื่องของเหวินเหรินชิ่งชิ่งด้วยหรือ” เจียงหลีพูดด้วยความแปลกใจ
หรงจิ่งกลับส่ายหัว “เปล่า ในตอนที่ข้าสืบเรื่องราวทั้งหมดของเป่ยเหมินเวย ได้รู้เรื่องราวในอดีตช่วงหนึ่งที่ไม่ควรรู้เข้า”
“ว่ามาสิ” ทันใดนั้น เจียงหลีก็รู้สึกว่าเรื่องราวในอดีตช่วงนี้อาจจะสามารถให้คำตอบกับความสงสัยของเหวินเหรินชิ่งชิ่งได้
หรงจิ่งยิ้ม “เรื่องราวไม่ได้ซับซ้อน เพียงแค่ฮ่องเต้จอมแผนการได้หลงรักหญิงสาวที่ไม่ควรรัก หลังจากที่ทนพิษไข้ใจไม่ไหว เขาก็วางแผนฆ่าสามีของผู้หญิงคนนั้น แล้วคิดว่าต่อมาหลังจากนั้น เขาจะได้รักกันกับนาง แต่กลับคิดไม่ถึงว่านางได้รับความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก และได้ตายในตอนคลอดลูก เหลือทิ้งไว้เพียงลูกสาว ไม่ว่าจะด้วยความละอายใจก็ดี หรือด้วยความรำลึกถึงผู้หญิงคนนั้นก็ดี ลูกสาวคนนั้นถูกเอาตัวเข้าวัง และได้รับการเลี้ยงดูเป็นองค์หญิง”
“…” เจียงหลีฟังด้วยความตะลึง ที่แท้ก็เป็นเรื่องราวที่คาดไม่ถึงเช่นนี้
“เหวินเหรินชิ่งชิ่งไม่เหมาะที่จะเติบโตในวัง การไปจากที่นี่เป็นเรื่องดีสำหรับนาง” หรงจิ่งมองเจียงหลีแล้วพูด
เจียงหลีหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยักหน้า “นางได้ตอบตกลงที่จะไปแล้ว ตอนนี้ก็ดูว่าจะทำอย่างไรให้เป่ยเหมินเวยปล่อยนางไปอย่างชอบด้วยเหตุผล”
“การแต่งงาน ก็ถือว่าเป็นเหตุผลที่ไม่เลว” หรงจิ่งพูดอย่างช้าๆ
แต่งงานอย่างนั้นหรือ
สีหน้าของเจียงหลีค่อนข้างประหลาดใจ เจ้าหนุ่มลู่เสวียนนั่นจะยอมหรือ ถึงแม้ว่านางจะรู้สึกว่าทั้งสองเหมาะสมกันเป็นอย่างมาก!
“เป่ยเหมินเวยไม่มีทางบังคับให้เหวินเหรินชิ่งชิ่งแต่งงาน แต่ถ้าหากองค์หญิงตอบตกลงเอง เขาก็ไม่มีทางขัดขว้าง ตอนนั้นขุนนางเป่ยโหรวไม่ได้บอกว่าให้หยวนหวังลู่เสวียนมาเลือกพระชายาหรือ ตอนนี้เลือกได้แล้ว ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องพากลับไปแต่งงาน”
เจียงหลีนึกภาพที่ทั้งสองอยู่ด้วยกัน จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา “เรื่องนี้ไม่เลว! ลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งอยู่ด้วยกัน เกรงว่าวันแต่งงานวันนั้น เพดานคงจะทะลุแน่”
ถ้าเป็นเช่นนี้ นางจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเลย
วันต่อมา ลู่เสวียนเข้าวังอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ได้มาเพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้แห่งเป่ยโหรว แต่มาพบเหวินเหรินชิ่งชิ่ง แน่นอนว่านี่คือข้ออ้าง คนที่เขาต้องการมาพบก็คือเจียงหลีที่ปลอมตัวเป็นเจวียนเอ๋อร์
“เจ้าว่าอย่างไรนะ ให้ข้าแต่งงานกับนาง! ไม่มีทาง!”
ในตำหนักของเหวินเหรินชิ่งชิ่ง ทันใดนั้นเสียงที่โกรธจัดของลู่เสวียนก็ดังขึ้นมา
ตอนนี้ คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ถูกเหวินเหรินชิ่งชิ่งสั่งให้ออกไปก่อนหน้านี้แล้ว ในตำหนักมีเพียงแค่พวกเขาสามคน เหวินเหรินชิ่งชิ่งที่ถูกลู่เสวียนรังเกียจแบบนี้ สีหน้าก็เย็นชาขึ้นมา “เจ้าคิดว่าข้าอยากแต่งงานกับเจ้ารึ”
วันนี้ตั้งแต่เช้า หลังจากที่เจียงหลีได้เล่าวิธีการที่จะไปจากที่นี่ให้นางฟัง ในใจนางก็สับสน แต่ก็ไม่ได้ไม่พอใจ
แต่ปฏิกิริยาของลู่เสวียน กลับทำให้นางสะเทือนใจ
“เชอะ เช่นนั้นก็ขอบคุณที่ไม่แต่ง” ลู่เสวียนกัดฟันยิ้มเยาะ
“เจ้า!” เหวินเหรินชิ่งชิ่งโกรธมากจนเกือบจะหยิบมีดมาแทงเขา
“พอได้แล้ว!” เจียงหลีรีบเข้ามาตรงกลาง เพื่อแยกพวกเขาที่เกือบจะตีกันออก นางปวดหัวมาก ทั้งสองคนเข้ากันไม่ได้จริงๆ เจอกันทีไรก็ต้องทะเลาะกัน
“เชอะ!” ลู่เสวียนสีหน้าเย็นชา ถกแขนเสื้อแล้วเมินหน้าหนี
เหวินเหรินชิ่งชิ่งก็ส่งเสียงแสดงความไม่พอใจ แล้วนั่งลงอีกฝั่ง
“นี่เป็นเพียงแค่ข้ออ้างเท่านั้น รอให้กลับไปถึงราชวงศ์จยาเซียน ไม่ได้จะจัดงานแต่งให้พวกเจ้าจริงๆ หลังจากนั้นก็บอกปัดไปว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะได้ฤกษ์มงคลก็ได้แล้ว ถึงอย่างไรก็ห่างไกลกันมาก แล้วในเป่ยโหรวก็มีตระกูลไป๋เซี่ยงที่ขัดแย้งกันอยู่ ฮ่องเต้แห่งเป่ยโหรวไม่มีความคิดที่จะมาสนใจว่าพวกเจ้าแต่งงานกันรึยังหรอก” เจียงหลีถอนหายใจแล้วอธิบาย
“เช่นนั้นก็ไม่ได้” ลู่เสวียนไม่สบอารมณ์ พูดด้วยความโกรธเคือง
เหวินเหรินชิ่งชิ่งตาแดงแล้วมองเขา ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะโกรธจนจะร้องไห้หรือเปล่า
“ไม่ได้ก็ต้องได้” เจียงหลีพูดอย่างแข็งกร้าว
ลู่เสวียนมองเจียงหลีด้วยความกล้ำกลืน กำลังจะพูด แต่กลับโดนนางจ้องมองมา
“ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับความรู้สึกของพวกเจ้า หลังจากที่กลับไปราชวงศ์จยาเซียนแล้ว ข้าจะส่งพวกเจ้าไปฝึกฝนที่ซีฮวง” เจียงหลีคลึงตรงขมับที่บวม พูดอย่างเย็นชา
“ไปซีฮวง! เจ้าเป็นใครกันแน่” เหวินเหรินชิ่งชิ่งมองมาด้วยความแปลกใจ
เจียงหลีพูด “ข้าเป็นใคร รอเจ้าไปถึงราชวงศ์จยาเซียนก็รู้แล้ว ข้าถามเจ้าแค่นี้ว่าเจ้าอยากไปหรือไม่”
“อยาก!” เหวินเหรินชิ่งชิ่งพูดอย่างไม่ต้องคิด
“เช่นนั้นก็พอแล้ว” เจียงหลีมองลู่เสวียน เห็นเขาสีหน้ากลุ้มใจ ก็ขี้เกียจที่จะพูดดีกับเขา เลยออกคำสั่งไปเลยว่า “อีกประเดี๋ยว เจ้าก็ไปพบฮ่องเต้แห่งเป่ยโหรว บอกเขาเรื่องที่เจ้าอยากจะแต่งงานกับองค์หญิงเหวินเหรินชิ่งชิ่ง แล้วก็เจ้าวางแผนเดินทางกลับแล้ว”
“หา” ลู่เสวียนมองนางด้วยสีหน้าสิ้นหวัง
และหลังจากที่เหวินเหรินชิ่งชิ่งได้ฟังคำพูดนี้ แก้มทั้งสองข้างอยู่ๆ ก็ร้อนผ่าวขึ้นมา