ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 380 หรงจิ่ง เจ้าช่างโหดเหี้ยม!
ในตอนที่เจียงหลีกลับจากสถาบันไป๋หยวนแล้วมาถึงตำหนักหวงจี๋ ลู่จ้าน อวี้ซูและเหล่าแม่ทัพขุนนางก็ได้รออยู่ก่อนแล้ว
เจียงหลีที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรได้อ่านจดหมายลับจบแล้ว แววตาที่สดใสกวาดมองไปทั่วตำหนัก นางค่อยๆ ยกมือที่ถือจดหมายขึ้นมา แล้วโบกเบาๆ “บนจดหมายลับของคุณชายจิ่งเขียนไว้ว่าตระกูลไป๋เซี่ยงยั่วยุตระกูลขุนนางมากมายให้ต่อต้านราชวงศ์ ในที่สุดตระกูลขุนนางแต่ละตระกูลก็ได้ล่มสลาย ราชวงศ์ได้รับชัยชนะ”
นึกไม่ถึงว่าเกิดเรื่องใหญ่ในราชวงศ์เป่ยโหรวจะเฉกเช่นนี้
มีคนก้าวออกมาแล้วเอ่ยถามว่า “ฝ่าบาท นี่เป็นเพราะคุณชายจิ่งเสนอแผนการให้กับฮ่องเต้แห่งเป่ยโหรว ถึงได้รับชัยชนะใช่หรือไม่ขอรับ”
เจียงหลีพยักหน้า
เป็นธรรมดาที่นางจะยกความดีความชอบให้กับหรงจิ่ง
“ฮ่าๆๆ! สมกับที่เป็นคุณชายอันดับในใต้หล้าจริงๆ แค่คุณชายจิ่งเดินหมากก็สามารถปั่นคนกลุ่มนี้ของเป่ยโหรวได้อย่างง่ายดาย”
“ไม่เลวๆ! ศึกครั้งใหญ่ภายในแบบนี้ แน่นอนว่าทำให้เป่ยโหรวสูญเสียไปไม่น้อย”
“เดาได้เลยว่าสถานการณ์ในเป่ยโหรวตอนนี้ต้องวุ่นวายมากอย่างแน่นอนและต้องตกอยู่ในสถานการณ์ขับคัน ถึงแม้ตระกูลขุนนางจะล่มสลายไปแล้ว แต่ว่าราชวงศ์ต้องการที่จะกำจัดพวกคนชั่ว แน่นอนว่าต้องใช้เวลาไม่น้อย”
“กลัวว่าตอนนี้ฮ่องเต้แห่งเป่ยโหรวคงเงอะงะ ทำอะไรไม่ถูกไปแล้วกระมัง! ฮ่าๆๆๆ”
“ไม่หรอก! ข้าดูแล้วตอนนี้เขาคงกำลังหลงระเริงได้ใจ คิดว่ากำจัดเสียงต่อต้านไปได้แล้วก็มาบุกโจมตีราชวงศ์จยาเซียนของพวกเราก็สามารถรวบรวมหนานฮวงเป็นหนึ่งเดียว กลายเป็นจักรพรรดิแห่งหนานฮวงเพียงผู้เดียวตลอดกาล”
“ฮ่าๆๆ ความเพ้อฝันของเขาไม่เลวเลยนี่! กลัวว่าในตอนที่ตื่นจากฝันแล้วจะยอมรับไม่ไหว เมื่อทหารของเราใกล้จะไปถึงเมืองแล้วบุกโจมตีคงตายอยู่บนกำแพงเมือง!”
“ฮ่าๆๆๆๆ”
“…”
เจียงหลีนั่งอยู่บนบัลลังก์อย่างเกียจคร้าน หรี่ตาทั้งสองข้างลง ดูเหมือนกำลังงีบหลับ มุมปากที่ยกขึ้นแสดงให้เห็นได้ชัดว่าตอนนี้นางอารมณ์ดี
รอให้ทุกคนพูดคุยกันสักพัก นางถึงถามขึ้นมาว่า “ครึ่งปีมานี้ ข่าวคราวเหล่านั้นที่ส่งกลับไปยังเป่ยโหรวล่ะ”
ครึ่งปีก่อน ในขบวนส่งเจ้าสาวเหล่านั้นที่มาถึงราชวงศ์จยาเซียนกับเหวินเหรินชิ่งชิ่งมีสายสืบของฮ่องเต้แห่งเป่ยโหรวไม่น้อย พอพวกเขามาถึงซั่งตูแล้วยังไม่ทันได้พักหายใจหายคอก็ถูกอันเชิญเข้าคุกไป
หลังจากที่สอบปากคำเรื่องวิธีการติดต่อสื่อสารชัดเจนแล้ว ข่าวคราวจากราชวงศ์จยาเซียนที่ส่งกลับไปยังเป่ยโหรวล้วนแต่ให้ผู้ที่มีฝีมือด้านการเขียนกุเรื่องขึ้นมา
“ฝ่าบาทวางใจได้ ข่าวคราวที่ฮ่องเต้แห่งเป่ยโหรวได้รับทางนั้นก็คือท่านและหยวนหวังกำลังต่อสู่กันอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจบพ่ะย่ะค่ะ” คนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ รีบก้าวออกมาแล้วรายงานเจียงหลี
เจียงหลีพยักหน้าแล้วยิ้มกว้างมากขึ้น “กองทัพล่ะ”
ลู่จ้านตอบกลับว่า “ระยะเวลาครึ่งปีมานี้ กองทัพแต่ละทางได้มุ่งไปยังเป่ยโหรวเพื่อรวมพลอย่างเงียบๆ ตอนนี้ในชายแดนที่ติดกันมีกองกำลังซ่อนตัวอยู่นับล้านคน”
“ดี!” ทันใดนั้นเจียงหลีก็ลืมตาขึ้นมา ตบที่ๆ พนักแขนของบัลลังก์มังกรแล้วยืนขึ้น แววตาที่สดใสของนางมองไปยังผู้คนที่กำลังอมยิ้มอย่างช้าๆ แล้วพูดเสียงดังว่า “ทุกท่าน ในจดหมายของคุณชายจิ่งได้เขียนวันบุกโจมตีไว้ชัดเจนแล้ว พวกเจ้ารีบไปเตรียมการทั้งหมด ร่วมมือกันอย่างเต็มที่ ศึกครั้งนี้จะต้องเป็นศึกที่ข้า จักรพรรดินีแห่งจยาเซียนรวบรวมหนานฮวงเป็นหนึ่งเดียว ชื่อของพวกเจ้าทุกคนจะถูกบันทึกลงหน้าประวัติศาสตร์ตลอดไป! รอให้ข้ารวมแผ่นดินหนานฮวงเป็นหนึ่งได้เมื่อไหร่ ข้าจะตบรางวัลให้ตามหน้าที่ไม่มีทางเอาเปรียบพวกเจ้า”
“ยินดียิ่งที่จะเป็นม้ารับใช้ของฝ่าบาท น้อมรับคำสั่งของฝ่าบาท และจะสู้เพื่อฝ่าบาทจนตัวตาย!”
“ยินดียิ่งที่จะเป็นม้ารับใช้ของฝ่าบาท น้อมรับคำสั่งของฝ่าบาท และจะสู้เพื่อฝ่าบาทจนตัวตาย!”
“…”
เหล่าขุนนางนับร้อยในท้อวพระโรงต่างพากันตั้งแถวโค้งตัวลงถวายบังคมจักรพรรดินีของพวกเขา ใครบอกว่าหญิงสู้ชายไม่ได้กันเล่า
จักรพรรดินีของพวกเขา จักรพรรดินีสาวน้อย ทำแต่ละเรื่องเพื่อพิสูจน์ให้ผู้คนเห็นแล้วว่านางครองบัลลังก์ได้ดีเกินกว่าผู้ใดจะเทียบได้!
ปีหนานฮวง ฤดูใบไม้ร่วง จักรพรรดินีแห่งจยาเซียนครองราชย์ได้สามปี
ราชวงศ์จยาเซียนได้บุกโจมตีแคว้นเป่ยโหรวอย่างกะทันหัน เล่ากันว่าวันที่ยกทัพทหารไปบุก ชายแดนสองแคว้นจู่ๆ ก็มีกองกำลังที่แข็งแกร่งนับล้านคนของราชวงศ์จยาเซียนปรากฏขึ้น แคว้นเสวี่ยหมิงและแคว้นเสวี่ยเทียนที่เดิมยอมจำนนต่อเป่ยโหรวทันใดนั้นก็ย้ายข้างยอมสวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์จยาเซียน แล้วยังทำตามจดหมายที่หรงจิ่งเขียนเองกับมือ
ชั่วประเดี๋ยวเดียว กองกำลังทหารของราชวงศ์จยาเซียนก็รวมเข้ากับกองกำลังทหารของแคว้นเสวี่ยเทียนและแคว้นเสวี่ยหมิงบุกโจมตีไปถึงประตูเมืองแคว้นเป่ยโหรวอย่างไม่หยุดยั้ง
ที่แปลกก็คือไม่ว่ากองกำลังทหารของราชวงศ์จยาเซียนจะไปที่ใดในเป่ยโหรวก็ล้วนแต่มีคนเปิดประตูเมืองให้แล้วยอมจำนนไม่ต่อสู้
ไม่มีใครรู้เส้นทางในการบุกโจมตีครั้งนี้ล้วนแต่ถูกเรียกว่าแผนการของหรงจิ่งคุณชายอันดับหนึ่งในใต้หล้า ทหารที่เฝ้าประตูเมืองตลอดเส้นทางที่ผ่านมาล้วนแต่ถูกเข้าซื้อตัวไว้หรือไม่ก็ฆ่าทิ้งซะ
ในความเป็นจริงที่กองกำลังทหารของราชวงศ์จยาเซียนบุกโจมตี เจียงหลีนำทัพของเซียวเซียวทั้งสิบหกคนแล้วก็ทัพหน้าลัดเข้าป่ามาตามแผนของหรงจิ่งและก็ตรงมาถึงชิ่งตู
ถึงขั้นตอนที่นางมาถึงชิ่งตูแล้ว ข่าวคราวเรื่องศึกที่ชายแดนยังไปไม่ถึงในพระราชวัง
ส่วนในพระราชวังเป่ยโหรว กำลังจัดงานเลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่อยู่ เพื่อฉลองให้กับเป่ยเหมินเวยที่ในที่สุดก็กำจัดพวกตระกูลขุนนางที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ไปได้
แม้ว่าศึกครั้งนี้เขาก็สูญเสียไปไม่น้อย แต่เขากลับยังคงรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก!
ในพระราชวังมีราชนิกุลนั่งอยู่กันเต็มไปหมด ไม่เพียงแต่เป่ยเหมินเวยที่อยู่ตรงนั้น เป่ยเหมิน
เจวี๋ยก็อยู่ ทั้งผู้ใหญ่ทั้งเด็กแล้วยังมีตระกูลอื่นๆ ที่พึ่งพาอำนาจของราชวงศ์ ขุนนางนับร้อยและครอบครัว ล้วนแต่เข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้
หรงจิ่งก็อยู่ในนั้นด้วย
“ฮ่าๆ! ทุกท่าน วันนี้พวกเรามารวมตัวอยู่ด้วยกัน ฉลองที่เหล่าผู้นำของตระกูลขุนนางไป๋เซี่ยงถูกประหารชีวิต ทุกคนต้องกินให้เต็มที่ ดื่มให้เต็มที่!” เป่ยเหมินเวยดีใจเป็นอย่างมาก
ราวกับว่าก้อนหินที่กดทับอยู่ในใจถูกยกออกไปอย่างไรอย่างนั้น
เสียงของผู้คนที่สรรเสริญเยินยอ ยิ่งทำให้เขาได้ใจ ราวกับว่าการรวมดินแดนใต้หนานฮวงเป็นหนึ่งก็อยู่แค่ตรงหน้านี้นี่เอง
“คุณชายจิ่ง ดื่มกับข้าสักจอก เจ้าถือเป็นคนนำโชคให้เป่ยโหรวของข้า นับตั้งแต่เจ้ามาถึงเป่ยโหรว ก็จัดการเรื่องราวกวนใจมากมายให้กับข้า ยิ่งทำให้ข้ารู้สึกว่าทุกๆ เรื่องมันช่างราบรื่น” เป่ยเหมินเวยยกจอกเหล้าขึ้น แล้วชนกับหรงจิ่งๆ อยู่ไกลๆ
หรงจิ่งยิ้มเล็กน้อย ไม่ทำตัวต่ำต้อยหรืออวดดีเกินไปแล้วดื่มเหล้าในจอกเข้าปาก
ท่าทางที่ไม่เหมือนคนอื่น ไม่สนใจลาภยศชื่อเสียง ยิ่งทำให้เป่ยเหมินเวยชอบใจยิ่งนัก เขาพูดกับผู้คนอีกว่า “มาๆๆ ทุกคนมาดื่มให้กับคุณชายจิ่งสักจอก งานเลี้ยงวันนี้ก็เป็นความคิดของเขา”
“แด่คุณชายจิ่งงง!”
ผู้คนต่างลุกขึ้นยืนโดยพร้อมเพรียงกัน แล้วดื่มให้แก่คุณชายจิ่ง
แม้แต่เป่ยเหมินเจวี๋ยก็ดื่มให้กับหรงจิ่ง “คุณชายจิ่ง เมื่อก่อนข้าคงสงสัยมากไปหน่อย ถ้าหากมีอะไรที่ข้าทำผิดไปก็ต้องขออภัยด้วย”
“ท่านเกรงใจเกินไปแล้ว” หรงจิ่งยิ้มเล็กน้อย แล้วดื่มเหล้าอีกครั้ง
เป่ยเหมินเวยมองภาพเหตุการณ์นี้อย่างปลื้มใจ ทั้งสองคนเป็นผู้ช่วยของเขาทั้งคู่ สามัคคีกันได้ ก็ถือเป็นเรื่องดี
หรงจิ่งดื่มเหล้าอย่างสงบ ปากอมยิ้มอยู่ตลอด ดวงตาที่แวววาวคู่นั้นของเขา จ้องมองผู้คนในวังอย่างสงบนิ่ง
ในวังเป่ยโหรว ผู้มีอำนาจทุกคนที่สำคัญที่สุดก็อยู่ที่นี่กันหมดแล้ว
เพล้ง!
เสียงดังกังวานคือเสียงจอกหล่นแตก
ต่อมา จอกจำนวนมากตกลงพื้น เสียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่ตามมาติดๆ ก็คือเสียงร้องโหยหวนที่มากขึ้นเรื่อยๆ
ได้ยินเสียงเหล่านี้ หรงจิ่งไม่รู้สึกสะทกสะท้าน ค่อยๆ ยกจอกเหล้าที่อยู่ในมือขึ้นมาดื่ม
“ในเหล้ามีพิษ!” เป่ยเหมินเวยล้มลงกับโต๊ะแล้วมองไปยังทางหรงจิ่งโดยสัญชาตญาณ
เขาคิดว่าหรงจิ่งเป็นคนวางยาแต่ว่ากลับเห็นภาพเหล้าในจอกที่ถืออยู่ในมือหรงจิ่งลดลงและมีเลือดสีดำไหลออกมาจากมุมปากของเขา
……………………..