ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 381 คุณชายอันดับหนึ่งในใต้หล้า
ไม่ใช่เขาหรอกรึ!
เป่ยเหมินเวยหรี่ตาลงแต่ทว่าความรู้สึกเจ็บปวดที่ท้องเกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วทำให้เขาไม่มีทางที่จะคิดพิจารณาอะไรได้
“อ้ากกก!”
“เจ็บเหลือเกิน!”
“เจ็บเหลือเกินนน!”
“…”
ในพระราชวัง เสียงร้องโหยหวนที่เกิดจากความเจ็บปวดดังขึ้นมากมาย งานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ได้กลายเป็นงานเลี้ยงแห่งความตายไปอย่างไม่รู้ตัว เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีคนอยากจะออกจากวังไปขอความช่วยเหลือ แต่กลับค้นพบว่าประตูวังใหญ่ถูกปิดสนิท
ใครกันนะ
ที่ขังพวกเขาไว้ที่นี่ เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ กลับไม่มีใครมาช่วยสักคน
เป่ยเหมินเวยตกลงมาจากบัลลังก์มังกรแล้วกลิ้งลงมาจากบันได
“ฝ่าบาท!”
“เสด็จพี่!” เป่ยเหมินเจวี๋ยอยากจะไปประคองเขาแต่ตัวเองก็จนปัญญา เพราะก็เจ็บปวดจนสั่นไปทั้งตัว เขารู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณของตัวเองหายไปก็เพราะเหตุนี้
เขาในตอนนี้อ่อนแอเหมือนกับคนที่ใกล้จะตาย อืม ตอนนี้เขาก็คือคนใกล้จะตายจริงๆ
ไม่ใช่แค่เขา ทุกคนในวังก็กำลังเข้าใกล้กับความตาย
เวลาผ่านไปครู่เดียว ก็ได้มีคนตายในงานเลี้ยง
“ใครกัน ใครกันที่เป็นคนวางยาในเหล้า!” เป่ยเหมินเวยล้มลงกับพื้น ตะโกนด้วยน้ำเสียงดุดัน
ในงานเลี้ยง มีอาหารมากมายหลายอย่าง แต่ที่ทุกคนดื่มเข้าไปมีเพียงแค่เหล้า
“ในเหล้าไม่มีพิษ” เสียงที่ไพเราะและสงบนิ่งก็ดังขึ้นมา
คนในวังที่ยังคงสติไว้ได้ ต่างพากันมองไปทางเสียงนั้น พวกเขาเห็นเพียงหรงจิ่งที่สวมใส่ชุดสีขาวค่อยๆ ลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง
เขาในตอนนี้สีหน้าซีดเซียวสีหน้าที่ไม่สู้ดีนักหลังจากโดนพิษ ริมฝีปากซีดและเลือดสีดำก็ไหลออกมาไม่หยุด
“คุณชายจิ่ง…คุณชายจิ่ง…เจ้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นใช่หรือไม่ เจ้าสามารถช่วยพวกเราได้ใช่หรือไม่” เป่ยเหมินเวยเหมือนเห็นว่าเขากำฟางข้าวที่ไว้ช่วยชีวิตอยู่
หรงจิ่งยิ้มอย่างเยือกเย็น “เกิดอะไรขึ้น ข้ารู้ดี แต่ว่าช่วยชีวิต…ฝ่าบาท อภัยให้ข้าด้วยที่ข้าไม่สามารถช่วยได้”
“คือเจ้า! คือเจ้าที่เป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมด! เจ้าอยากให้พวกเราตายเพราะยาพิษ” ทันใดนั้นเป่ยเหมินเจวี๋ยก็เข้าใจแล้วแล้วถามหรงจิ่งด้วยน้ำเสียงดุดัน
รอยยิ้มของหรงจิ่งยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีความร้อนรนเลยสักนิด เขามองผู้คนแล้วถามขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “ทุกท่าน น้ำพุเหมันต์จากภูเขาที่คุณชายอันดับหนึ่งในใต้หล้าชื่นชอบรสชาติดีหรือไม่”
น้ำพุเหมันต์!
น้ำพุเหมันต์!
ผู้คนต่างตกตะลึง
สายตาทุกคู่จ้องมองไปยังหรงจิ่ง
หรงจิ่งกลับหยุดลงอยู่ข้างๆ เป่ยเหมินเวย ก้มหน้ามองเขาแล้วถามด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ฝ่าบาท น้ำพุเหมันต์รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง”
“เจ้าใส่อะไรลงไปในน้ำพุเหมันต์!” เป่ยเหมินเวยสีหน้าไม่สู้ดี แววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
หรงจิ่งอมยิ้มแล้วพยักหน้า “ในน้ำพุเหมันต์ไม่มีพิษ ที่ราชวงศ์ใช้ทุกวันล้วนแต่ต้องตรวจสอบให้ละเอียด ถ้าหากมีพิษก็คงรนหาที่ตายเองไม่ใช่รึ”
“เจ้า…เจ้าทำได้อย่างไรกัน!” จงเจิ้งก็ถามขึ้นมาด้วยความโกรธแค้น
“เช่นนั้นข้าจะอธิบายให้ทุกท่านฟังก็แล้วกัน” หรงจิ่งที่ร่างสูงใหญ่ยืนอยู่กลางพระราชวังอย่างสง่างาม รอบๆ ตัวเขาได้กลายเป็นเหมือนขุมนรกที่ลึกที่สุด “หรงจิ่งได้แบกรับความรับผิดชอบความผิดของตระกูลแล้วมาพึ่งใบบุญเป่ยโหรว เสนอแผนการช่วยเหลือเป่ยโหรวให้ได้แคว้นเสวี่ยหมิงและแคว้นเสวี่ยนเทียนมาโดยที่ไม่เสียทหารแม้แต่คนเดียว ฮ่องเต้แห่งเป่ยโหรวดีใจมาก แล้วก็ปฏิบัติต่อเขาอย่างกับผู้ที่มีความสามารถที่สุดในแคว้น แล้วก็ไปหาเขาทุกวัน และค้นพบว่าหรงจิ่งชอบเอาน้ำพุเหมันต์มาชงชา ภายใต้ความแปลกใจ จึงได้ลองชิมดูแก้วหนึ่งและรู้สึกชอบมาก ตั้งแต่นั้นมาก็ได้ใช้น้ำพุเหมันต์มาชงชา คุณชายจิ่งมีชื่อเสียงทั่วใต้หล้า ก็เป็นธรรมดาที่เหล่าคนตระกูลสูงศักดิ์จะยกยอปอปั้นความชื่นชอบของเขา แล้วทำตาม โดยเฉพาะเป็นการยกย่องของฝ่าบาท น้ำพุเหมันต์ก็อยู่ที่เป่ยโหรว เป็นของเป่ยโหรว ใครจะไปคิดระแวงกันเล่า แต่กลับไม่รู้ว่าน้ำพุเหมันต์มีฤทธิ์เย็น ถ้าใช้กินดื่มไปนานๆ จะทำให้ร่างกายเกิดพิษเย็น เดิมทีพิษเย็นก็จะไม่กำเริบ แต่วันนี้ในงานเลี้ยง ฝ่าบาทได้มอบเหล้าของฝ่าบาทให้ดื่มเป็นหลัก ในเหล้านั้นมีส่วนผสมที่มีฤทธิ์ร้อน ฤทธิ์เย็นและฤทธิ์ร้อนปะทะกัน พิษทั้งสองออกฤทธิ์พร้อมกันและไม่มียาใดรักษาได้”
หลังจากที่ผู้คนในวังได้ฟังที่หรงจิ่งพูด ในหัวก็พลันว่างเปล่า พวกเขาตกใจ ตกใจกับความคิดที่ละเอียดรอบคอบของคุณชายจิ่ง นึกไม่ถึงว่าเขาได้เริ่มแผนการทีละขั้นๆ ตั้งแต่แรก ทุกๆ การกระทำของเขา ก็ล้วนแต่วางแผนไว้เพื่อวันนี้
“เหล้า…เหล้านี้เจ้าเป็นเสนอเอง!” เป่ยเหมินเวยโกรธมากจนเลือดขึ้นหน้า
“ใช่แล้ว งานเรื่องที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ แน่นอนว่าต้องใช้เหล้าขึ้นชื่อของเป่ยโหรว” หรงจิ่งยิ้มอย่างเย็นชา เขามองเป่ยเหมินเวย แล้วพูดอย่างช้าๆ ว่า “ฝ่าบาท คำพูดนี้ท่านเป็นคนพูดใช่หรือไม่”
“เจ้า!” เป่ยเหมินเวยโกรธจนพูดไม่ออก
ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้หรงจิ่งพูดกับเขาแบบนี้ เขาก็ไม่คิดว่าคำพูดนี้จะมีอะไรผิดก็เลยตอบ…ตกลงไป
แต่ ใครจะไปคิดว่านี่คือแผนการของหรงจิ่งล่ะ
เป่ยเหมินเวยอยากจะฆ่าหรงจิ่ง แต่กลับขยับไม่ได้
“เจ้าเองก็ถูกพิษเหมือนกัน! เพื่อหลอกให้ข้าเชื่อใจ เจ้าเองก็ดื่มน้ำพุเหมันต์และดื่มเหล้าเข้าไปเช่นกัน เจ้าทำไปเพื่ออะไร เจ้าทำเยี่ยงนี้มีประโยชน์อะไร” เป่ยเหมิยเจวี๋ยถามด้วยความโกรธแค้น
…
เจียงหลีนำกำลังคนมาถึงพระราชวังเป่ยโหรวอีกครั้ง
เพียงแต่ กลับไม่เจอทหารเฝ้าประตู เห็นเพียงแค่ชายคนหนึ่งที่สวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูที่เปิดออก เหมือนว่ากำลังรอนางอยู่
“เจ้าเป็นใคร” เจียงหลีถามเขาอย่างละเอียด ไม่เคยเจอคนๆ นี้มาก่อน
อาเฉวียนทำความเคารพเจียงหลี “ฝ่าบาท ข้าคือคนรับใช้ของคุณชายจิ่ง คุณชายจิ่งสั่งให้ข้ามารอพระองค์อยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วหรงจิ่งล่ะ” เจียงหลีถาม
“เชิญฝ่าบาทตามข้ามาเถิดพ่ะย่ะค่ะ” อาเฉวียนหันตัว แล้วเดินนำทางไป
เจียงหลีนำคนแล้วตามไป ระหว่างทางกลับค้นพบว่าองครักษ์ในพระราชวังไม่มีเลย จึงถามอาเฉวียน เขากลับตอบกลับมาแค่ประโยคเดียว “ระยะเวลาที่คุณชายอยู่ที่นี่ ไม่ได้อยู่โดยเสียเปล่า”
…
“เจ้าก็ถูกพิษเหมือนกัน เจ้าทำไปเพื่ออะไร เจ้าต้องตายไปพร้อมกับพวกรา มีประโยชน์อะไรกับเจ้า” เป่ยเหมินเจวี๋ยถามด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น
เขาแพ้แล้ว! แพ้ด้วยน้ำมือของคุณชายอันดับหนึ่งในใต้หล้าคนนี้ แต่ว่าเขาจะตายก็ต้องตายแบบรู้เรื่อง!
ปัง!
ในตอนที่เขาพูดจบ ประตูใหญ่ที่ถูกปิดสนิทก็ถูกระเบิดออก
คนที่ยังไม่ตายล้วนแต่มองออกไปนอกประตูด้วยความตื่นเต้น คิดว่าในที่สุดก็มีโอกาสรอดชีวิต แต่ว่าในตอนที่เห็นกองกำลังทหารแปลกหน้ากลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้น แววตาของพวกเขาก็ปรากฏความสิ้นหวังออกมาอีกครั้ง
“คือ…จักรพรรดินีแห่งจยาเซียน!” จงเจิ้งที่เคยไปราชวงศ์จยาเซียนมาแล้ว แค่มองแวบเดียวก็รู้ว่าคนที่ยืนอยู่หน้าสุดคือเจียงหลี
จักรพรรดินีแห่งจยาเซียน!
เป่ยเหมินเวยและเป่ยเหมินเจวี๋ยที่ล้มลงกับพื้นต่างมองไปทางสาวน้อยที่ปรากฏตัวอยู่ตรงประตูด้วยความตะลึง จักรพรรดินีแห่งจยาเซียนมาปรากฏตัวอยู่ในวังของเขาได้อย่างไร
“หรงจิ่ง!” เจียงหลีไม่ได้มองใครในวังเลยมองแค่หรงจิ่งคนเดียว
หรงจิ่งยิ้มอย่างสง่างาม เมื่อเห็นเจียงหลีปรากฏตัวขึ้น ดวงตาที่สดใสของเขาก็ได้เปลี่ยนเป็นสายตาที่อ่อนโยนและรักใคร่ “เจ้ามาแล้ว”
เขายังคงเยือกเย็นเหมือนเคย
เพียงแต่ หลังจากที่เขาได้ทักทายกับเจียงหลีก็หันกลับไปมองเป่ยเหมินเจวี๋ย แล้วตอบคำถามของเขาว่า “ถ้าหากข้าไม่กินเหมือนกับพวกเจ้า แล้วจะทำให้พวกเจ้าเชื่ออย่างไม่สงสัยได้อย่างไร ส่วนทำไปเพื่ออะไร พวกเจ้าไม่เข้าใจหรอก ผลประโยชน์น่ะหรือ…”
เขาหันไปมองเจียงหลีอีกครั้ง “เรื่องราวบนโลกใบนี้ ทำไมจะต้องคิดถึงแต่ผลประโยชน์มันเสียทุกเรื่องด้วยล่ะ”
………………………