ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 398 ปล่อยเจ้าเปี๊ยกของข้า
ใบหน้าน่ารักน่าชังของเจ้าเปี๊ยกขมวดคิ้วมุ่น
ใบหน้าของสองคนนั้น คนหนึ่งอ้วนคนหนึ่งผอมแต่กลับทำให้น่ารังเกียจเช่นเดียวกันก็เพราะว่า…มันน่าเกลียดมาก!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ทำหน้าตากวนนั้น…น่ารังเกียจมาก
“โอ้โห ช่างเหมือนลูกชิ้นเสียจริง จับมันขึ้นมาเอาไปเอาอกเอาใจศิษย์พี่น้องหญิงเล่น” คนที่มีใบหน้าอวบอ้วนเผยให้เห็นสีหน้าน่าอนาถ
ปากบอกว่าเป็นการเอาใจศิษย์พี่ศิษย์น้องสาวๆ แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังการทำเช่นนี้นี้มีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงกันเล่า
“ถูกต้อง! สาวๆ ชอบเจ้าขนฟูเช่นนี้เป็นธรรมดา ถ้าจับมันกลับไป ไม่แน่อาจจะได้รับรอยยิ้มจากสาวงามก็ได้” ชายร่างผอมพูดพร้อมยื่นมือออกไปแล้วจับเจ้าเปี๊ยกไป
แสงเย็นสีฟ้าจาง ๆ สามดวงกะพริบวูบไหว
“อ๊ะ” ชายร่างผอมส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดชักมือหดกลับราวกับถูกกระแสไฟ เขากุมมือที่สั่นเทาด้วยมืออีกข้างหนึ่งและที่หลังมือของเขายังมีบาดแผลที่ลึกถึงกระดูกอีกสามแผล เลือดก็ทำให้มือของเขาเปื้อนสีแดงทันที ใบหน้าของเขาเป็นสีเขียวจ้องด้วยแววตาที่ดุร้ายแล้วเอ่ยขึ้น “ไอ้เดรัจฉานนี่สมควรตาย!”
ดวงตาของเจ้าเปี๊ยกเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง ถ้ามันไม่ได้เพิ่งเกิดมาไม่นาน เมื่อครู่นี้มันอาจจะเอาชีวิตผู้ชายคนนั้นไปแล้ว!
“อ๊ากก! ศิษย์พี่ มือของเจ้า!” ชายร่างท้วมร้องด้วยความตกใจ ใบหน้าอ้วนมองไปที่เจ้าเปี๊ยกอย่างดุร้ายและมีคลื่นพลังวิญญาณเคลื่อนไหวอยู่ข้างหลังเขา “เดรัจฉานน้อย ในเมื่อเจ้ากล้าทำร้ายคน ข้าก็จะสับอุ้งเท้าของเจ้า!”
ขนบนกระดูกสันหลังของเจ้าเปี๊ยกลุกขึ้นและมันก็ส่งเสียงคำรามแหบพร่าออกมาจากลำคอ
“พวกเจ้ากำลังทำอะไร”
ในขณะที่การต่อสู้กำลังจะเกิดขึ้น ทันใดนั้นก็มีเสียงดังแทรกขึ้นมา
การปรากฏตัวของเสียงนี้ทำให้หูแหลมของเจ้าเปี๊ยกกระดิกเล็กน้อย มันจำเสียงนี้ได้…แล้วก็ไม่ใช่คนดีอะไรเช่นกัน แววตาของเจ้าเปี๊ยกจมดิ่ง
มันไม่ได้สนใจว่าใครมา แต่คนอ้วนผอมทั้งสองคนเปลี่ยนสีหน้าหลังจากได้ยินเสียงของคนๆ นี้
ชายร่างผอมแสดงสีหน้าเย็นชา ส่วนชายร่างท้วมก็ถอนพลังวิญญาณของเขาออกไป ทั้งสองหันกลับมาและในเวลาเดียวกันก็ทักทายคนที่มาจากความมืด “ศิษย์พี่หัน”
คนที่มาเป็นหันอวี้พอดี
เขาไพล่มือแล้วค่อยๆ ย่างก้าวออกมาจากเงามืดด้วยสีหน้าเรียบนิ่งและเชิดคางอย่างเย่อหยิ่ง “อืม ดึกขนาดนี้ พวกเจ้าออกมาเพ่นพ่านข้างนอกทำไม”
“ศิษย์พี่โปรดอย่าเข้าใจผิด พวกเรากำลังกลับห้องพอดี เพียงแต่จู่ๆ เจอเจ้าเดรัจฉานน้อยตัวนี้ถึงได้ล่าช้า” ชายร่างผอมรีบเอ่ยขึ้น
ชายร่างอ้วนรีบพูดต่อ “ใช่! พี่หัน เจ้าเดรัจฉานน้อยตัวนี้ดูไม่เป็นอันตราย แต่มันดุร้ายมาก ศิษย์พี่เห็นไหมว่ามันกัดมือศิษย์พี่เถียนจนกลายเป็นเช่นนี้แล้ว” หลังจากพูดจบเขาก็ไม่ลืมที่จะดึงมือที่ได้รับบาดเจ็บของชายร่างผอมเขายื่นให้หันอวี้
น่าเสียดายที่หันอวี้ไม่ได้มองมันเลย แต่กลับมองไปที่เจ้าเปี๊ยกที่หล่นลงพื้นแทน
“เอ๋ นี่มันสัตว์เลี้ยงของธิดาสวรรค์มิใช่รึ” หันอวี้เผยสีหน้าระรื่น
เขามักเห็นเจียงหลีและเดรัจฉานน้อยอยู่กันไม่ยอมแยกห่าง เดรัจฉานน้อยปรากฏตัวที่นี่และเจียงหลีก็ต้องอยู่ใกล้ละแวกนี้ด้วยเช่นกัน
ตั้งแต่กลับมาถึงสำนักพรตเสวียนเทียน เขายังไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสกับธิดาสวรรค์นี้ที่ทำให้เขาใจสั่น
ถ้าเจียงหลีอยู่ใกล้ๆ เขาก็จะสามารถมองเห็นความงามที่ไม่มีใครเทียบได้อีกใช่หรือไม่
หาก…เดรัจฉานน้อยออกมาเอง เขายังสามารถใช้โอกาสนี้ส่งเดรัจฉานน้อยคืนเจียงหลี นี่คือสวรรค์ประธานพรชัดๆ! บางทีอาจได้หัวใจจากคนงามก็เป็นได้
เมื่อหันอวี้คิดเสร็จสรรพก็แสดงรอยยิ้มออกมาทันทีและเดินไปหาเดรัจฉานน้อยโดยไม่สนใจคนอ้วนและผอมทั้งสอง
พวกเขาสองคนผงะไปชั่วขณะและยังคงแยกแยะประโยคของเขาว่า ‘สัตว์เลี้ยงของธิดาสวรรค์’ หมายถึงอะไร
และเจ้าเปี๊ยกจ้องมองเขาที่เข้ามาใกล้มันอย่างเย็นชา จากการแสดงออกของเขามันก็เดาได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
“เจ้าออกมาได้อย่างไร หรือว่าหาเจ้าของไม่เจอ ข้าพาเจ้าไปหานางดีหรือไม่”
ไม่ต้องการ!
“ไม่รบกวนศิษย์พี่หันแล้ว”
เมื่อเจ้าเปี๊ยกกำลังปฏิเสธในใจ เสียงของเจียงหลีก็ปรากฏขึ้นแล้ว
น้ำเสียงไพเราะเสนาะหู
หันอวี้หันหลังไปก็ได้กลิ่นหอมลอยตามลมเตะจมูกบุคคลทั้งสาม คนอ้วนและผอมเพิ่งเคยเห็นเจียงหลีเป็นครั้งแรก ภายใต้แสงจันทร์นางสวมชุดที่มีเพียงธิดาสวรรค์เท่านั้นที่สามารถสวมใส่ได้ และนางมาที่นี่อย่างสง่างามราวกับเทพเซียน ความรู้สึกใคร่นั้นเปิดเผยออกมาอย่างเป็นธรรมชาติและมีเสน่ห์
งดงามมาก!
คิดไม่ถึงว่าบนโลกมนุษย์จะมีสตรีที่งดงามเยี่ยงนี้!
ทั้งสองคนอ้วนผอมมีใบหน้าหมองหม่น มีเพียงร่างที่น่าหลงใหลของเจียงหลีเท่านั้นที่อยู่ในสายตาของพวกเขา
อาการของหันอวี้ไม่ได้ดีกว่ามากนัก แม้ว่าเขาจะไม่ได้เห็นเจียงหลีเป็นครั้งแรก แต่เขาก็ยังไม่สามารถหลีกหนีเสน่ห์ตามธรรมชาติของนางได้
‘สันดานที่แท้จริงของบุรุษเพศ’ ที่ชายทั้งสามเปิดเผยออกมาทำให้เจตนาฆ่าในสายตาของเจ้าเปี๊ยกร้ายแรงยิ่งขึ้น มันกระโดดและพุ่งตรงไปที่แขนของเจียงหลีเพื่อประกาศความเป็นเจ้าของ หญิงสาวคนนี้เป็นของเขา!
เจียงหลีก็ให้ความร่วมมือโดยการอุ้มเจ้าก้อนอวบอ้วนขนเอาไว้ ทั้งยังลูบหัวมันด้วยความรักใคร่เอ็นดู “เจ้าวิ่งเร็วเสียจริง ให้ข้าตามหายาก”
“ยังไม่ทำความเคารพธิดาสวรรค์อีก!” หันอวี้ตวาดใส่สองคนนั้นที่มองตะลึงค้างอยู่
ทั้งสองคนที่อ้วนและผอมกลับมามีสติสัมปชัญญะและกล่าวทักทายเจียงหลีด้วยความเคารพ “ข้าน้อยคารวะธิดาสวรรค์!” สตรีที่งดงามเช่นนี้คือธิดาสวรรค์ของพวกเขาหรือ
เฮ้อ!
นี่เป็นสิ่งที่ไม่อาจล่วงละเมิดได้…เว้นแต่…ทั้งสองมองหน้ากันอย่างลับๆ เว้นแต่เจียงหลีจะพ่ายแพ้ในการคัดเลือกและสูญเสียคุณสมบัติของธิดาสวรรค์ พวกเขาสามารถได้รับอนุญาตให้ทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ
“เจ้าเป็นอะไรไป” เจียงหลีไม่สนใจบุคคลทั้งสาม เพียงแต่สนใจเจ้าเปี๊ยกที่เงียบเกินไปในอ้อมกอด
เจ้าเปี๊ยกเงยหน้ามองนางด้วยแววตาใส
ดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยม่านน้ำทำให้เจียงหลีใจอ่อนยวบยาบทันที นางจึงเอ่ยถาม “น่าสงสารขนาดนี้ มีใครรังแกเจ้า”
แสงเย็นเยียบกะพริบไปทั่วดวงตาของเจ้าเปี๊ยกและหันไปมองอ้วนผอมสองคนนั้น
เจียงหลีหรี่ตาช้อนสายตามองสองคนนั้น
คนอ้วนคนผอมทั้งสองตกใจและทันใดนั้นความรู้สึกไม่ดีก็เกิดขึ้น
“พวกเจ้าแกล้งสัตว์เลี้ยงของข้ารึ” เจียงหลีพลันสีหน้าเย็นชา เสียงยังเต็มไปด้วยเสน่ห์อันสูงส่งและไม่อาจมองข้ามได้
จู่ๆ บรรยากาศโดยรอบก็แปลกประหลาดขึ้นมาแม้กระทั่งอุณหภูมิก็ลดลงทันที
หันอวี้รู้สึกมีบางอย่างผิดปกติและกำลังจะพูด แต่เห็นแสงสีม่วงและน้ำเงินกะพริบอยู่ตรงหน้าเขา
อ๊ากก!
คนอ้วนและผอมสองคนร้องออกมาพร้อมกัน แต่เสียงร้องก็หยุดลงกะทันหัน หันอวี้รีบหันไปมองและเห็นว่าคอของทั้งสองถูกแส้ยาวรัดเอาไว้ด้วยสีหน้าทุรนทุรายและดวงตาของพวกเขาก็โปนขึ้นเล็กน้อย
“ธิดาสวรรค์!” ใบหน้าของเขาก็นิ่งขรึมเล็กน้อย
วันนี้ เจียงหลีอยู่กับชิงหว่านก็ได้ข้อมูลข่าวสารมาไม่น้อย ท่าทีของหันอวี้ไม่ได้ทำให้เจียงหลีรู้สึกหวาดกลัว นางยิ้มเย้ยหยันแล้วดึงแส้ในมือ ตวาดลั่น “คุกเข่า!”
เมื่อคอถูกเหนี่ยวรั้ง คนอ้วนและผอมสองคนทำได้เพียงคุกเข่าลงกับพื้นดึงแส้ด้วยมือทั้งสองข้างเพื่อไม่ให้ตัวเองถูกรัดคอตาย
“ธิดาสวรรค์!” หันอวี้หยุดยั้งเสียงเย็น
เจียงหลีหันไปมองเขาพลางหัวเราะอย่างสนุกสนาน “แม้แต่ผู้เข้าคัดเลือกธิดาสวรรค์ ก่อนที่ผลลัพธ์จะออกมาก็ไม่ควรลบหลู่ใช่หรือไม่”
ลมหายใจของหันอวี้หยุดนิ่งเขาทำได้เพียงขมวดคิ้วและพยักหน้า
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าสองคนที่รังแกสัตว์เลี้ยงของข้าต้องลงโทษเยี่ยงไรดี” เจียงหลีย้อนถาม
หันอวี้ต้องการทำให้เจียงหลีพึงพอใจและรู้อยู่ในใจว่าการฆ่าคนเพียงไม่กี่คนในสำนักพรตเสวียนหมิงนั้นไม่เสียประโยชน์อะไร หลังจากคิดอย่างรวดเร็ว เขาก็ตัดสินใจและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ฆ่าโดยไม่ต้องปรานี”