ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 420 ยันต์ธาราทมิฬออกฤทธิ์
ประตูภูเขาสำนักพรตเสวียนหมิง ประตูบานใหญ่ที่สูงตระหง่านนั้น เวลานี้ถูกทำลายปากทางเข้าจนเป็นรูกว้าง รูปลักษณ์น่าเกลียดราวกับกำลังหัวเราะพวกเขาอยู่
ลูกศิษย์คนอื่นๆ รีบตามมา มองยังประตูภูเขาที่พังนั้นอย่างสงสัย ล้วนรู้สึกโกรธแค้น ทำเช่นนี้เหมือนต้องการจะเหยียบหน้าสำนักพรตเสวียนหมิงของพวกเขา!
ที่สำคัญคือปล่อยให้นักโทษหนีออกไปได้!
ลูกศิษย์ในสำนักพรตเสวียนหมิงแต่ละคน สีหน้าเศร้าหมองอารมณ์ขุ่นมัวยืนอยู่หน้าประตูภูเขา
เกิดอะไรขึ้น
พวกเขาไม่รู้รายละเอียด เพียงแต่รู้ว่าผู้ลงคัดเลือกธิดาสวรรค์เจียงหลีแทงประมุขสำนักบาดเจ็บแล้วหนีไป พวกเขารับคำสั่งให้ไปจับตัวนางกลับมา แต่กลับไร้ร่องรอยของคนร้าย
ในบรรดาลูกศิษย์ทั้งหมด คนที่สีหน้าไม่ดีที่สุดคือหันอวี้
เพราะว่าเจียงหลีเป็นคนที่เขารับเข้ามา เขาเป็นคนรับรองนาง เลือกเจียงหลีให้เป็นหนึ่งในธิดาสวรรค์ของที่นี่ หากไม่เป็นเพราะเขา เจียงหลีคงจะไม่มีโอกาสมาที่สำนักพรตเสวียนหมิงนี้ได้ คงยังถูกขังอยู่ที่เกาะร้างกลางมหาสมุทร เรื่องทั้งหมดก็คงจะไม่เกิดขึ้น
เมื่อนึกถึงเจียงหลีที่ใจกล้าแทงประมุขสำนัก หันอวี้ก็รู้สึกเย็นวาบสันหลังขึ้นทันที รู้สึกว่าชีวิตตนคงเหลืออีกไม่นาน
“ยังตกตะลึงอะไรอยู่อีกล่ะ รีบตามไปสิ! ค้นหาให้ทั่ว ไปนำตัวศิษย์ทรยศกลับมาให้ได้!” ผู้คุมห้องทรมานมีสีหน้าหดหู่
เจียงหลีหนีไป เขาก็มีโทษ
บรรดาศิษย์ของห้องทรมาน ทยอยเดินออกจากปากถ้ำ หายไปในค่ำคืนนั้น
หันอวี้กำลังเตรียมหนีอย่างเงียบๆ ก็ถูกผู้คุมห้องทรมานตะโกนเรียกไว้ก่อน “หันอวี้ เจ้าคิดจะไปไหน”
“ข้า…ก็จะไปจับคนร้ายน่ะสิ” ในใจของหันอวี้เย็นวาบขึ้นมา ฝืนรอยยิ้มออกมา
“ไม่ต้องหรอก เจ้าไปพบท่านประมุขสำนักกับข้า” ผู้คุมห้องทรมานเอ่ย
สีหน้าของหันอวี้เปลี่ยนไปทันที ใบหน้าขาวซีดราวกับกระดาษ สองขาใต้ชุดคลุมยาวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่
ด้วยเหตุนี้ผู้คุมห้องทรมานที่ดุร้ายและโผงผาง จึงใช้สายตาที่น่ากลัวจ้องมองมา เขาไม่มีทางหลบหนี ทำได้แค่ผงกศีรษะ เดินตามหลังเขาไป ลากเท้าที่หนักไปทีละก้าวๆ มุ่งไปยังตำหนักของประมุขสำนัก
…
ภายในตำหนักเอก ตำหนักใน มีเสียงร้องทนความเจ็บปวดดังออกมาอยู่เรื่อยๆ
กลิ่นคาวเลือดลอยออกมาเรื่อยๆ ทำให้ตำหนักใหญ่นี้น่าหดหู่ แล้วยังเพิ่มความน่ากลัวมากยิ่งขึ้น
หันอวี้ตามผู้คุมห้องทรมานมาจนถึงที่นี่ ไม่ได้ยินเสียงร้องเรียกก็ต้องรออยู่ด้านนอกเท่านั้น ได้ยินเสียงอันเจ็บปวดทรมาน จิตใจเขาก็สั่นไปด้วยทุกครั้ง
เจียงหลีแท้จริงแล้วทำอะไรกับประมุขสำนักกันแน่ ทำให้เขาเจ็บปวดทรมานได้ถึงเพียงนี้!
ทันใดนั้น ได้ยินเสียงฝีเท้าดังออกมาจากตำหนักใน หันอวี้มองไปอย่างสนใจ จึงมองเห็นคนแบกศพชายหนุ่มออกมาจากในตำหนัก ผ่านหน้าพวกเขาไป
สายตาของหันอวี้ เคลื่อนไปตามศพของชายผู้นั้น สังเกตได้ว่าบริเวณระหว่างขาสองข้างของเขามีรอยเลือดไหลออกมา เปรอะเปื้อนชุดคลุมจนเป็นสีแดง
หนังตาของเขากระตุกอย่างแรง รีบควบคุมจิตใจ ไม่กล้ามองอีก
แต่ก็ยังคงถูกภาพตรงหน้านี้ทำให้ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง รู้สึกว่าร่างของตนเจ็บไปหมด
สักพัก เสียงจากตำหนักในก็ค่อยๆ เงียบลง
เมื่อตอนที่หันอวี้คิดจะถอนหายใจ กลับมีเสียงจากในตำหนักดังขึ้นมาอีก เขารู้สึกเย็นวาบไปทั้งหลัง ทำได้แค่ตามผู้คุมห้องทรมานเขาไปในตำหนักใน
เข้ามาข้างในตำหนัก หันอวี้ไม่มองอะไรอีก
ทว่าก็ยากที่จะเลี่ยงไม่ให้มองคราบเลือดเป็นกองบนพื้นที่ยังไม่ได้ทำความสะอาด มหาปุโรหิตอยู่ข้างเตียงประมุขสำนัก กำลังล้างมืออย่างเงียบๆ สองมือของเขาที่แห้งราวกับกิ่งไม้นั้น เมื่อจุ่มลงไปในอ่าง น้ำสะอาดก็กลายเป็นสีแดง
ครั้นแล้วประมุขสำนักพรตเสวียนหมิง ยามนี้กำลังนั่งพิงเสาเตียงอย่างอ่อนแรง สีหน้าขาวซีดน่าตกใจ ลักษณะไม่ต่างจากปูนขาวทาผนังที่เขาเคยใช้
แตกต่างอยู่อย่างเดียวคือรอยสักบนใบหน้าพวกนั้นยิ่งเด่นชัดขึ้น ทำให้ยิ่งดูดุร้ายน่ากลัว
“ท่านประมุขสำนัก ข้าน้อยไร้ความสามารถยิ่งนัก ปล่อยให้สาวใช้ทรยศหลบหนีไปได้” ผู้คุมห้องทรมานคุกเข่าข้างเดียวที่พื้นสารภาพผิด
หันอวี้ก็รีบคุกเข่าลงตามเขา รอการวางแผนชะตาชีวิตของตนอยู่อย่างกังวล
ขณะเดียวกัน จิตใจของเขาก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง เหตุใดเขาจึงต้องนำเจียงหลีกลับมาจากเกาะร้างนั่นด้วย
“เจ้าพวกไร้น้ำยา!” ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงตะคอกเสียงเย็น
ถึงแม้เสียจะโหดเหี้ยม แต่ทว่าหันอวี้ยังฟังน้ำเสียงก็รู้ว่าลมปราณไม่คงที่
“รีบไปจับตัวมา! ต้องจับตัวนางกลับมาให้ข้าให้ได้! ข้าต้องให้นางได้ลิ้มรสความรู้สึกตายเสียดีกว่าอยู่ให้จงได้!” ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น
เขาเพิ่งจะผ่านความเจ็บปวดที่คนทั่วไปก็ไม่อาจจะเข้าใจได้มาหมาดๆ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะเจียงหลี เขาจะให้นางตายง่ายๆ ได้เช่นไร
ดังนั้น เขาจะต้องหาตัวนางให้พบ จับนางกลับมา หลังจากนั้น…ทรมานนางอย่างโหดเหี้ยม!
“ท่านประมุข ข้าน้อยอยากขอยืมตัวคนสักคน” ผู้คุมห้องทรมานเอ่ย
ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงแววตาน่ากลัว “ข้ารู้ว่าเจ้าจะขอยืมตัวใคร ขอเพียงเจ้านำศิษย์ทรยศนั่นกลับมาได้ ข้ายอมรับปากเจ้าทุกอย่าง
“ขอบพระคุณท่านประมุขมากขอรับ”
หันอวี้หวาดกลัวในใจเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าตนจะเป็นเช่นไร
ยามนี้ผู้คุมห้องทรมานหันกลับไปมองเขาแล้วเอ่ย “ท่านประมุข ศิษย์ทรยศนั่นเป็นคนที่หันอวี้นำกลับมาที่สำนักพรต ไม่รู้ว่าท่านประมุขคิดจะจัดการเขาเช่นไร”
หันอวี้รู้สึกหวั่นใจ
เขารู้สึกถึงความโหดเหี้ยมจากแววตาราวกับมีดของท่านประมุข ที่มองมายังเขา เขาจึงร้องขอโทษทันที “ท่านประมุขสำนักโปรดไว้ชีวิตข้าเถิด! ข้าไม่รู้ว่าสาวใช้คนนี้จะกล้าทรยศ ในเมื่อกล้าทำร้ายท่านประมุขสำนัก ข้า…ข้าก็จะทำตามคำสั่งของท่านมหาปุโรหิต หาตัวนางให้เจอ!”
ประมุขสำนักแสยะยิ้มเล็กน้อย ไม่สนใจคำร้องขอของเขา เพียงแต่เอ่ย “เจ้าไปด้วยกัน หากจับนางกลับมาไม่ได้ เจ้าก็ตายซะ”
แค่ตอนนี้ยังไม่ต้องตาย หันอวี้ราวกับได้รับการอภัยโทษ กล่าวขอบคุณไม่หยุด
สองขาก้าวถอยหลังออกไป ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงสายตากดดัน เขามองข้างหลังของหันอวี้ที่เดินออกไป มองจนทำให้คนข้างหลังขนพองสยองเกล้า
รอจนพวกเขาออกไปแล้ว ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงจึงเอ่ยกับมหาปุโรหิตอย่างทุกข์ใจ “ครั้งหน้าสลับตัว ให้ใช้เขาแทน”
“ขอรับ” มหาปุโรหิตพยักหน้ารับบัญชา
เดินออกจากตำหนัก ลมยามราตรีโชยมาเป็นพักๆ กระทบผิวหันอวี้จนรู้สึกหนาวขึ้นมา เขาถึงรู้ว่าหลังของเขาเปียกชุ่มไปทั้งหลัง
“เรียกธิดาสวรรค์ชิงหว่านมา ข้าจะไปตามจับคน” ผู้คุมห้องทรมานเอ่ยเสียงเย็น
หันอวี้สติล่องลอย ครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องพวกนี้ ผู้คุมห้องทรมานต้องการจะใช้ฤทธิ์ของยันต์ธาราทมิฬของธิดาสวรรค์ ยืนยันตำแหน่งของเจียงหลี
…
หลบหนีออกจากสำนักพรตเสวียนหมิง เจียงหลีหนีไปตอนกลางคืน
ในช่วงเวลานี้นางรู้อาณาเขตของสำนักพรตเสวียนหมิงเป็นอย่างดีแล้ว ตอนนี้อันดับแรก ก็คือหนีออกจากอาณาเขตของสำนักพรตเสวียนหมิงก่อน
สัญลักษณ์พันหน้าอยู่บนใบหน้าเจียงหลี นางไม่ได้ใช้สัญลักษณ์พันหน้าแปลงโฉมหน้า
เพราะว่านางรู้ดี หากยันต์ธาราทมิฬยังอยู่ เรื่องนี้ก็จะไม่มีวันจบ
ทันใดนั้น ร่างของเจียงหลีก็แปลกๆ คิ้วขมวดแน่น ล้มลงกระแทกพื้นทั้งร่าง
หนาวเหลือเกิน!
เจียงหลีคลานไปในพุ่มไม้ ร่างทั้งร่างราวกับตกลงในอุโมงค์น้ำแข็ง หนาวเข้ากระดูก เจ็บปวดทรมาน
เป็นเพราะยันต์ธาราทมิฬแน่ๆ !
เจียงหลีคิดได้ทันที ความผิดปกติตอนนี้ของนางเป็นเพราะยันต์ธาราทมิฬในร่างของนางถูกกระตุ้นขึ้นมา คนที่จะกระตุ้นยันต์ธาราทมิฬได้นั้น…
ท่านประมุขบัดนี้บาดเจ็บหนัก คงไม่มีพละกำลังพอที่จะกระตุ้นมันได้ ถ้าเช่นนั้นก็มีเหลือแค่มหาปุโรหิต! เจียงหลีคาดเดาในใจ
นางไม่สงสัยชิงหว่าน พวกนางล้วนเป็นคนที่ถูกครอบงำด้วยสัญลักษณ์เช่นเดียวกับนาง ทำได้แค่รับรู้ถึงตำแหน่งของกันและกัน แต่ไม่สามารถกระตุ้นมันได้
สมควรตาย! เจียงหลีสีหน้าเริ่มเขียวขึ้น หนาวเหน็บไปทั้งร่าง
ทันใดนั้น ข้างหลังมีเสียงฝีเท้าที่รีบเร่งดังขึ้นมา