ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส - ตอนที่ 4
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง
โรลส์รอยส์จอด ณ ทางเข้าของสุสานภูเขาสามง่าม
โจเซฟินอ่านตัวหนังสือขนาดใหญ่สามคำผ่านทางหน้าต่างรถ สุสาน ภูเขา สามง่าม ใบหน้าสวยหยดย้อยของเธอพลันซีดเผือก
เหตุผลของการเดินทางกลับบ้านครั้งนี้ก็เพื่อมาเยี่ยมคุณย่า หรือว่าคุณย่า…
“คุณย่าอยู่ที่นี่?” โจเซฟินอ้ำอึ้ง
“โรสต่างหาก” เจย์แก้ไขความเข้าใจผิดของเธอ
“โรส? เธอถูกฝังที่นี่เหรอ?”
โจเซฟินถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้น เธอก็ถามขึ้นมาอย่างประหลาดๆ “นี่ไม่ใช่เทศกาลเชงเม้งสักหน่อย ทำไมเราถึงมาที่นี่กัน?”
ทันใดนั้นโจเซฟินพลันร้องออกมาเสียงหลงด้วยความตื่นเต้น “นายยังหลงเหลือความรู้สึกให้โรส ฉันว่าแล้ว! ฉันหมายถึง ไม่งั้นจะมีอะไรอธิบายเรื่องเจ้าเด็กอัจฉริยะตัวแสบอย่างเจนสันได้?”
เจย์ก้าวขายาวไปสู่ขั้นต่อไป ต้นสนไซเปรสขนาดใหญ่โตถูกปลูกไว้ตลอดสองข้างทางของขั้นบันได
ด้วยคำพูดของโจเซฟิน ชายหนุ่มหยุดเดินลง เขาถอนหายใจอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ “เจนสันเกิดจากผิดพลาด เขาไม่ได้เกิดมาจากความรัก!”
โจเซฟินจุ๊ปากแล้วกล่าวอย่างมีเลศนัย “งั้นทำไมนายไม่ผิดพลาดบ่อยๆซะล่ะ? ในเมื่อยีนของนายมันดีนัก มันจะเสียของถ้าไม่ใช้มันให้เกิดประโยชน์สักหน่อย”
“ไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะโชคดีแบบเจนสันจากการไม่ได้รับสืบทอดยีนด้อยมาจากแม่” เมื่อชื่อของเจนสันถูกกล่าวขึ้น ร่องรอยของความอบอุ่นเกิดขึ้นบนใบหน้าอันหล่อเหล่าของเจย์ผู้เย็นชา
ลูกชายของเขา เจนสัน ไม่เพียงแค่ได้รับรูปลักษณ์มาจากพ่อ แต่เขายังได้รับสืบทอดยีนด้านความสามารถมาด้วย
ด้วยอายุเพียงแค่ห้าขวบ เด็กชายก็เป็นถึงแฮ็กเกอร์แนวหน้าของโลกไปแล้ว
แม้ว่าโจเซฟินจะชอบหลานชายของเธอ แต่เธอก็ไม่เคยชินกับนิสัยอวดดีและหลงตัวเองของเจย์เลย
เพราะงั้น เธอเลยยิ่งกว่าชอบที่จะขัดจังหวะเขากลางคัน “ใช่ เขารับเอาลักษะดีทั้งหมดของนายมาก็จริง แต่เขาก็รับเอาสิ่งที่ไม่ดีมาด้วย แม่บอกว่าเขาถือตัวและพูดน้อยยิ่งกว่านายตอนเด็กซะอีก มีช่วงหนึ่งที่เธอกังวลว่าเขาจะเป็นออทิสติกด้วยซ้ำ”
“เอาเป็นว่าเธอพูดน้อยกว่านี้เป็นไง?” เจย์แค่นเสียง เขาไม่เคยรู้สึกว่าลูกชายของเขาจะมีปัญหาอะไร
โจเซฟินถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “นายไม่เคยเจอเด็กมาก่อนรึไง? พวกเขาร้องไห้ และหัวเราะ แบบที่เด็กๆควรจะเป็น”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เจย์พลันนึกถึงเด็กหญิงตัวน้อยที่ชนเขาที่ทางออกสนามบิน
“ฉันเจอแล้วคนนึง ถึงเด็กคนนั้นจะน่ารักก็เถอะ แต่ก็ไม่มีอะไรต้องสนใจเกี่ยวกับเด็กคนนั้น และถ้านั่นคือสิ่งที่เด็กควรจะเป็นแบบที่เธอบอก ฉันได้แต่หวังว่าเจนสันจะไม่เป็นแบบนั้นอีกคน!”
ด้วยเหตุนี้ เจย์จึงละความสนใจมาให้กับการตามหาป้ายหลุมศพเป็นพิเศษแทน
หลังจากได้ยินการประกาศกร้าวของเจย์ โจเซฟินจึงเลือกที่จะหยุดเถียงต่อ
“หมายเลขป้ายหลุมศพของโรสคืออะไร?” โจเซฟินถามแทน
“674” เจย์ตอบ
“674? ไปและตาย?” โจเซฟินอ้าปากค้าง “โรสนี่โชคร้ายมากเลยสินะ หืม ทำไมป้ายหลุ่มศพเธอถึงเป็นเลขอัปมงคลแบบนั้นไปได้?” (TN: 674 ออกเสียงเหมือนคำว่า ไปและตาย ในภาษาจีนกลาง)
โจเซฟินยังคงไม่เข้าใจ แต่ร่างสูงโปร่งของเจย์ถึงกับหยุดนิ่ง มันเหมือนมีเมฆหมอกดำทะมึนกำลังปกคลุมใบหน้าหล่อเหลาของเขา
อุณหภูมิรอบๆตัวของเขาดูเหมือนจะดิ่งลงต่ำเลยทีเดียว
‘674?’
‘ไปและตาย’
‘นั่นมันหมายความว่ายังไง’
‘แค่เรื่องบังเอิญหรือมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างกันแน่?’
‘ถ้ามันไม่ใช่เหตุบังเอิญ นั่นหมายความนังตัวดีโรสนั่นแกล้งทำเป็นว่าตายไปแล้ว นี่เธอใช้แผนร้ายสุดคลาสสิกนี่เพื่อทำให้ฉันไขว้เขวงั้นเหรอ?’
เมื่อเจย์พบป้ายหลุมศพที่มีหมายเลข674 และอ่านชื่อของเจ้าของหลุม มันทำให้เขาถึงกับตัวแข็งทื่อ
ไม่ต้องสืบเลย เขาถูกหลอกเป็นไอ้โง่โดยโรส!
ตัวอักษรอันประณีตที่ถูกสลักลงบนป้ายเขียนไว้ว่า “แองเจลีน เซเวียร์หลับไหลที่นี่”
‘แองเจลีน มันเป็นเธอไปได้ยังไง?’
โจเซฟินตะโกนออกมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อเธอมาถึงป้ายหลุมศพและอ่านชื่อที่สลักไว้
“โอ้ พระเจ้า! เจย์ นี่มันแองเจลีน!”
เจย์จ้องไปที่ป้ายหลุมศพ เขาไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลยว่าทำไมหลุมศพที่ควรจะเป็นของโรส ถึงกลายเป็นของแองเจลีน
แองเจลีนเป็นหญิงสาวการศึกษาสูงที่มาจากตระกูลที่น่านับถือ ในขณะที่โรสเป็นนังบ้าที่มาจากบ้านนอก
แล้วทำไมสองขั้วที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงถึงมาใช้หลุมฝังศพเดียวกัน?
“เจย์ ถ้าหลุม674คือหลุมของแองเจลีน งั้นโรสถูกผังอยู่ไหน?” โจเซฟินถามด้วยความประลหาดใจ
เจย์แค่นเสียงหัวเราะอย่างน่ากลัว “งั้น ก็แปลว่าเธอยังไม่ตายสิ หืม? ดี เธอจะได้ตายเร็วๆนี้”
เขาจะตรวจสอบให้แน่ใจด้วยตัวเองเมื่อเธออยู่ในเงื้อมมือของเขา
เจย์มองไปรอบๆสุสานอยู่พักหนึ่ง สายตาของเขามองย้อนไปในอดีตและค่อนข้างไม่สบอารมณ์
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ เขาพลันลุกขึ้นและออกจากสุสาน
เมื่อเจย์กลับมาที่รถ เขาโทรหาผู้ช่วยของเขา
“หาทางนำตัวครอบครัวของคนไข้ฮาร์เปอร์ แล้วพาเธอไปโรงพยาบาลแกรนด์เอเซียเร็วที่สุด!”
ปลายสาย ผู้ช่วยของเขา เกรย์สัน ถึงกับพูดไม่ออก
ฮาร์เปอร์คือผู้เป็นแม่ของคนที่ควรจะตายไปแล้วอย่างท่านหญิงโรส
เขาจำได้แม่นตั้งแต่วันที่เขาได้รับรู้เรื่องแม่ของท่านหญิงโรส เขาได้ขอคำแนะนำจากท่านประธาน ตอนนั้น คำพูดของท่านประธานคือ “ฉันจะจ่ายค่ารักษาให้เธอ แต่หลังจากนั้น ฉันไม่อยากได้ยินอะไรเกี่ยวกับเธออีก”
ทำไมท่านประธานถึงเปลี่ยนใจเร็วนัก?
“เข้าใจแล้วครับท่าน” เกรย์สันตอบกลับ
ทันทีที่เจย์วางสายโทรศัพท์ ริมฝีปากของเขาก็เผลอยิ้มขึ้นอย่างชั่วร้าย
โจเซฟินหันหน้าหนีเมื่อเธอเห็นท่าทางร้ายกาจของเจย์ เธอรู้ว่านั่นหมายความว่าอย่างไร—โรสกำลังจะเจอปัญหาใหญ่
…
โรสออกจากชุมชนเจิดจรัส
เวลาดึกคืนนั้น โรสได้รับโทรศัพท์ที่โทรมาจากโรงพยาบาลเรื่องแม่ของเธอ
ปลายสายได้บอกเธอว่า ด้วยอาการที่แย่ลงกระทันหันของแม่ของเธอ เธอจึงควรย้ายตัวแม่ของเธอไปที่โรงพยาบาลแกรนด์เอเซียที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านโรคไตโดยเฉพาะให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
โรงพยาบาลแกรนด์เอเซีย บริษัทของเจย์
สมองของโรสพลันขาวโพลน
เธอสาบานว่าจะไม่เข้าไปแตะอาณาเขตของเจย์อีก อนิจจา คุณไม่มีทางรู้ว่าชีวิตจะโยนอะไรมาใส่คุณ!
โรสพยายามคิดในแง่ดี และพยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมด เพื่อที่จะตัดสินใจไปโรงพยาบาลแกรนด์เอเซีย
วันต่อมา
ด้วยความระแวงเต็มพิกัด โรสโยนลุคหญิงชั้นสูงทิ้ง แล้วแต่งตัวเหมือนพวกพังค์แทน
เธอทำผมทรงเดรดล็อกส์ และแต่งหน้าแนวโฉบเฉี่ยว—กรีดตาสีดำ แถมด้วยทาปากสีแดงจัด เหนือสิ่งอื่นใด เธอใส่แว่นกันแดดกรอบกลมที่ดูตลกพิลึก ก่อนที่จะเรียกแท็กซี่แล้วมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลแกรนด์เอเซีย
เมื่อโรสส่งข้อมูลของแม่เธอให้แพทย์ที่ทำงานทะเบียน หมอคนนั้นหลบสายตาของโรสแล้วค่อยๆเลื่อนเมาส์…
การแจ้งเตือนพลันเด้งขึ้นที่หน้าจอมือถือของเจย์ เขารีบคว้ามันขึ้นมาดูอย่างกระตือรือร้น
หลังจากอ่านข้อความบนหน้าจอมือถือ ริมฝีปากที่น่าดึงดูดและหลงไหลก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอันร้ายกาจ
“โรส เธอหนีฉันได้ แต่ไม่มีทางซ่อนตัวจากฉันได้หรอก!”