รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 440 ร้องไห้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะข้าคิดมากไปหรือ!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 440 ร้องไห้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะข้าคิดมากไปหรือ!
บทที่ 440 ร้องไห้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะข้าคิดมากไปหรือ!
ราคาสูงเกินไป หากกำจัดหลิงอินไม่ได้ จ้าวสมุทรคงเจ็บใจน่าดู!
เสาแสงทะมึนมากมายทะยานขึ้นฟ้า ก่อร่างเป็นอักขระยักษ์ใหญ่ นี่คืออักขระที่เก่าแก่พิศวงอย่างยิ่ง มิใช่ของอาณาจักรนี้ ถือกำเนิดจากอาณาจักรซึ่งอยู่เบื้องหลังทะเลต้องห้าม
อักขระนี้มีพลังทำลายล้างมหาศาลไร้ที่สิ้นสุด หลังปรากฏออกมา ก็พุ่งถล่มใส่หลิงอินทันที
หญิงสาวมีสีหน้าราบเรียบ ดูไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย
มิใช่ว่านางมั่นใจในตัวเอง แต่นางมั่นใจในตัวท่านเซียน ท่านเซียนถือเป็นตัวตนไร้เทียมทานในใจนาง ไม่มีสิ่งใดทัดเทียมเขาได้!
นางเชื่อว่าหยกคุ้มภัยที่ท่านเซียนประทานสามารถช่วยปกป้องนางให้พ้นภัย
ต่อให้อักขระนี้น่ากลัวสุดแสนก็ตาม
หลิงอินก้าวเท้าออกไปข้างหน้า เข้าปะทะอักขระ ระหว่างนี้นางไม่แม้แต่จะกะพริบตา
อาภรณ์กฎวิถีมหาเต๋าที่ถักทอด้วยหยกคุ้มภัยทอแสงรุ้งมงคล มีคลื่นพลังน่าหวาดหวั่นแผ่ซ่าน ท่านเซียนไร้เทียมทาน หยกคุ้มภัยสำแดงอานุภาพสยดสยองอีกครั้ง อักขระใหญ่ยักษ์นี่ไม่สามารถเข้าใกล้นางเช่นกัน หลังจากปะทะกับพลังที่ซัดสาดออกจากอาภรณ์กฎวิถีมหาเต๋า อักขระใหญ่ยักษ์ทลายแหลกลาญในพริบตา บอบบางจนต้านไม่ได้แม้แต่การโจมตีเดียว!
“อะไรกัน!”
บนเกาะ หลังจ้าวสมุทรได้เห็นภาพนี้ก็ถึงกับทนไม่ไหว กระอักเลือดออกมา
เป็นไปได้อย่างไร!?
แต่เดิมพลังผนึกก็น่าพรั่นพรึงถึงขีดสุดอยู่แล้ว บวกกับสิ่งมีชีวิตทุกตนในทะเลต้องห้ามสละชีพมอบพลังของตนเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับผนึก พลังโจมตีที่ผนึกเปล่งออกมาได้นั้นจึงอยู่ในระดับที่ไม่อาจหยั่งถึง!
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น ภายใต้พลังหยกคุ้มภัยที่หลิงอินพกติดตัว พลังผนึกก็ยังไม่อาจต่อกรด้วยได้ อ่อนแอเปราะบาง…
จะให้เขาเชื่อลงได้อย่างไร!?
หยกคุ้มภัยที่นางสวมใส่เป็นของวิเศษปานใดกันนี่!
แล้วคนระดับใดถึงสร้างหยกคุ้มภัยน่าประหวั่นพรั่นพรึงขนาดนี้ได้!
เขาสั่นไปทั้งตัว ใบหน้าดูชราลงไปมากในพริบตาเดียว
สละชีพของสิ่งมีชีวิตทุกตนในทะเลต้องห้ามแล้ว เขาก็ยังไม่สามารถปลิดชีพหลิงอิน ไม่แม้แต่จะสร้างรอยขีดข่วนให้นางด้วยซ้ำ…
อย่าให้พูดเลยว่าเขาทุกข์ระทมใจเพียงใด
หากรู้อย่างนี้แต่แรก ไยเขาต้องขัดขืนสกัดกั้น ถึงอย่างไรก็มิใช่คู่ต่อสู้ของหลิงอิน เขาก็ไม่จำเป็นต้องสละชีวิตของสมาชิกทุกตนในทะเลต้องห้าม…
“บัด…ซบ เพียงเพราะสมาชิกหน่วยอุบัติกาลคนเดียว ข้านำพาหายนะสู่ทะเลต้องห้ามตั้งเท่าไร!”
จ้าวสมุทรอยากร่ำไห้ เขาสำนึกเสียใจเหลือแสน
นึกถึงคราวนั้น หากเขาไม่ทำอะไรสักอย่าง ทะเลต้องห้ามไฉนเลยจะกลายเป็นแบบนี้
เขาเสียใจ เทียบกับความเสียหายในตอนนี้ของทะเลต้องห้าม จักรพรรดิบุปผาตายไปคนเดียวหาได้สลักสำคัญไม่ เขาไม่ควรไปยุ่งกับหลิงอินเลย!
อนิจจา โมงยามนี้พูดอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว ไม่อาจย้อนกลับไป
หญิงสาวเยื้องย่าง อาภรณ์กฎวิถีมหาเต๋าทอแสงรุ้งมงคล ประดุจนางสวรรค์จุติลงมายังเกาะ
หลังจากนางก้าวเท้าขึ้นไปบนเกาะ ผนึกบนเกาะก็พังครืนในบัดดล พลังที่เกิดจากการระเบิดน่ากลัวเป็นที่สุด ทั่วทั้งเกาะพรุนไปหมด สิ่งปลูกสร้างล่มสลายแห่งแล้วแห่งเล่า กลายเป็นซากปรักหักพัง
นี่คือพลังจากหยกคุ้มภัย ภายใต้พลังของหยกคุ้มภัย ไม่มีผนึกใดสำแดงฤทธิ์เดชได้
เสี่ยวหยาเหินตามหลังมา ดวงหน้างามพิลาสเช่นเดียวกัน นางดูไม่แปลกใจกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นสักนิด
เหอะ ๆ ลำนำของท่านเซียนเชื่อมตรงถึงยุคโบราณ ประสานวิญญาณในกาลปัจจุบัน ช่วยสร้างเลือดเนื้อของนางขึ้นมาใหม่ จนได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ต้องร้ายกาจปานใดถึงทำได้?
ท่านเซียนคือตัวตนที่ดำรงอยู่อันไร้เทียมทาน!
จ้าวสมุทรเดินออกมาด้วยท่าทางห่อเหี่ยว ดูไม่มีชีวิตชีวาสักนิด
หนนี้ทะเลต้องห้ามเจอตอเข้าแล้วจริง ๆ ยุ่งกับคนที่ไม่ควรยุ่ง หลิงอินน่าพรั่นพรึงเกินไป!
ฝ่ายหลิงอินเห็นจ้าวสมุทรก้าวออกมา ก็อดเอ่ยขึ้นไม่ได้ “ว่าไปไยเจ้าต้องทำขนาดนี้ ข้าเพียงต้องการเดินทางไปอาณาจักรอื่น แต่จนปัญญาไม่มีศาสตราที่เดินทางข้ามจักรวาล จึงคิดจะเข้ามายืมศาสตราประเภทนี้กับเจ้าเท่านั้น”
“เจ้ากำลังหลอกคนโง่อยู่รึ!”
จ้าวสมุทรจ้องอีกฝ่ายด้วยแววตาขุ่นเคือง “เจ้าเห็นข้าเป็นคนโง่หรือ”
“เรื่องนี้…เกรงว่าจะใช่”
เสี่ยวหยาเอ่ยเสียงจริงจังจากด้านข้าง “บอกตามตรง พวกเรามาเพื่อยืมศาสตราจริง ๆ ผู้ใดจะรู้ว่าปฏิกิริยาของพวกเจ้าจะรุนแรงปานนี้…”
“ใช่แล้ว”
หลิงอินพยักหน้า
จ้าวสมุทรมองหลิงอิน แล้วหันไปมองเสี่ยวหยา
เขาคิดในใจว่าทั้งหมดนี้คงมิใช่เรื่องจริงกระมัง
ดูจากท่าทางของทั้งสองแล้วไม่เหมือนกับโกหก…
เวร!
ถ้าเป็นเรื่องจริง เขาคงต้องตายด้วยความอัดอั้นตันใจ!
ไอ้บ้าเอ๊ย ศาสตราที่ใช้เดินทางข้ามจักรวาลนั้นใช่เรื่องใหญ่ที่ไหน หลิงอินอยากได้ เขายกให้นางสิบชิ้นยังได้!
ยี่สิบชิ้นก็ยังได้!
แต่เขากลับสละชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกตนในทะเลต้องห้ามเพื่อการนี้…
ระยำ…เอ๊ย ถ้าเป็นความจริง เขาไม่สมองตื้นเขินเกินไปหน่อยหรือ!
ประเดี๋ยวก่อน!
จะเป็นความจริงได้อย่างไร
ท่านบูรพาจารย์ตายในมือหลิงอินจริง ๆ!
“ข้าไม่จำเป็นต้องหลอกเจ้า ที่มาครั้งนี้เพื่อขอยืมศาสตราจากเจ้าจริง ๆ ทว่า ดูจากปฏิกิริยารุนแรงเกินเหตุเยี่ยงนี้ของพวกเจ้า ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่!”
หลิงอินมองจ้าวสมุทร “ว่ามา เจ้ามีลับลมคมในกระไร!”
“เจ้าฆ่าท่านบูรพาจารย์ ยังมาถามข้าอีกหรือว่ามีลับลมคมในกระไร”
จ้าวสมุทรอัปยศเหลือแสน ถูกฆ่าก็แค่ศีรษะหลุดจากบ่าเท่านั้น นางฆ่าท่านบูรพาจารย์ แล้วยังแสร้งถามเขาเช่นนี้ จะเกินไปแล้ว!
“ข้าหรือฆ่าท่านบูรพาจารย์ของพวกเจ้า?”
หลิงอินผงะ นางไปฆ่าเมื่อใดกัน เหตุใดตัวเองถึงไม่รู้
“อย่ามาเสแสร้งหน่อยเลย! ท่านบูรพาจารย์ไปหาเจ้า หมายจะฆ่าเจ้า ผลสุดท้ายท่านบูรพาจารย์กลับสิ้นชีพ มิใช่ฝีมือเจ้าแล้วเป็นฝีมือผู้ใด”
จ้าวสมุทรตาแดงก่ำ “จะฆ่าจะแกงแล้วแต่เจ้า อย่ามาหมิ่นเกียรติข้าเช่นนี้!”
เขาเองก็มีความเลือดร้อน มีศักดิ์ศรี เข้าใจหรือไม่!
นางวางท่าจอมปลอมเยี่ยงนี้ต่อหน้าเขา เขาทนมิได้จริง ๆ รู้สึกโมโหจนอกจะแตก!
“ไปหาข้า? ไปที่เมืองชิงซานน่ะหรือ”
หญิงสาวฟังมาถึงนี่ก็ถึงบางอ้อ
เมืองชิงซานใช่สถานที่ที่ทะเล่อทะล่าเข้าไปได้เสียที่ไหน
หลิงอินหัวเราะออกมา รนหาที่ตายยังไม่ต้องทำถึงขั้นนี้เลย!
ไม่ต้องกล่าวถึงท่านเซียน ลำพังต้นหลิวและก้อนหินที่คอยอารักขาเมืองชิงซาน ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องตายทั้งสิ้น!
นางรู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของต้นหลิวและก้อนหิน แข็งแกร่งจนเกินจะจินตนาการออก ขอบเขตพลังลึกล้ำเกินหยั่ง!
บูรพาจารย์แห่งทะเลต้องห้ามหาญกล้าไปเมืองชิงซาน ก็สมควรตายแล้ว!
มิน่า ทะเลต้องห้ามถึงมีปฏิกิริยารุนแรงปานนี้ บูรพาจารย์แห่งทะเลต้องห้ามบุกไปฆ่านาง สุดท้ายกลับสิ้นชีพลง ทว่าต่อมา นางมาที่ทะเลต้องห้าม ทะเลต้องห้ามย่อมต้องคิดว่านางมาเพื่อเอาเรื่อง
แต่นางไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยสักนิด
นางตั้งใจมา ‘ยืม’ ศาสตราที่นี่จริง ๆ มิได้คิดล้างแค้นทะเลต้องห้าม…
แต่ก็ถือว่าจับพลัดจับผลู!
คราวก่อนนางได้เตือนจ้าวสมุทรไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าทะเลต้องห้ามยังกล้าหมายหัวนางอีก หนนี้ทะเลต้องห้ามสมควรแล้ว!
“นี่หรือที่เขาเรียกว่ากรรมตามสนอง”
เสี่ยวหยาเอ่ยจากด้านข้างอย่างอดไม่ได้ “พวกเราต่างไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ที่มาก็เพราะตั้งใจจะยืมศาสตรา คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องราวเช่นนี้ บังเอิญจริง!”
หลิงอินพยักหน้า “แน่นอนว่าเป็นเพราะกรรมตามสนอง! หากมิใช่ว่าเราคิดมายืมศาสตราที่นี่ พวกเราก็คงไม่รู้ว่ามีเรื่องเช่นนี้ด้วย!”
นางหันมองจ้าวสมุทร “พวกเจ้าบังอาจนัก! คราวก่อนข้าเตือนพวกเจ้าไว้แล้วแท้ ๆ พวกเจ้ากลับไม่ยอมจำให้ขึ้นใจ ยังหาญกล้าเพ่งเล็งข้า ทั้งหมดนี้สาสมกับความผิดที่เจ้าก่อแล้ว!”
ไม่หรอกกระมัง ไม่หรอกกระมัง ทั้งหมดนี้คงมิใช่ว่าเขาคิดมากไปจริง ๆ กระมัง!
จ้าวสมุทรทนไม่ไหว กระอักเลือดพรวด
เรื่องมาถึงขั้นนี้ หลิงอินกับเสี่ยวหยาไม่จำเป็นต้องเล่นละครต่อหน้าเขา
อีกอย่าง ด้วยฝีมือน่าประหวั่นพรั่นพรึงขนาดนี้ของอีกฝ่าย นางเดินเหินในทะเลต้องห้ามได้อย่างไร้อุปสรรค มองข้ามผนึกทั้งปวง
ก่อนหน้านี้หลิงอินก็ไม่จำเป็นต้องหาข้ออ้าง หลอกเขาว่ามาขอยืมศาสตราแล้วเนียนเข้ามา…
ลองทบทวนดี ๆ แล้ว น่ากลัวว่าทั้งหมดนี่จะเป็นเพียง…ความบังเอิญ!
หลิงอินไม่เคยพบท่านบูรพาจารย์จริง ๆ และมิได้ฆ่าท่านบูรพาจารย์ ที่มานี่ก็เพื่อขอยืมศาสตรา เพราะอย่างนั้นก่อนหน้านี้เมื่อคราวนางเพิ่งมาถึงทะเลต้องห้าม ถึงได้มีท่าทีเกรงอกเกรงใจ ปราศจากความไม่หวังดี…
แล้วเขาเล่า?
มาถึงก็ชิงตั้งสมมติฐาน ทึกทักว่าท่านบูรพาจารย์ตายด้วยน้ำมือหลิงอิน ที่อีกฝ่ายเดินทางมาก็เพื่อคิดบัญชีกับพวกเขา เห็นความเกรงใจของนางเป็นคำหลอกลวง เข้าใจว่าสตรีผู้นี้คิดจะใช้เป็นข้ออ้างเนียนเข้ามาในทะเลต้องห้ามของพวกเขา…
หลิงอินไม่จำเป็นต้องใช้ข้ออ้างเนียนเข้ามาสักนิด!
“ข้า…ข้า…ข้า…!”
หลังจ้าวสมุทรตกผลึก ก็แทบหายใจไม่ทันด้วยความอัดอั้น
ที่แท้ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความคิดมากของเขาเท่านั้นหรือ!
เขาร้องไห้ ร้องไห้ออกมาจริง ๆ ร้องจนใจแทบสลาย อย่าให้พูดเลยว่าระทมเพียงใด
มิให้ระทมได้เยี่ยงไร
เป็นเพราะความคิดมากของเขา สิ่งมีชีวิตทุกตนในทะเลต้องห้ามถึงต้องตาย!