รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 466 มายืมของวิเศษอีกแล้ว ไม่จบไม่สิ้นกันเลยหรือ!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 466 มายืมของวิเศษอีกแล้ว ไม่จบไม่สิ้นกันเลยหรือ!
บทที่ 466 มายืมของวิเศษอีกแล้ว ไม่จบไม่สิ้นกันเลยหรือ!
ฟ้าสางมาเยือน พระอาทิตย์ลอยสูง แสงตะวันสาดกระทบผืนดิน เป็นสัญญาณเริ่มต้นวันใหม่
เมื่อพวกอ้ายฉานตื่นขึ้นก็ออกมารวมตัวกับเมิ่งจี
ไป๋มู่เองก็มาด้วย เขาสั่งเตรียมการทุกอย่างในคืนนั้น จากนั้น ทั้งหมดออกเดินทางโดยรถรบโบราณ มุ่งหน้าไปยังที่ตั้งทะเลต้องห้าม
“รถคันนี้ไม่เลวทีเดียว!”
จู้จื่อคลี่ยิ้มน้อย ๆ ภายในรถรบโบราณมีมิติของตนเอง นั่งได้สะดวกสบาย
“ใช่ไหมเล่า”
ไป๋มู่หัวเราะ เอ่ยด้วยท่าทางลำพองนิด ๆ “รถรบโบราณมีความเป็นมาไม่ธรรมดา เป็นรถรบที่บรรพชนของเราขับเคลื่อน เรื่องอื่นมิกล้ารับประกัน ลำพังรถรบนั้น รถรบโบราณคันนี้เป็นอันดับหนึ่งได้แน่นอน!”
“อันดับหนึ่งหรือ ไม่ใช่กระมัง!”
จู้จื่อเอ่ยด้วยสายตากังขา
“จะไม่ใช่ได้อย่างไร”
ไป๋มู่เอ่ย “บรรพชนของเรา เทียนตี้ไป๋ ทุ่มแรงใจมหาศาลไปกับรถรบโบราณคันนี้ เรียกได้ว่าคันเดียวทำได้ทั้งรุกทั้งรับ ขอเพียงมีกำลังเจือจุนมากพอ ต่อให้เป็นระดับเทียนตี้ก็ไม่สามารถทลายเกราะป้องกันของรถรบโบราณคันนี้ได้ แล้วยังปลิดชีพเทียนตี้ที่คิดรุกรานได้อีกด้วย!”
“เก่งกาจขนาดนี้เชียว”
จู้จื่อเอ่ยด้วยท่าทางอึ้ง ๆ
“แน่นอน!”
ไป๋มู่ทะนงระคนภาคภูมิ ช่วยไม่ได้ ผู้ใดใช้ให้รถรบโบราณตระกูลเขาเจ๋งเป้งปานนี้เล่า!
เขารอฟังถ้อยคำชื่นชมรถรบโบราณจากจู้จื่อ แต่แล้ววาจาต่อมาของจู้จื่อกลับทำให้เขาแทบคลั่ง
“อืม ไม่เลว ๆ เช่นนั้นให้เป็นที่สองแล้วกัน”
จู้จื่อพยักหน้าพลางกล่าว
ขนาดนี้ยังเป็นที่สองอยู่หรือ!?
จู้จื่อเด็กเกินไปหรือเปล่า ไม่รู้หรือว่าเทียนตี้เก่งกาจเพียงใด?
ไม่รู้หรือว่าเทียนตี้คือขั้นสูงสุดในโลกแห่งการฝึกตนของมนุษย์?
รุกรับในร่างเดียว เทียนตี้ยังไม่อาจแผ้วพาน นี่หรือที่สอง?
“แล้วรถรบแบบใดที่เจ้าเรียกว่าอันดับหนึ่ง!”
ไป๋มู่เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้
เขาอยากฟังเหลือเกินว่าจู้จื่อจะกล่าวถึงรถรบคันใด
“รถของคุณชายอย่างไร พวกเราทุกคนเคยนั่งรถของคุณชาย คันนั้นต่างหากอันดับหนึ่งอย่างแท้จริง!”
จู้จื่อเอ่ยเสียงจริงจัง
“อ้อ…”
ไป๋มู่หน้าหงอยไปในบัดดล
เขานึกถ้อยคำไว้มากมายเพื่อเตรียมย้อนรถรบโบราณที่จู้จื่อยกขึ้นมาเทียบว่าไม่อาจทัดเทียมรถรบโบราณคันนี้ของเขา
ถึงอย่างไร รถรบโบราณคันนี้ก็ฉกาจเหลือล้น เทียนตี้ไป๋ผู้เป็นบรรพชนของตระกูลเขาทุ่มเทกายใจไปตั้งไม่รู้เท่าใด อีกทั้งประดิษฐ์ด้วยวัสดุหายากล้ำค่า
เท่าที่เขารู้มา ในบรรดารถรบ รถรบโบราณคันนี้ถือเป็นอันดับหนึ่งได้แน่นอน
ทว่า ประโยคที่ว่ารถของคุณชายเพียงประโยคเดียวทำให้เขานิ่งอึ้งในบัดดล คำพูดที่เตรียมไว้ต้องฝืนกลืนกลับเข้าไป
จริงสิ เขาลืมท่านเซียนไปได้อย่างไร?
เด็ก ๆ กลุ่มนี้มาจากฝ่ายท่านเซียนนะ…
รถที่ท่านเซียนประทับ มีหรือจะเป็นรถธรรมดา
แม้ว่ารถรบโบราณคันนี้เจ๋งมากจริง ๆ ฉกาจมากจริง ๆ แต่เมื่อเทียบกับรถที่ท่านเซียนประทับ เฮ้อ เทียบไม่ติดเลย!
ห่างชั้นกันไกลโข!
“อันดับหนึ่ง อันดับหนึ่ง!”
เขายิ้มเจื่อน เรื่องนี้ต้องยกให้เป็นอันดับหนึ่งจริง ๆ เถียงไม่ออกเลย
รถรบโบราณแล่นเข้าไปในปริภูมิ เดินทางข้ามมิติอย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่นาน พวกเขาก็มาถึงทะเลต้องห้าม
“ตายจริง เหตุใดที่นี่ถึงน่าสะอิดสะเอียนเยี่ยงนี้…”
ภายในมหาสมุทรสีดำอันไร้ที่สิ้นสุด มีซากศพอสูรสินธุเน่าเปื่อยลอยอยู่เต็มไปหมด ยังดีที่รถรบโบราณคันนี้กันกลิ่น มิฉะนั้น หากกลิ่นเหม็นเน่าคาวเลือดโชยเข้ามา เกรงว่าพวกอ้ายฉานได้อ้วกออกมาแน่
“ที่นี่ค่อนข้างผิดปกติ…”
เมิ่งจีขมวดคิ้ว พบว่าที่นี่มีร่องรอยการต่อสู้ครั้งใหญ่มาก่อน มิหนำซ้ำดูแล้วสงครามเพิ่งปะทุได้ไม่นาน น่าจะเพิ่งเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้
“ก่อนหน้านี้ไม่นาน เคยมีคลื่นพลังน่าประหวั่นพรั่นพรึงปรากฏที่นี่ พวกเราไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นกันแน่ และมิกล้าเข้ามาตรวจสอบ ดูท่าคงเคยมีใครบางคนเข้ามาที่ทะเลต้องห้าม และเปิดสงครามที่นี่!”
ไป๋มู่กล่าว
บัดนี้บนผิวน้ำทะเลยังมีพลังผนึกซึ่งถูกทลายลอยอยู่มากมาย เห็นได้ชัดว่าที่นี่เกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่มา ซ้ำยังเป็นการต่อสู้รุนแรงที่จินตนาการไม่ออกอีกด้วย!
พับผ่าสิ แม้แต่พลังผนึกที่ยังหลงเหลืออยู่บนผิวน้ำทะเลยังสร้างความอกสั่นขวัญแขวนแก่เขา ไม่แน่ใจว่าจะสามารถทะลุผ่านพลังผนึกที่หลงเหลือยู่นี้เพื่อเข้าไปในทะเลต้องห้าม
เขาเป็นถึงตี้จวินเชียวนะ!
ลำพังจะผ่านทะลุพลังผนึกที่หลงเหลืออยู่ยังมิสู้จะมั่นใจนัก แค่คิดก็รู้แล้วว่าสงครามที่เคยเกิดขึ้นที่นี่น่าสะพรึงปานใด!
สวรรค์ ผู้ใดกันแข็งแกร่งปานนี้ บุกป่าฝ่าดงเข้าไปถึงทะเลต้องห้ามได้
เขาสงสัยใคร่รู้อย่างยิ่ง
“หวังว่าจะยังมีคนอยู่ข้างใน รากฐานของทะเลต้องห้ามยังอยู่ มิฉะนั้น พวกเราคงมาเสียเที่ยวแล้ว” เมิ่งจีเอ่ย
“ใช่!”
ไป๋มู่เร่งพลานุภาพรถรบโบราณถึงขีดสุด ก่อนจะแล่นรถรบโบราณเขาไปในส่วนลึกของทะเลต้องห้าม
รถรบโบราณเปล่งประกายกลายเป็นม่านแสง ขวางกั้นพลังผนึกซึ่งหลงเหลืออยู่บนผิวน้ำทะเล ค่อย ๆ แล่นเข้าไปทีละน้อย
ก่อนมา ไป๋มู่ได้หลอมพลังของวิเศษมากมายในฟ้าดินเข้าไปยังรถรบโบราณ แม้ว่าพลังเหล่านี้ไม่พอให้รีดเร้นพลังทั้งหมดของรถรบโบราณออกมา แต่ก็พอรีดเร้นออกมาได้เจ็ดแปดส่วน พอให้ต้านทานการโจมตีจากระดับเทียนตี้ได้หนึ่งครั้ง
พลังผนึกที่หลงเหลืออยู่บนผิวน้ำทะเลสีดำสยดสยองยิ่ง รถรบโบราณไม่อาจเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะแล่นไปถึงส่วนลึกของทะเลต้องห้าม มาอยู่หน้าเกาะแห่งหนึ่ง
“ที่นี่ก็มีร่องรอยการต่อสู้ ผนึกถูกทำลายเช่นกัน เพียงแต่บัดนี้ถูกซ่อมแซมขึ้นแล้ว บ่งบอกว่าในทะเลต้องห้ามยังมีคนอยู่!”
ไป๋มู่เอ่ยด้วยตาลุกวาว
แม้ว่าสถานการณ์บนเกาะจะดีกว่าบนผิวน้ำทะเล กระนั้นยังมีร่องรอยสงครามใหญ่ให้เห็น
“ไปเถิด ออกไปดูหน่อย”
เมิ่งจีและไป๋มู่เดินนำหน้า ออกจากรถรบโบราณ
อันหลานเสวี่ยพาพวกอ้ายฉานตามหลังมาติด ๆ
“มีใครอยู่หรือไม่”
เมิ่งจีตะโกน
“บัดซบ ผู้ใดมา…อีกหา!?”
ในส่วนลึกของเกาะ จ้าวสมุทรกำลังเก็บกวาดความเรียบร้อยอยู่รอบ ๆ พอได้ยินเสียงตะโกน ก็หลุดปากสบถไปคำหนึ่ง
เดิมที ก่อนหน้าเขามิได้มีนิสัยเช่นนี้ ทว่าบัดนี้ อยากจะสบถคำหยาบอยู่ตลอดเวลา!
เวร!
ผู้ใดใช้ให้เขาโชคร้ายไม่หยุดหย่อนในช่วงนี้กันเล่า!
เขาออกจากตรงนั้นด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรนัก อยากเห็นเหมือนกันว่าคนไร้กาลเทศะคนไหนมาเยือนทะเลต้องห้ามของเขา
ไม่นานนัก เขาก็ได้พบพวกเมิ่งจี
นี่มันตี้จวิน!
ม่านตาเขาหดลงทันที เพราะสัมผัสได้ถึงพลังปราณตี้จวินจากตัวไป๋มู่ ส่วนคนอื่น ๆ ขอบเขตพลังต่ำตม มองข้ามได้เลย
“ไม่รู้หรือว่าที่นี่เป็นสถานที่ต้องห้ามสำหรับสิ่งมีชีวิตทั้งปวง พวกเจ้าหาญกล้าบุกเข้ามาเยี่ยงนี้! ไม่กลัวตายเลยหรือไร!”
จ้าวสมุทรยิ้มเย็น มิได้เกรงกลัวไป๋มู่
ถึงแม้ทะเลต้องห้ามมีเขาเหลือรอดเพียงคนเดียว ทว่ารากฐานยังอยู่ ด้วยรากฐานเหล่านี้ เขาฟื้นฟูผนึกบนเกาะได้พอสมควร
ไป๋มู่อยู่ในขอบเขตตี้จวิน มิได้ด้อยความสามารถ ทว่าด้วยพลังผนึกบนเกาะ เขายังสามารถปลิดชีพไป๋มู่ที่นี่ได้สบาย
“อย่าเข้าใจผิด พวกเราแค่ต้องการมาเจรจาเท่านั้น”
ไป๋มู่กล่าว “พลังที่คอยคุ้มกันปฐพีผืนนี้มีรอยร้าว สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนเริ่มบุกเข้ามาตามรอยร้าวนั้นแล้ว หากไม่รีบสมานรอยร้าว ย่อมต้องขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ถึงคราวนั้น กองทัพอาณาจักรเทียนหยวนคงได้รุกรานเข้ามาเต็มกำลังแน่นอน!”
เขาเอ่ยต่อ “ใต้รังที่แตกสลาย ไฉนเลยจะมีไข่ที่เหลือรอดสมบูรณ์ ครานั้น น่ากลัวว่าทะเลต้องห้ามเองก็เอาตัวรอดไม่ได้ อาจถูกสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนบ่อนทำลายได้”
พูดมาถึงนี่ เขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง
เขามองจ้าวสมุทรพลางกล่าว “เพราะอย่างนั้น ที่พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อวอนขอความช่วยเหลือจากทะเลต้องห้าม หวังว่าทะเลต้องห้ามจะยอมให้เรายืมของวิเศษจำนวนหนึ่ง เพื่อให้เรามีกำลังมากพอในการซ่อมแซมรอยร้าว”
บัด…ซบ มายืมของวิเศษกันอีกแล้ว!
หลังได้ฟังวาจาของไป๋มู่ อย่าให้พูดเลยว่าสีหน้าจ้าวสมุทรย่ำแย่ปานใด
ระยำเอ๊ย!
กะเอาไปไม่จบไม่สิ้นกันเลยหรือ!