รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 60 กระดูกมหัศจรรย์ พรสวรรค์ฟ้าประทาน
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 60 กระดูกมหัศจรรย์ พรสวรรค์ฟ้าประทาน
บทที่ 60 กระดูกมหัศจรรย์ พรสวรรค์ฟ้าประทาน
หลิงอินเผยสีหน้าประหลาด ชายชราคนนี้เรียกได้ว่าบ้ามาก…
เซียน…?
ผู้อาวุโสท่านนี้ก็เป็นเซียนอยู่แล้ว แถมเขายังแข็งแกร่งกว่าเซียนเสียด้วยซ้ำ!
ครอบครองพลังอันไร้ขีดจำกัด…?
ผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้สามารถทำลายจักรวาลดาราได้เพียงความคิดเดียวเท่านั้น!
ท่องไปในสวรรค์และโลก…?
สวรรค์และโลกคืออะไร ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่บรรเลงกู่ฉินเพลงเดียวก็ปรากฏตำหนักเซียนและเซียนร่ายรำแล้ว!
หลิงอินปวดหัว ชายชราบ้าบอนี่มาจากที่แห่งหนใด?
“อะไรนะ?”
หลี่จิ่วเต้าแสดงท่าทางแปลก ๆ ทันทีโดยสงสัยว่าตนได้ยินผิดไป
เหตุใดเขาจึงจะไม่อยากเป็นอมตะและกลายเป็นเซียน เหตุใดเขาจึงจะไม่ต้องการเริ่มต้นเส้นทางแห่งการฝึกฝน ครอบครองพลังอันไร้ขอบเขต เหตุใดเขาจึงจะไม่ต้องการท่องไปในสวรรค์และโลกหล้า…
ประเด็นคือเขาไม่สามารถทำไม่ได้…
เพราะเขาไม่มีคุณสมบัติในการฝึกตน และเขาไม่สามารถย่างก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกตนได้เลย
ชายชราเมิ่งจีรู้สึกภาคภูมิใจมากนักเมื่อเห็นท่าทีของหลี่จิ่วเต้า
นี่คือพฤติกรรมของคนปกติ
ผู้ฝึกฝนไม่สามารถอยู่เฉยต่อคำถามของเขาได้ นับประสาอะไรกับมนุษย์ธรรมดา
พฤติกรรมของหลิงอินตอนนี้ผิดปกติยิ่ง เพราะนางดูไม่แยแสเลย
“เด็กสาวอยู่ในห้วงแห่งรัก…”
ชายชรารู้สึกพึงพอใจกับท่าทางของหลี่จิ่วเต้า มันเหมือนกับเป็นการบอกว่าสิ่งที่เขาถามนั้นถูกต้องแล้ว หลังจากชนะใจหลี่จิ่วเต้าแล้ว หลิงอินย่อมติดตามเขาอย่างเชื่อฟังโดยธรรมชาติ
‘ข้าเกรงว่าผู้อาวุโสคงไม่เคยคิดว่า จะมีคนเช่นนี้มาปรากฏตัวต่อหน้าเขา!’
หลิงอินเห็นท่าทีของหลี่จิ่วเต้าและเอ่ยในใจอย่างอับจนคำพูด
มันคงจะแปลกถ้าท่าทีของผู้อาวุโสยังสามารถเป็นปกติได้!
ต่อหน้าผู้อาวุโสแล้ว ชายชราผู้นี้หาใช่แม้แต่ฝุ่นธุลี…
“อย่าสงสัยเลย ข้ามาจากนิกายลับสวรรค์ที่อยู่ภาคกลาง ตราบใดที่เจ้าต้องการ ข้าสามารถทำให้เจ้าเป็นเซียนด้วยพลังอันไร้ขอบเขต แล้วเจ้าก็สามารถท่องไปในสวรรค์และโลกได้”
ชายชราเมิ่งจีมองไปที่หลี่จิ่วเต้า และเริ่มชักชวนหลี่จิ่วเต้าอย่างดุเดือด
“นิกายลับสวรรค์จากภาคกลาง แข็งแกร่งหรือ…?”
หลี่จิ่วเต้าถาม
เขารู้ว่ามีห้าภาคในเหยียนโจว แต่ไม่รู้ว่าภาคกลางนั้นยิ่งใหญ่กว่าตะวันออก ตะวันตก เหนือและใต้ ซ้ำยังแข็งแกร่งกว่าอีกสี่ภาคที่เหลือนัก
นี่เพราะความรู้เกี่ยวกับภาคกลางของเขามีจำกัด
ชายหนุ่มไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าชายชราเมิ่งจีพูดอะไรเกี่ยวกับนิกายลับสวรรค์
‘แข็งแกร่งหรือ…? ชายชรา เจ้ายังฟังคำเหน็บแนมของผู้อาวุโสไม่ออกอีกหรือ เหตุใดไม่รีบ ๆ เดินออกไปเสียเล่า!’
หลิงอินพึมพำในใจ
“มันยิ่งกว่าแข็งแกร่งเสียอีก เอาเป็นว่า สำนักผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดในบูรพาทิศไม่ใช่แม้แต่มดปลวกต่อหน้านิกายลับสวรรค์ของเรา นิกายลับสวรรค์เราสามารถกระทืบเท้าทำลายสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดในภาคตะวันออกได้เลย!”
ชายชราเมิ่งจีไม่รู้สึกว่าหลี่จิ่วเต้าเหน็บแนมเลย เขาแค่คิดว่าหลี่จิ่วเต้าไม่เข้าใจนิกายลับสวรรค์เพียงเท่านั้น
ภาคตะวันออกนั้นกว้างใหญ่นัก และภาคกลางก็อยู่ห่างไกลจากภาคตะวันออกมาก มนุษย์จะเข้าใจภาคกลางอันห่างไกลเช่นนี้ได้อย่างไร
เกรงว่าเขาจะไม่รู้มากนักเกี่ยวกับภาคตะวันออกที่เขาอยู่ด้วยซ้ำ
“อ้อ”
หลี่จิ่วเต้าเพียงบางอ้อ จากนั้นก็ไม่มีอะไรอีก
สำนักที่แข็งแกร่งที่สุดในภาคตะวันออกไม่ใช่แม้แต่มดปลวก?
นี่กำลังหลอกด่าเขาว่าโง่?
จะมีสำนักใดที่ทรงพลังและน่ากลัวเช่นนี้ได้เล่า…
เขาไม่เชื่อ
นอกจากนี้ แม้ว่าจะมีสำนักอันทรงพลังและน่ากลัวเช่นนี้อยู่จริง ๆ แต่อีกฝ่ายจะมาชักชวนเขาไปทำไม?
เขาไม่มีคุณสมบัติในการฝึกฝนเลยด้วยซ้ำ…
“เจ้าหนุ่ม กระดูกของเจ้าน่าทึ่งยิ่งนัก ไหนจะพรสวรรค์ฟ้าประทาน และปราณวิญญาณที่กำลังแผ่ออกมาจากร่างกายของเจ้า เจ้าจะต้องเป็นอัจฉริยะแห่งการฝึกฝนแน่ ๆ หากเจ้าก้าวเข้าสู่การฝึกฝน เจ้ามีแต่ถูกลิขิตให้พุ่งขึ้นไป เหยียบย่ำใต้หล้าและกลายเป็นผู้ชนะโลกทั้งใบ!”
ชายชราเมิ่งจีหยุดพูดเมื่อเขาได้ยินเสียงบางอ้อของหลี่จิ่วเต้า เขานึกว่าหลี่จิ่วเต้ามัวแต่ตะลึงกับพลังของนิกายลับสวรรค์อยู่
นี่ทำให้เขารีบชักชวนหนักกว่าเดิม ยกย่องหลี่จิ่วเต้าทีละน้อย และใช้โอกาสนี้ยอมรับหลี่จิ่วเต้า
“…”
ใบหน้าของหลี่จิ่วเต้าเต็มไปความมืดมน เขารู้สึกพูดไม่ออก
ข้าดูหน้าโง่มากใช่หรือไม่?
กระดูกน่าทึ่ง พรสวรรค์ฟ้าประทาน และปราณวิญญาณที่กำลังแผ่ออกมาจากร่างกาย!
ชายชราท่านนี้ได้โปรดหยุดพูดเรื่องไร้สาระเถิด!
การประเมินคุณสมบัติผู้ฝึกตนของสำนักไท่หัวเป็นเพียงการแสดงหรือไร
หากเขามีพลังขนาดนั้นจริง ๆ ก็คงไม่อยู่ที่นี่แล้ว แต่คงเข้าร่วมสำนักไท่หัวไปนานแล้ว!
“ผู้เฒ่า การฝึกตนนั้นมีขึ้นมีลง ซ้ำยังมีหายนะมากมาย มันจะดีไปกว่าการเป็นมนุษย์ได้อย่างไร…ฮ่า ๆ ผู้เฒ่า ท่านควรไปหาผู้อื่น ข้าไม่มีความตั้งใจจะเป็นเซียน ข้าต้องการเป็นเพียงมนุษย์ในโลกมนุษย์นี้เท่านั้น”
หลี่จิ่วเต้ายิ้มและเดินออกจากตรงนั้นกับหลิงอิน
เขานัดกับหลิงอินไว้ว่าจะไปตกปลาให้เสี่ยวไป๋ที่ริมแม่น้ำนอกเมือง
ที่บ้านเหลือปลาแค่สองสามตัว ไม่เพียงพอจะให้เสี่ยวไป๋กิน เขาพูดเมื่อวานนี้ว่าวันนี้จะไปตกปลาริมแม่น้ำ และหลิงอินก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่าจะไปด้วย
หลิงอินมาหาเขาทุกวัน ด้วยเหตุนี้ เขากับหลิงอินจึงเริ่มคุ้นเคยกันแล้ว และความคลุมเครือที่เกิดขึ้นตอนดูตัวก็หายไปนานแล้ว
ชายหนุ่มคิดว่าความรู้สึกเช่นนี้ไม่เลวเลย
เขาไม่ชอบความคลุมเครือที่เกิดจากการนัดดูตัว
ไม่ว่าจะที่ดาวเคราะห์สีฟ้าหรือโลกนี้ เขาไม่เคยมีความรัก และมักรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ ยามต้องเข้าหาเพศตรงข้ามด้วยความคลุมเครือ…
“หลิงอินค่อนข้างดีในทุก ๆ ด้าน แต่มัน…ยังเร็วเกินไป ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง”
จะแต่งงานตอนอายุสิบแปดหรือไร
หลี่จิ่วเต้ารู้สึกว่ายังเด็กเกินไป เขาไม่ต้องการแต่งงานไวขนาดนั้น และเขายังมีสิ่งต้องทำอีกมากมายในอนาคต
อีกทั้งเขายังไม่คุ้นเคยกับโลกนี้มากนัก
‘พูดถึงเรื่องนี้ เซี่ยเหยียนก็ไม่ได้มาหลายวันแล้ว…’
หลี่จิ่วเต้านึกถึงเซี่ยเหยียน ตั้งแต่เซี่ยเหยียนจากไปพร้อมพ่อของนาง นางก็ไม่ได้มาหาเขาอีก
ตอนนั้นเซี่ยเหยียนพาเขาไปที่ชิงซานเพื่อล่าสัตว์ทุกวัน เขายังรู้สึกรำคาญเล็กน้อย แต่ตอนนี้เมื่อไม่ได้เจอเซี่ยเหยียนหลายวัน เขาจึงคิดถึงนางเล็กน้อย
“ผู้ฝึกตนไม่ได้สบายเหมือนข้า นางคงกำลังยุ่งอยู่กับการฝึกฝน…”
เขาไม่ได้คิดอะไรมาก
อย่างไรเสียเซี่ยเหยียนก็เป็นผู้ฝึกตน และนางมีหลายสิ่งหลายอย่างต้องทำมากกว่าเขาที่เป็นมนุษย์
“เพ้ย เหตุใดจึงรีบร้อนจากไปนักเล่า!”
ชายชราเมิ่งจีรู้สึกตกตะลึงยิ่ง เขาว่าเขาเกลี้ยกล่อมดีแล้วนะ เหตุใดทั้งคู่จึงได้รีบร้อนออกไปเสียนักเล่า!
แค่หลี่จิ่วเต้าไปเขานั้นไม่สนใจ แต่หลิงอินจะไปด้วยไม่ได้!
พลังวิญญาณโดยกำเนิดของหลิงอินนั้นน่าทึ่งนัก นี่เป็นต้นกล้าที่ดีในการฝึกทักษะการอนุมาน เขาจะพาหลิงอินกลับนิกายลับสวรรค์ให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
เมืองชิงซาน ในลานเล็ก ๆ ของหลี่จิ่วเต้า
ลั่วสุ่ยกลิ้งไปมาบนพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด
หลังจากกินมัจฉาจำนวนมากจากอาณาจักรเก้าตอนบนไป ร่างกายของนางก็กลายพันธุ์ สายเลือดพยคัฆ์ขาวเริ่มตื่นขึ้น และนางกำลังจะเริ่มวิวัฒนาการ!
ตอนแรกหลี่จิ่วเต้าจะพานางไปตกปลาด้วย แต่เมื่อเห็นว่านางไม่สบายเล็กน้อย หลี่จิ่วเต้าจึงไม่พานางไปที่นั่นและทิ้งนางไว้ที่บ้าน
โฮก!
นางทำเสียงเหมือนแมวและเสือ แล้วร่างของแมวทั้งหมดก็ใหญ่ขึ้นในทันที ชั่วพริบตานั้น พลังของพยัคฆ์ก็หลั่งไหลออกมาจากร่างกายของนาง
นางเริ่มวิวัฒนาการเป็นเสือขาวแล้ว!
“สวรรค์ไม่ยุติธรรม ลูกแมวตัวนี้ ต่อให้วิวัฒนาการก็ยังด้อยกว่าเรามากอยู่ดี…”
ในตู้ปลา ท่ามกลางมัจฉาสามตัวที่เหลือ มัจฉาสัตมายาอยากจะร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา
สายเลือดของพวกเขาทรงพลังและน่าเกรงขามเพียงใด ต้องเรียกว่าแข็งแกร่งกว่าสายเลือดของจักรพรรดิเสียด้วยซ้ำ แมวขาวระดับต่ำอย่างลั่วสุ่ยนั้นเทียบไม่ได้เลยจริง ๆ!
อย่างไรก็ตาม สวรรค์นั้นไม่ยุติธรรม ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่รักแมวขาวตัวน้อยมากจนไม่สนใจพวกมัน แถมยังใช้พวกมันเป็นอาหารให้แมวขาวตัวน้อยอีก…