รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 792 ท้ายสุดตัวละครต่ำต้อยก็จะกลายเป็นตัวละครยิ่งใหญ่!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 792 ท้ายสุดตัวละครต่ำต้อยก็จะกลายเป็นตัวละครยิ่งใหญ่!
บทที่ 792 ท้ายสุดตัวละครต่ำต้อยก็จะกลายเป็นตัวละครยิ่งใหญ่!
“แยกย้ายกันหนี!”
ผู้นำตระกูลเทียนตะโกนลั่น ทั้งตนทั้งผู้เป็นนิรันดร์อีกสี่ตนแยกย้ายกันหนีไปคนละทาง หากให้สู้ย่อมไม่ไหวแน่ ที่ทำได้มีเพียงการหนีเพื่อประวิงเวลา
ทันทีที่ท่านดาบโลหิตจัดการต้นหลิวได้แล้ว พวกเขาจักได้รับความช่วยเหลือ ขอเพียงพวกเขาไม่ถูกก้อนหินไล่ตามมาทันก็พอ
“คิดอันใดอยู่!”
ก้อนหินยิ้มเย็น แผ่จิตออกไปผนึกพื้นที่นี้ไว้ ผู้นำตระกูลเทียนและผู้เป็นนิรันดร์ตนอื่นไม่มีทางประวิงเวลาจากมันได้
มันปรากฏกายข้างผู้เป็นนิรันดร์ตนหนึ่งอย่างฉับพลัน ออกแรงผ่าผู้เป็นนิรันดร์ตนนั้นเป็นสองท่อน กฎระเบียบประหลาดบางอย่างไหลเวียนออกมา ลบล้างทุกสิ่งของผู้เป็นนิรันดร์ตนนั้นทิ้งจนสิ้น ปลิดชีพเขาโดยสมบูรณ์!
ต่อมา มันปรากฏตัวข้างกายผู้เป็นนิรันดร์อีกตนอย่างรวดเร็ว และฆ่าเขาด้วยวิธีการเดียวกัน!
กฎระเบียบที่มันมีนั้นน่ากลัวเกินไป ความไม่แตกไม่ดับของผู้เป็นนิรันดร์ไม่มีผลเลยเมื่ออยู่ต่อหน้ามัน พยัคฆ์ขาวและผู้เป็นนิรันดร์ที่เหลือเคร่งเครียดขึ้นมา นี่คือกฎระเบียบใดกันแน่ ถึงสังหารผู้เป็นนิรันดร์ได้ง่ายดายราวกับหั่นแตงโม!
“ท่านดาบโลหิตช่วยด้วย ท่านกระโปรงช่วยด้วย!”
ผู้นำตระกูลเทียนร่ำไห้โหวกเหวก เพียงครู่เดียว ผู้เป็นนิรันดร์อีกสองตนก็ถูกสังหารลงอย่างสมบูรณ์ ต่อไปถึงตาเขาแล้ว!
เขาอยากเรียกดาบโลหิตหรือกระโปรงสีขาวแห่งความตายมาช่วย อนิจจา ไม่มีผู้ใดแยแสตน ดาบโลหิตไม่เคยมา กระโปรงสีขาวแห่งความตายไม่เคยปรากฏตัว
พรวด! พรวด! พรวด!
เลือดสาดกระเซ็น พลานุภาพของก้อนหินดุดันไร้เทียมทาน มันสังหารผู้เป็นนิรันดร์ไปอีกสองตน ที่เหลือมีเพียงผู้นำตระกูลเทียนเท่านั้น
“ข้าขอสู้ตายกับเจ้า!”
ผู้นำตระกูลเทียนคำรามกราดเกรี้ยว รีดเร้นพลังสุดชีวิต หมายจะลากก้อนหินให้ตายตกไปด้วยกัน
“เจ้ามีคุณสมบัติอันใดมาสู้ตายกับข้า!”
ก้อนหินฟันดาบออกไป ไม่ว่าผู้นำตระกูลเทียนเร่งกำลังอย่างไรก็ไม่อาจต้านทาน กฎระเบียบพิเศษอันน่าพรั่นพรึงห้อมล้อมตัวดาบ ลบล้างได้ทุกสิ่ง และสังหารผู้นำตระกูลเทียนได้
นอกอาณาจักรยังคงต่อสู้กันหนักหน่วง ดุเดือดเลือดพล่าน ภาพการณ์น่าสะพรึงจนจินตนาการไม่ออก ก้อนหินเงยหน้ามอง นึกในใจว่าพี่หลิวก็คือพี่หลิว เทียบกับมันแล้ว ต้นหลิวแข็งแกร่งกว่ามากจนมันเทียบไม่ติด
“นี่หรือคือความห่างชั้น?!”
มันถอนหายใจ ต้นหลิวไม่ใช่ผู้ที่มันไล่ตามได้ไหว เกรงว่าภายภาคหน้ามันก็ต้องเป็นลูกสมุนของต้นหลิวไปตลอดกาล ฝันที่ต้องการกำราบต้นหลิวคงไม่มีวันเป็นจริง
นอกเสียจาก… นอกเสียจากมันมีภูมิหลังยิ่งใหญ่กว่านั้น!
“ข้าเชื่อว่าข้ามี!”
มันเอ่ยเสียงแน่วแน่ สะกดจิตตนเองอีกครั้งว่าตัวมันมีปูมหลังยิ่งใหญ่ ชาติก่อนเคยรุ่งโรจน์เจิดจรัสถึงขีดสุด!
แน่นอนว่ามันต้องการเพียงแค่นั้น เรื่องอื่นไม่จำเป็น
อย่างเช่นเรื่องที่มีหนี้แค้นใหญ่หลวงอันน่าสังเวช…
ตู้ม! ตู้ม!
เสียงระเบิดดังกึกก้องอยู่นอกอาณาจักร ดวงดาวแตกออกติดต่อกัน ปรากฏการณ์ประหลาดเผยให้เห็นคณานับ นี่ถือเป็นการต่อสู้สะท้านโลกันตร์อย่างแท้จริง พยัคฆ์ขาวและผู้เป็นนิรันดร์ตนอื่นที่ได้เห็นต่างชาวาบไปทั้งหนังศีรษะ ดวงวิญญาณสั่นสะท้านไม่หยุดหย่อน
ไม่นึกเคลือบแคลงเลยว่า หากพวกตนไปยังที่นั่น เกรงว่าต้องถูกกำจัดไปในพริบตาและตายสนิท
“นี่มันพลังอะไรนี่!”
“น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
พวกเขาถอนหายใจ พลังเช่นนี้ถือเป็นพลังที่ไม่รู้จักสำหรับพวกตน เบื้องบนของผู้เป็นนิรันดร์คือสิ่งใด? พวกเขาต้องกลับมาทบทวนเรื่องนี้ใหม่อีกครา
ก่อนนี้ เมื่อคราวร่างภาพฉายของหลี่จิ่วเต้าต่อสู้กับกระโปรงสีขาวแห่งความตาย พวกเขาก็ใคร่ครวญถึงปัญหานี้ พลังระดับนั้นเหนือชั้นกว่าขอบเขตนิรันดร์อย่างสิ้นเชิง
ความมืดมิดเปิดฉากแล้ว และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น แล้วพลังมืดมิดนี้กำเนิดขึ้นจากที่ใด?!
ข้อข้องใจมากมายเหลือเกิน จิตใจพวกเขาหนักอึ้ง เคยคิดว่าพวกตนยืนอยู่บนจุดสูงสุดแห่งการฝึกตน ทว่าทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ตื้นเขินอย่างที่พวกเขาคิด ยังมีอีกหลายเรื่องราวที่ไม่เคยทราบ และพลังอีกนับคณาที่ไม่เคยสัมผัส…
…..
เทวโลกชั้นหนึ่ง
หนานฉงเปื้อนเลือดทั้งตัว บาดแผลชวนขนลุกเต็มกาย สภาพสะบักสะบอมดูไม่ได้
เขาหอบหายใจ วิ่งมานานเท่าใดไม่รู้จนตัวเหม็นไปหมด
“พี่หลิว ท่านลืมข้าไปแล้วหรือ?!”
เขาเงยหน้ามองนอกอาณาจักร ร่ำไห้น้ำหูน้ำตาไหล เหตุใดถึงรู้สึกเหมือนพี่หลิวลืมตนไปแล้วอย่างนั้น เขาอยู่ชั้นแรกมานานมากทีเดียว!
อันที่จริง ต้นหลิวลืมหนานฉงไปแล้วจริง ๆ มิฉะนั้น ก่อนมันกลับไปย่อมต้องพาหนานฉงไปด้วย
และในช่วงที่ผ่านมา อย่าให้เอ่ยเลยว่าหนานฉงอนาถเพียงใด แม้ที่นี่จะเป็นเทวโลกชั้นหนึ่ง ทว่ากลับสยดสยองสุดขีด ชีวิตแต่ละวันอยู่ท่ามกลางภยันตราย ถูกสิ่งมีชีวิตที่นี่ไล่ฆ่าทุกวี่วัน
พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็โมโหนัก เรื่องบ้าอะไรกันนี่ เขาเพียงเดินผ่านสถานที่หนึ่งแล้วเผลอเห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังพลอดรัก ก็ถูกไล่ล่าอย่างน่าเวทนา ซ้ำชายหญิงคู่นั้นยังออกคำสั่งให้สิ่งมีชีวิตตนอื่นตามจับเขาด้วย
“ชายโฉดหญิงชั่ว ประพฤติผิดในประเวณี คบชู้กันเปิดเผยเยี่ยงนี้!”
เขาสบถไม่หยุด รู้สึกว่าตัวเองนั้นโชคร้ายจริง ๆ เดิมไม่รู้ว่าเหตุใดชายหญิงคู่นั้นต้องไล่ล่าไม่ยอมเลิกรา อีกทั้งป้ายสีว่าตนเป็นโจรขโมยเครื่องแต่งกาย จ้องลักเฉพาะอาภรณ์ชั้นในของสตรี!
ถึงอย่างไร การพลอดรักระหว่างชายหญิงก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอันใด
ต่อมา เมื่อถูกไล่ล่าถึงได้รู้ว่าสัมพันธ์ของชายหญิงคู่นั้นเลวร้าย ให้ผู้ใดล่วงรู้ไม่ได้!
ชายผู้นั้นเป็นศิษย์เอกของนิกายหนึ่ง ส่วนสตรีนางนั้นเป็นภรรยาของเจ้านิกาย หรือก็คืออาจารย์แม่ของบุรุษผู้นั้น!
ความสัมพันธ์เยี่ยงนี้ถูกคนพบเห็นเข้า ชายหญิงคู่นั้นย่อมต้องไล่ล่าอย่างไม่ยอมเลิกรา
“ให้ผู้ใดรู้ไม่ได้แต่พวกเจ้ายังกระทำการออกนอกหน้าปานนี้เชียวหรือ ไม่รู้จักอำพรางตนบ้างเลย ‘พลอดรักสำราญ’ กันบนยอดเขาขนาดนั้น! พวกเจ้าไม่รู้จักลักลอบสำราญกันในที่ลับหรืออย่างไร?!”
เขาเอ่ยเสียงเคียดแค้น “เพียงเพื่อรสนิยมพิเศษแบบนั้น พวกเจ้าสร้างความลำบากให้ผู้อื่นไม่น้อยเลย!”
เห็นได้ชัดว่าที่ชายหญิงคู่นั้น ‘พลอดรักสำราญ’ กันบนยอดเขาก็เพื่อความตื่นเต้นเร้าใจ
“พวกเจ้าหาข้ออ้างไล่ฆ่าข้าก็ได้อยู่หรอก แต่ความผิดที่โบ้ยมาให้นั่นมันเรื่องบ้าอันใด?! โจรขโมยเครื่องแต่งกายหรือ ซ้ำยังเป็นประเภทอาภรณ์ชั้นในอีกด้วย อีกทั้งยังเอ่ยว่าข้าขโมยแม้แต่ถุงเท้า ซ้ำร้ายยังเป็นสิ่งที่โปรดปรานที่สุด!”
หนานฉงเดือดดาลยิ่งนัก ยิ่งคิดยิ่งขยะแขยง เขาก่นด่าต่อไป “ถุย ผู้ใดพิศวาสถุงเท้าเหม็นหึ่งของเจ้ากัน?! น่าคลื่นเหียน น่าคลื่นเหียนจริง ๆ!”
พูดมาถึงตรงนี้ ฉับพลันนั้น เขานึกบางอย่างขึ้นได้ สีหน้าประหลาดขึ้นมา
“เอ่ยเช่นนี้ก็ไม่ถูก มีผู้พิศวาสของเช่นนี้อยู่จริง! บางคนที่คอยไล่ล่าข้าก็หวังถุงเท้าเหม็นหึ่งที่ว่านั่น ซ้ำยังเคยกล่าวว่าหากยอมยกให้ จะช่วยคุ้มครองข้าอีกด้วย!”
หนานฉงสะดุ้ง ในใต้หล้านี้มีคนอยู่ทุกประเภทจริง ๆ มีคนโปรดปรานถุงเท้าเหม็นหึ่งด้วย เขาได้เปิดโลกแล้ว
ทว่า หนานฉงนั้นดูจะโลกแคบไปหน่อย สุนัขขาวที่ถูกหลี่จิ่วเต้าฆ่าก็ประกอบอาชีพนี้ คอยลักขโมยอาภรณ์ชั้นในของผู้ฝึกตนหญิงมาขาย ซ้ำยังขายดิบขายดี โดยเฉพาะถุงเท้าของผู้ฝึกตนหญิง ยิ่งขายดีเข้าไปใหญ่ สิ่งมีชีวิตที่มาขอซื้อจากสุนัขขาวคับคั่งเป็นอย่างมาก
“ไปล่ะ หาที่ซ่อนตัวก่อน หวังว่าพี่หลิวจะไม่ได้ลืมข้าจริง ๆ!”
เขารีบไปจากที่นี่ เพื่อหาที่ปลอดภัย
ศึกนอกอาณาจักรระหว่างพี่หลิวและดาบโลหิตเอิกเกริกยิ่งนัก บรรดาสิ่งมีชีวิตที่คอยไล่ล่าเขาถูกการต่อสู้นอกอาณาจักรดึงดูด จึงหยุดตามเขาชั่วคราว
…..
ศึกนอกอาณาจักรรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนอยู่ในจุดเดือดแล้ว ดาบโลหิตอึ้งงัน คิดไม่ถึงเลยว่าต้นหลิวจะต่อกรด้วยยากถึงเพียงนี้!
นี่เพิ่งผ่านไปได้ไม่ทันไร ต้นหลิวก็ก้าวหน้าจนอยู่ในระดับนี้แล้วหรือ?!
ตัวแปรผิดแผกสมเป็นตัวแปรผิดแผก ไม่อาจคาดการณ์ด้วยหลักการทั่วไป!
มันไม่คิดว่าต้นหลิวบำเพ็ญมาถึงขั้นนี้ได้ด้วยตนเอง เรื่องนี้ย่อมมีความเกี่ยวข้องกับตัวแปรผิดแผกอย่างหลี่จิ่วเต้า ไม่เช่นนั้น ต่อให้หลี่จิ่วเต้าสะท้านโลกันตร์เพียงใด ก็ไม่มีทางยกระดับถึงขั้นนี้ได้ในระยะอันสั้น
อันที่จริง ดาบโลหิตคิดถูกแล้ว
แม้ว่าต้นหลิวจะยกระดับขึ้นมาภายใต้การเคี่ยวกรำจากความเป็นความตาย กระนั้นพลังที่มีก็มาจากวิชาที่ได้เล่าเรียนจากหลี่จิ่วเต้าเสียมากกว่า
วิชานี้อัศจรรย์ยิ่งนัก ที่ต้นหลิวเสี่ยงชีวิตเคี่ยวกรำตนเองก็เพื่อรีดเร้นศักยภาพของมันออกมา เร่งความเร็วในการฝึกวิชาเหล่านี้
หากไม่มีวิชาเหล่านี้ ต่อให้ต้นหลิวเคี่ยวกรำตนเองด้วยการเสี่ยงชีวิตอีกนับหมื่นปี ก็ไม่มีทางสำเร็จได้อย่างวันนี้
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เวลานี้ ต้นหลิวกลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว มันสำแดงวิชามวยไทเก๊ก ผสานทั้งความแข็งแกร่งและความนุ่มนวล สู้จนดาบโลหิตสะท้านเหลือแสน เริ่มต้านทานไม่อยู่
“สมควรตายนัก ต้องถูกตัวตนต่ำต้อยเยี่ยงเจ้ากำราบหรือนี่!”
ดาบโลหิตส่งเสียงกราดเกรี้ยว
สิ่งสำคัญคือร่างจริงของมันไม่ได้อยู่ที่นี่ หากเป็นร่างจริงของมัน มีหรือที่สถานการณ์การต่อสู้จะเป็นเช่นนี้ ไม่มีทาง!
หากมีร่างจริงของมันต่อสู้ด้วยดาบโลหิตเล่มนี้ จักสังหารต้นหลิวได้ในดาบเดียว!
น่าเสียดาย ด้วยเหตุผลบางอย่าง ร่างจริงไม่สามารถมาที่นี่
“ท้ายสุดตัวละครต่ำต้อยก็จะกลายเป็นตัวละครยิ่งใหญ่ที่เจ้าไม่อาจเทียบเทียม!”
ต้นหลิวมีสีหน้าเย็นชา เมื่อมีความมั่นใจในระดับนี้ มันยิ่งรู้สึกว่าภายภาคหน้าจักต้องเกิดการจลาจล เจ้าพวกที่เพ่งเล็งคุณชายสุดท้ายก็ต้องโผล่ออกมา
และมันจักเป็นมือซ้ายขวาของคุณชาย ช่วยคุณชายขจัดศัตรูทั้งปวง!
“เจ้าเป็นเพียงคนเพ้อพกผู้หนึ่งเท่านั้น! ไม่สิ ต้นไม้เพ้อพกต่างหาก!”
จิตสังหารของดาบโลหิตพลุ่งพล่าน แม้จะถูกปราบปรามลงแล้ว กระนั้นทั้งหมดยังอีกไกลกว่าจะยุติ!
เวลานั้น ความมืดมิดจู่โจมเข้ามา กระโปรงสีขาวแห่งความตายตัวนั้นปรากฏ ดาบโลหิตเหินไปหากระโปรงสีขาวแห่งความตาย
ภาพพิศวงปรากฏ กระโปรงสีขาวแห่งความตายมีกายเนื้องอกออกมา ผิวพรรณนุ่มลื่น รูปร่างอรชร ทว่าไม่มีศีรษะ
“ทุกอย่างกำลังเป็นไปในทางที่ดี บัดนี้ พลังสะท้อนก็แกร่งกล้าขึ้นจนสะท้อนร่างของข้าออกมาได้แล้ว!”
เสียงหนึ่งดังออกจากกระโปรงสีขาวแห่งความตายคล้ายรำพึงรำพัน
ร่างที่สะท้อนออกมาช่วยให้มันแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย น่าเสียดายที่คราวก่อนมันไม่อาจสะท้อนกายเนื้อออกมาได้ มิฉะนั้น มันกำราบร่างภาพฉายของหลี่จิ่วเต้าได้แน่นอน และสืบเสาะตื้นลึกหนาบางของร่างภาพฉายหลี่จิ่วเต้าได้ด้วย!
“คนคุ้นเคยหรือ อยากรู้เหลือเกินว่าเจ้าเป็นใคร!”
คล้ายว่ามันกำลังพูดกับตัวเอง ความรู้สึกคุ้นเคยที่เคยสัมผัสได้จากภาพฉายหลี่จิ่วเต้านั้น บางทีอาจเป็นคนคุ้นเคยของมัน
“ตอนนี้ยังไม่สาย!”
มันส่งเสียงหัวเราะ ยกดาบโลหิตขึ้นเล็งไปที่ต้นหลิว “ข้าคิดว่า ถึงคราวเจ้าใกล้ตาย เขาคงต้องปรากฏตัวกระมัง!? ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่าเขาเป็นใคร!”
คราวนี้กายเนื้อของมันถูกสะท้อนออกมาด้วย ซ้ำยังมีดาบโลหิตในมือ มันมั่นใจว่าบงการได้ทุกสิ่ง!
“ตัวบ้าอะไร บังอาจหมายหัวคุณชาย คราวนี้ ข้าจักบดขยี้เจ้าให้แหลกลาญ!”
ต้นหลิวเอ่ยเสียงเย็น พลังในตัวรีดเร้นจนถึงขีดสุด ไม่นึกกลัวเกรงสิ่งใด!
นับแต่นาทีนี้ จักต้องเริ่มช่วยคุณชายกวาดล้างศัตรูแล้ว!
มันคิดในใจ ความต้องการรบพลุ่งพล่าน!