รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 796 ก็จะเอาจำนวนเข้าข่ม ไม่พอใจก็ต้องกลั้นไว้!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 796 ก็จะเอาจำนวนเข้าข่ม ไม่พอใจก็ต้องกลั้นไว้!
บทที่ 796 ก็จะเอาจำนวนเข้าข่ม ไม่พอใจก็ต้องกลั้นไว้!
“ตีกลองศึกให้ดัง แล้วลุยเข้าไปเลย!”
“กระทืบจักรวาลโกลาหลผืนนี้ให้ราบคาบ!”
บรรพจารย์พิศวงลางร้ายทั้งหกยิ้มเย็นขณะออกคำสั่งลงไป ฉับพลันนั้น เสียงตีกลอง ‘ตึงตัง’ ดังขึ้น สมาชิกฝ่ายพิศวงลางร้ายทั้งหมดในสถานที่นี้ถาโถมออกไป
ทั้งหมดยืนยั้วเยี้ยเรียงราย มีจำนวนร่วมแสน เนื้อตัวเต็มไปด้วยขนยาวพิศวง อย่าให้เอ่ยเลยว่าดูขนลุกเพียงใด!
“ฆ่า!”
เสียงตะโกนร้องบุกดั่งกึกก้อง บรรพจารย์พิศวงลางร้ายทั้งหกนำทัพรุดหน้าไปยังสนามรบ
ห่างออกไปไกลโพ้น ในอีกจักรวาลโกลาหล
ร่างสยดสยองสูงเทียมฟ้ามากมายเพ่งสายตามองสมรภูมินั้นด้วยความสนใจ
“วันนี้ไม่เหมือนในอดีต พวกเราผ่านพิธีบรรพชามาอีกครั้งจนเปลี่ยนแปลงไปถึงแก่น เสวี่ยเทียนจะไม่ตายเปล่า คนผู้นั้นต้องชดใช้!”
“คนผู้นั้นจักกลายเป็นขุนศึกใต้บัญชาเรา ออกรบเพื่อเรา!”
พวกมันสื่อสารกัน
ที่นี่คือแดนกำเนิดพิศวงลางร้ายอย่างแท้จริง ร่างสยดสยองเหล่านั้นคือต้นบรรพจารย์พิศวงลางร้าย เสวี่ยเทียนที่พวกมันกล่าวถึงคือต้นบรรพจารย์พิศวงลางร้ายผู้ถูกร่างระเบียบของหลี่จิ่วเต้าบดขยี้แหลกลาญ
พวกมันหมายตาหลี่จิ่วเต้า ทว่าไม่ได้คิดฆ่าคนผู้นั้น หากแต่ต้องการปราบปรามให้มาอยู่ใต้บัญชาฝ่ายพวกตน มีหน้าที่ออกศึกแทนพวกมัน
เพียงแค่ร่างระเบียบยังสามารถบดขยี้ต้นบรรพจารย์เสวี่ยเทียนจนแหลกลาญ ความสามารถของหลี่จิ่วเต้าย่อมไม่ธรรมดา ขืนฆ่าง่าย ๆ เช่นนี้ดูจะน่าเสียดายไปหน่อย มิสู้เก็บไว้เป็นทาสของพวกมัน เช่นนี้ย่อมดีกว่ามากอย่างไม่ต้องสงสัย
พวกมันคอยจับตาดูสมรภูมิด้านนั้นอยู่ รอคอยการปรากฏตัวของหลี่จิ่วเต้าเงียบ ๆ
…..
ตึง! ตึง! ตึง!
กลองศึกดังสนั่นสะเทือนฟ้าดิน สิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายพากันบุกเข้าไปในสนามรบ สิ่งมีชีวิตในเมืองเก่าแก่ของแดนบรรพโกลาหลเป่าแตรทันที สิ่งมีชีวิตในเมืองมาอยู่บนกำแพงเมืองกันมากมาย
“ออกมากันยกรังเชียวหรือ?”
“มารนหาที่ตายหรือไร!”
บนกำแพงเมือง สิ่งมีชีวิตแดนบรรพโกลาหลหัวเราะร่วน
หากเป็นเมื่อก่อน หลังได้เห็นภาพการณ์เช่นนี้ย่อมหัวเราะไม่ออก มีแต่จะหนักอึ้งเป็นหนักหนา เพราะทุก ๆ ครั้งที่เกิดการต่อสู้ขึ้น ฝ่ายพวกตนจะบาดเจ็บล้มตายกันระนาว
โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่สิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายออกโรงกันพร้อมหน้าเยี่ยงนี้ พวกเขายิ่งหัวเราะไม่ออก เช่นนี้หมายความว่า อัตราบาดเจ็บล้มตายของฝ่ายพวกตนจะยิ่งทบทวีและไม่อาจต้านไหว ถูกสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายสังหารจนสิ้น!
แต่บัดนี้ พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกกลัว แต่กลับยิ่งหัวเราะด้วยความแช่มชื่นมากขึ้น
สสารระดับสูงหลั่งไหลเข้ามาในแดนบรรพโกลาหล แม้จะเพิ่งเกิดไม่นาน ทว่าพวกเขาก็ได้รับประโยชน์มหาศาล ขอบเขตพลังของแต่ละตนล้วนยกระดับขึ้นอย่างมาก
ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย!
“เดิมอยากให้ขอบเขตพลังมั่นคงกว่านี้หน่อย ให้สิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายเหล่านี้ได้หายใจต่ออีกพักหนึ่ง ทว่าสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายเหล่านี้กลับรีบร้อนรนหาที่ เช่นนั้นเราจักช่วยให้พวกมันสมปรารถนาเอง!”
“กำจัดพวกมันให้สิ้นในคราเดียว!”
บนกำแพงเมือง สิ่งมีชีวิตจากแดนบรรพโกลาหลฮึกเหิมพร้อมสู้ ปราศจากความเกรงกลัว พวกเขารวมพลเตรียมออกรับศึก!
บรรพจารย์แต่ละดินแดนทยอยตื่นขึ้นจากการฝึกฝน ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาไม่อาจนิ่งเฉยได้
พวกเขาพากันมาอยู่บนกำแพงเมืองพลางชะเง้อมองด้านนอก และได้เห็นภาพการณ์ของฝ่ายพิศวงลางร้าย
“ในเมื่อพวกมันอยากสู้ เราก็จะสู้!”
“ทุกคนจงฟังคำสั่ง เตรียมรับศึก!”
พวกเขาออกคำสั่ง ไม่รู้สึกหวั่นเกรงแต่อย่างใด เดิมพวกเขาเป็นกำลังรบระดับโกลาหลขั้นเก้าอยู่แล้ว บัดนี้ได้ก้าวสู่ขอบเขตลอยชายกันหมด ได้เปรียบมหันต์
ธงศึกโบกสะบัด ประตูเมืองเก่าแก่เปิดกว้าง บรรพจารย์แห่งดินแดนต่าง ๆ บุกอยู่ด้านหน้าสุด นำทัพสิ่งมีชีวิตด้านในเมืองเก่าแก่มายังสนามรบ
ภายในสนามรบนั้นมืดมนไร้ร่องรอยพืชสักต้น แผ่นดินแข็งกระด้างกว่าที่ใดเพราะมีสงครามปะทุบ่อยครั้ง จึงถูกทำลายได้ยากยิ่ง
“ใช้ได้นี่!”
“นึกว่าพวกเจ้าจะกลัวจนหัวหดไม่กล้าโผล่หน้าเสียอีก!”
บรรพจารย์พิศวงลางร้ายทั้งหกเดินอยู่ข้างหน้าสุดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ท่าทางผ่อนคลาย
“กลัวพวกเจ้าน่ะหรือ คิดอันใดอยู่! นับแต่คราแรก พวกเราหาได้เกรงกลัวพวกเจ้าไม่!”
บรรพจารย์ตงชิวหัวเราะ ดูหมิ่นวาจาของบรรพจารย์พิศวงลางร้ายทั้งหกเป็นที่สุด
ดั่งเช่นที่เขาว่า นับแต่ความพิศวงลางร้ายปรากฏออกมาครั้งแรก พวกเขาก็ไม่เคยกลัว ต่อสู้อยู่แนวหน้าสุด ป้องกันความพิศวงลางร้ายรุกรานเรื่อยมา!
“จากนี้ไปจักไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว…”
บรรพจารย์พิศวงลางร้ายตนหนึ่งก้าวออกไป เอ่ยด้วยท่าทางผ่อนคลาย “เพราะพวกเจ้าต้องตายกันหมดในวันนี้!”
สิ้นเสียง มันบุกตรงไปข้างหน้า ระเบิดพลังปราณขอบเขตลอยชายเต็มพิกัด ไม่มีการยับยั้งแม้แต่น้อย
“วันนี้ ข้าคนเดียวจักกำจัดพวกเจ้าทั้งหมด!”
มันแหงนหน้าด้วยความทะนง บัดนี้ มันมีกำลังรบระดับลอยชายแล้ว มันลุยตามลำพังได้ และสามารถปลิดชีพกำลังพลทุกตนของฝ่ายแดนบรรพโกลาหลได้ด้วย!
“เจ้าห้า เจ้านี่เจ้าเล่ห์นัก!”
“เอาเถิด ในเมื่อเจ้าต้องการออกโรง ก็ยกให้เป็นความดีความชอบของเจ้าแล้วกัน จงฆ่าพวกมันเสีย”
บรรพจารย์พิศวงลางร้ายตนอื่นเอ่ยด้วยรอยยิ้มเบาบาง
“ข้าคิดเช่นนั้นแหละ!”
บรรพจารย์พิศวงลางร้ายผู้ถูกเรียกว่าเจ้าห้าคลี่ยิ้มกว้าง “ขอบคุณสหายทั้งหลาย!”
มันบุกไปถึงตรงหน้าบรรพจารย์แห่งดินแดนต่าง ๆ ได้ในพริบตา ขณะที่บรรพจารย์แห่งดินแดนต่าง ๆ ยังคง ‘นิ่งงัน’ อยู่ที่เดิม ไม่มีปฏิกิริยาอื่นใด
“นี่คือความเร็วของขอบเขตลอยชาย!”
มันเอ่ยด้วยความภาคภูมิ เข้าใจว่าบรรพจารย์แห่งดินแดนต่าง ๆ ตั้งตัวไม่ทัน ถึงอย่างไรมันก็ก้าวสู่ขอบเขตลอยชายแล้ว เหนือชั้นกว่าบรรพจารย์แห่งดินแดนต่าง ๆ มากนัก!
“เจ้าพวกทึ่ม!”
มันเอ่ยเสียงดูถูก นี่หรือคือพลังระดับลอยชาย ครั้นจะจัดการบรรพจารย์แห่งดินแดนต่าง ๆ ช่างเป็นเรื่องง่ายดายเหลือเกิน!
มันฟาดฝ่ามือออกไป บรรพจารย์แห่งดินแดนต่าง ๆ ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอันใด แววตาของมันยิ่งทอประกายดูแคลน
เจ้าพวกคู่ปรับเก่าแก่ทั้งหลาย ช่างไร้น้ำยาเสียจริง บัดนี้ มันสามารถตบคู่ปรับเก่าแก่เหล่านี้ตายได้ง่าย ๆ ไม่ต่างจากตบยุง
ทว่า ฝ่ามือของมันไม่ทันได้เหวี่ยงลงมา ฝ่าเท้าข้างหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้ามัน!
มันตั้งตัวไม่ทันยามฝ่าเท้านั้นประทับบนใบหน้า เสียงดังตึง พร้อมกับร่างของมันกระเด็นออกไป ใบหน้าเกือบโดนเตะจนเละ เลือดสาดกระเซ็น!
“หืม?!”
“เกิดอันใดขึ้น!”
บรรพจารย์พิศวงลางร้ายอีกห้าตนต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไป คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้!
“เจ้าบรรลุขอบเขตลอยชายแล้วหรือ?!”
บรรพจารย์พิศวงลางร้ายผู้ถูกเตะกระเด็นเงยหน้าฉับพลัน จ้องบรรพจารย์ตงชิวเขม็ง
เมื่อครู่มันถูกบรรพจารย์ตงชิวเตะกระเด็น!
จากลูกเตะนี้ มันสัมผัสถึงพลังระดับลอยชาย บรรพจารย์ตงชิวทลายขีดจำกัดขอบเขตโกลาหล บรรลุสู่ขอบเขตลอยชายแล้ว!
“เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า”
บรรพจารย์ตงชิวมองบรรพจารย์พิศวงด้วยความขบขัน “เสนอหน้ามาให้ข้าเตะ เจ้านี่เหลือเกิน!”
“เจ้า!”
บรรพจารย์พิศวงลางร้ายผู้นั้นโกรธเกรี้ยว โมโหจนอกแทบระเบิด มันคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าบรรพจารย์ตงชิวจะก้าวสู่ขอบเขตลอยชายแล้ว มิฉะนั้น ไหนเลยจะถูกเตะกระเด็นเยี่ยงนี้!
“เจ้าห้าไม่ต้องโมโห ประเดี๋ยวข้าจักหักคอมันลงมาให้เจ้าเตะเล่น!”
“ใช่แล้ว!”
บรรพจารย์พิศวงลางร้ายอีกห้าตนที่เหลือพากันเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็น
“ฝ่ายพวกเราคือกำลังรบระดับลอยชาย เจ้าจะหยุดยั้งด้วยสิ่งใดกัน!”
“แค่เจ้าผู้เดียวจะทำอะไรได้!”
พวกมันมองบรรพจารย์ตงชิว เอ่ยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม
มีกำลังรบระดับลอยชายมาหนึ่งคนนับว่าน่าทึ่งมากแล้ว พวกมันไม่เชื่อว่าในแดนบรรพโกลาหลยังมีกำลังรบระดับลอยชายอื่น ๆ อยู่อีก
“พวกเจ้าคิดจะข่มกันด้วยจำนวนหรือ”
บรรพจารย์ตงชิวแสร้งทำทีเป็นขุ่นเคือง
“ก็จะเอาจำนวนเข้าข่ม เจ้ามีปัญหาหรือ!”
“ไม่พอใจก็ต้องกลั้นไว้!”
“พวกเราหกคนจักออกโรงกันพร้อมหน้า!”
บรรพจารย์พิศวงลางร้ายทั้งหกตนเอ่ย