รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 811 อัญเชิญเทพนั้นง่าย ลาเทพนั้นยาก เสียทั้งฮูหยินและไพร่พล!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 811 อัญเชิญเทพนั้นง่าย ลาเทพนั้นยาก เสียทั้งฮูหยินและไพร่พล!
บทที่ 811 อัญเชิญเทพนั้นง่าย ลาเทพนั้นยาก เสียทั้งฮูหยินและไพร่พล!
เทียนหมิงรีบไปติดต่อยอดฝีมือจากกองกำลังอื่น เขาอยากให้รีบฆ่าซีเสีย ไม่อย่างนั้น มีโอกาสสูงว่าจะเกิดเรื่องกับตนแทน!
ความเร็วในการหลอมรวมขุมปราณชีวิตในฟ้าดินของเจดีย์เวหาว่องไวเกินไป ซีทำอันใดอยู่
เขาไม่เชื่อเช่นกันว่าซีสามารถดูดกลืนขุมปราณชีวิตมากมายขนาดนั้นในฟ้าดิน ซีต้องทำเรื่องอื่นอยู่ด้วยแน่!
เรื่องนี้สร้างความไม่สบายใจอย่างมาก สังหรณ์ไม่ดีนั้นรุนแรงเกินไป ทันทีที่ซีออกจากเจดีย์เวหา อาจอยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน!
“ห้องคลังเปิดแล้ว ทุกท่านสามารถเลือกของวิเศษหนึ่งชิ้นในห้องคลังตระกูลเทียนของเราเป็นค่าตอบแทน โดยมีข้อแม้คือต้องเปิดเจดีย์เวหาให้ออก แล้วสังหารสตรีผู้นั้นเสีย!”
เทียนหมิงเอื้อเฟื้อสุด ๆ หลังติดต่อยอดฝีมือตนอื่นได้แล้วก็ให้ค่าตอบแทนอย่างใจกว้าง ยามนี้ไม่ใช่เวลามามัวพิรี้พิไร
“จริงหรือ?”
“พวกเราเข้าไปดูหน่อยก็ได้…”
ยอดฝีมือจากกองกำลังอื่น ๆ หวั่นไหว พากันรุดหน้าไปยังดินแดนตระกูลเทียน ตระกูลเทียนมีรากฐานหนาแน่น เมื่อเปิดห้องคลังให้เลือกสรรได้ตามใจชอบ นับเป็นแรงดึงดูดที่ไม่น้อยเลย
พวกเขาเดินทางมาถึงแล้ว ไม่มีคนใดในนั้นอ่อนแอ ในเมื่อตระกูลเทียนมีน้ำใจปานนี้ ไม่ต้องคิดให้มากความก็รู้ว่าซีคงต่อกรด้วยยากยิ่ง มิฉะนั้น ตระกูลเทียนไม่มีทางยอมขนาดนี้
“ค่ายกลนี้เก่งกาจไม่เบา!”
“เป็นค่ายกลใหญ่ฝีมือนางหรือ ดูแล้ว นางต้องเป็นผู้มีฝีมือโดดเด่นในด้านค่ายกลอย่าง
แน่นอน!”
ยอดฝีมือจากกองกำลังต่าง ๆ มีสีหน้าเคร่งเครียด ไม่ได้ลงมือในทันที
ลำพังความสามารถของคนคนเดียวบำเพ็ญจนมีวิชาค่ายกลสูงส่งได้เพียงนี้เชียวหรือ
พวกเขาชักกังวล กลัวว่าเบื้องหลังซีมีสิ่งที่น่าครั่นคร้ามอยู่
“จู่ ๆ ก็นึกได้ว่าข้ามีธุระที่บ้าน ไปก่อนล่ะ!”
“ข้าก็ด้วย ภรรยาที่บ้านกำลังจะคลอด ข้าต้องกลับไปปรนนิบัติ”
พวกเขาต่างฉลาดหลักแหลม ไหนเลยจะยอมเอาตัวเข้าเสี่ยงง่าย ๆ จึงพากันแยกย้าย เตรียมไปจากตระกูลเทียน เพราะไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
แม้ว่าสิ่งที่อยู่ในห้องคลังตระกูลเทียนนั้นเยี่ยมยอด ทว่าจะยอมรับมั่วซั่วไม่ได้ หากรับไปมีโอกาสเกิดเรื่องสูง
ภรรยาที่บ้านจะคลอด?
ข้ออ้างเยี่ยงนี้กล้าเอ่ยออกมาด้วยหรือ?
บรรพจารย์ทั้งหลายในตระกูลเทียนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ตาเฒ่านี้หน้าไม่อายจริง แก่หงำเหงือกปานนี้ มียันเหลนยันโหลน ยังกล้าเอ่ยว่าภรรยาจะคลอดอีกหรือ!
“ทุกท่านอย่าเพิ่งรีบไป! วันนี้คือวันวิปโยคของตระกูลเทียนเรา ทว่า ทุกท่านรับประกันได้หรือว่าความวิปโยคนี้จะไม่เกิดขึ้นกับพวกท่านในวันหน้า”
“ลองไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อนเถิด ถึงครานั้น นางนำเอาเจดีย์เวหาไปพำนักตามดินแดนตระกูลของพวกท่าน มีผู้ใดในพวกท่านต่อกรกับนางไหวหรือ”
“เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนย่อมไม่ต้องยุ่งหรือ ทุกท่านอยากซ้ำรอยตระกูลเทียนของเรา เผชิญกับสถานการณ์ของตระกูลเทียนเราอย่างวันนี้?”
พวกเขารีบเอ่ยรั้งยอดฝีมือจากกองกำลังต่าง ๆ ไว้ โดยรู้ว่ายอดฝีมือเหล่านี้เกรงกลัวสิ่งใดที่สุด
ตามคาด สิ้นคำ สีหน้ายอดฝีมือจากกองกำลังต่าง ๆ เปลี่ยนไปในทันใด ฝีเท้าที่กำลังจะเยื้องย่างออกไปชะงักงัน
คำกล่าวของบรรพจารย์ตระกูลเทียนทั้งหลายมีโอกาสเกิดขึ้นจริง พวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งกว่าตระกูลเทียนเท่าใด หากคนผู้นี้นำเจดีย์เวหาเข้าไปยังดินแดนตระกูลของพวกตนจริง สถานการณ์ที่ต้องเผชิญในเวลานั้นย่อมไม่ต่างจากตระกูลเทียน
สำหรับพวกเขา ซีถือเป็นภัยคุกคาม จำต้องกำจัด!
“ข้าจะเชิญบรรพจารย์ตระกูลเรามา!”
“ลงมือเปล่า ๆ ปลี้ ๆ ไม่ได้ ตระกูลเทียนจงจำคำมั่นของพวกท่านก่อนหน้านี้ไว้ด้วย!”
พวกเขาพากันติตต่อตระกูล บ้างขอให้บรรพจารย์ในตระกูลเดินทางมา บ้างขอให้คนในตระกูลนำยอดศาสตรามา พวกเขาเตรียมตัวลงมือกันแล้ว
ส่วนจำเป็นต้องไม่ตายไม่เลิกราหรือไม่ค่อยว่ากันทีหลัง พวกเขาต้องเจรจาให้ได้ก่อน
ผ่านไประยะหนึ่ง บรรพจารย์ในตระกูลบางคนมาถึง และบางคนได้รับยอดศาสตราจากคนในตระกูล
“ลงมือเถิด!”
บรรพจารย์ตระกูลเทียนทั้งหลายเรียกยอดศาสตราออกมา ก้าวเดินอยู่ด้านหน้า ปรับพลังให้อยู่ในจุดสูงสุดก่อนจะลงมือโจมตี ยอดศาสตราทั้งหลายเปล่งแสงเจิดจ้าอันสยดสยอง ทาบทับนภา ถล่มไปข้างหน้า
พวกเขาลงมือเต็มกำลัง พากันปล่อยการโจมตีรุนแรงที่สุด ห้วงมิติดับสูญพังครืน!
“หนึ่งกระบี่ตัดสวรรค์!”
บรรพจารย์จากนิกายหนึ่งสำแดงเคล็ดวิชากระบี่พิทักษ์นิกาย เสียงกู่ร้องของกระบี่ดังสะท้อนไปถึงโบราณกาล ราวกับฟาดฟันมาจากลำธารแห่งกาลเวลาอันยาวนาน น่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงขีดสุด!
ฟึ่บ!
กงล้อโลหิตเปล่งประกายสีชาด ประดุจสุริยันสีเลือด ถล่มใส่เจดีย์เวหา!
นี่คือยอดศาสตราของมารเฒ่าบำเพ็ญโลหิตตนหนึ่ง เวลานี้ได้โจมตีเต็มกำลังเช่นกัน!
โฮก!
สัตว์อสูรสีทองตนหนึ่งคำราม ม่านโลหิตชั่วร้ายทะยานนภา มันใช้อภินิหารในสายเลือด ดุดันไร้ใดเปรียบ คลื่นพลังอันน่ากลัวฉีกกระชากทุกอย่างออกจากกัน ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้!
บรรพจารย์ต่างเผ่าตนหนึ่งฟาดฟันเป็นรูปไม้กางเขน ความเป็นโลหะของทองคำไหลเวียน ธารปริภูมิเวลาถูกตัดสะบั้น กฎแห่งสวรรค์และโลกแหลกเหลว!
กำลังรบบรรพจารย์ในชั้นสองมาอยู่ที่นี่กันเกือบหมด พวกเขารู้ดีว่าค่ายกลในเจดีย์เวหานั้นวิเศษและน่าพรั่นพรึงเพียงใด จึงพากันลงมือสุดกำลัง!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ฟ้าดินสั่นสะเทือนตาม ภาพการณ์นั้นยิ่งกว่าคำว่าสยดสยอง สมาชิกในตระกูลเทียนต่างตะลึงงัน กำลังรบบรรพจารย์ในชั้นสองออกโรงพร้อมหน้า เกรงว่าชีวิตนี้พวกเขาคงได้เห็นแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวกระมัง!
“หากขนาดนี้แล้วยังทลายไม่ได้ ก็คงผิดธรรมชาติเกินไปแล้ว!”
“พูดอันใด ไหนเลยจะทลายไม่ได้!”
พลังสยดสยองน่ากลัวมากมายปานนี้ออกจู่โจม อย่าว่าแต่ทลายค่ายกลในเจดีย์เวหาเลย น่ากลัวว่าทั้งเจดีย์แห่งนี้ก็ต้องพังครืนทันที!
ทว่า ไม่นานนักพวกเขาก็ต้องอึ้งงัน!
หลังการจู่โจมอันสยดสยองมากมายปานนั้นถล่มลงไป แม้ค่ายกลในเจดีย์เวหาได้รับแรงกระเทือนไปไม่น้อย คลื่นริ้วค่ายกลบางแห่งอ่อนบางลง ทว่าพลังสยดสยองเหล่านั้นกลับถูกระงับได้ทั้งหมด!
และที่น่าพรั่นพรึงจนผิดเพี้ยนยิ่งกว่านั้นคือ คลื่นริ้วค่ายกลที่เดิมจางลงแล้วสว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับคลื่นพลังน่ากลัวซัดสาดออกมา!
สถานการณ์เช่นนี้เรียกได้ว่าไร้หนทางคลี่คลาย!
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้!”
“ฝีมือด้านค่ายกลของนางสูงส่งเยี่ยงนั้นได้อย่างไร!?”
บรรพจารย์ตะลึงกันหมด สะท้านใจอย่างยิ่งยวด ไม่อาจทำใจเชื่อได้เลย
พวกเขาลงมือกันพร้อมเพรียง พลังที่ออกมานั้นน่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งนัก สุดท้ายแล้วก็ยังไม่ไหว ห่างชั้นกันตั้งไม่รู้เท่าใด!
ชั่วขณะนั้น พวกเขารู้สึกหวาดกลัวเหลือแสน ซีผู้มีฝีมือด้านค่ายกลน่าครั่นคร้ามเพียงนี้มีหรือจะไม่มีผู้ใดคอยชี้แนะอยู่เบื้องหลัง!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เบื้องหลังของซีมีรากฐานสะท้านโลกันตร์อยู่แน่นอน หรืออาจเป็นบุคคลจากเทวโลกชั้นสูงขึ้นไป!
นี่ไม่ใช่ผู้ที่พวกเขาควรท้าทายด้วยได้!
“ตระกูลเทียน จงทำตามคำมั่นของพวกท่านเสีย!”
“เร็วเข้า พวกเราต้องไปแล้ว!”
บรรพจารย์จำนวนหนึ่งล้อมบรรพจารย์ตระกูลเทียนไว้ ต้องการให้ตระกูลเทียนเปิดห้องคลังและจ่ายค่าลงมือของพวกเขาในครานี้
“ทุกท่านมีเหตุผลหน่อยเถิด! พวกเรากล่าวว่าต้องเปิดเจดีย์เวหาและสังหารผู้ที่อยู่ข้างในให้ได้ก่อน!”
“ต่อให้ฆ่านางมิได้ แค่เปิดเจดีย์เวหาออกก็ยังดี นี่แม้แต่เจดีย์เวหายังเปิดไม่ออกเลย…”
บรรพจารย์ตระกูลเทียนทั้งหลายแทบร่ำไห้
บรรพจารย์กลุ่มนี้ใจดำเกินไปแล้ว ช่วยกระไรพวกเขามิได้ ยังจะหวังให้พวกเขาเปิดห้องคลัง นำสมบัติไปได้ตามใจชอบอีกหรือ
มีอย่างนี้ที่ไหน!
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระเสียที! พวกเราต้องซวยก็เพราะพวกท่าน อาจต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบ่วงกรรมครั้งใหญ่ มิได้ขอให้พวกท่านชดเชยให้เราก็ดีเท่าไรแล้ว!”
“ภูมิหลังของคนผู้นั้นไม่แน่ว่าจะสยดสยองปานใด พวกเราถูกพวกท่านลากไปติดร่างแหด้วย วันหน้าท่านจะต้องชดใช้อย่างใหญ่หลวง! แล้วพวกท่านยังจะพิรี้พิไรกับพวกเราอีกหรือ อยากตายหรือไร?!”
เหล่าบรรพจารย์เอ่ยเสียงโหดเหี้ยม
อะไรนะ?
นี่ยังอยากได้…ค่าชดเชยอีกหรือ
นี่มันฝูงโจรชัด ๆ!
เหล่าบรรพจารย์ตระกูลเทียนอยากร้องไห้นัก อัญเชิญเทพนั้นง่าย ลาเทพนั้นยาก เสียทั้งฮูหยินและไพร่พล!
“สยดสยองอย่างที่พวกท่านพูดเสียเมื่อไร หากนางมีภูมิหลังยิ่งใหญ่เยี่ยงนั้นจริง ไยต้องยึดดินแดนตระกูลเทียนของเราในการฝึกฝนด้วย ไปฝึกบนชั้นที่สูงขึ้นไปไม่ดีกว่าหรือ”
“ถูกต้อง! อย่างมากนางก็แค่ได้วาสนาการเปลี่ยนแปลงบางอย่างมาเท่านั้น เพราะเหตุนี้ ถึงได้มีฝีมือด้านค่ายกลสูงส่งเช่นนี้! ส่วนกองกำลังน่าพรั่นพรึงที่อยู่เบื้องหลังนั่น นางไม่มีแน่นอน!”
บรรพจารย์บรรพจารย์ตระกูลเทียนเอ่ย
“หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว อย่างไรเสียพวกเราก็ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ของพวกท่าน! รีบเปิดห้องคลังออกแล้วทำตามคำมั่นของพวกท่านเสีย!”
“ความอดทนของพวกเรามีขีดจำกัด อย่าบีบบังคับให้เราต้องลงมือ!”
เหล่าบรรพจารย์ทั้งหลายไม่ยอมฟังอีกต่อไป
พวกเขารู้สึกว่าเรื่องราวนี้ลึกล้ำเกินไป ไม่ต้องการดำเนินการต่อ อยากขอดูอยู่ห่าง ๆ ไปก่อน
เมื่อเหล่าบรรพจารย์จากกองกำลังอื่น ๆ พากันไล่ต้อน บรรพจารย์ตระกูลเทียนทั้งหลายไม่อาจขัดขืน ได้แต่เปิดห้องคลังตระกูลเทียน ปล่อยให้บรรพจารย์ตนอื่นเข้าไปเลือกสรร
บรรพจารย์ตนอื่นแทบขนห้องคลังตระกูลเทียนไปจนเกลี้ยง กระนั้นพวกเขาก็ทำอันใดไม่ได้ ไม่มีหนทางสักนิด
สุดท้าย บรรพจารย์เหล่านั้นพายอดฝีมือในกองกำลังพวกตนไปจากตระกูลเทียน
“ท่านบรรพจารย์ เราจะทำอย่างไรกันดี ถอนกำลังดีหรือไม่”
เทียนหมิงเอ่ยถามบรรพจารย์ทั้งหลาย
เขารู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มไม่สู้ดี จึงอยากเสนอให้ย้ายออกไปก่อน กลัวว่าหลังซีออกจากเจดีย์เวหาได้แล้วจะเกิดเรื่องใหญ่
“ไปหรือ จะให้ไปที่ไหน กองกำลังต่าง ๆ หมายหัวพวกเราไว้แล้ว! ต่อให้ไป พวกเราก็ไม่สามารถไปอย่างเปิดเผย จำต้องค่อย ๆ ไปอย่างเงียบเชียบ!”
“กองกำลังเหล่านั้นไว้ใจไม่ได้เลย หากเราล่าถอยกันเช่นนี้จริง เป็นไปได้ว่าจะถูกพวกมันซุ่มโจมตี!”
“นางคงไม่กล้าออกจากเจดีย์เวหาในเร็ว ๆ นี้แน่ นี่คือโอกาสของเรา! พวกเราต้องเร่งเตรียมการถอนกำลังในช่วงนี้ให้พร้อม!”
บรรพจารย์ตระกูลเทียนทั้งหลายเอ่ยเสียงเข้ม
แผนของพวกเขาล่มแล้ว ไม่คิดเลยว่าค่ายกลในเจดีย์เวหาจะทลายยากเยี่ยงนี้ เรื่องนี้ยิ่งทำให้พวกเขาตกที่นั่งลำบากกว่าเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย!
“ชั้นสองไม่มีที่ยืนของพวกเราแล้ว พวกเราเตรียมล่าถอยไปยังชั้นหนึ่งเถิด…”
“รากฐานที่อุตส่าห์ก่อร่างขึ้นมาต้องพังทลายในพริบตา น่าเจ็บใจยิ่งนัก! ทว่าทั้งหมดนี้ก็ช่วยไม่ได้! เทียนหมิง เจ้าไปจัดแจงเสีย พยายามทำให้ลับตาคนที่สุด!”
พวกเขาถอนหายใจหนักหน่วง คล้ายว่าดูชราลงไปหลายปี
กองกำลังอื่น ๆ มีแต่จะยิ่งอยู่ยิ่งก้าวหน้า พวกเขาสิยิ่งอยู่ยิ่งตกต่ำ แม้กระทั่งดินแดนในชั้นสองยังรักษาไว้ไม่ได้ จำต้องย้ายไปพำนักที่ชั้นหนึ่ง
เทียนหมิงยิ่งนึกเจ็บใจ ผิดเพียงก้าวเดียว ก้าวหลังจากนั้นเพี้ยนไปหมด หากเขาไม่ล่อลวงซีเข้าไปในเจดีย์เวหา ไหนเลยจะตกที่นั่งเช่นนี้
ทว่า ต่อให้เขาเจ็บใจก็ทำอันใดไม่ได้ ในเมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้ ก็ไม่อาจย้อนคืนได้อีกแล้ว!
จากนั้น เขาไปจากที่นี่ เตรียมทำภารกิจล่าถอย
อย่างที่คิด คำกล่าวของเหล่าบรรพจารย์ไม่ผิดเพี้ยน กองกำลังเหล่านั้นไว้ใจไม่ได้ เขาพบว่ามียอดฝีมือจากกองกำลังต่าง ๆ ซ่อนตัวอยู่นอกตระกูลเทียนไม่น้อย คอยจับตาดูตระกูลเทียนทุกฝีก้าว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การถอนกำลังคราวนี้ไม่ง่ายเลย
แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังต้องไป ขืนอยู่ต่อรังแต่จะยิ่งแย่!
เวลาล่วงเลยอย่างรวดเร็ว ครึ่งเดือนผ่านไป ตระกูลเทียนเตรียมการถอนกำลังเสร็จสิ้น กำลังจะออกเดินทาง
ทว่าในเวลานั้นเอง ก็เกิดปรากฏการณ์ประหลาดที่เจดีย์เวหา!