ร้านขายยาต่างโลก - ตอนที่ 14
นที่ 14 การเจาะเลือดและรองพื้น
——————-
หนึ่งเดือนหลังการเปิดร้านขายยา
ร้านขายยาต่างโลกก็ยังคงไร้ผู้คนมาเยี่ยมเยือนมากนัก
สาเหตุนั้นไม่ใช่เพราะกิลด์แพทย์โอสถคอยมารังความแต่อย่างใดแต่ไม่ว่าใครที่เดินเข้ามาดูหน้าร้านก็ต้องคิดอยู่แล้วที่นี่มีไว้เพื่อรองรับเฉพาะพวกชนชั้นสูงเท่านั้น นั่นคือสิ่งที่
เอเลนกล่าว
ร้านขายยาต่างโลกนั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อสามัญชนทั่วไปแต่ถึงจะเป็นแบบนั้นช่วงที่ผ่านมาก็มีแต่ลูกค้าประเภทพ่อค้าที่ร่ำรวยและชนชั้นสูงระดับล่างๆ เท่านั้นที่เข้ามาในร้านนี้ และที่ไม่มีพวกชนชั้นสูงระดับสูงๆ เข้ามาด้วยมากนักเพราะพวกเขามองว่าร้านนี้เป็นเพียงแค่ร้านขายยาของพวกระดับสามซึ่งไม่เหมาะสมกับสถานะตระกูลของพวกเขาเลยดังนั้นจึงไม่น่าจะตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็มักจะมาซื้อพวกครีมสำหรับทามือ แต่ในกรณีที่เจ็บป่วยร้ายแรงนั้นพวกเขาจะไปหาพวกแพทย์โอสถขั้นหนึ่งหรือสองแทนโดยการเรียกมาที่บ้านและไม่จำเป็นจะต้องซื้อยารักษาใดๆ ด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นพวกที่เข้ามานั้นต่างแต่งชุดกันอย่างเต็มสูตร เรียกได้ว่าเหมือนกับเตรียมเข้างานพิธีสำคัญอะไรสักอย่างเลยทีเดียว และเป็นเช่นนั้นทุกครั้งที่พวกเขาเข้ามาในร้าน ถึงแม้เจ้าของร้านนั้นจะเป็นเด็กแต่ก็เป็นถึงบุตรชายคนที่สองของแกรนดยุก รวมถึงป้ายที่แสดงอยู่บริเวณหน้าร้านด้วยยิ่งทำให้ร้านนี้ดูสูงชั้นยิ่งขึ้นกว่าเดิม
มาร้านนี้ที่จริงไม่เห็นจำเป็นต้องทำเช่นนั้นเลยแค่ใส่ชุดธรรมดาที่ใส่กันทุกวันก็ได้แท้ๆ หรือเขาจำเป็นจะต้องเขียนป้ายบอกเอาไว้ด้วย? ฟาร์มาเริ่มสงสัย
แม้จะมีปัญหาเกี่ยวกับการดึงดูดลูกค้าที่เป็นสามัญชนอยู่ด้วยก็ตาม
ในช่วงพักกลางวันบนชั้น3ของร้านซึ่งเป็นห้องพักพนักงานพวกเขาต่างกำลังนั่งรับประทานอาหารกลางวันกันอยู่โดยวิธีการเดินทางขึ้นไปของเซดริกที่หัวเข่าไม่ค่อยจะดีนั้นคือการที่พวกเขาติดตั้งลิฟต์ด้วยตัวเอง (แบบหน่วงน้ำหนัก) ซึ่งทำกันไว้ตั้งแต่วันที่ตัดสินใจจะจ้างเซดริกเข้ามาทำงานแล้ว จึงทำให้เซดริกนั้นขึ้นมาชั้น 3 ได้อย่างง่ายดาย
หัวข้อสนทนาระหว่างการรับประทานอาหารก็ไม่ใช่เรื่องอื่นเลย นอกจากจะทำอย่างไรให้สามัญชนเข้ามายังร้านแห่งนี้ จะเรียกว่าเป็นการประชุมเลี้ยงอาหารกลางวันเลยก็ยังได้
“ก็ไม่ใช่ว่าลูกค้าจะเข้ามาโดยทันทีทันใดหรอกนา”
เอเลนยื่นขนมปังให้กับลอตเต้ในขณะที่ดื่มน้ำผลไม้คั้นสดใหม่
“เพราะเรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลากันหน่อยเดี๋ยว ก็มีผู้ป่วยที่ต้องการยาและการรักษาเข้ามาเองนั่นแหละ”
แม้ฟาร์มาก็หวังให้เป็นอย่างนั้น แต่ก็ไม่มีผู้ป่วยดังกล่าวเข้ามาเลย
“เพราะฉันคิดไว้อยู่แล้วค่ะว่ามันต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ก็เลยมีความคิดดีๆ ขึ้นมา!”
ดูเหมือนว่าลอตเต้จะได้ทำแบบสอบถามเกี่ยวกับร้านขายยาต่างโลกในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้
เนื่องจากลอตเต้เป็นเพียงสามัญชนธรรมดาจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าไปพูดคุยกับผู้คนบนท้องถนน
“สำหรับตอนนี้ฉันจะประกาศผลสำรวจแล้วนะคะ จากการสอบถามพลเมืองที่อาศัยอยู่รอบๆ บริเวณเมืองหลวงทั้งหมด 100 คน!และคำตอบส่วนใหญ่ของพวกเขา”
“เธอทำได้ดีมากลอตเต้ ช่วยได้เยอะเลย เอาละผมอยากจะฟังผลแล้วสิ”
ฟาร์มาเริ่มปรบมือและเตรียมใจฟังผลที่ออกมา
“งั้นก็ขอความกรุณาด้วยพวกเรามั่นใจในความสามารถของเธอนะลอตเต้จัง!”
เอเลนโบกมือให้กำลังใจ
“พวกเขาคิดว่าตราของจักรพรรดินีที่อยู่หน้าร้านนั้นน่ากลัว ทั้งสิ้น – 48คน”
ถึงกับล้มคว่ำ ทั้งสามคนที่ได้ฟังนั้นถึงกับแกล้งทำเป็นล้มลง
“พวกเขาไม่รู้วิธีที่จะสนทนากับชนชั้นสูงที่เป็นแพทย์โอสถ และกลัวว่าจะไปทำอะไรในร้านที่มันผิดศีลธรรมของชนชั้นสูงและถูกลงโทษทั้งสิ้น – 46 คน”
อ้าแบบนั้นสินะ ทั้งสามคนเริ่มแสดงท่าทีมั่นใจ
“พวกเขาไม่มีเสื้อผ้าที่เหมือนกับชนชั้นสูงและสติที่ดีพอจะเข้าร้านนี้ทั้งสิ้น – 25 คน”
ไม่ต้องมีสติดีก็มาได้ย่ะ เอเลนพูดแย้งขึ้นมา
“พวกเขากลัวอัศวินที่เฝ้าอยู่หน้าร้านทั้งสิ้น – 19 คน”
เหมือนจะเป็นเรื่องไม่ดีถ้าคนเฝ้าประตูไม่ยิ้มอะไรออกมาเลย เห็นที่ฟาร์มาต้องไปคุยเรื่องนี้กับพวกเขาสักหน่อย
“พวกเขาไม่มีความเชื่อมั่นในการรักษาของแพทย์โอสถที่เป็นเพียงแค่เด็กตัวเล็กทั้งสิ้น – 18 คน”
(เพราะเราเนี่ยนะ!) ฟาร์มาถึงกับมือร่วงไปพิงไว้บนโต๊ะ
“เนื่องจากป้ายที่เขียนว่า ราคาสามารถต่อรองได้ พวกเขาจึงกลัวเกี่ยวกับราคายาที่สูงและค่าปรึกษาที่แพงมากทั้งสิ้น – 12 คน”
“พวกเขาอ่านป้ายหน้าร้านไม่ออกและไม่กล้าเข้ามาทั้งสิ้น – 10 คน”
“สุดท้าย… พวกเขาบอกว่าผู้จัดการมันเป็นแค่เด็กทั้งสิ้น – 8 คน จบรายงานเพียงเท่านี้ค่ะ”
(เพราะเราอีกแล้วเหรอ!) ฟาร์มาได้ครวญครางออกมา ก่อนจะพยายามใช้ความคิดของผู้มีประสบการณ์และความแข็งแกร่ง
“ขอบคุณมาก ผมเข้าใจแล้วเป็นไปตามที่คาดไว้เลย”
“นั่นสินะ นั่นสินะ” เอเลนกล่าวขณะกำลังโบกไม้โบกมือซ่อมแว่นตาของเธออยู่
“อย่างไรก็ตามพวกเราดันมาสะดุดเอากับจุดพื้นที่สุดเอาซะได้”
“ก็นะในเมื่อพวกเขาบอกว่าผู้จัดการร้านเป็นแค่เด็กมันก็ไปเถียงอะไรไม่ได้นี่เนอะ”
(อะแฮ่มๆ) ฟาร์มากดหน้าผากของตัวเองไว้
“พวกสามัญชนก็มักจะไปแวะในร้านที่มีไว้สำหรับรองรับพวกเขาได้เหมาะสมเท่านั้นแหละพวกเขาไม่อยากมายุ่งเกี่ยวกับพวกชนชั้นสูงนักหรอก ฉันก็บอกเธอไปแล้วครั้งแล้วนะ”
“ผมสงสัยว่ามันจะดีกว่าหรือเปล่าถ้าเรากำหนดราคายาต่างๆ เอาไว้แล้วติดมันไว้ที่หน้าร้านของเรา”
เซดริกเสนอ
ฟาร์มาเริ่มรู้สึกเสียใจที่เขาไปเขียนป้ายข้างนอกไว้ว่า ราคาสามารถต่อรองได้ ที่เขียนไว้แบบนั้นเพราะเขาคิดว่าสถานะภาพและทรัพย์สินของผู้ป่วยนั้นแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นราคาของยาจึงขึ้นอยู่กับระดับความยากจนของพวกเขา แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับกลายเป็นว่าผู้คนระมัดระวังขึ้นมาแทนเพราะราคาที่สามารถต่อรองได้
“เราจำเป็นต้องหาขาประจำของร้านนี้ขึ้นมา!”
เอเลนพูดขึ้นมา
แม้ว่าสถานการณ์ของร้านในตอนนี้จะไม่ค่อยดีนัก แต่ก็มีชายแก่ที่เป็นสามัญชน คุณตาณองผู้ดูมีสุขภาพจิตที่แข็งแรงมาที่นี่ทุกวัน ณองเดินเข้ามาที่เคาท์เตอร์ด้วยท่าทีที่องอาจ
“ข้าอยากจะได้ลูกลงเรือ วันนี้เอาสัก3เม็ดก็แล้วกัน”
คุณตาณองผู้ที่เข้ามาร้านนี้ทุกๆ วันเพื่อซื้อลูกอมและดื่มน้ำจากตู้น้ำก่อนจะเดินจากไป
“นี่ครับ ลูกอม 3 เม็ด ขอบพระคุณมากครับ”
ฟาร์มาตอบรับอย่างดีใจ ตั้งแต่ที่เขามาที่นี่ทุกๆ วันฟาร์มาก็เริ่มเป็นกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าถ้ามีอะไรไปทำให้เขาลำบากใจแต่กลับไม่เลยเขายังคงมาที่ร้านนี้ทุกๆ วันไม่สำคัญว่าจะมาซื้อลูกอมเพียงแค่เม็ดหรือสองเม็ด แต่เขายังคงมาอยู่เป็นประจำ เมื่อพูดถึงลูกค้าปกติ เขานี่แหละคือคนปกติในหมู่คนปกติเลย
ฟาร์มาหยิบลูกอม 3 เม็ดมาจากขวดและยื่นมันให้กับเขา ในร้านขายยานี้เขาได้เตรียมขนมหลากหลายชนิดเอาไว้ด้วย เช่นลูกอมแก้ไอ ลูกอมแก้หวัด ลูกอมลงเรือ (ป้องกันลักปิดลักเปิด จากการขาดวิตามินซี) และลูกอมเกลือ (ป้องกันโรคหลอดเลือด) เนื่องจากลูกอมเหล่านี้มีราคาเทียบเท่ากับลูกอมปกติที่พบได้ในร้านค้าทั่วไป เหล่าเด็กๆ ลูกของพ่อค้าที่ร่ำรวยมักจะพกเหรียญเข้ามาซื้อลูกอมเหล่านี้ในร้าน
“ถ้าอย่างงั้นในเมื่อข้าซื้อของแล้ว ก็ขอดื่มน้ำหน่อยล่ะนะ!”
เขากล่าวเหมือนได้รับชัยชนะ แม้ว่าเขาจะมาซื้อลูกอมลงเรือ แต่จุดประสงค์จริงๆ ของเขานั้นคือการดื่มน้ำซึ่งพนักงานทุกคนตระหนักได้ถึงเรื่องนี้
“โอ้ววว สิ่งนี้ สิ่งนี้แหละ! รสชาติมันช่างเยี่ยมยอดจริงๆ”
คุณตาณอง ได้หยิบแก้วกระดาษและนำมันไปตวงน้ำจากตู้ด้วยท่าทางของผู้ชนะ สำหรับแก้วอนามัยนี้ เป็นผลงานมาจากลอตเต้ที่เตรียมไว้ให้กับลูกค้า ซึ่งฟาร์มาเป็นผู้สอนเธอพับนั่นเอง
“กรุณาดื่มให้เยอะเลยนะครับ เนื่องจากข้างนอกอากาศค่อนข้างชื้นด้วย”
ไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวแม้แต่น้อย ฟาร์มาสนับสนุนให้เขาดื่มมากยิ่งขึ้นไปอีก หากมาซื้อสินค้าภายในร้านจะสามารถดื่มน้ำได้ฟรี แต่ถ้าไม่ก็จำเป็นจะต้องจ่ายเหรียญเงินเล็กน้อยเพื่อเป็นการดื่มน้ำ คุณตาตวงน้ำขึ้นมาแล้วดื่มไปถึง 5 แก้วโดยไม่พลาดหกเลย
“เพราะซื้อแต่ลูกลงเรือไป ช่วงนี้คุณมักจะออกทะเลใช่หรือเปล่าครับ?”
จากที่เขาคิดชายชรานั้นมีผิวสีแทน ดังนั้นฟาร์มาจึงสงสัยว่าเขาน่าจะเป็นชาวประมง
“ไม่หรอก ข้าไม่ได้ออกทะเลอีกแล้วหล่ะ แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ใช่อยู่หรอกนะ แล้วเจอกันนะ”
คุณตาโบกมือไปมาอย่างรุนแรงแล้วเดินจากไปเหมือนเขาจะหงุดหงิดด้วย
(ก็ไม่สำคัญหรอกนะว่าเขาจะเป็นกะลาสีอะไรหรือเปล่าแต่การกินวิตามินซีอยู่เสมอก็เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ นั่นแหละ)
คุณตามักจะมีคนบางกลุ่มรอเขาอยู่บริเวณภายในซอย ซึ่งหนึ่งในพวกนั้นุถือกระเป๋าที่มีโลโก้ SIO ติดอยู่
(เราสงสัยจริงๆ ว่านั่นเป็นเพื่อนร่วมทางของเขาหรือเปล่านะ?)
ฟาร์มาตามไปดู แม้จะเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แต่เขาก็รู้สึกกังวลแปลกๆ
ไม่นานนักหลังจากณองจากไป ก็มีคู่สามีภรรยาชนชั้นสูงเข้ามาภายในร้านฝั่งผู้หญิงนั้นไว้ทรงผมแบบโรโคโคลทรงสูงสีขาวในขณะที่ฝั่งชายไว้ผมทรงสูงและมีหมวกปีกขนนกติดอยู่ซึ่งทั้งคู่ต่างสวมหน้ากากเอาไว้
(น่าสงสัยเกินไปแล้วเฟ้ย!)
แม้พวกเขาจะดูน่าสงสัยอย่างชัดเจนแต่พวกอัศวินก็แกล้งทำเป็นไม่สังเกตเห็นและปล่อยพวกเขาเข้ามาและเมื่อทั้งสองเข้ามาในร้าน
“ท่านแม่ระวังผมของท่านไปชนกับของอะไรภายในร้านด้วยนะครับ”
ฟาร์มาตั้งข้อสังเกตนี้ขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“เอ๋ ลูกรู้ได้ยังไงว่าเป็นแม่กัน?”
“ถ้าอยากจะมาแบบปกปิดตัวไม่ให้ผมรู้ ก็อย่าใช้เสียงแบบนี้เข้ามาสิครับ”
พ่อและแม่ของเขานั่งลงโซฟาตรงมุมรับแขกของร้านและเซดริกก็ได้บริการชา เนื่องจากการสวมหน้ากากนั้นมันดูไม่สะดวกและเกะกะพวกเขาจึงถอดมันออก หน้ากากนี้มีลักษณะเหมือนกับหน้ากากเวเนเที่ยน พ่อและแม่ของเขานั้นจริงๆ มีแผนที่จะปกปิดใบหน้าของพวกเขาและคิดว่าฟาร์มาไม่น่าจะรู้เรื่องนี้ได้ ฟาร์มาอยากจะถามเกี่ยวกับความคิดในเรื่องนี้จริงๆ
“มะ-ไม่ว่ายังไงก็เถอะ ที่มาที่นี่ก็เพราะอยากจะดูว่าลูกเป็นยังไงเท่านั้นเองเพราะไม่ว่ายังไงตอนนี้ลูกก็ยังเป็นเด็กอยู่เลยนะ”
กลับกลายเป็นว่าความห่วงใยของแม่เขานั้นเพิ่มมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ในขณะที่พ่อของเขานั้นยังคงนั่นอยู่ในท่าที่สงบนิ่ง
“คุณผู้ดูแล ข้าของเดินดูรอบๆ หน่อยนะ”
“เชิญตามสบายเลยครับ”
เขาเดินตรวจภายในร้านจากมุมหนึ่งไปยังอีกมุมหนึ่งหลังจากที่ตรวจสอบห้องโดยรวมแล้ว เขาก็กลับไปยังโต๊ะโดยไม่พูดอะไร เมื่อบรูโนเข้ามาในร้านอย่างกะทันหันหลังจากที่ทักทายเขาเสร็จ เอเลนก็ได้แต่ยืนนิ่งๆ ในจุดของเธอ แม้ปกติตัวเธอนั้นมักจะชอบเข้าไปพูดคุยกับฟาร์มา แต่เมื่อเธออยู่ต่อหน้าบรูโน เธอดูสงบนิ่งมาก ลอตเต้ที่รู้สึกได้จึงไม่ได้พูดอะไรออกมา
หลังจากดื่มชาเสร็จบรูโนก็พยักหน้า เหมือนกับการตรวจสอบนั้นเสร็จสิ้นแล้วและเดินเข้ามาหาฟาร์มาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว
“เป็นร้านที่ดีนะ แม้จะเป็นเรื่องที่ใหม่แต่ถ้ามีอะไรติดขัดก็จงใช้เวลาคิดและตรึกตรองมันให้ดีๆ”
ในเวลานี้เองฟาร์มารู้สึกโล่งใจที่ได้พบกับพ่อของเขามาก
“แม้จะมีอีกหลายเรื่องที่ผมยังไม่รู้แต่ในเมื่อที่คุณเซดริกอยู่ที่นี่อยู่แล้วก็ไม่น่าจะมีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วครับ”
“อะไรที่ว่าคือจำนวนของลูกค้าหรือเปล่า? แล้วก็สามัญชนที่มาที่ร้านนี้ด้วย?”
พ่อของเขาจี้มายังจุดอ่อนโดยทันที เขารู้สึกเหมือนโดนมีดกระโจนเข้ามาแทงที่อกเลย
“คนที่เข้ามาในร้านก็มีแต่พวกที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเป้าหมายอย่างเช่น ชนชั้นสูงกับพวกพ่อค้า”
“กะ-ก็เป็นแบบนั้นแหละครับ”
เมื่อกิจการของลูกชายนั้นมีปัญหาพ่อแม่ก็ย่อมต้องเป็นห่วงอยู่แล้ว ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ฟาร์มาก็ยังมั่นใจว่าตัวเองนั้นมีหัวทางด้านนี้ดีกว่าพ่อของเขาบรูโน
“สามัญชน สามัญชน สามัญชน~ ไม่ค่อยดีเลยน๊าที่ไปคิดถึงแต่คนพวกนั้น”
แม่ของเขาพูดขึ้นมาอย่างสบายใจราวกับจะปัดเป่าบรรยากาศหนักหน่วงนี้ออกไป
“ยังไงก็เถอะทำไมตอนนี้ไม่ลองขายพวกเครื่องสำอางให้ชนชั้นสูงดูล่ะ? ถ้าหากมันเป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นสูงเดี๋ยวพวกสามัญชนก็จะหันมาใช้กันเอง ให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้หน่อยสิ”
มันก็มีส่วนที่จริงอยู่บ้างว่า ถ้าหากเป็นของพวกนี้พวกพ่อค้าและขุนนางจะต้องการมันแน่นอน
“แล้วเครื่องสำอางอะไรที่ตลาดมีความต้องการสูงเหรอครับ?”
เอเลนมีผิวพรรณสวยสดงดงามอยู่แล้วดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าใดๆ นักนับประสาอะไรกับลอตเต้ที่ไม่จำเป็นเลย ในขณะที่ฟาร์มาและเซดริกต่างก็เป็นผู้ชายดังนั้นจึงไม่มีใครรู้เรื่องเกี่ยวกับเครื่องสำอางมากนัก
“เครื่องสำอางประเภทที่ประสภาพผิวทำให้มันแลดูขาวผ่องใส่ขึ้นประมาณนั้นก็น่าจะดีแล้ว”
แม่ของเขาเป็นผู้หญิงที่เข้าใจเรื่องพวกนี้อย่างถ่องแท้ เพราะพวกเธอบางคนนั้นคงไม่พอใจกับการออกจากบ้านใบเพียงแค่ผงแป้งเพียงอย่างเดียวและพยายามค้นหาบางสิ่งที่จะทำให้ตัวเองขาวราวกับหิมะ ถึงขั้นบางคนนั้นใช้วิธีการเจาะเลือดซ้ำๆ เพื่อให้ตัวเองผิวขาว
“ผิวที่แลดูขาวนั้นจะทำให้เราดูเหมือนเด็กและถ้าหากลูกทำให้ผงมันไม่มีกลิ่นด้วย คงจะขายได้เป็นเทน้ำเทท่าเลยล่ะ”
คำพูดของแม่เขานั้นเหมือนกับไปยกมาจากนิตยสารผู้หญิงเลย และเมื่อพ่อของเขาได้ยินดังนั้นจึงบอกกับเขาว่า
“ฟาร์มาถ้าลูกอยากจะทำแป้งทาหน้า (face powder) ลูกอย่าใช้ผงขาวนะ (white powder) ”
พ่อของเขาให้คำแนะนำด้วยสีหน้าที่จริงจัง แป้งทาหน้าในโลกนี้นั้นเมื่อฟาร์มามองไปที่สูตรของมันพบว่ามีสารตะกั่วสีขาวและปรอทผสมอยู่ซึ่งเป็นสารอันตรายต่อผิวหนังอย่างมากแม้ในต่างโลก ถึงอย่างงั้นทำไมพ่อของเขาถึงได้รู้ว่ามันมีผลเสียร้ายแรงกันล่ะ
“ทำไมล่ะครับ?”
“จากข้อมูลที่พ่อไปสังเกตมา ผู้หญิงที่ใช้แป้งพวกนี้เป็นจำนวนมากจนเกินไปส่วนใหญ่แล้วจะเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เพราะแบบนั้นผู้ที่เดินอยู่บนเส้นทางแห่งการรักษาไม่ควรจะขายของชั้นต่ำแบบนั้น”
(เข้าใจแล้ว พ่อรู้จักมันด้วยวิธีนี้นี่เอง)
ความรู้ทางการแพทย์ที่บรูโนมีนั้นถูกต้องตามหลักการเลย นั่นคือสิ่งที่ฟาร์มาประหลาดใจ พ่อของเขานั้นไม่เพียงแค่ชอบดื่มด่ำไปกับการอ่านหนังสือ แต่เขายังหมั่นสังเกตสิ่งรอบตัวที่ผ่านสายตาของเขาและบางครั้งเขาก็มีความสงสัยในสิ่งที่เขาอ่านมาจากหนังสืออยู่เสมอ
“จริงอย่างที่คุณพูดเหรอคะ ไม่ใช่ว่าคุณแค่คิดไปเองหรอกเหรอ ฉันยังอยากใช้ผงขาวทาหน้าอยู่นะคะคุณ”
และแน่นอนว่าแม่ของเขาถูกห้ามไม่ให้ใช้ผงขาวทาหน้ามากเกินไป เพราะบรูโนอยากจะให้แม่ของเขารักษาสุขภาพตัวเองให้ดีๆ แต่เธอก็ไม่เข้าใจในเรื่องนี้เลย
“ครับ แล้วตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้ขายพวกแป้งทาหน้าอะไรเลย”
สิ่งที่ฟาร์มาขายอยู่นั้นเป็นเพียงพวกเครื่องสำอางขั้นพื้นฐานเช่นครีมบำรุงผิว โลชั่น ครีมทามือ
“อืม แบบนั้นแหละดีแล้ว”
ในเวลานั้นเองก็มีเสียงกรีดร้องดังออกมาจากกลางฝูงชนบนท้องถนน
“รีบไปตามแพทย์โอสถมาเร็ว!!”
“ตะ-แต่แพทย์โอสถที่อยู่แถวๆ นี้…! มันมีแต่สำหรับสามัญชนอย่างเรานะ!!”
ใครบางคนที่มองเห็นป้ายบอกทางจึงจำได้ว่ามีร้านขายยาสำหรับขุนนางอยู่แถวๆ นี้ แล้วชายผู้หนึ่งที่แต่งกายเหมือนยามเฝ้าประตูก็พุ่งเข้าไปในร้าน
“กระผมขออภัยที่ทำให้ท่านลำบากใจนะครับ ท่านแพทย์โอสถ แต่ผมขอความกรุณาช่วยไปตรวจสอบอาการของหญิงสาวคนหนึ่งจะได้ไหมครับ?!”
“ตรวจอาการ? เข้าใจแล้วครับ”
ในที่สุดมันก็เกิดขึ้นและฟาร์มาก็ลุกขึ้นจากที่นั่งของเขา โดยที่บรูโน่นั้นยังคงนั่งนิ่งไม่ไปไหน
“ท่านพ่อครับ ท่านแม่ครับ ผมต้องขอตัวก่อน เอเลนช่วยเฝ้าร้านให้ผมทีนะ!”
หลังจากบอกลาพ่อแม่เขาและทิ้งเอเลนไว้ที่ร้าน เขาก็วิ่งจากไปในที่ที่มีคนมุงกันอยู่
“อะไรกันของเด็กคนนั้นกัน เรายังคุยกันไม่เสร็จเลยนะ”
ในขณะที่แม่ของเขาเริ่มมีน้ำตาของมาปริ่มๆ เซดริกก็พูดขึ้นมา
“คุณผู้หญิง ผมมีบางสิ่งมีนำเสนอครับ เครื่องสำอางแบบเหลว ที่ท่านฟาร์มาคิดค้นขึ้นมาขอให้ท่านได้เชิญชมระหว่างรอครับ”
“โอ้ มันมีกลิ่นหอมมากจริงๆ”
เซดริกผู้มีความสามารถในการดึงความสนใจได้จับทางอารมณ์ของเธอเอาไว้อย่างอยู่หมัด
“ฉันขอออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อยนะ”
บรูโน่ลุกขึ้นมาจากที่นั่งอย่างเงียบๆ และเดินออกจากร้านไป
“คนคนนั้นฉันคิดว่าเขาน่าจะเป็นห่วงฟาร์มาแล้วตามไปดูนะ”
“ผมก็คิดว่าเป็นเช่นนั้นครับ”
แม่ของฟาร์มาและเซดริกต่างพยักหน้าให้กัน
“คนคนนั้นบอกว่ามีเรื่องอยากจะพูดกับเขาด้วยสินะ…”
__________________________________________________________
สาวใช้ได้พยายามดูแลหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งพิงอยู่บนรถม้าซึ่งดูสีหน้าซีดจางมาก
“แล้วเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนั้นเหรอครับ ช่วยนำทางไปหาเธอที”
ฟาร์มาได้รับการบอกทางจากผู้นำทางและเดินเข้าไปในทางที่มีเสียงดังออกมา
“ท่านแพทย์โอสถกำลังจะผ่านทาง กรุณาเปิดทางให้ด้วย! ที่นี่แหละครับท่าน”
“ทะ… เธอคือแพทย์โอสถเหรอ?”
หญิงสาวที่คิดว่าในที่สุดแพทย์ก็มาถึงแล้ว แต่เพราะผู้ที่มานั้นเป็นเพียงแค่เด็ก สีหน้าของเธอจึงแสดงออกมาแบบแปลกๆ เมื่อเห็นฟาร์มาเธอประเมินได้เลยว่าเขาเป็นชนชั้นสูงที่อายุไล่เลี่ยกับเธอ เพราะเธอก็เป็นถึงลูกของชนชั้นสูงระดับมาร์ควิส
“ผมเป็นแพทย์โอสถหลวงครับ”
ฟาร์มาแสดงตราบนปกเสื้อเพราะนั่นเป็นสิ่งสำคัญที่จะแสดงตนในเวลาทำงาน แล้วเขาก็แสดงตราสัญลักษณ์ที่ปักอยู่ตรงแขนเสื้อคลุมสีขาวของเขาที่เป็นแพทย์โอสถหลวงขึ้นมา ที่เขาต้องทำแบบนี้เพราะเขาอาจจะถูกเมินและไม่ได้รับความร่วมมือจากคนไข้แถมเธอยังเป็นเด็กอยู่ด้วยเรื่องอาจจะยิ่งยุ่งยากมากกว่าเดิม
“ขออนุญาต ผมจะขึ้นไปบนรถม้านะครับ สีหน้าของคุณดูไม่ค่อยดีเลยนะครับ”
ด้วยความรวดเร็วฟาร์มารู้ทันทีว่าเธอนั้นเป็นโรคโลหิตจาง เขามองไม่เห็นเลยว่าเธอจะมีโรคอื่นแทรกซ้อนหรือเปล่าเพื่อความแน่ใจเขาจึงเปิดใช้ดวงตาวินิจฉัยเพื่อดูรายละเอียดภายใน ไม่มีกระดูกหักและเรืองแสงออกมาจากอวัยวะภายใน
“กระดูกไม่หักและดูเหมือนจะไม่เคลื่อนตัวไปมากนัก”
ถึงแม้ร่างของเธอจะถูกปิดไปด้วขเสื้อแขนยาว แต่เขาก็ยังสามารถเห็นแสงสว่างมากมายออกมาจากแขนของเธอ
“โอ๊ะ?”
มีบาดแผลตรงส่วนนี้ ดูเหมือนจะมาจากภาวะโลหิตจาง
(ทำร้ายตัวเอง ไม่สิมันดูไม่เหมือนเธอตั้งใจทำมันเอง ตามที่เราคิดนะ)
” ภาวะโลหิตจางเนื่องจากการขาดธาตุเหล็ก”
แสงที่เปล่งออกมานั้นเปลี่ยนสีไป ในที่สุดเขาก็เข้าใจในบทสนทนาที่เขาได้คุยกับแม่เขานั้นเป็นเรื่องจริงขึ้นมา
นี่มันไม่ใช่ภาวะโลหิตจางธรรมดาแล้ว
“ดูเหมือนว่าคุณจะไปเจาะเอาเลือดออกมาสินะครับ ตอนนี้คุณกำลังมีอาการที่เรียกกันว่าโลหิตจางอยู่ครับ”
“อะไรกันเรื่องแบบนั้นแต่แพทย์เป็นคนจัดการให้ฉันเองเลยนะ?”
หญิงสาวมองลงมาที่เขาด้วยความประหลาดใจ ราวกับว่าเธอสงสัยว่าปัญหานี้มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ในโลกใบนี้นั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่จะหาทางทำอะไรเพื่อให้ตัวเองเกิดความสบายใจขึ้นมาแม้มันจะทำให้พวกเธอถึงขึ้นหมดสติไปก็ตามทีและแผลที่ถูกทิ่มซ้ำๆ บนเส้นเลือดนั้นอาจจะทำให้พวกเธอติดเชื้อบนผลได้
“ตอนนี้คุณยังไม่มีอาการผิดปกติหนักมากนัก แล้วคุณก็ไม่ได้ป่วยอะไรด้วยนี่ครับ ทำไมถึงไปเจาะเลือดกัน?”
ต่อมาเธอก็พูดกับฟาร์มาประมาณ 30 นาทีถึงเรื่องราวชีวิตของเธอ ในขณะที่ฟาร์มาฟังเรื่องราวชีวิตของเธออยู่นั้น บรูโนก็ได้จับตามองอยู่อย่างห่างๆ ดูเหมือนว่าเธอมีความตั้งใจที่จะทำให้ผิวของเธอนั้นงดงามและดูขาวเหมือนพวกขุนนางชั้นสูงคนอื่นๆ เมื่อลองมองเข้าไปใกล้ๆ เธอดูก็เห็นได้ว่าใบหน้าของเธอและมือนั้นเต็มไปด้วยผงขาว ซึ่งเป็นสิ่งที่พ่อของเขาบอกเลยใช้ผงขาวมากจนเกินไป
นอกจากนั้นเพราะก่อนหน้านี้เธอก็ไม่ได้มีผิวขาวอยู่ก่อนแล้วจึงได้พยายามไปเจาะเอาเลือดออกด้วย
การเจาะเลือดในยุคกลางนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่นิยมกันเป็นอย่างมาก ในช่วงเวลานั้นการเจาะเอาเลือดจากผู้ป่วยออกถือว่าวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพอย่างหนึ่งและเป็นการระบายเลือดเก่าออกด้วย และในปัจจุบันก็เช่นกันการเจาะเลือดออกนั้นก็ยังเป็นวิธีที่ยังใช้กันในบางแห่ง
เธอไม่ควรจะทำแบบนีเลยนะ
ฟาร์มานำทางพวกเขาไปยังร้านขายยา ซึ่งพ่อและแม่เขานั้นได้กลับไปแล้ว เขาอธิบายเรื่องต่างๆ กับหญิงสาวที่กำลังพักอยู่ในขณะนี้โดยให้ธาตุเหล็กและแนะนำเกี่ยวกับการใช้ยาปฏิชีวนะสำหรับการรักษาบาดแผลที่อาจติดเชื้อ หญิงสาวถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดว่า
“ขอบคุณนะ ฉันก็หวังว่ามันดีขึ้นนะ… แล้วเท่าไหร่ล่ะ?”
ก่อนที่ฟาร์มาจะมีโอกาสพูดอะไร เธอก็มอบเหรียญทองจำนวนมากให้กับเขา ดูเหมือนขุนนางจะต้องจ่ายค่ารักษาประมาณนี้กันอยู่แล้ว
“แล้วก็จากนี้ขอความกรุณาอย่าไปเจาะเอาเลือดออกอีกนะครับ แล้วก็คุณไม่ควรใช้ผงขาวนั้นทาหน้าด้วยนะครับ”
ฟาร์มารู้สึกเป็นกังวล เพราะตราบใดที่เธอยังต้องการความงามอยู่นั้นเธอก็จะกลับไปใช้วิธีเหมือนที่ผ่านมา
“คงจะเป็นไปไม่ได้หรอกนะ เธอก็รู้นี่กว่าผู้หญิงน่ะถึงแม้จะแค่เล็กน้อยแต่พวกเธอก็ต้องการจะสวยขึ้นอยู่ดี”
“ผมเข้าใจครับ”
ฟาร์มากำลังตัดสินใจก่อนพิจารณาจากความปรารถนาของเธอ
“ผมจะเตรียมเครื่องสำอางสำหรับผิวของคุณโดยเฉพาะไว้ให้ครับ หลังจากนี้อีกหนึ่งสัปดาห์ได้โปรดกลับมารับที่ร้านด้วยนะครับ”
นั่นที่คือที่เขาสัญญากับเธอเอาไว้และในวันนั้นเขาก็ขังตัวเองไว้ในห้องชั้น 4 ของร้านขายยาต่างโลกซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการของเขา
เขาตัดสินใจสร้างรองพื้นที่ส่งผลเสียต่อผิวน้อยที่สุดและสามารถใช้กันแดดได้ด้วย
________________________________________________________________