ร้านขายยาต่างโลก - ตอนที่ 17
ตอนที่ 17 การตรวจสอบเมืองมาเชลและอนาคตของการแพทย์
————-
“หืมมม ในที่สุดพวกเราก็มาถึงสักที”
เสียงคลื่นเข้ามากระทบฝั่งจากทะเล
สมาชิกทั้งสามของครอบครัวฟาร์มาได้ลงมาจากรถม้า ซึ่งประกอบไปด้วยพ่อของเขาบรูโน แม่ของเขาเบียทริช และสุดท้ายน้องสาวของเขาบลานช์ สีหน้าของแต่ละคนบอกได้เลยว่าพวกเขารอวันนี้มานานแล้ว เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และรับอากาศบริสุทธิ์ที่มีกลิ่นของเกลือและจากนั้นก็เดินไปบนพื้นดินที่ชื้นแถบชายฝั่งทะเลเมดิโอคาเชี่ยน (คล้ายเมดิเตอร์เรเนียนเลยแฮะ)
หลังจากการเดินทางตลอดทั้งวันจากเมืองหลวงด้วยรถม้า ในที่สุดเขาก็มาถึงดินแดนซึ่งแกรนดยุกนั้นเป็นผู้ปกครองอยู่เมืองมาเชล
ในปี 1146 ครึ่งปีหลังจากการก่อตั้งร้านขายยาต่างโลกขึ้นมา บัดนี้ฟาร์มาอายุ 11 ปีเรียบร้อยแล้ว
มุมมองกว้างใหญ่ไพศาล 360 องศาแบบพาโรนามาที่แสนงดงาม จากนั้นก็มีเหล่าข้ารับใช้ของตระกูลเดอ เมดิซิสออกมารับ
เนินเขาสีขาวบริสุทธิ์และชายหาดที่แสดงถึงความสดใสกับทะเลสีน้ำเงินที่ส่องเป็นประกาย บ้านที่สร้างมาจากหินของหมู่ชาวประมงในบริเวณใกล้เคียงต่างเรียงรายอยู่ตามแนวชายฝั่งด้วยหลังคาสีแดงและกำแพงสีขาวบริสุทธิ์ที่หันหน้าไปทางเนินเขา ในฝั่งของทะเลสีเขียวที่เหมือนกับมรกตก็มีเรือสินค้าเคลื่อนผ่านไปมาอย่างคับคั่ง เรือเหล่านี้สามารถไปจอดเทียบท่าได้ตรงบริเวณท่าเรือพาณิชย์ขนาดใหญ่ โดยรวมแล้วทิวทัศน์ในดินแดนแห่งนี้มีลักษณะคล้ายกับทางตอนใต้ของฝรั่งเศส
“พวกเรากำลังรอคุณท่านอยู่เลยครับแกรนดยุกผู้ปกครองดินแดนแห่งมาเชลคนใหม่”
“อืม ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยาก อดัม ดูเหมือนเจ้าจะโดนแดดเผาไปเยอะเลยนะ”
“ครับ เพราะผมไม่เคยจะละเลยการตรวจตราภายในเมืองทั้งกลางวันและกลางคืนครับ”
บรูโนขอบคุณพ่อบ้านอดัม ซึ่งมาทำหน้าที่เป็นผู้รักษาการแทนเขาจะเรียกว่าเป็นผู้ว่าราชการเมืองก็ได้และเขายังเป็นหัวหน้าคนสวนด้วยอีกเช่นกัน จากนั้นบรูโน่ก็ได้เข้าไปทักทายพวกเหล่าอัศวินอย่างอบอุ่น คฤหาสน์ของพวกเขานั้นตั้งอยู่บริเวณใกล้กับเนินเขา ณ ที่นั่นครอบครัวของฟาร์มาได้รับการต้อนรับอย่างดีและมีการเสิร์ฟอาหารเบาๆ มาให้
เนื่องจากว่าบรูโนนั้นไม่ใช่ชนชั้นสูงที่ปกครองผืนดินแห่งนี้ตั้งแต่ต้น เขาจึงได้มอบหมายให้อดัมชายหนุ่ม ที่นิสัยดี มีความสามารถและสามารถดูแลบ้านของตระกูลเมดิซิสได้มาเป็นรักษาการแทนก่อน
อดัมนั้นมีผมสีน้ำตาลเข้ม ผิวคล้ำ และ โครงหน้าลึก ผมสงสังจริงๆ ว่าเขาเป็นชาวสเปนหรือเปล่า? นั่นคือความสนใจที่ฟาร์มามีต่ออดัม
“ภายในเมือง มี 21 หมู่บ้าน อัศวินรักษาการ 47 นาย ช่าวไร่ 635 คน ผู้ปลูกพืชสมุนไพร 938 คน. . .” ーー
“กรุณาดูตรงแผนที่นี่ด้วยครับ บริเวณนี้ถึงตรงนี้นั้นคือพื้นที่ส่วนของสวนสมุนไพร ในขณะที่ตรงนี้เป็นส่วนของการเพาะปลูกอื่นๆ และทุ่งหญ้าที่อยู่ตรงนี้ครับ ส่วนผลเก็บเกี่ยวของแต่ละหมู่บ้านจะถูกรวบรวมกันเอาไว้ตรงนี้” ーー
“ในส่วนของแรงงานภาคบังคับนั้นจะถูกเกณฑ์หมุนเวียนกันไปในแต่ละหมู่บ้าน. . .” ーー
และผลการรายงานอื่นๆ ที่อดัมได้รายงานต่อบรูโนเขาจัดแจงเอกสารต่างๆ ด้วยความรวดเร็ว ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับการฝึกฝนเรื่องพวกนี้มาเป็นอย่างดี แม้เขาจะดูเหนื่อยๆ มากก็ตาม
“แล้วท่าเรือล่ะเป็นยังไงบ้าง?”
ในขณะที่บรูโนกำลังลูบหนวดของตนอยู่นั้น มือของเขาก็ได้ชี้ไปทางท่าเรือ
มีเส้นทางการค้าทั้งหมด 14เส้น เชื่อมต่อกับท่าเรือของ 31 ประเทศและประเทศอาณานิคมอีก 3 แห่ง
“ครับ ก็อย่างที่ท่านรู้เมืองท่ามาเชลนั้นเป็นความภูมิใจของจักรวรรดิโดยแท้จริง ด้วยความคับคั่งทางการค้าของเมืองท่าเป็นอันดับสองในจักรวรรดิซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเติบโตขึ้นสูงมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และเราก็ยังมีคู่ค้ายักษ์ใหญ่ที่ยังคงคอยนำเข้าละส่งออกสินค้าต่างๆ อีกสิบกว่าบริษัทครับในปีที่ผ่านมา”
“หืมม ไม่เลวเลยนี่ทั้งมูลค่ารวมทางการค้ากับภาษีที่เก็บได้ก็เพิ่มขึ้นด้วย”
“ดังที่ท่านกล่าวครับ แต่บริษัทของพวกเนเดลอินเดี้ยนตะวันออกที่อยู่ในจุดนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้ปกครองเมืองนี้คือมาร์ควิสแต่ตอนนี้นั้นได้เปลี่ยนเป็นแกรนดยุกแล้ว คุณท่านควรจะคิดถึงความสัมพันธ์กับพวกเขาเอาไว้ด้วยนะครับ เพราะบริษัทของพวกเขานั้นก็มีอิทธิพลมากพอสมควรและยังได้รับกฎบัตรอนุญาตการเปิดบริษัทมาจากราชสำนักของทาง
เนเดลด้วยซึ่งทำคนพวกนั้นจึงอ้างสิทธิ์ละเก็บภาษีการค้าจากฝั่งเราด้วย อีกทั้งยังมีสิทธิ์ในการทำสงครามราคา การจ้างงานต่างๆ ด้วย รวมไปถึงพวกสนธิสัญญาทั้งหลายอีกตามกฎของทางฝั่งนั้น”
“พวกต่างชาติงั้นเหรอ มีอิสระจะทำอะไรก็ได้นอกประเทศตัวเองแบบนี้คงสบายน่าดูสินะ ทำการปรับลดภาษีนำเข้าซะ ถ้าหากพวกนั้นมันยังไม่ยอมทำตามกฎของพวกเรา ก็คงต้องไล่พวกมันไปเสีย”
“แบบนั้นจะดีหรือครับคุณท่าน?”
“หากเราปรับเรตของภาษีนำเข้าให้ลดลง ทั้งผู้คนและสินค้าจากแหล่งอื่นๆ ก็จะเข้ามามากขึ้นเอง ส่วนในเรื่องการขนส่งก็……อะไรกันฟาร์มา เจ้ามาทำอะไรตรงนั้น? ออกไปเล่นข้างนอกซะสิทรายบนหาดนั่นก็สวยดีด้วย”
บรูโนซึ่งสังเกตเห็นฟาร์มาที่เหมือนจะพยายามแอบเขาอยู่และนำหูไปแนบกับกำแพงเหมือนดักฟัง ดูเหมือนว่าเขาจะระมัดระวังการพูดในเรื่องนี้มาก และไล่ฟาร์มาให้ออกไปข้างนอก
“ว๊าว ผมเห็นทะเลด้วยหล่ะ!”
หลังจากได้ยินเสียงนั้น ฟาร์มาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องออกไปข้างนอกและแกล้งทำเสียงเหมือนเด็กที่กำลังตื่นเต้นอยู่
“อย่าลงไปในทะเลนะ!”
“ครับ!!”
บริษัทเนเดลอินเดี้ยนตะวันออก นี่มันยังก็ลอกมาจากบริษัทดัชอินเดียตะวันออก (V.O.C) เลยไม่ใช่หรือไงกัน?
ในที่สุดฟาร์มาก็เข้าใจและไม่มีข้อกังขาใดๆ เกี่ยวกับโลกใบนี้ที่มีลักษณะต่างๆ คล้ายคลึงกับโลกเก่าของเขา
เขาเลิกสนใจและยอมจนนนต่อแนวคิดที่ว่าโลกคู่ขนานนี้เป็นยุคกลางของโลกเขาเพราะยังไงเขาก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
“อ้า สวยงามจริงๆ ด้วยสิเล่นเอาซะ ฉันตื่นเต้นขนาดนี้เลยทีเดียว! คิดเช่นนั้นหรือเปล่าคะคุณหนูบลานช์!?”
“เรียบเนียน! นุ่มนิ่ม!”
เมื่อบรูโนไล่ฟาร์มาออกมาจากคฤหาสน์ที่อยู่บนเนินเขา เขาก็มองเห็นลอตเต้กับน้องสาวของเขาบลานช์ซึ่งออกมาเล่นในหาดทรายสีขาวนี้ก่อนหน้าเขา ทั้งคู่นั้นต่างวิ่งและหมุนตัวเต้นไปมาอยู่บนหาดทราย
ทั้งคู่แลดูเป็นเด็กจริงๆ
ฟาร์มารู้สึกดีกับสิ่งที่เห็น
เดี๋ยวนะจะว่าไปเราก็เป็นเด็กเหมือนกันนี่?
จากนั้นบลานช์ก็ล้มลงหน้าทิ่มกับสันทรายทำให้หน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยทรายแถมมีสาหร่ายทะเลติดมาแถมด้วย
“คุณหนูคะ! เรามาทำปราสาททรายกันดีกว่าค่ะ!!”
สายลมทะเลแห้งๆ และกลิ่นของเกลือค่อยๆ พัดผ่านอากาศไป ทำให้ผมสีชมพูของลอตเต้นั้นปลิวไสวไปตามแรงลมนั้น แล้วฟาร์มาก็เดินลงมายังหาดทรายหลังจากนั้นไม่นานนักก็พบกับลอตเต้และบลานช์กำลังก่อปราสาททรายขึ้นอยู่ ลอตเต้นั้นดูเหมือนจะมีความสามารถอยู่พอตัวเพราะสามารถสร้างปราสาทขึ้นมาได้ถึงสองชั้น ส่วนทางด้านบลานช์นั้นปราสาทกว่าครึ่งได้ล่มสลายไปพร้อมกับมือของเธอแล้ว เธอจึงได้แต่มองปราสาทของลอตเต้ด้วยความอิจฉา
“ท่านพี่! หนูอยากไปตรงที่มันมีน้ำกระเด็นไปมานั่น!”
บลานช์ที่ดูท่าว่าจะเหนื่อยกับการเล่นทรายแล้วก็เดินเข้ามาดึงเชือกที่ถูกเสื้อของฟาร์มาไว้อยู่
“ท่านฟาร์มาคะ พวกเราลองเข้าดูคลื่นนั่นใกล้ๆ กันดีไหมคะ!?”
ลอตเต้ไปตรงจุดที่มือคลื่นอยู่ ไม่ใช่ว่าต้องอบอุ่นร่างกายกันก่อนเล่นน้ำทะเลเหรอ? นั่นคือสิ่งที่ฟาร์มาคิด
“ผมว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดีซักเท่าไหร่นะ ที่จะลงไปเล่นน้ำทะเลนอกจากว่าจะว่ายน้ำกันเป็น แล้วพวกเธอได้เตรียมชุดกันมาเปลี่ยนหรือเปล่า?”
แต่ถึงอย่างนั้นทั้งสองคนก็หาได้สนใจคำพูดของฟาร์มาไม่ก่อนจะถอดรองเท้าแล้ววิ่งลงไปตามหาดทราย
“จริงๆ แล้วที่ลอทเต้จังตื่นเต้นขนาดนั้นก็อาจจะเป็นเพราะเธอไม่เคยเห็นทะเลมาก่อนก็ได้นะ….”
เอเลนยิ้มและเดินมาพร้อมกับเสื้อผ้าไว้สำหรับเปลี่ยนของพวกเธอก่อนจะนั่งพักอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้และดื่มน้ำ
“ร้อนจัง เหงื่อออกซะเยอะเลย นี่เรากระโดดโลดเต้นเยอะไปหรือเปล่านะ?”
ลอตเต้และบลานช์วิ่งไล่ตามคลื่นไปโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลย พวกเขาแลดูมีความสุขมากที่เท้าของตนนั้นได้ย่ำอยู่ในน้ำทะเลตามริมฝั่ง
เอเลนสวมชุดว่ายน้ำกระโปรงซึ่งท่อนบนนั้นมีลักษณะเหมือนใส่เสื้อแจ๊กเก็ตคลุมไว้อยู่ทำให้ฟาร์มาเกิดสับสนเล็กน้อยระหว่างที่จ้องมองไปยังต้นขาอันเปลือยเปล่าของเธอที่อยู่ตรงหน้าเขา เอเลนจะรู้หรือเปล่านะ? ในตอนนี้ตัวเขากำลังได้เผชิญกับร่างอันงดงามของเอเลนอย่างหนักหน่วง
“มาทางนี้สิคะ พี่ฟาร์มา!”
บลานช์และลอตเต้นั้นกำลังเล่นในบริเวณห่างจากชายฝั่งเล็กน้อย ซึ่งฟาร์มาก็ได้จับตามองดูเธอตะโกนออกมาว่า ไม่น้าา! หลังจากที่ทั้งคู่ใช้มือแทนปืนฉีดน้ำพ่นใส่กันอย่างสนุกสนาน
“ฮ่าๆๆๆ สนุกจังเลยค่ะ!”
“อ๊ายยย!”
“ทีนี้ตาฉันบ้างแล้วนะคะ คุณหนู!”
ทันใดนั้นเองก็ได้มีคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้ามาบริเวณชายฝั่งซึ่งทั้งสองคนนั้นไม่ได้ทันสังเกตและบลานช์ก็ถูกคลื่นกวาดหายลงไปในทะเล
“แย่แล้วสิ!”
ฟาร์มาสั่งให้เอเลนกับลอตเต้ถอยออกห่างมาจากริมฝั่ง ก่อนที่เขาจะกระโดดลงไปในทะเล แต่ด้วยคลื่นที่สูงมากจึงทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นร่างเล็กๆ ของบลานช์ได้
“ท่านฟาร์มา!”
หลังจากเอเลนยืนยันความปลอดภัยของลอตเต้ได้แล้วเธอก็ตามเขาลงไปหาบลานช์ตัวเธอนั้นเป็นผู้ใช้ศาสตร์แห่งวารีเช่นเดียวกันกับบลานช์ เธอจึงรู้วิธีในการว่ายน้ำดี ถึงเช่นนั้นสำหรับชนชั้นสูงที่เป็นผู้หญิงก็หาโอกาสได้ยากที่จะได้ว่ายน้ำให้แข็งได้ แต่เธอก็จำเป็นต้องทำและพยายามฝืนลงไปอย่างไม่มีทางเลือก
ในที่สุดฟาร์มาก็พบตัวของบลานช์ที่ถูกคลื่นกวาดออกมาและไหลไปตามกระแสน้ำในมหาสมุทรซึ่งดูเหมือนว่าเธอจะหมดสติอยู่ด้วย แม้เขาจะพยายามว่ายเข้าไปใกล้แต่กระแสน้ำกับลมที่พัดในตอนนี้นั้นทำให้การกระทำนั้นเป็นไปได้ยากมากสำหรับเขา น้องของเขากำลังค่อยๆ ออกห่างไปเรื่อยๆ และเขาคงจะว่ายตามไปไม่ทันแน่นอน
เราจะทำยังไงดี?
ฟาร์มารู้สึกเจ็บปวดบริเวณแผลเป็นที่แขนขวาของเขาในขณะที่แช่อยู่ในน้ำ
นี่มันอะไรกัน? แขนนั้นกำลังเปล่งแสงสีน้ำเงินอ่อนๆ ออกมา
มีแต่ต้องลองดูสินะ. . .!?”
เขาตัดสินใจดำน้ำลงไปให้ใกล้กับพื้นของทะเลเท่าที่จะทำได้
เราคงจะยอมแพ้ไปแล้วถ้ามันลึกจนเกินไป แต่ตอนนี้ยังโชคดีที่มันยังไม่ไกลฝั่งมากนั้น ถ้าอย่างงั้น!
สลาย
เขาจินตนาการถึงรายละเอียดของพื้นที่และน้ำทะเลอยู่ในใจ ให้ความรู้สึกของร่างกายเขานั้นสัมผัสผิวผ่านน้ำทะเลและในที่สุดเขาก็เข้าใจกระบวนการ วิธีการในการแก้ไขปัญหาครั้งนี้
ฟาร์มาเปิดใช้งานทักษะที่อยู่ในมือขวาของเขาและคำนึงถึงลักษณะรูปแบบของสถานการณ์ในตอนนี้ บางทีน้ำทะเลอาจจะหายไปทั้งหมดก็ได้ถ้าหากเขาใช้ความสามารถอย่างเต็มพลัง ซึ่งนั่นมันเป็นเรื่องที่โง่เง่ามากอย่างแน่นอนอยู่ในใจ
หลังจากนึกภาพภายในหัวเสร็จสิ้นสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเขานั้นคือน้ำทะเลในรัศมี 10 เมตรรอบๆ ตัวเขานั้นได้หายไป เมื่อเขาสร้างพื้นที่ว่างนี้ขึ้นมาเขาก็ตกลงไปยังพื้นของทะเลที่มีรูปร่างนูนขึ้นมาเหมือนปล่องภูเขาไฟโดยปราศจากน้ำโดยสมบูรณ์
บนพื้นนั้นมีเพียง ทราย หอย ปลาทะเลที่ดิ้นกระดิกไปมาอยู่รอบๆ รวมถึงสาหร่ายทะเลนี่ย้อยลงมา
เสร็จแล้ว!. . . แต่ว่านี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย!?
ฟาร์มารู้สึกประหลาดใจมาก แม้เขาจะเป็นคนที่ทำมันเองก็เถอะ แต่มันก็ยังรู้สึกเหมือนกับเป็นเรื่องตลกอยู่เลย
จากนั้นเขาก็นำตัวของบลานช์กลับขึ้นฝั่งมาด้วยความสามารถของเขา เพื่อป้องกันน้ำที่เหลือซัดเข้ามาเขาจึงได้สร้างกำแพงเวทย์ขึ้นมาเพื่อกันน้ำเอาไว้ในเส้นทางที่เขาเดินขึ้นมา
แลดูคล้ายกับโมเสสที่แยกทะเลแดงเป็นส่องฝั่งจากโลกเดิมของเขาเลย
หลังจากวางบลานช์ลงบนฝั่ง เธอก็สำลักน้ำออกมา
“บลานช์! . . .”
ทั้งเอเลนและฟาร์มาต่างเข้ามาดูอาการและทำการรักษา หลังจากใช้CPRแล้วบลานช์ก็เริ่มหายใจ และร้องไห้ออกมาอย่างเสียงดัง ฟาร์มาที่ยังกังวลอยู่นั้นได้ใช้ดวงตาวินิจฉัยตรวจสอบดูอีกทีว่ามีอาการผิดปกติหรือเปล่า เธออาจจะมีอาการบวมน้ำในปอดก็เป็นได้ แต่ยังโชคดีที่เธอไม่ได้ดื่มน้ำทะเลเข้าไปมากเกินไปขอบคุณพระเจ้า…ด้วยร่างกายเด็กแบบนี้คงเป็นไปไม่ได้จริงๆ ที่จะช่วยเธอขึ้นมาได้ด้วยการว่ายน้ำเพียงอย่างเดียว
ฟาร์มารู้สึกโล่งใจและเริ่มอ่อนแรงในขณะที่กำลังนั่งอยู่บนหาดทราย ลอตเต้ซึ่งเป็นพยานเห็นเหตุการณ์ในครั้งนี้ถึงกับตัวสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัวสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอ
จากเรื่องนี้ฟาร์มาสังเกตเห็นบางสิ่ง เพราะว่าสิ่งที่เขาสลายไปนั้นคือน้ำเท่านั้น แต่กลับไม่มีเกลือหลงเหลืออยู่บริเวณพื้นของทะเลเลย นี่เราไม่ได้สลายโมเลกุลของน้ำไปเท่านั้นเหรอ?
บางทีในตอนนั้นเขาอาจจะไม่ได้กำหนดแค่ โมเลกุลของน้ำก็ได้เพราะความรีบร้อนและกลัวว่าจะไม่สามารถลบน้ำทะเลออกไปได้อย่างสมบูรณ์จึงน่าจะเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีอะไรเกินเลยเพราะมันไม่มีเกลือหรือแร่ธาตุอื่นๆ ที่แยกออกมาจากน้ำทะเลจำนวนมากอยู่ที่พื้นทะเลเลย
เป็นไปไม่ได้น่า เราไปทำอีท่าไหนให้สลายน้ำทะเลไปได้หมดเนี่ยกระทั่งเกลือก็ยังไม่เหลืองั้นเหรอ?
“ฟาร์มาคุงบางทีนายคงคิดว่านั่นเป็นพลังจากลักษณะเชิงลบใช่หรือเปล่า?”
เอเลนถามอย่างอึกทึก
“ผมว่าน่าจะเป็นแบบนั้นนะ แล้วคุณคิดยังไงเกี่ยวกับมันเหรอ เอเลน?”
“ไม่นะ ที่จริงมันก็ไม่น่าใช่ความสามารถของลักษณะเชิงลบเลยด้วยซ้ำ เพราะว่าเรื่องที่จะสามารถสลายน้ำทะเลไปอย่างสมบูรณ์น่ะมันเป็นไปไม่ได้หรอก ความสามารถของมันน่ะทำได้เพียงแค่ลดปริมาณลงเท่านั้นแต่ไม่ได่ทำให้หายไป ดังนั้นเป็นไปไม่ได้หรอก”
เอเลนนั้นเคยช่วยฝึกฝนพลังกับฟาร์มามาก่อนแต่เธอไม่เคยเห็นความสามารถในธาตุเชิงลบของเขาเลย เพราะในช่วงที่เขาระเบิดหมู่เกาะต่างๆ ตามชายฝั่งทะเลนั้นเขาได้ใช้คุณสมบัติเชิงบวกของธาตุน้ำในการสร้างแรงดันเข้าไประเบิดภูเขา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นสิงนี้และไม่สามารถทำความเข้าใจกับมันได้จริงๆ จนใบหน้าของเธอกระตุก
เธอนั้นเริ่มมีความมั่นใจในทฤษฎีของตัวเองมากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องที่ฟาร์มาไม่น่าจะใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว
“มันคงจะดีถ้าผมอธิบายในสิ่งที่ผมทำลงไปได้ แต่ผมก็ไม่อาจจะเข้าใจในเรื่องนี้ได้เหมือนกัน….รู้สึกเสียใจจริงๆ”
“ไม่สำคัญหรอกเพราะอย่างน้อยเราก็ช่วยบลานช์ได้แล้ว”
ไม่มีร่องรอยของความสามารถที่ฟาร์มาใช้หลงเหลืออยู่นอกวางอ่างน้ำวนขนาดใหญ่ที่เขามองเห็นได้บริเวณนอกชายฝั่ง
มีเงาขนาดเล็กได้มองเห็นเหตุการณ์ครั้งนี้อยู่บริเวณบนเนินเขา
_________________________________________________
วันรุ่งขึ้นฟาร์มาและพ่อของเขานั้นได้เดินทางไปกับเซดริกและอัศวินอีก 3 คนบนรถม้า โดยมีจุดมุ่งหมายในการสำรวจสวนสมุนไพรซึ่งอยู่ใกล้กับคฤหาสน์ของพวกเขา มีสมุนไพรหลายชนิดถูกปลูกไว้แบ่งเป็นส่วนๆ ตามพื้นที่ เหล่าเกษตรกรนั้นต่างทำงานกันแข็งขันได้ยั้งมือและทำการต้อนรับเจ้าของที่คนใหม่และหนุ่มน้อยที่เป็นชนชั้นสูง
“การผลิตสมุนไพรเป็นไปได้ด้วยดีหรือเปล่า?”
“โอ้ครับ เราสามารถจัดส่งบรรณาการประจำปีได้ตามปกติครับ”
ดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นเรื่องปกตินักที่เจ้าของที่ดินจะมาทำการตรวจสอบด้วยตนเอง พวกชาวสวนจึงรู้สึกกดดัน
“ยอดเยี่ยมมาก ขอให้พยายามกันเข้าล่ะ เซดริก”
“ครับ คุณท่าน”
เซดริกลงมาจากรถม้าและนำคทาแห่งเทพออกมาก่อนจะรีดแขนเสื้อของตนขึ้นแล้วนำมือไปวางไว้บนผืนดินก่อนจะร่ายมนตร์บางอย่าง มือของเขานั้นเริ่มเปล่งแสงสีส้มอ่อนๆ ออกมาอย่างอบอุ่น
“พรแห่งแผ่นดินแม่ (Bénédiction de la terre nourricière) ”
เสียงระเบิดภายใต้ผืนดินออกจากจุดศูนย์กลางชิ่งไปเหมือนกับปฏิกิริยาลูกโซ่
“มาดูผลลัพธ์กัน”
ฟาร์มาสังเกตเห็นถึงผืนดินที่เคลื่อนที่ไปมาด้วยความฉงน
“ฟาร์มาอย่าบอกนะว่าเจ้าลืมไปแล้วน่ะ?”
“ฮ่าๆ ก็ช่วยไม่ได้นี่ครับ เพราะผมยังไม่เคยแสดงพลังนี้ให้ท่านเห็นเลยสักครั้ง ผมเป็นผู้ใช้ศาสตร์แห่งพสุธาครับ ดังนั้นจึงมีความสามารถในการประทานพรให้กับผืนดินได้เหมือนกับที่ทำในตอนนี้”
เซดริก ลูเนอัลก็เป็นผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพที่มีความสามารถผู้หนึ่ง
“พ่อมอบหน้าที่ให้เขาดูแลในส่วนของการส่งเสริมการเติบโตของสมุนไพรในส่วนคฤหาสน์เราตลอดเลยนะ”
“เข้าใจแล้วครับ”
เขาไม่ได้ใช้ของอย่างปุ๋ยเลย ถ้าหากมันนำมาใช้ในการปลูกสมุนไพรพวกนี้ด้วยคงจะช่วยให้ผลผลิตโตได้เร็วกว่านี้ แต่เมื่อเขาได้เห็นความสามารถนี้ก็ได้แต่ประหลาดใจว่ามันเป็นไปได้ด้วยหรือ? แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธมันได้
เหล่าชาวสวนต่างดีใจและแสดงความขอบคุณต่อเซดริกเพราะผลงานของเขานั้นทำให้เรื่องต่างๆ ง่ายขึ้นมาทันที การเก็บเกี่ยวในปีนี้คงจะอุดมสมบูรณ์มากเลยทีเดียว พวกเขากล่าวออกมากันโดยมองโลกในแง่ดีที่เป็นเช่นนั้นเพราะผู้ที่มีคุณสมบัติธาตุดินนั้นหาได้น้อยมาก มันจึงทำให้เป็นสิ่งที่มีค่ามากเหมือนกัน
“พวกเจ้าประสบปัญหาอื่นๆ อีกไหม?”
บรูโนถามพวกเขา
“พวกเราประสบปัญหาความแห้งแล้งเล็กน้อยครับ เนื่องจากช่วงนี้ไม่มีฝนตกลงมาเลย”
“งั้นหรือ?”
“ถ้าอย่างงั้น นี่เป็นของขวัญสำหรับพวกเจ้า”
บรูโนได้ร่ายมนตร์ด้วยคทาแห่งเทพของเขาก่อนจะทำการร่ายบทสวดที่ดูน่าสงสัย จากนั้นหมอกควันก็ได้กระจายออกจากร่างเขาของราวกับภาพลวงตา
“พรของฝนแห่งการเยียวยา (Pluie bénie de la guérison) ”
เขาตวัดคทานั้น แล้วด้วยพลังนั้นก็ทำให้เกิดเมฑฝนขึ้นและตกลงสู่ผืนดิน มันมีความสามารถที่จะเพิ่มความแข็งแรงและคุณภาพให้กับสมุนไพรด้วย จากนั้นเขาก็เริ่มเต้นด้วยท่าทางแปลกๆ สิ่งที่บรูโนใช้นั้นถือว่าเป็นศาสตร์เฉพาะตัวของเขาและหาได้ยาก ซึ่งในท้ายที่สุดสมุนไพรเหล่านี้ก็จะกลายเป็นของที่มีคุณภาพสูงและราคาแพง
“ด้วยสิ่งนี้ทุกอย่างน่าจะดำเนินไปได้ด้วยดีสักที”
ฟาร์มาเฝ้ามองบรูโนที่กำลังเต้นเสกฝนอยู่ นี่มันคือผลงานของศาสตร์แห่งเทพที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง
“พวกเราขอคารวะท่านลอร์ทของพวกเรา!”
เหล่าชาวสวนต่างกระโจนไปมาด้วยความปีติยินดี ขณะกำลังขอบคุณของน้ำฝนอันแสนวิเศษนี้ พวกเขาร้องเพลงและเต้นไปมากับบรูโนด้วย
เราก็จำเป็นต้องศึกษาเรื่องศาสตร์แห่งเทพให้มากกว่านี้สินะ
ศาสตร์แห่งเทพนั้นมีจริงบนโลกใบนี้และฟาร์มากำลังพิจารณาว่าสามารถประยุกต์ไปใช้กับงานเภสัชวิทยาของเขาได้มากแค่ไหน เพราะสำหรับเขาพลังนี้ยังไม่เป็นที่ประจักแก่เขานัก เป็นไปได้ก็ไม่อยากจะใช้มัน
ถ้าเข้าใช้น้ำที่สร้างมาจากศาสตร์แห่งเทพมาทำยา ผลของยานั้นจะมีประสิทธิภาพขึ้นหรือไม่? เขาเริ่มตระหนักถึงความสามารถที่พ่อของเขาใช้ เนื่องจากบรูโนเองก็เป็นหนึ่งในผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพที่เยี่ยมยอด เขาจึงสามารถสร้างโพชั่นและยาต่างๆ ได้ง่าย
ด้วยการผสมสมุนไพรที่ใช้ผลจากศาสตร์แห่งเทพเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างคุณสมบัติใหม่ของยานั้นจะสามารถทำได้หรือเปล่า?
นี่คือสมมุติฐานอันคลุมเครือของฟาร์มา
หลังจากฝนหยุดตก รุ้งกินน้ำที่มีขนาดใหญ่ราวกับถูกเสกมาด้วยศาสตร์แห่งเทพเช่นกันก็ปรากฏ
“ดูนั่นสิ”
บรูโนกลับมาสวมเสื้อคลุมหลังจากเสร็จสิ้นพิธีเต้นรำของเขาและเรียกหาฟาร์มา แล้วชี้มือของเขาไปยังอีกมุมหนึ่งของฟาร์มที่ไม่ใช่พื้นที่เพาะปลูก แต่ก็ยังเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยพืชพรรณ เป็นที่ราบอันกว้างใหญ่ที่ถูกอาบไปด้วยแสงแดดอยู่ตรงหน้าพวกเขาและมีถนนอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
“นั่นเป็นพื้นที่ที่ดีที่สุดของอีกฟากหนึ่งที่อดัมได้เป็นผู้เลือกเอาไว้”
“ครับ เป็นที่ที่ดีจริงๆ”
“ที่ตรงนั้นสามารถเจ้าสามารถใช้มันในการปลูกสมุนไพรส่วนตัวของเจ้าได้ แต่การตัดสินใจนั้นก็ขึ้นอยู่กับเจ้าก็แล้วกัน เจ้าจะทำเช่นไรกับมัน?”
ควรจะเป็นสมุนไพรหรือเปล่านะ? นั่นคือสิ่งที่บรูโนตั้งใจจะถาม ในขณะที่นับเรื่องความได้เปรียบขอบอุตสาหกรรมในท้องถิ่น มันก็เป็นการดีด้วยเพราะจะเกิดการจ้างงานขึ้นมา
พื้นที่อันแสนยอดเยี่ยมนี้ เขาจะจัดการเช่นไรกับมันดีเพื่ออนาคตของผู้คนบนโลกแห่งนี้? การพิจารณานั้นต้องให้ฟาร์มาหาคำตอบด้วยตนเอง มันจะต้องเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด
“ถ้าหากเป็นผม ผมจะสร้างห้องปฏิบัติการในงานของแพทย์โอสถหรือโรงงานผลิตแล้วใช้มันเพื่อวิจัยพวกเวชภัณฑ์ยาต่างๆ ครับ”
เขาจะสร้างโรงงานเภสัชกรรมซึ่งจ้างชาวบ้านเข้ามาช่วยงานและจัดระบบการผลิตยา สินค้าที่ได้นั้นจะถูกส่งไปยังเมืองหลวงซึ่งจะได้นำมันไปแจกจ่ายให้กับแพทย์โอสถและคนขายยาทุกๆ รายไม่ใช่เพียงแค่ร้านขายยาต่างโลกเท่านั้น
“ทำไมเจ้าต้องทำแบบนั้นกัน? เจ้าก็ได้กำไรจากส่วนของร้านขายยาดีอยู่แล้วนี่ หรือเจ้ายังต้องการเงินมากกว่านั้น?”
“ไม่ใช่เหตุผลเรื่องของเงินหรอกครับ มันเป็นหากวันหนึ่งผมหายไปจากโลกนี้ไปแต่ผู้คนนั้นยังคงมีอยู่บนโลกใบนี้ ผมไม่อยากให้พวกเขาประสบกับโรคภัยต่างๆ ในตอนที่ยากลำบาก เพื่อการนั้นผมอยากจะสร้างหลักค้ำประกันว่ายารักษาโรคต่างๆ นั้นจะพร้อมใช้งานในทุกโอกาสครับ”
จากการยืมร่างของเด็กน้อยผู้หนึ่ง ธุรกิจของเทพโอสถนั้นก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
บรูโนรู้สึกได้ถึงสัญญาณแห่งการเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้
“เหมือนกับว่าเราได้เห็นโลกแห่งการรักษาในอีกร้อยปีข้างหน้าซะแล้วสิ”
คำพูดที่บรูโนกล่าวกับฟาร์มาได้หายไปตามสายลมและทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่
“ทำตามที่เจ้าต้องการเถอะ พ่อจะช่วยเท่าที่ทำได้เอง”
ลูกชายของเขามองไปยังพื้นที่อันว่างเปล่านั้นในขณะที่แสงส่องลงมายังเขานั้น เขาก็ได้ทำการขอบคุณบรูโนและก้มหัวให้อย่างแรง
___________________________________________
—————-
Note : สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913