ร้านขายยาต่างโลก - ตอนที่ 24
นที่ 24 งานเทศกาลสินค้าแซงต์เฟลิฟและข่าวลืออันดำมืด
—-
“และก็อย่างที่นายเห็นนั่นแหละ ฉันตอบตกลงไปนั่นก็เพราะมาเรียยืนกรานเอง แต่…..”
นี่ก็เป็นเวลาผ่านมาถึงสามวันแล้วที่ปาลเล่พี่ชายของเขากลับมายังคฤหาสน์ ปาลเล่เอาแต่เล่าเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เขาแยกทางกับแฟนคนที่เก้าของเขาได้ยังไง ฟาร์มาซึ่งเบื่อกับการที่ต้องมาทนฟังเรื่องแบบนี้เต็มทีจึงได้ตัดบทของพี่เขาในทันที ส่วนบลานช์นั้นได้กลับไปนอนที่ห้องของเธออย่างเงียบๆ เรียบร้อยแล้ว
“ยังไงก็เถอะครับ ช่วยบอกเกี่ยวกับเรื่องที่ท่านพี่ไปเรียนมาจากทางโนวารูตให้ผมฟังหน่อยสิครับ”
ระหว่างทางมาตัดหัวข้อหลักในการพูดคุยกับพี่ชายของเขาออกไปทันที หัวข้อที่ต้องทนฟังมาเกือบสามชั่วโมงของนักเรียนเกียรตินิยมที่น่าภาคภูมิใจของโนวารูต ความรักอันแสนโรแมนติกของพี่เขากับหญิงสาวในยามค่ำคืน ก็เป็นเรื่องจริงที่พี่ชายสมองกล้ามของเขาคนนี้ยังหนุ่มยังแน่น รูปร่างหน้าตาก็งดงามจนน่าอิจฉาอีกด้วย ประสบความสำเร็จทั้งด้านสังคมและการใช้ชีวิตซึ่งเขาได้มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงหลายๆ คนซึ่งมีชื่อแปลกๆ ซะด้วย ชื่อเม็ดยาอาจจะเหมาะกับเขาจริงๆ ก็ได้นั่นแหละ
ดูเหมือนถ้าเป็นโลกใบนี้หากผู้ใดมีความสามารถในการใช้ศาสตร์แห่งเทพสูง เป็นหนุ่มเลือดร้อนและมีความเป็นลูกผู้ชายเอามากๆ นั้นมักจะเป็นที่ต้องตาของเหล่าหญิงสาว แต่อย่างที่ว่ามานั้นฟาร์มาไม่ได้มีบุคลิกโดดเด่นอะไรเลยยกเว้นก็ต่อเมื่อตอนพูดเรื่องพวกเภสัชวิทยา
ถ้าเราถึงวัยที่แต่งงานได้ ก็คงจะไม่เป็นที่นิยมของสาวๆ หรอกมั้ง
บางที่เขาคงจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนแก่เฒ่าเลยก็เป็นได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วบรูโนได้มีข้อเสนอจากเหล่าตระกูลต่างๆ ที่อยากจะมอบเหล่าลูกสาวตนให้กับฟาร์มาอยู่มากมาย แต่สำหรับเรื่องนั้นดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ได้ให้ความสำคัญนักในเวลานี้
“โอ้! เรื่องเรียนงั้นเหรอ? นายอยากจะฟังจริงๆ งั้นเหรอ? แต่จะบอกไว้ก่อนเลยนะว่าที่ที่พี่ไปเรียนนะมันเป็นคลาสที่ยากสุดๆ เลย พี่คิดว่าบางที่นายอาจจะม่ายยยยยเข้าใจก็ได้นะ พี่ว่าหลังนายได้ฟังคงจะร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่ๆ ฮร๊ากกกกๆๆ น้องชายยิ่งโง่ก็ยิ่งดูน่ารักจริงๆ นั่นแหละ”
“ได้โปรดสอนผมด้วยเถอะครับ”
แม้ว่าปาลเล่จะพยายามทำแบบนั้น แต่ฟาร์มาก็ยังอดทนต่อการยั่วยวนของปาลเล่ ปาลเล่อะไรจะทำอะไรแปลกๆ กับเขาอีกก็ได้ถ้าเขาไม่อดทนกับเรื่องแค่นี้ เหมือนกับกรณีของเอเลนที่เมื่อก่อนถูกปาลเล่นั้นหยอกล้อจนทนไม่ไหวขึ้นมาแล้วก็ได้ทะเลาะกันจนกระทั่งมาถึงทุกวันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้นทุกทีตอนที่เจอกัน
“งั้นก็ดี เอาเป็นส่วนของประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดของโนวารูตในตอนนี้แล้วกัน”
ปาลเล่เอาตำราที่ดูจะสำคัญมากๆ ออกมา โดยชื่อของตำราเล่มนั้นคือ ปริศนาแห่งพลังธาตุ ฟาร์มาค่อยๆ อ่านมันแต่ละหน้าอย่างช้าๆ
“… นี่มันสุดยอดไปเลยครับ!”
“ใช่ไหมล่ะ? อ่ะ เดี๋ยวนะนายเข้าใจมันด้วยเหรอ?”
“ก็ไม่ทั้งหมดหรอกครับ!”
ระหว่างทางมารู้สึกประทับใจกับการค้นคว้าของทางโนวารูตมากเพราะมันได้รวบรวมเหล่าผู้มีสุดยอดมันสมองจากทั่วทุกมุมของโลกมารวมกัน ซึ่งยังมีรูปแบบขอบเขตของการศึกษาโดยใช้การสังเกตการณ์ปรากฏการณ์ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับมันแทนที่จะใช้การคาดเดา การจำกัดความของธาตุหลักทั้งสี่ซึ่งมีพื้นฐานมาจากศาสตร์แห่งเทพและการมนตร์ด้วยภาษาแปลกประหลาดนั้นก็ถูกสร้างออกมาให้อยู่ในรูปแบบเหมือนตารางธาตุที่ดูเรียบง่าย
ดูเหมือนว่าเหล่านักวิชาการบางคนจะเริ่มทำความเข้าใจเกี่ยวกับส่วนประกอบของเรื่องเหล่าได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นและแน่นอนว่าในอนาคตจะต้องสามารถอธิบายปรากฏการณ์เหล่านี้ได้ดีขึ้น
เป็นครั้งแรกที่เหล่านักวิชาการเก่งๆ ทั้งหลายและนักเล่นแร่แปรธาตุทางการแพทย์ ได้เริ่มการค้นคว้าพื้นฐานที่มาของพลังของพวกเขา
จากการเล่นแร่แปรธาตุได้ถูกเปลี่ยนเป็นวิชาเคมี
ต้นกล้าแห่งวิชาเคมีเริ่มปรากฏขึ้นมา เฉกเช่นเดียวกับประวัติศาสตร์ของวิทยาศาสตร์ในฝั่งโลกเดิมของเขาเลย
ในที่สุดพวกคุณก็ทำได้แล้วนะครับ มหาวิทยาแพทย์โนวารูต อย่างที่คิดไว้เลยว่ามันรวบรวมเอาบุคคลชั้นนำของโลกไว้ในนั้น!
ฟาร์มารู้สึกยินดีอย่างยิ่งกับการพัฒนาในครั้งนี้
ถ้าหากการวิจัยศึกษานั้นก้าวหน้าไปถึงขั้นที่สามารถเขียนสูตรธาตุทางเคมีได้แล้ว ฟาร์มาก็จะทำการเขียนสูตรการสังเคราะห์ทางเคมีของสารต่างๆ และส่งมันไปให้พวกเขา เพื่อทำให้กลายเป็นรากฐานในการพัฒนาให้กับผู้คนทั้งโลกนี้สู่การสังเคราะห์ยาแผนปัจจุบันขึ้นมาได้ด้วยสูตรดังกล่าวนั้น
“ถ้าพูดถึงตอนนี้ทางมหาลัยก็ค้นพบธาตุถึง 26 ธาตุแล้วล่ะนะ และสร้างสัญลักษณ์ของธาตุนั้นๆ ขึ้นมาด้วย”
“จริงเหรอครับ!?”
จาก 118 ในโลกเดิมของเขาการที่ค้นพบถึง26ธาตุในตอนนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ นั่นแหละ
ภายในตำราหน้าแรกนั้นมีรายการสัญลักษณ์ทางเคมีของธาตุต่างๆ เรียงรายเอาไว้และมีชื่อติดเอาไว้ด้วย
เอ๋ แต่มีแสงกับแคลอรีอยู่ในนั้นด้วยนี่ นั่นมันไม่ใช่ธาตุนะ แล้วก็ยังมีอีก 4 อย่างที่ไม่ใช่เหมือนกันเพราะมันเป็นสารประกอบทั้งหมด อีกนิดเดียวเอง! ถ้าแบบนี้ก็สรุปได้ว่าค้นพบเพียงแค่ 20 ธาตุอยู่สินะ
พวกเขาย่อมผิดพลาดและเข้าใจผิดเกี่ยวกับบางเรื่องได้เป็นธรรมดาหากมองกลับไปในอดีตแล้ว
ถ้าหากเราแก้ไขส่วนที่ผิดไปได้….ฟาร์มาคิดอย่างน่าหงุดหงิดเพราะยิ่งอ่านไปจำนวนของจุดที่ผิดพลาดไปเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าเป็นแบบนี้คงจะดีกว่าหากมีการสะสางตำรานี้และเขียนมันขึ้นมาใหม่ให้เร็วที่สุด ในกรณีนี้คงไม่มีปัญหาอะไรเพราะทางนี้ก็มีการคิดสัญลักษณ์ของธาตุออกมากันแล้ว เราจะใช้สัญลักษณ์ของทางฝั่งนี้เลยคงจะง่ายกว่า ว่าแต่เราคัดลอกมันไปได้หรือเปล่านะ?
แล้วก็พูดออกไปー
“ท่านพี่ครับ ผมขอคัดลอกตำราเล่มนี้ไว้ได้หรือเปล่า?”
“เอ๋? แต่มันเร็วเกินไปสำหรับนายไปหน่อยหรือเปล่า เพราะนายยังไม่ได้เข้าใจพื้นฐานของพวกมันเลยนะหากขาดในส่วนพื้นฐานไปแล้วนายจะเอามันไปใช้กับสิ่งใดไม่ได้เลยนะ”
พี่ชายมองน้องชายของเขาเหมือนกับเป็นคนโง่ พี่พูดถูกครับว่าผมยังต้องปรับพื้นฐานอะไรอีกมาก แต่เสียงนั้นไม่ได้ถูกส่งออกมาจากฟาร์มา
“ขอร้องนะครับท่านพี่ ผมจะพยายามเรียนให้หนักขึ้นเอง”
ช่วยไม่ได้นะ แล้วอย่าให้หมึกเลอะหรือทำตำราสกปรกล่ะ! แล้วปาลเล่ก็ให้ตำราเล่มนั้นกับฟาร์มา พี่ของเขานี่อ่อนต่อลูกอ้อนจริงๆ นั่นแหละแบบนี้ทำอะไรง่ายขึ้นเยอะ
หากมองกลับมาที่โลกเดิมของเขาช่วงยุคกลางนั้นศูนย์กลางของวิทยาศาสตร์การแพทย์ชั้นสูงและเภสัชวิทยานั้นอยู่ในยุโรป แต่ในปัจจุบันนั้นกลับอยู่ในส่วนของอเมริกา
ตอนนี้ก็เช่นกันไม่มีผู้ใดจะสามารถล่วงรู้ได้เลยว่าศูนย์กลางแห่งวิทยาศาสตร์การแพทย์และเภสัชวิทยานั้นจะถูกเปลี่ยนจากมหาวิทยาลัยแพทย์และยาโนวารูตมาเป็นของเมืองหลวงจักรวรรดิ
ระหว่างทางรูโนได้รวบรวมบุคลากรที่มีความสามารถซึ่งได้มาจากวิทยาลัยยาแซงต์เฟเกี่ยวข้องซึ่งตัวเขานั้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการอยู่และสั่งสอนคนเหล่านั้นให้รู้ถึงเทคนิคการแพทย์สมัยใหม่ ด้วยสิ่งนี้จะทำให้ฟาร์มาไม่ต้องแบกรับภาระและความพยายามอยู่เพียงผู้เดียวเพราะสามารถมอบงานวิจัยต่างๆ ด้านยารักษาโรคให้กับผู้เชี่ยวชาญหลายๆ คนได้ ซึ่งตัวเขาเองนั้นก็มีความคืบหน้าในงานของตัวเองเช่นกัน วิทยาศาสตร์นั้นจะเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้นหากมีกำลังคนหลากหลายเข้ามาช่วย
“มีอีกเรื่องหนึ่งด้วยนะ เมื่อไม่นานมานี้มาการค้นพบสิ่งที่เรียกว่าไมโครสโคป มันเป็นอุปกรณ์ที่สามารถมองเห็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ แบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนได้เลยล่ะนะ! นายคงจะนึกภาพตามออกใช่ไหม!?”
“อ๋อ งั้นเหรอครับー”
“การตอบสนองจะน้อยเกินไปแล้ว นี่นายไม่ได้เข้าใจถึงคุณค่าของมันเลยสินะ? นายลองนึกดูสิว่าเราจะได้เห็นโลกขนาดเล็กผ่านสิ่งนั้นได้นะ? อร๊ากกฮ่าๆๆ นายคงจะไม่เข้าใจล่ะสิー!”
“โอ้ สุดยอดไปเลยนะครับ ผมละนึกไม่ถึงเลยว่าจะมีโลกแบบนั้นอยู่ー!”
ระหว่างทางเล่หัวเราะเยาะต่อชายผู้เป็นสุดยอดเภสัชกรในชีวิตก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าการค้นพบไมโครสโคปนั้นจะสามารถผลักดันการค้นคว้าต่อไปได้เป็นอย่างดีและในอนาคตอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงจากการใช้กล้องแบบ
ออปติคัลมาเปลี่ยนเป็นอิเล็กตรอนไมโครสโคปแทนและสามารถศึกษาอะตอมได้ ถึงตอนนั้นหากฟาร์มาต้องการค่อยเปิดประตูบานใหม่ให้กับพวกเขาก็ยังไม่สาย
แน่นอนว่าพี่ของเขาก็คงจะไม่มีวันรู้เกี่ยวกับตัวเขาในเรื่องนี้
ระหว่างทางเล่นั้นไม่รู้เลยว่าตัวฟาร์มานั่นแหละที่เป็นคนส่งไมโครสโคปไปให้กับทางโนวารูต เพราะถ้าจำไม่ผิดทั้งบรูโน วิทยาลัยยา คล็อด นั้นต่างปกปิดและกดดันไม่ให้ทางโนวารูตสืบหาคนสร้างสิ่งนี้
“โอ้ แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง มีข่าวลือว่ามีการค้นพบยาพิเศษที่สามารถรักษาโรคฝีในท้องได้แล้วนะ (วัณโรค) .”
ฟาร์มาตกใจ
“แต่สูตรการสร้างของมันนั้นดูเหมือนจะยังไม่ถูกปล่อยออกมา นายไม่คิดว่ามันสุดยอดไปเลยงั้นเหรอ? เรามีโอกาสที่จะรักษาโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายแบบนั้นได้แล้วนะ!”
“เอ่อออ นั่นก็สุดยอดไปเลยนะครับー”
ดูท่าเรื่องที่จักรพรรดินีป่วยเป็นโรคฝีในท้องจะไม่ถูกแพร่งพรายออกไป คงจะมีแต่นักเรียกระดับหัวกะทิของทางโนว่ารูตเท่านั้นที่รู้ถึงเรื่องนี้ เพราะข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วยคนนี้รั่วไหลไปได้ยากมาก
หลังจากนั้นปาลเล่ก็คุยเรื่องความสุดยอดของโนวารูตและความสำเร็จต่างๆ ราวกับเขาเป็นเจ้าของมันเอง
“มันก็เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ นั่นแหละที่รู้สึกภูมิใจกับสถาบันของตัวเอง” ฟาร์มาบอกกับตัวเอง
“วันนี้เป็นวันอาทิตย์เพราะฉะนั้นแล้วพวกเราต้องไปทำกิจกรรมที่โบสถ์ผู้พิทักษ์กัน!”
เป็นช่วงเช้าตรู่ที่ปาลเล่นั้นพาฟาร์มาและน้องสาวของเขาไปยังโบสถ์ผู้พิทักษ์ในเมืองหลวงของแซงต์เฟลิฟซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของเทพผู้พิทักษ์ทุกองค์ จะให้พูดแล้วตัวพ่อของเขาบรูโนนั้นไม่เคยจะพาพวกไปยังโบสถ์เลย ในขณะที่พี่ชายของเขานั้นดูจะเป็นพวกเคร่งศาสนาเอามากๆ นี่จึงเป็นครั้งแรกตั้งแต่มายังโลกใบนี้ที่ฟาร์มาได้เดินทางไปยังโบสถ์ อย่างไรก็ตามระหว่างการ
ระหว่างทางบลานช์ได้มองไปรอบๆ ด้วยความกระปรี้กระเปร่า
“หากนายไม่ได้ไปรับพรจากเหล่าเทพผู้พิทักษ์ทั้งการเรียนศาสตร์แห่งเทพหรือการเป็นนักวิจัยก็จะทำได้มีดีทั้งคู่เลยนะ!”
แบบนี้นี่เอง ไม่สงสัยแล้วว่าทำไมพี่ชายที่สุดแสนมั่นใจในตัวเองคนนี้ถึงได้เก่งเรื่องการใช้ศาสตร์แห่งเทพ ส่วนหนึ่งคงจะเป็นผลมาจากการนมัสการเหล่าเทพอย่างต่อเนื่องนี่แหละ
เกี่ยวกับเรื่องนั้น เพราะฟาร์มานั้นมีคทาแห่งโอสถเทพอยู่และยังเพิ่มความสามารถทางร่างกายให้กับตัวเองอีก ในขณะที่ปาลเล่นั้นมีไข้อ่อนๆ อยู่แล้วแต่เขาก็ยังสามารถตรึงกำลังกับฟาร์มาได้นานถึงขนาดนั้น ฟาร์มารู้สึกได้ถึงความพยายามของพี่ชายเขาจริงๆ
พิธีบวงสรวงที่ถูกจัดขึ้นทุกๆ วันอาทิตย์ที่โบสถ์ ทั้งเหล่าชนชั้นสูงและสามัญชนก็ต่างจะไปกัน
และที่นั่นเองก็มีบุคคลที่คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บริเวณแท่นบูชา นั่นคือหัวหน้านักบวชที่มักจะไปเยี่ยมเยือนร้านขายยาบ่อยๆ
พิธีการนั้นประกอบไปด้วยการอ่านพระคัมภีร์ การเทศน์และการให้พรซึ่งทั้งหมดนั้นทำโดยหัวหน้านักบวช เขาได้เห็นฟาร์มาหลังจากสิ้นพิธีจากนั้นจึงเดินเข้ามาหาฟาร์มาด้วยความยินดีปรีดา
“ในท่านสุดท่านฟาร์มาก็มาแล้วเหรอครับ? ผมจะรีบทำการต้อนรับท่านเดี๋ยวนี้เลยครับ!”
ตัวของหัวหน้านักบวชนั้นมักจะคอยชักจูงให้ฟาร์มา มาเยี่ยมชมโบสถ์เสมอ เขาบอกว่าเพียงแค่ฟาร์มาเข้ามายังโบสถ์ผู้พิทักษ์แห่งนี้มันก็ได้รับการชำระล้างจนสะอาดบริสุทธิ์และกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริงไปอีกแห่ง ซึ่งทุกครั้งที่ฟาร์มาย่างก้าวไป พื้นสลักลายของทางโบสถ์นั้นก็เปล่งแสงอ่อนๆ ออกมาด้วย
หาาา…มันส่องแสงได้ยังไงกันเนี่ย
ไม่ทราบว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ปรากฏการณ์อันน่าสยดสยองนั้นทำให้ฟาร์มายิ่งกังวลมากขึ้นกว่าเดิมอีก
“ดะーนี่นาย!? ทำไมหลวงพ่อถึงต้องมาใช้คำนำหน้าว่า ท่าน กับนายด้วยล่ะ?”
ปาลเล่รู้สึกประหลาดใจอย่างมากและกระซิบถามฟาร์มาว่าเหตุใดหัวหน้านักบวชแห่งโบสถ์ผู้พิทักษ์ซึ่งเป็นบุคคลทรงอำนาจมากที่สุดในเมืองหลวงถึงพูดกับเขาด้วยความเคารพเช่นนี้ ฟาร์มาดึงตัวหัวหน้านักบวชที่กำลังมึนงง “ท่านเทพโอสถ?” ก่อนจะกล่าวกับเขาว่า “ช่วยมากับผมสักแป๊บหนึ่งนะครับ” ก่อนจะลากตัวหัวหน้านักบวชให้ออกห่างจากพี่น้องของเขา
“ผมสงสัยเกี่ยวกับสภาพของคทาแห่งเทพของพระคุณท่านเป็นยังไงบ้างครับ?”
หัวหน้านักบวชนั้นไม่สามารถถามเรื่องนี้กับเขาได้ในตอนแรกเพราะร้านขายยานั้นปิดเนื่องจากการกลับมาของปาลเล่
“ผมพอใจกับมันมากเลยครับ เพียงแค่จับความสามารถทางกายภาพของผมก็เพิ่มขึ้นมากเลย”
“ได้ยินแบบนั้นก็ดีแล้วครับ กรุณาใช้มันได้ตามประสงค์ของท่านเลยนะครับ”
หัวหน้านักบวชรู้สึกดีใจมากๆ ที่ตนนั้นให้ได้ให้เขานั้นคทาแห่งเทพซึ่งเป็นสมบัติลับของศาสนจักรกับฟาร์มาไปโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ฟาร์มารู้สึกสงสัยว่าจะมีเหตุหรือแรงจูงใจซ่อนเร้นอะไรหรือเปล่า หนึ่งในนั้นน่าจะเป็นเพราะเรื่องกระดูกหักของเขาด้วย
“ให้ผมมาใช้สมบัติลับของทางโบสถ์ผู้พิทักษ์แบบนี้จะดีเหรอครับ? ทางท่านผู้นำจะไม่โกรธเอาเหรอครับที่สมบัติถูกเอาไปแบบนี้?”
“มันเป็นประโยชน์กับทางเราเสียด้วยซ้ำครับ เพราะท่านนั้นจะสร้างอาณาเขตคุ้มครองขนาดเล็กรอบๆ ตัวท่านเองอยู่แล้วด้วย แต่หลังจากที่ท่านได้คทาแห่งเทพนี้ไปอาณาเขตมันยิ่งขยายไปกว้างมากขึ้นเพราะการกระตุ้นพลังของท่านครับ จึงเป็นเรื่องดีแล้วครับที่เราให้ท่านได้ใช้สมบัติลับชิ้นนี้”
“สร้างอาณาเขตคุ้มครอง!?”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยิน
“ทั้งๆ ที่มีผู้ป่วยเข้ามายังร้านขายยาต่างโลกทุกๆ วัน แต่เหล่าพนักงานของท่านกลับไม่ติดโรคใดๆ เลย แม้แต่บาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังไม่มีเลยครับ แล้วก็เป็นเรื่องจริงด้วยที่ว่าผู้ที่อยู่บริเวณร้านขายยารอบๆ นั้นต่างก็ได้รับผลนี้เช่นกัน”
ตามที่หัวหน้านักบวชบอกกับฟาร์มาว่าพวกปีศาจนั้นไม่สามารถเข้ามาใกล้เขาได้เลยในทางกลับกันผู้คนที่อยู่รอบๆ ตัวเขานั้นก็มีอาการป่วยกันลดน้อยลงมาก ดูเหมือนสิ่งที่หัวหน้านักบวชเห็นนั้นไม่ใช่เรื่องอย่างการซื้อยาและใช้ยาเลยหายจากโรคได้ซะแล้ว
“ไม่คิดบ้างเหรอครับว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ? มันจะเกี่ยวข้องกับปีศาจจริงๆ เหรอครับ?”
เขาคิดว่านั่นคงจะเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น แต่หัวหน้านักบวชกล่าวว่าー
“ท่านพูดอะไรกันครับ มันต้องเป็นเพราะพวกปีศาจอยู่แล้ว”
การตอบกลับมาเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
ฟาร์มานั้นไม่ได้มีความเชื่อในเรื่องพวกนี้ แต่ในโลกที่มีเวทมนตร์แบบนี้การจะปฏิเสธมันสุดหัวใจเลยก็ไม่น่าจะพูดได้เต็มปาก แต่ถึงแบบนั้นฟาร์มาก็ยังไม่เคยเห็นปีศาจหรืออะไรทำนองนั้นเลย
“ผมเข้าใจดีครับ ท่านไม่จำเป็นต้องปกปิดมันหรอกครับเพราะผมก็เป็นถึงนักบวชเลยนะครับ”
หัวหน้านักบวชนั้นได้พูดสิ่งที่ตนมองเห็นออกมา
“เฮ้อ..”
“มันจะสะดวกกับท่านจริงๆ เหรอครับ ที่ไม่สามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่เพราะต้องคอยปกปิดตัวตนไว้แบบนี้?”
“คุณหมายความว่ายังไงกันครับ?”
หัวหน้านักบวชรู้สึกเป็นห่วงฟาร์มาที่พยายามจะหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้
“ผมก็เป็นเพียงแค่นักบวชที่อุทิศตนให้กับการศึกษาเทววิทยา หากท่านมีปัญหาหรือประสงค์สิ่งใดกรุณาบอก หัวหน้านักบวชซาโลมอนผู้นี้จะช่วยเหลือท่านเองครับ”
บางที่ผมอาจจะสามารถให้คำแนะนำบางอย่างกับท่านก็ได้นะครับ หัวหน้านักบวชเกี่ยวข้องโลมอนบอกกับเขาแบบนั้น
“แม้ว่าโลกใบนี้จะเต็มไปด้วยสิ่งที่โสมมก็ตามแต่ตัวผมนั้นจะอยากจะให้ท่านอยู่กับพวกเราให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นะครับ”
จากตามที่ตำนานเล่าสืบต่อกันมาเหล่าทวยเทพนั้นจะจุติลงมายังโลกเพียงไม่นานนักและก็จะกลับไปเพราะพวกเขานั้นเกลียดสิ่งโสมมบนโลกใบนี้
ตัวฟาร์มานั้นวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะใช้ทั้งชั่วชีวิตของเขาอยู่บนโลกใบนี้ แต่ตามที่หัวหน้านักบวชบอก อาจจะมีโอกาสที่การดำรงอยู่เขาจะหายไปในสักวันหนึ่ง
สักวันหนึ่งเราจะหายไปงั้นเหรอ…?
ด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ฟาร์มาได้เดินกลับไปหาพี่ชายและน้องสาวของเขา
“นายไปคุยเรื่องอะไรกันมางั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอกครับ…ท่านพี่เชื่อในเรื่องของภูตผีปีศาจไหมครับ?”
“พอนายพูดถึงมัน พี่ก็ไม่เห็นหรือรู้สึกถึงตัวตนของมันเลยนะตั้งแต่กลับมา บางทีหลวงพ่ออาจจะขับไล่มันออกไปหมดแล้วก็ได้”
ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติที่ปาลเล่จะเห็นพวกมัน
“วันนี้หนูยังไม่เจอปีศาจสักตัวเลยค่ะ หนูว่าต่อจากนี้หนูคงจะไม่เจอมันอีกแล้วแน่นอน”
บลานช์ก็พูดแบบนั้นเหมือนกัน พวกเขาบอกว่าปีศาจนั้นมีลักษณะเหมือนกับเงาสีดำที่สามารถพบได้ทุกที่และเมื่อมันได้ไปติดต่อกับผู้คนมันจะนำพาโชคร้ายมาสู่ตัวคนผู้นั้น หนูเคยเห็นคนที่ถูกปีศาจสิงสู่ด้วยค่ะแล้วพวกเขาก็ตายหลังจากนั้นทันทีเลย บลานช์กล่าว
สองพี่น้องผู้มีสัมผัสทางวิญญาณ… โอ้! ถ้าแบบนั้นเราก็น่าจะมีด้วยสิ?
ฟาร์มาสงสัย
“นี่จะต้องเป็นเพราะพรจากพระผู้เป็นเจ้าแน่นอน เรามาสวดภาวนาเหล่าผู้พิทักษ์กันเถอะ”
“ค่ะ”
บลานช์ยกมือขึ้นเช่นกัน
พวกเขาเดินเข้าไปในศาลเจ้าซึ่งมารูปปั้นบูชาเหล่าเทพผู้พิทักษ์อยู่ มันเป็นลานกว้างที่ดูเงียบสงบ แสงสว่างจากกระจกหลากสีก็ดูจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของที่นี่เหมือนกัน
ปาลเล่นั้นหลับตาลงต่อหน้ารูปปั้นของเทพโอสถและภาวนาอย่างจริงจังเพราะเทพผู้พิทักษ์ของเขานั้นคือเทพโอสถ ส่วนทางบลานช์ที่มีคุณสมบัติเป็นธาตุน้ำนั้นได้ไปก้มภาวนาต่อหน้ารูปปั้นของเทพวารี ราวกับว่ามันมีปฏิกิริยาต่อคำอธิษฐานของปาลเล่แผลเป็นรูปสายฟ้าที่แขนของฟาร์มานั้นมีแสงสว่างออกมาและทำให้แขนของเขานั้นสั่นไหวส่วนทางคทาแห่งเทพก็เช่นกันผลึกได้เปล่งแสงสว่างออกมา ดูท่าว่าการภาวนาของปาลเล่นั้นจะกลายเป็นมาพลังให้กับฟาร์มา บางที่ตัวฟาร์มานั้นอาจจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเทพโอสถจริงๆ ก็ได้ กับตัวตนที่แท้จริงของเขาฟาร์มาต้องพยายามยอมรับมัน
จริงๆ แล้วทำไมเราถึงมายังโลกใบนี้กันนะ?
ฟาร์มารู้สึกกระวนกระวายและเหงาใจเพราะเขาไม่สามารถระบุอัตลักษณ์ของตนได้แม้กระทั่งตัวตนจริงๆ ของเขาก็ยังไม่สามารถบอกได้
เพราะตัวเขานั้นตายจากการช่วยเหลือผู้คนจึงเป็นเหตุผลให้เขาเข้ามาเกี่ยวข้องกับเทพโอสถหรือ
เราไม่อยากรับรู้มันอีกต่อไปแล้ว เราควรจะหยุดคิดถึงเรื่องที่ทำได้แค่เดาไว้เท่านี้น่าจะดีกว่า
… ฟาร์มาตัดสินใจโยนเรื่องนั้นทิ้งไป
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปนับตั้งแต่การกลับมาของปาลเล่ วันนี้เป็นวันที่เขาจะต้องกลับไปยังมหาวิทยาแพทย์โนวารูตแล้ว
ฟาร์มา บลานช์ แม่ของเขา และเหล่าข้ารับใช้ได้มาส่งปาลเล่ ส่วนพ่อของเขานั้นออกจากไปบ้านแล้วเนื่องจากต้องไปตรวจผู้ป่วย
“ถ้าอย่างงั้น ท่านแม่จากนี้ไปผมก็จะพยายามศึกษาเล่าเรียนให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมครับ”
“ให้แน่ใจนะว่าแค่เรียน”
แล้วแม่ของเขาก็ทำการส่งพี่ชายด้วยการกอดก่อนที่จะหลั่งน้ำตาออกมา
“ฟาร์มา บลานช์ พวกเธอทั้งสองก็ดูแลตัวเองให้ดีๆ ด้วยนะ แล้วพี่จะรีบกลับมา”
“กลับไปพี่จะไปทำอะไรเหรอครับ?”
ฟาร์มาถาม
“ถ้าหากพี่ไม่รีบกลับไปพบนาตาลีอย่างน้อยสักสัปดาห์ละครั้ง เธอจะต้องร้องห่มร้องไห้ด้วยความเหงาอย่างแน่นอน ลำบากจริงๆ น๊าเป็นคนดังแบบนี้ ฮ่าๆๆ”
ไอ้เจ้าเสื้อผู้หญิงนี่ นั่นคือสิ่งที่ฟาร์มาคิดขณะกำลังโบกมือลาม้า แต่ก่อนที่เขาจะออกไป
“ยังไงก็ตามฟาร์มา งานเทศกาลสินค้าแซงต์เฟลิฟจะถูกจัดขึ้นที่เมืองหลวงในเดือนหน้าน่ะ”
ทันใดนั้นเองปาลเล่ก็นึกถึงบางสิ่งออกและเริ่มแสดงสีหน้าจริงจังออกมา งานเทศกาลสินค้าแซงต์เฟลิฟนั้นเป็นนิทรรศการประจำปีซึ่งจัดกันทุกๆ ปี ซึ่งกินระยะเวลาถึงหนึ่งเดือนเต็มเหล่าพ่อค้าแม่ค้าจากทั่วทุกมุมโลกจะรวบรวมเอาวัตถุดิบและสินค้าต่างๆ มาขายเป็นจำนวนมาก ที่ซึ่งสามารถหาซื้อสินค้าต่างๆ ได้ทั้งวันทั้งคืน
“นายต้องระวังตัวให้ดีนะ”
สำหรับสิ่งที่ฟาร์มาต้องกังวลนั้นไม่มีอยู่เลยในตอนนี้เพราะร้านขายยาของเขาก็เริ่มมีชื่อเสียงแพร่กระจายไปยังนอกราชอาณาจักรแล้ว ถ้าจะระวังก็คงจะเรื่องการขโมยพวกอุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่ปาลเล่นั้นไม่รู้ว่าเขาเปิดร้านขายยาอยู่
“ดูเหมือนว่าจะมีโรคประหลาดเกิดขึ้นที่หมู่เกาะที่เป็นอาณานิคมของเนเดล ได้ยินมาว่าตอนนี้ยอดผู้เสียชีวิตนั้นเกิดหมื่นละนะ”
“มันเป็นโรคประจำท้องถิ่นหรืออะไรแบบนั้นหรือเปล่าครับ?”
“พี่ก็ไม่รู้รายละเอียดมากหรอกนะ ทางโนวารูตก็กำลังส่งทีมวิจัยเข้าไปช่วยในเรื่องนี้อยู่ แต่นักวิจัยของทางเราสองคนได้เสียชีวิตไปแล้วนี่สิ
มันเป็นโรคติดต่องั้นเหรอ
ฟาร์มาเริ่มรู้สึกกังวล
“เนื่องจากตัวของนักวิจัยและของใช้ของพวกเขานั้นถูกเผาทั้งหมดก็เลยไม่มีใครตกเป็นเหยื่อมากนักและคนที่มาจากทางนั้นก็ถูกกำจัดไปหมดแล้วด้วยแต่นายก็ต้องระวังตัวเอาไว้ให้ดีนะ เนื่องจากสินค้าภายในงานนั้นมาจากทั่วโลก ได้ยินมาว่ามีสินค้าจากเรือที่บรรทุกของมาจากเนเดลหายสาบสูญไปด้วย”
เขาพยายามจะสื่อว่าสินค้าเหล่านั้นอาจจะถูกผสมปนมายังที่เมืองหลวงแห่งนี้ด้วยเพราะเนเดลนั้นได้รับการอนุญาตในการขนส่งสินค้าให้มาเทียบท่าของเมืองมาเชลได้
แต่แน่นอนว่าในกรณีนี้มันต้องถูกหยุดไว้ตั้งแต่ที่ท่าเรือแล้ว
ฟาร์มาเริ่มรู้สึกกระวนกระวาย
“ท่านพี่ครับเรื่อง ผู้ป่วยที่ถูกเผาไปนั้นไม่เหลือตัวอย่างที่เก็บได้จากคนพวกนั้นหลงเหลืออยู่เลยงั้น เหรอครับ?”
“ไม่มีเหลือหรอกเพราะมันถูกเผาโดยศาสตร์แห่งไฟกระทั่งกระดูกยังไม่มีเลย ส่วนห้องวิจัยของพวกนั้นก็ถูกชำระล้างด้วยศาสตร์แห่งลมและถูกปิดผนึกเอาไว้”
ทางโนวารูตอาจจะตัดสินแล้วก็ได้ว่านั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถจัดการได้
แน่นอนว่าคงจะดีหากหลังการเผาได้เก็บตัวอย่างเอาไว้เสียหน่อย ฟาร์มาได้ถามปาลเล่เกี่ยวกับอาการและสาเหตุการตายของนักวิจัย แต่ยิ่งฟังมากขึ้นเท่าไหร่ฟาร์มาก็ยิ่งรู้สึกได้เลยว่าเรื่องที่ไม่ดีสุดๆ กำลังจะเกิดขึ้นมาแล้ว
อย่าบอกนะว่า..…
“บางที่จริงๆ แล้วอาจจะมีตัวอย่างของสิ่งมีชีวิตนั้นถูกเก็บไว้และข้อมูลเกี่ยวกับมันที่ผ่านการส่องโดยไมโครสโคปอยู่ก็ได้นะครับ”
กล้องจุลทรรศน์เลนส์เดียวที่ฟาร์มาคิดค้นขึ้นนั้นกลายเป็นทรัพย์สินที่แสนมีค่าและทำให้งานต่างๆ ของทางโนวารูตนั้นรวดเร็วมากขึ้นอีกด้วย
“ท่านพี่ครับ ช่วยไปเก็บตัวอย่างและคัดลอกมันมาแล้วส่งมาให้ผมผ่านนกพิราบได้หรือเปล่าครับ?”
“นายอยากได้งั้นเหรอ? เพื่ออะไรกันล่ะ?”
“ผมอยากจะเอามันไปปรึกษากับท่านพ่อครับ”
“งั้นเหรอ? นั่นสินะท่านพ่ออาจจะรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ได้”
ดูท่าว่าปาลเล่นั้นจะมีความเคารพและเชื่อมันในพ่อของเขามาก ด้วยความที่ว่าตัวพ่อเขานั้นเป็นถึงแกรนดยุกและชื่อเสียงของบรูโนนั้นก็ต่างเป็นที่ยอมรับกันในโนวารูต
เพราะทางโนวารูตนั้นไกลเกินกว่าที่เขาจะบินไปด้วยคทาแห่งเทพ ทั้งที่มันดีกว่านกพิราบแท้ๆ แต่ติดแค่ระยะทางที่ไกลเกินไปเท่านั้น
“พี่จะคัดลอกมันมาให้แต่ต้องหลังจากได้รับอนุญาตจากทางผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยก่อนนะ”
ฟาร์มามอบหมายให้ปาลเล่นั้นไปนำข้อมูลที่สำคัญที่สุดมา
อีกสองสัปดาห์ก่อนจะมีการจัดงานเทศกาลสินค้าแซงต์เฟลิฟ แม้ว่าเขาจะพยายามให้คำแนะนำจากจักรพรรดินีว่าควรจะยุติงานเดี๋ยวนี้ แต่สินค้าจากทั่วทุกมุมโลกนั้นก็ถูกส่งมาถึงเรียบร้อยแล้ว
แม้สิ่งที่เลวร้ายที่สุดจะยังไม่เกิดขึ้น แต่ฟาร์มาก็คิดว่าพวกเขาควรจะเตรียมพร้อมรับมือกับโรคติดต่อให้เร็วที่สุด แม้ว่าจะไม่มีโรคระบาดอื่นๆตามมายังจักรวรรดิด้วยก็ตาม
ฟาร์มากลับมาทำงานที่ร้านขายยาตามปกติและจัดการกับผู้ป่วยที่มีอาการร้ายแรงก่อน และส่งผู้ที่อาการไม่หนักมากไปยังกิลด์ร้านขายและจ่ายยา ในขณะนั้นเขาได้จัดตั้งสถานีกักกันที่ท่าเรือของเมืองมาเชลไว้ด้วย นอกจากนั้นเขายังต้องรีบทำการรวบรวมและสร้างตำราเคมีพื้นฐานกับตำรายาแผนปัจจุบันเอาไว้ด้วย เผื่อว่าฟาร์มาได้หายตัวไปจากโลกนี้จริงๆ ก็จะยังมีผู้อื่นสามารถมาสืบทอดงานของเขาต่อได้ เพื่อรับมือกับปัญหาต่างๆ
นกพิราบสื่อสารได้นำจดหมายจากพี่ชายของเขามาส่งแล้ว จากนั้นเขาก็เกิดข้อความภายในจดหมายดู ฟาร์มาก็แข็งเป็นหินไป
มันมีอยู่ที่โลกใบนี้จริงๆ ด้วยสินะ…..
เขาไม่แน่ใจว่า ตัวอย่างของเชื้อโรคที่ถูกเผาไปแล้วเหล่านี้และแบคทีเรียที่มีรูปร่างคล้ายๆ กันแบบนี้อาจจะเป็นโรคชนิดอื่นที่เกิดขึ้นในโลกคู่ขนานแห่งนี้หรือเปล่า แต่เขาไม่ต้องการข้อสรุปใดๆ อีกต่อไปแล้วจนกว่าจะได้ใช้ดวงตาวินิจฉัยด้วยตัวเอง
ฟาร์มาจดจำมันได้เป็นอย่างดี
จากรายละเอียดและอาการที่ได้ยินมาจากพี่ชายบวกกับภาพสเกตที่ถูกส่งมาแบคทีเรียนรูปกระบอกยาวมันคือ…..
เชื้อกาฬโรคเยอร์ซีเนีย เพสติส (Yersinia Pestis) .
มันเป็นสาเหตุของแบล็กเดธที่ครั้งหนึ่งเคยแพร่กระจายทั่วทวีปยุโรปในยุคกลางประมาณศตวรรษที่ 14 ซึ่งทำให้เกิดการเสียชีวิตของประชากรทั่วโลกถึง30เปอร์เซ็นต์ เป็นโรคที่น่ากลัวที่สุดอีกหนึ่งโลกในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
อัตราการเสียชีวิตของกาฬโรคบูโบนิค (Bubonic Plague) นั้นอยู่ที่อยู่ที่ 50-70เปอร์เซ็นต์และมันจะพัฒนาจนรุนแรงยิ่งขึ้นไปถึงขั้นนิวมอร์นิก (Pneumonic Plague)
เมื่อถึงจุดนั้นอัตราการเสียชีวิตจะอยู่ที่ 100 เปอร์เซ็นต์
_________________________________________
กลับมาอ่านเองอีกทีก็ยังสนุกเพลินๆ
Note : สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913