ร้านขายยาต่างโลก - ตอนที่ 4
นที่ 4 คลาสเรียนศาสตร์แห่งเทพของเอเลโอนอร์
———————-
ฟาร์มากระตือรือร้นอย่างมากในการฟังและจดบันทึกสิ่งที่เรียนจากการบรรยายของเอเลโอนอร์ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ เอเลน
ชนชั้นสูงทุกคนบนโลกใบนี้จะมีความเข้ากันได้ในศาสตร์แห่งเทพและมีเทพผู้พิทักษ์ประจำตัว
โดยคุณลักษณะของศาสตร์แห่งเทพนั้นจะติดตัวมาตั้งแต่เกิด ส่วนเทพผู้พิทักษ์นั้นจะได้รับขณะเข้าพิธีล้างบาปของทางศาสนจักรและคนผู้นั้นก็จะได้รับคำอวยพรจากเทพผู้พิทักษ์องค์ดังกล่าวอีกด้วย กระแสไหลเวียนของพลังนั้นจะไหลเวียนภายในร่างกายเฉกเช่นเดียวกันกระแสเลือดซึ่งจะทำให้ผู้นั้นสามารถใช้พลังได้ โดยปริมาณของพลังนั้นจะถูกกำหนดมาตั้งแต่เกิดและไม่สามารถเพิ่มพูนปริมาณของพลังได้ด้วยการฝึกฝน
ธาตุแห่งเทพนั้นถูกแบ่งออกเป็น ไฟ น้ำ ลม ดิน และ ไร้ธาตุ
ส่วนทางด้านคุณลักษณะนั้นก็จะถูกแบ่งออกเป็นส่วนนั่นคือเพิ่มพูน และ หักล้าง
ก็มีบางครั้งที่เด็กบางคนเกิดมาไม่ได้รับการคุ้มครองจากเทพผู้พิทักษ์ ทำให้ไม่สามารถเปิดกระแสพลังได้ นั่นหมายความว่าเด็กคนนั้นจะถูกทอดทิ้งและถูกถอดยศชนชั้นสูงออก
ดังนั้นระบบของชนชั้นสูงในตอนนี้เรียกได้ว่ามีศาสตร์แห่งเทพเป็นตัวกำหนดก็ว่าได้
(ถึงจะเป็นชนชั้นสูงแต่นั่นค่อนข้างรุนแรงเหมือนกันนะ)
ฟาร์มาคิดเรื่องนั้นอยู่ในใจ
พ่อของเขาบรูโน พี่ของเขาปาลเล่ และฟาร์มานั้นมีผู้พิทักษ์องค์เดียวกันนั่นก็คือเทพโอสถ และธาตุที่พวกเขาใช้ได้นั้นคือวารี ในที่นี้ก็รวมไปถึงเอเลนที่เป็นอาจารย์เขาเช่นกัน
บนโลกใบนี้นั้นมีเทพผู้พิทักษ์มากกว่า 100 องค์เลยทีเดียว
ไม่ว่าจะเป็น เทพแห่งสุริยัน จันทรา ปฐพี วายุ สมุทร หรือแม้แต่เทพที่เกี่ยวกับการประกอบอาชีพเช่นกัน อาทิ เทพโอสถ เทพแห่งการเยียวยา เทพแห่งการตีเหล็กและอื่นๆ
โดยในจำนวนนั้นถือว่ามีน้อยมากในทวีปนี้ที่ผู้คนจะได้รับการคุ้มครองจากเทพโอสถและสามารถใช้พลังในการรักษาได้อย่างยอดเยี่ยมสมกับพรที่ได้จากเทพผู้พิทักษ์
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพ่อของเขาบรูโนถึงได้รับตำแหน่งแกรนดยุก
ส่วนทางด้านของเอเลนนั้นมีผู้พิทักษ์เป็นเทพวารี
(หมายความว่า ลักษณะของผู้พิทักษ์ก็มีผลกับธาตุที่จะได้รับเหมือนกันสินะ โลกแห่งนี้ช่างลึกลับซับซ้อนเสียจริง)
เขาเป็นเภสัชกรที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น เรื่องของพระเจ้า ผี ปีศาจ เวทมนตร์หรือ ศาสตร์แห่งเทพนั้นมันไม่มีหลักเหตุและผลทางวิทยาศาสตร์เลย จึงทำให้เขาไม่ชอบเรื่องพวกนี้และไม่เคยคิดจะเรียนรู้เกี่ยวกับมันมาก่อนเลย
“มาถึงตรงนี้แล้วเข้าใจเนื้อหาที่พูดไปหรือเปล่า?”
เอเลนถามเพื่อยืนยันก่อนฟาร์มาจะพยักหน้ารับขณะกำลังดูโน้ตที่เขาจดไว้
“ขอบคุณมากครับ ผมทำความเข้าใจได้ง่ายมากเลยเพราะคุณ แต่ผมสงสัยว่า อะไรคือ “ไร้ธาตุ” งั้นเหรอครับ?”
“มันเป็นธาตุที่ไม่สามารถจัดหมวดหมู่อยู่ในทั้งสี่ธาตุข้างต้นได้ ซึ่งในอดีตมันเคยมีเรื่องอย่างนั้นเกิดขึ้น หลังจาก 300 ปีก่อนหน้านี้ทางศาสนจักรก็ยังไม่เคยเจออะไรแบบนั้นอีกเลยนะ”
เอเลนได้แสยะยิ้มเล็กน้อยเมื่อพูดถึงศาสนจักร
(แล้วธาตุหลักของเขาเป็นอะไรกันนะ? ถ้ามันไม่ใช่น้ำมันจะเข้ากับเทพโอสถหรือเปล่า? แล้วในเมื่อตัวเรามาเกิดใหม่แบบนี้มันจะทำให้ธาตุเปลี่ยนไปจากเดิมหรือเปล่า?)
ฟาร์มาสงสัยเป็นอย่างมาก เพราะตัวเขานั้นสามารถสร้างน้ำขึ้นมาได้ ซึ่งนั่นหมายความว่าเขามีธาตุเป็นวารี [เพิ่มพูน] แต่……
“สสารที่เราสร้างขึ้นมาก่อนหน้านี้มันต้องถูกจัดอยู่ในธาตุไหนกันล่ะ?”
“เพราะว่ามันไม่สามารถถูกจัดอยู่ในธาตุทั้งสี่ได้มันจึงถูกเรียกว่าไร้ธาตุ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะสร้างอะไรขึ้นมาก็ได้หรอกนะ สิ่งที่แสดงผลออกมาได้นั้นมีเพียงแค่การสร้างสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เพียงสิ่งเดียว เพราะถ้าสามารถสร้างอะไรขึ้นมาก็ได้มันไม่เรียกว่าผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพแล้วล่ะ ตัวตนเช่นนั้นคงจะเรียกได้เพียงแค่ พระเจ้าหรือไม่ก็สัตว์ประหลาดเพียงเท่านั้น”
(ถ้าอย่างงั้นความสามารถนี้มันยังไงกัน….)
ฟาร์มารู้สึกว่าพลังของเขาตอนนี้น่าจะเป็นปัญหาแล้วเขาจึงตัดสินใจไม่พูดถึงเรื่องนี้ในตอนนี้
“แล้วทำไมเราจึงจำเป็นต้องเรียนศาสตร์แห่งเทพด้วยครับ?”
“สำหรับเธอแล้วมีสองข้อด้วยกัน อย่างแรกคือเพื่อป้องกันตัว”
ชนชั้นสูงนั้นจะไม่พกดาบกันแต่พวกเขานั้นจะพกคทาแห่งเทพ ซึ่งเป็นสื่อกลางเพื่อใช้ศาสตร์แห่งเทพดุจดั่งดาบของพวกเขา กล่าวได้ว่าการที่พวกเขาพกดาบนั้นถือว่าเป็นเรื่องน่าอับอาย
“สิ่งนี้แหละคือดาบของพวกเรา”
เธอหยิบคทาออกมาจากเข็มขัดที่คาดเอวเอาไว้ ลักษณะของมันดูดีเอามากๆ
ในสงครามนั้น กล่าวว่าทหารราบนั้นถือเป็นสิ่งที่ไร้ค่า กลยุทธ์และยุทธวิธีต่างๆ นั้นถูกทำลายด้วยศาสตร์แห่งเทพ ว่ากันว่าผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพชั้นยอดนั้นสามารถเปลี่ยนได้แม้กระทั่งภูมิประเทศหรือล่มปราสาทได้เลยทีเดียว
“นี่คือคำถาม ฟาร์มาคุง! อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเหล่าชนชั้นสูง?”
“เอ๋!”
เขานั้นพกหนังสือเรียนและสมุดจดมาด้วยแต่สิ่งที่เขาลืมไปนั้นคือคทาแห่งเทพอันแสนสำคัญ ซึ่งถูกเก็บไว้ในกล่องที่มีเครื่องประดับหรูหราติดไว้ บริเวณใกล้หมอนของเขา เป็นคทาสีเงินวางอยู่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงเข้าใจ
“แม้ว่าแพทย์โอสถหลวงนั้นไม่จำเป็นต้องมีพลังอันแกร่งกล้าหรือความสามารถทางการทหารเท่ากับพวกครูเซเดอร์ แต่เธอก็ไม่ควรละเลยการพกคทานะ”
ว่ากันว่าเหล่าชนชั้นสูงนั้นย่อมตกเป็นเป้าหมายของเหล่านักฆ่าได้ ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง นอกจากนี้พวกเขายังมักตกเป็นเป้าของพวกอันธพาลและโจรตามท้องถนนอีกด้วย
“อีกเหตุผลหนึ่งก็คือยาที่ถูกปรุงขึ้นมาจากศาสตร์แห่งเทพนั้นมีประสิทธิภาพที่สูงมาก ดังนั้นแพทย์โอสถหลวงจึงจำเป็นต้องมีความสามารถดังกล่าว”
แพทย์โอสถในทวีปนี้ถูกแบบออกเป็นสามระดับด้วยกันซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมขององค์จักรพรรดินี
แพทย์โอสถหลวง ผู้ทำการรักษาและมีหน้าที่ในการจ่ายยาให้กับเหล่าขุนนางและราชวงศ์ โดยมีด้วยกันทั้งหมด 3 คน
แพทย์โอสถชั้นหนึ่งและสอง นั้นมีหน้าที่ในการจ่ายยาและรักษาเหล่าขุนนางเพียงเท่านั้น โดยมีด้วยกันทั้งหมด 21 คน
แพทย์โอสถชั้นสาม ซึ่งมีหน้าที่ในการรักษาสามัญชน โดยมีกิลด์แพทย์โอสถเป็นคนออกใบอนุญาตให้ มีหน้าที่ในการรักษาและจ่ายยาให้กับสามัญชนเท่านั้น โดยมีด้วยกันทั้งหมด 246 คน
ทั้งสามคนรวมถึงพ่อของเขานั้นไม่ได้มีใบอนุญาต แต่ด้วยการรับรองจากทางจักรพรรดินีให้เป็นแพทย์โอสถหลวง ดังนั้นจึงไม่จำเป็น
แพทย์โอสถหลวง แพทย์โอสถชั้นหนึ่งและสอง นั้นไม่ได้มีหน้าที่ในการขายยา แต่ทำหน้าที่ในการรักษาเท่านั้น อันเนื่องจากคนเหล่านี้จะสร้างยาขึ้นมาจากศาสตร์แห่งเทพ ในขณะที่เหล่าสามัญชนจะมีวิธีการปรุงยาที่ต่างออกไป เอเลนดันหน้าอกของเธอขึ้นมาด้วยความภูมิใจ
“อย่างนี้นี่เอง…..”
ฟาร์มากำลังคิดถึงบางอย่าง
(สมุนไพรเพื่อการรักษาบนโลกใบนี้สำหรับชนชั้นสูงแล้ว…หรือว่าศาสตร์แห่งเทพทำให้มันมีประสิทธิภาพขึ้นงั้นเหรอ?)
ศาสตร์ดังกล่าวก็ได้มีอยู่บนโลกใบนี้
บางทีเขาก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้อย่างเต็มปากเกี่ยวกับการบำบัดด้วยสมุนไพรแบบดั้งเดิม แม้จะไม่มีความถูกต้องอยู่บ้างตามที่เขาได้อ่านจากหนังสือที่ห้องของเขาในคฤหาสน์ แต่ก็มีสูตรบางสูตรที่ใกล้เคียงกับศาสตร์แพทย์แผนจีนโบราณซึ่งมีประสิทธิภาพและเกิดจากการผสมกันของสมุนไพรหลายชนิด….ฟาร์มาได้นั่งทบทวนความคิดของเขา
ฟาร์มามีความสามารถในการสร้างสสาร แต่เข้าไม่สามารถจินตนาการถึงสสารที่มีองค์ประกอบซับซ้อน นั่นคือจุดอ่อนของความสามารถเขา ดังนั้นในกรณีที่สามารถสร้างห้องทดลองขึ้นมาได้ การสกัดสารจากพืชน่าจะมีประสิทธิภาพมากว่า
มีสมุนไพรและต้นไม้มากมายถูกปลูกอยู่ในสวน ยกตัวอย่างเช่น ต้นสนแปซิฟิก ที่สามารถสกัดสารแพคลิแท็กเซิล ซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุดิบสร้างยาต้านมะเร็ง และยังมีสวนดอกที่สามารถเก็บฝิ่นได้อีกด้วย ซึ่งเขาสามารถสกัดยารักษาโรคหัวใจจากต้นถุงมือจิ้งจอกและอื่นๆ อีกมากมาย เขาจึงไม่อาจยอมแพ้ได้ในตอนนี้ เอลเลนเรียกสวนแห่งนี้ว่าเป็นสวนขุมสมบัติเลยทีเดียว
“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวฉันให้ยืมคทานี้ก่อนก็แล้วกัน จากนั้นเธอก็ลองหันหน้าไปยังแม่น้ำแล้วยิงหอกวารีพุ่งไปแบบนี้!!”
“หอกวารี”
เมื่อเอเลนใช้มือทั้งสองประกบคทาสูงระดับเดียวกับเธอ ก่อนจะจับมันไว้แน่นแล้วร่ายเวทด้วยความรวดเร็วก่อนจะชูมือขึ้นและปล่อยมันพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความรุนแรง
คทาได้ปล่อยคลื่นน้ำลูกใหญ่ออกมาขนาดความยาวกว่าร้อยเมตรก่อนจะทะยานโค้งลงไปยังแม่น้ำก่อนที่มันจะหายไปในที่สุด
“โห! นี่มันเหมือนกับหอกมาก”
ฟาร์มาตะโกนออกมาด้วยความดีใจ
“ทีนี้ก็ตาเธอแล้วนะ”
เพราะมันเป็นศาสตร์ระดับสูง อีกทั้งคทาของเธอก็ไม่ใช่ของที่จะใช้ง่ายๆ ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้เธอกลับมีแผนที่จะไม่พูดอะไรออกไป เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วเธอก็ส่งคทาให้กับฟาร์มา
อย่างไรก็ตามในการใช้พลังแต่ละครั้งนั้นเขาคิดว่าจำเป็นที่จะต้องมีสิ่งที่เรียกว่า [บทร่าย]
“ผมควรใช้พลังทั้งหมดที่มีเลยหรือเปล่า?”
“มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นแหละนะ แต่ระวังพวกเรือที่ผ่านไปมาด้วยแล้วกัน”
เอเลนได้ทำการตรวจสอบโดยรอบเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเรือหาปลาบริเวณนี้เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน
“เอาล่ะเริ่มกันได้เลย บทร่ายคือ [หอกวารี] ”
ฟาร์มาหลับตาลงก่อนจะเพ่งสมาธิไปยังคทา แล้วเขาก็สร้างภาพของน้ำที่ถูกยิงออกมา โดยยังไม่ทันจะได้นึกถึงคำร่าย
จากนั้นคทาก็ได้ถูกชูขึ้นไปบนฟ้าจากนั้นก็ได้มีแสดงสว่างจ้าออกมาจากตัวของฟาร์มา มวลน้ำขนาดมหึมาได้พวยพุงออกมา จนแม่น้ำไม่สามารถเก็บกักจำนวนน้ำนั้นได้และหมุนวนจนเป็นกระแสคลื่นด้วยความรวดเร็วจนระดับจะล้นแนวตลิ่ง
เมฆได้ก่อตัวขึ้นพร้อมกับลมพายุที่เกรี้ยวกราด
“กรี๊ดดดด–?!”
เธอได้มองไปยังพลังมหาศาลของฟาร์มาที่สามารถทำให้เกิดคลื่นลมแรงจนสามารถพัดเอเลนกลับไปยังริมฝั่งของแม่น้ำได้ พลังของกระแสน้ำนั้นมีมากจนเกินกว่าที่คนๆ เดียวจะทำได้ หากเป็นเช่นนี้แนวตลิ่งอาจจะถูกทำลายลงและน้ำอาจจะเข้าไปท่วมเมืองก็เป็นได้
“โอ้ววว!?”
เมื่อฟาร์มาได้โยนคทาทิ้งไป ในที่สุดสายน้ำนั้นก็ได้สงบลง
“ฟาร์มาคุง นี่เธอ….. ทำอะไรลงไปกัน?”
เอเลนทรงตัวแทบไม่ขึ้นพร้อมกับแว่นตาที่ไถลเอียง
“ขอโทษด้วยครับ พอดีผมยังกะปริมาณพลังได้ไม่ดีพอ คุณบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
ฟาร์มานั้นยังไม่รู้จักพลังของศาสตร์แห่งเทพดีนัก จึงทำให้เห็นได้ชัดเลยว่าความสามารถในการควบคุมของเขานั้นอ่อนเพียงใด
(ทีหลังถ้าเราฝึกเห็นทีว่าต้องไม่อยู่แถวๆ ชายฝั่งเพื่อป้องกันไม่ให้พลังไปโดนบ้านเรือนหรือสะพานเข้า)
เขาคิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง
“ฟาร์มาคุง แบบนี้มันจะแปลกเกินไปแล้วนะ……แถมเธอยังไม่ได้ท่องบทร่ายด้วยซ้ำ”
“เอ๋?”
ในตอนนี้ดูท่าว่าฟาร์มานั้นจะใช้พลังมากจนเกินไปเลยทำให้เอเลนแข็งไปหินแบบนั้น เขาจึงได้หาทางคิดทางออกสำหรับสถานการณ์นี้ให้ออกมาราบรื่น
“คทาของเอเลนนี่สุดยอดไปเลย!! เพราะคทานี้เลยทำให้ผมใช้เวทระดับสูงแบบนี้ได้ ยอดเยี่ยมจริงๆ”
เขาพยายามหาทางแก้ตัวแบบเอาเป็นเอาตายพร้อมกับแสดงรอยยิ้มปลอมๆ ออกมา
——————–
ฟาร์มาหลับตาลงก่อนจะเพ่งสมาธิไปยังคทา แล้วเขาก็สร้างภาพของน้ำที่ถูกยิงออกมา โดยยังไม่ทันจะได้นึกถึงคำร่าย
จากนั้นคทาก็ได้ถูกชูขึ้นไปบนฟ้าจากนั้นก็ได้มีแสดงสว่างจ้าออกมาจากตัวของฟาร์มา มวลน้ำขนาดมหึมาได้พวยพุงออกมา จนแม่น้ำไม่สามารถเก็บกักจำนวนน้ำนั้นได้และหมุนวนจนเป็นกระแสคลื่นด้วยความรวดเร็วจนระดับจะล้นแนวตลิ่ง
เมฆได้ก่อตัวขึ้นพร้อมกับลมพายุที่เกรี้ยวกราด
“กรี๊ดดดด–?!”
เธอได้มองไปยังพลังมหาศาลของฟาร์มาที่สามารถทำให้เกิดคลื่นลมแรงจนสามารถพัดเอเลนกลับไปยังริมฝั่งของแม่น้ำได้ พลังของกระแสน้ำนั้นมีมากจนเกินกว่าที่คนๆเดียวจะทำได้ หากเป็นเช่นนี้แนวตลิ่งอาจจะถูกทำลายลงและน้ำอาจจะเข้าไปท่วมเมืองก็เป็นได้
“โอ้ววว!?”
เมื่อฟาร์มาได้โยนคทาทิ้งไป ในที่สุดสายน้ำนั้นก็ได้สงบลง
“ฟาร์มาคุง นี่เธอ….. ทำอะไรลงไปกัน?”
เอเลนทรงตัวแทบไม่ขึ้นพร้อมกับแว่นตาที่ไถลเอียง
“ขอโทษด้วยครับ พอดีผมยังกะปริมาณพลังได้ไม่ดีพอ คุณบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
ฟาร์มานั้นยังไม่รู้จักพลังของศาสตร์แห่งเทพดีนัก จึงทำให้เห็นได้ชัดเลยว่าความสามารถในการควบคุมของเขานั้นอ่อนเพียงใด
(ทีหลังถ้าเราฝึกเห็นทีว่าต้องไม่อยู่แถวๆชายฝั่งเพื่อป้องกันไม่ให้พลังไปโดนบ้านเรือนหรือสะพานเข้า)
เขาคิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง
“ฟาร์มาคุง แบบนี้มันจะแปลกเกินไปแล้วนะ……แถมเธอยังไม่ได้ท่องบทร่ายด้วยซ้ำ”
“เอ๋?”
ในตอนนี้ดูท่าว่าฟาร์มานั้นจะใช้พลังมากจนเกินไปเลยทำให้เอเลนแข็งไปหินแบบนั้น เขาจึงได้หาทางคิดทางออกสำหรับสถานการนี้ให้ออกมาราบรื่น
“คทาของเอเลนนี่สุดยอดไปเลย!! เพราะคทานี้เลยทำให้ผมใช้เวทย์ระดับสูงแบบนี้ได้ ยอดเยี่ยมจริงๆ”
เขาพยายามหาทางแก้ตัวแบบเอาเป็นเอาตายพร้อมกับแสดงรอยยิ้มปลอมๆออกมา
——————–