ร้านขายยาต่างโลก - ตอนที่ 54
นที่ 54 นักเล่นแร่แปรธาตุ ฟาร์มา เดอ เมดิซิส
“เด็กพลังแห่งสายฟ้าที่ตระกูลบอนฟัวรับมาเลี้ยงมีอาการดีขึ้นบ้างแล้วหรือยัง?”
ขณะที่กำลังตรวจสุขภาพองค์จักรพรรดินี ณ วังหลวง เธอก็ได้ถามฟาร์มาถึงสภาพการณ์ของโซฟีในตอนนี้ ท่าทางของเธอเต็มไปด้วยความห่วงใย เนื่องจากเธอก็เป็นแม่ลูกหนึ่ง แถมจากสถานการณ์ที่เด็กคนนั้นเจอมาด้วย
“อาการไม่น่าเป็นห่วงแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมต้องรับมือกับสายฟ้าของเธอทุกวันเลยด้วย แต่พอเริ่มชินแล้วบางครั้งมันก็ทำให้เกิดความรู้สึกสบายๆ จากกระแสไฟฟ้านั้นพ่ะย่ะค่ะ”
เหล่าคนที่ต้องผ่านสนามรบดังกล่าวนั้นก็ได้แก่ ฟาร์มาและเอเลน
“ฮ่าๆๆ คาดหวังกับการเติบโตในอนาคตในฐานะผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพได้เลยสินะ”
แน่นอนว่าความกังวลเรื่องการถูกลักพาตัวนั้นเท่ากับ 0
เพราะคนที่จะทำเช่นนั้นจะต้องเจอกับกระแสไฟฟ้าช็อตทันที ขณะเธอร้องไห้ออกมา สิ่งที่ปล่อยออกมานั้นสามารถทำให้คนรอบข้างเห็นได้อย่างชัดเจน ส่งผลให้ไม่มีอะไรสามารถเข้าใกล้เธอได้ (โดยไม่โดนช็อตอ่ะนะ)
“เราก็อยากจะทำข้อตกลงบางอย่างกับเด็กคนนั้นเหมือนกัน ก็หวังว่าจะรีบๆ โตนะ..…”
ฟาร์มาได้แต่หัวเราะต่อความอดทนอันแสนต่ำของจักรพรรดินี
“ยังไงก็ขอให้รออย่างน้อยสักสิบปีก่อนที่พระองค์จะเอาเธอมารับใช้เถอะพ่ะย่ะค่ะ”
“ฮ่ะๆ ครั้งหน้าช่วยฝากบอกเอเลโอนอร์พาโซฟีมาด้วยละกัน”
โซเฟียเป็นทารกแรกเกิดที่ได้รับความสนใจจากองค์จักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งมีภูมิหลังเป็นเด็กที่ถูกทอดทิ้งในสภาพที่ซอมซ่อ เธอเข้าใจดีถึงคุณค่าของผู้ใช้ศาสตร์แห่งสายฟ้า กลับกันกับฟาร์มาที่อยากให้โซฟีนั้นใช้ชีวิตในวัยเด็กเหมือนเด็กทั่วไป เนื่องจากฟาร์มาคิดว่านี่เป็นความรับผิดชอบของเขาที่เป็นคนเปิดชีพจรแห่งเทพให้กับเธอจนเกิดเป็นไร้ธาตุขึ้น ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องผิดปกติในสถานการณ์ที่ปกติเช่นนี้
“แล้วก็ พลังไฟฟ้าของเธอนั้นไม่ได้มีไว้ใช้ต่อสู้อย่างเดียว แต่มันยังช่วยชีวิตคนได้อีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
อย่างไรก็ตามองค์จักรพรรดินีก็ได้รับสั่งให้โซฟีได้เรียนรู้การต่อสู้ไว้เป็นของขวัญพิเศษด้วย ฟาร์มาก็เชื่อว่าของขวัญที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้ชิ้นนี้จะเป็นกุญแจที่ช่วยให้โซฟีสามารถฝึกควบคุมพลังของเธอได้ดีขึ้นด้วย
“ฮ่ะๆ เราว่าเจ้าชมเด็กคนนี้มากเกินไปหน่อยหรือเปล่า นางจะทำเช่นนั้นได้จริงงั้นหรือ?”
“คือว่าเรื่องนั้น…”
ฟาร์มาเริ่มอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่ออาทิตย์ก่อน ได้มีชายชราคนหนึ่งล้มลงที่ใกล้ๆ กับร้านขายยา ฟาร์มาที่รีบมุ่งตรงไปยังจุดนั้นก็พบกับชายชราที่นอนแน่นิ่งไปด้วยอาการกล้ามเนื้อหัวใจหยุดเต้น จากการเต้นที่ผิดปกติ และเมื่อตรวจด้วยดวงตาวินิจฉัยดูก็พบว่ามันกลายเป็นสีแดงไปแล้ว ซึ่งหมายความว่าไม่สามารถรักษาได้ ช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังคิดว่าเขาไม่น่าจะรอด เอเลนก็ได้อุ้มโซฟีมาอยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้นพอดี ฟาร์มาจึงได้พาโซฟีมาก่อนจะนำมือและเท้าเล็กๆ ของเธอวางไว้บริเวณหน้าอกของชายชราผู้นั้น แล้ว….จี้ๆๆ! ฟาร์มาได้ทำการจักจี้รักแร้ของเธอ
ทันใดนั้นเธอก็สะดุ้งขึ้นมาจากการกระตุ้นดังกล่าวแล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมา ชายชราคนนั้นได้ถูกกระแสไฟฟ้าช็อตเข้าจนทำให้หัวใจกลับมาเต้นได้ตามปกติ อากาศเริ่มกลับเข้าไปเลี้ยงภายในปอดมากขึ้น ราวกับมีเครื่อง AED (automated external defibrillator) แม้แต่ฟาร์มาเองก็ยังรู้สึกประหลาดใจมาก
“ที่เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน จะบอกว่าสามารถชุบชีวิตของมนุษย์ที่หัวใจหยุดเต้นไปแล้วได้เช่นนั้นหรือ?”
จักรพรรดินีในตอนนี้ตื่นเต้นอย่างถึงที่สุดหลังจากได้ยินเรื่องเล่านี้จนเกือบจะล้มลงจากบัลลังก์
“เราไม่เคยได้ยินถึงศาสตร์เช่นนี้มาก่อนเลย!”
“ถ้าจะให้พูดกันแบบชัดๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าหัวใจเขาหยุดเต้นไปแล้วแบบนั้นหรอกพ่ะย่ะค่ะ ต้องบอกว่าเป็นสภาวะที่เต้นผิดปกติมากกว่า”
ฟาร์มาพยายามแก้ไขความเข้าใจผิดของจักรพรรดินี
ความแตกต่างระหว่างสภาวะหัวใจหยุดเต้นโดยสิ้นเชิงกับภาวะหัวใจหยุดเต้น เพราะพลังไฟฟ้าของโซเฟียนั้นมีผลแค่ในช่วงของภาวะหัวใจหยุดเต้น
“เราก็พอจะเข้าใจอยู่บ้างนะ แต่เราก็ยังสงสัยว่าทำไมเจ้าถึงต้องใช้คำที่มันดูแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ กันเช่นนี้ด้วย ช่วยอธิบายเสริมทีสิ?!”
เนื่องจากจักรพรรดินีเอลิซาเบธที่สองนั้นถือว่าเป็นพวกสมองกล้าม ดังนั้นการอธิบายอะไรที่มันยืดยาวกว่าสามสิบวินาทีนั้นจะไม่สามารถเข้าสมองเธอได้เลย
“กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายของเรานั้นสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยสัญญาณไฟฟ้าพ่ะย่ะค่ะ หากใช้กระแสไฟเข้ามาช่วยก็จะสามารถปรับจูนการทำงานของหัวใจเราได้”
หืมมมม…จักรพรรดินีได้ตกอยู่ในห้วงความคิด
“เพียงแค่เด็กคนนั้นเกิดมาแล้วไม่สามารถเปิดชีพจรแห่งเทพจึงถูกทอดทิ้งเนี่ยนะ บ้าบอสิ้นดี!”
ซาโลม่อนได้แต่รับฟังคำบ่นของจักรพรรดินีที่มีต่อเหล่าข้าราชบริพารภายในวังที่ก้มรับชะตากรรม
“ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ ปัญหาใหญ่ไม่ได้อยู่ตรงจุดนั้น แต่มันอยู่ตรงที่มันยากจะบอกได้ว่าเขาเป็นผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพ จากการที่มีคุณสมบัติเป็นไร้ธาตุ หากตรวจสอบแล้วไม่ใช่ธาตุหลักทั้ง 4 ก็คงจะต้องมีชะตาเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงนี่มันก็ถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของจักรวรรดิเราไม่ใช่หรือไง ที่ปล่อยให้ผู้มีคุณสมบัติ ไร้ธาตุ ไว้เฉยๆ เช่นนี้”
“เป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
ซาโลม่อนเห็นด้วย
“ฟาร์มา เจ้าสามารถตรวจสอบเทพผู้พิทักษ์ประจำตัวของเหล่าผู้ไร้ธาตุได้หรือไม่?”
“ไม่สามารถทำได้พ่ะย่ะค่ะ สิ่งที่กระหม่อมเห็นก็มีเพียงเส้นชีพจรแห่งเทพ ไม่ถึงขั้นจะบอกได้ว่าเป็นเทพองค์ใด”
ฟาร์มาเริ่มสังหรณ์ใจถึงภาระงานที่เขาได้รับนอกจากด้านเภสัชวิทยา ถึงกระนั้นฟาร์มาก็ไม่คิดลังเลที่จะให้ความร่วมมือเพื่อกอบกู้เกียรติของผู้ที่ถูกทอดทิ้ง
“ทั้งที่เห็นชีพจรแห่งเทพได้แต่กลับไม่เห็นเทพผู้พิทักษ์งั้นหรือ…?”
“เอาเถอะเจ้าไปได้แล้ว เดี๋ยวที่เหลือเราจะให้ซาโลม่อนจัดการต่ออีกที”
จากนั้นจักรพรรดินีก็ได้วางแผนลับขึ้นมาโดยได้รวบรวมเหล่าอดีตชนชั้นสูงทั่วจักรวรรดิอย่างลับๆ รวมกว่า 300 คน ถึงถูกเชิญให้มาภายในวังหลวงในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน แล้วสุดท้ายฟาร์มาก็ได้พบกับคนที่มีคุณสมบัติไร้ธาตุเพียง 5 คน ก่อนจะดำเนินการเปิดชีพจรแห่งเทพให้กับพวกเขา แล้วก็ได้เห็นถึงเอกลักษณ์พลังภายในของแต่ละคน
ฟาร์มานั้นทำได้เพียงแค่เปิดชีพจรแห่งเทพให้กับพวกเขา แต่การค้นหาเทพผู้พิทักษ์ประจำตัวของเหล่าผู้ไร้ธาตุนั้นเป็นหน้าที่ของซาโลม่อนแล้วก็พบว่าล้วนเป็นของหายาก ไม่ว่าจะเป็น เทพแห่งการค้า ดนตรี กาลเวลา การเดินทาง การเกษตร และอาจจะมีความเชื่อมโยงกับองค์อื่นอีกก็เป็นได้ ซึ่งมันไม่ได้ถูกค้นพบมากว่าหลายร้อยปีแล้ว
ท้ายที่สุดก็มีการค้นพบบุคคลซึ่งมีเทพผู้พิทักษ์ที่ไม่เคยมีการพบเจอมากว่าร้อยปี อดีตเหล่าชนชั้นสูงที่ถูกลืมเหล่านี้มีอายุตั้งแต่สิบห้าปีถึงสี่สิบแปดปี ทั้งหมดล้วนถูกพ่อแม่ทอดทิ้งไว้ให้กับทางโบสถ์ และต้องทนทุกข์กับวิถีชีวิตที่แสนยากลำบาก จักรพรรดินีได้ให้คำมั่นกับพวกเขาถึงเกียรติยศที่พวกตนจะได้รับคืน
“พอได้ค้นหาดูแล้ว เราก็ได้พบกับสมบัติที่คาดไม่ถึงเช่นนี้สินะ”
จักรพรรดินีตะลึงกับผลลัพธ์ที่ได้เป็นอย่างมาก ในมุมของเธอแล้ว เหล่าผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพต่างเป็นสมบัติของทางจักรวรรดิ การนำพาพวกเขาไปอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสมกับตนจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีได้เสมอ
“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ ถึงจะเจ็บปวดที่ได้รับรายงานเช่นนี้มา เพราะตัวกระหม่อมก็ถือเป็นผู้มีส่วนรับผิดชอบกับข้อบกพร่องในการตรวจสอบนี้…แต่หากทางนครศักดิ์สิทธิ์รู้เรื่องนี้เข้าละก็…”
ซาโลม่อนรู้สึกกังวลมากขึ้น เพราะเหล่านักบวชของจักรวรรดิจะต้องไม่ได้ข้อมูลนี้ไปเป็นอันขาด ยิ่งฟาร์มาเป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถปลดปล่อยชีพจรแห่งเทพของเหล่าผู้ไร้ธาตุนั้นออกมาได้ ศาสนจักรคงจะไม่ยอมอยู่นิ่งไปมากกว่านี้เป็นแน่
“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก คิดดูสิว่าจักรวรรดิของเราได้อะไรมาบ้างจากเด็กคนนั้น?”
“ขอบพระคุณที่คำนึงถึงท่านผู้นั้น แต่ตามแผนของท่านฟาร์มาแล้ว บางทีคงไม่ได้หยุดแค่เพียงภายในจักรวรรดิเท่านั้น”
ฟาร์มานั้นไม่เพียงเชื่อว่าตนควรจะพัฒนาให้พื้นที่ที่ตนอาศัยดีขึ้นเท่านั้นแต่เขายังคิดถึงประเทศรอบข้างอีกด้วย
“ถ้านั่นคือสิ่งที่เขาต้องการละก็นะ”
จักรพรรดินียอมรับว่าความตั้งใจของฟาร์มานั้นคือการปล่อยให้เขาทำตามใจจะเป็นดีที่สุด
“กระหม่อมอยากจะให้ฝ่าบาทช่วยรักษาช่วงเวลาเช่นนี้ต่อไปให้นานๆ เลยพ่ะย่ะค่ะ”
แล้วจักรพรรดินีก็ได้รับสั่งให้เพิ่มความปลอยภัยให้กับตระกูลเมดิซิส เธอได้ใช้ครูเซเดอร์ของจักรวรรดิปลอมตัวเป็นผู้คนทั่วไปภายในเมืองเพื่อคอยปกป้องสมาชิกตระกูลเมดิซิส สอบถามผู้คนเกี่ยวกับเรื่องของร้านขายยา ค้นหาบุคคลน่าสงสัยที่พยายามเข้าถึงตระกูลเมดิซิส จากนั้นทำการนำตัวมาสืบสวน โดยไม่แจ้งให้ทางเมดิซิสทราบ นอกจากนั้นเธอยังส่งคนของเธอออกไปนอกจักรวรรดิเพื่อสืบหาข้อมูลอื่นๆ ด้วย
แน่นอนว่าทางบรูโนก็ได้เพิ่มคนรักษาความปลอดภัยที่คฤหาสน์กับวิทยาลัย เพิ่มความกวาดขันงานลาดตระเวนกลางคืน เพื่อปกป้องภัยอันตรายของครอบครัวและข้ารับใช้ โดยขอความร่วมมืออย่างใกล้ชิดจากทางมาร์เชลด้วย นั่นจึงได้ให้ฟาร์มาได้ใช้ชีวิตอย่างปกติสืบเนื่องมาจากอิทธิพลของบรูโนและจักรพรรดินี
… ━━… ━━… ━━…
“สายัญห์สวัสดิ์ครับท่านฟาร์มา”
ปิแอร์หัวหน้ากิลด์ร้านขายและจ่ายยาได้เดินทางมายังร้านขายยาต่างโลกพร้อมกับลูกสาวของเขา
เขาได้ลากเกวียนของเขาไปที่ร้านขายยาต่างโลกเพื่อสต๊อกยาเป็นประจำ โดยเขามักจะซื้อมันทั้งหมดในคราวเดียวและแจกจ่ายไปยังร้านขายยาของสมาชิกกิลด์แต่ละแห่งอีกที เพื่อความเหมาะสมตามใบสั่งยา ในญี่ปุ่นร้านค้าต่างๆ ก็สามารถขายยาได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งยาของแพทย์ เช่นพวกยาแก้หวัด ยาลดไข้ รวมไปถึงอาหารเสริมสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากและผลิตภัณฑ์สุขอนามัยต่างๆ ซึ่งไม่ต้องพึ่งเภสัชกร
“ท่านนี่เอง สวัสดีค่ะ”
“หืม นี่คุณ……”
เมื่อฟาร์มาตอบกลับไป ลูกสาวของปิแอร์ก็เดินออกมาจากของหลังของปีแอร์ก่อนจะโค้งคำนับเขาอย่างสุภาพ แล้วก็มองไปที่ฟาร์มาด้วยความเขินอาย จากข้อมูลที่ได้มาจากปีแอร์ตัวเธอนั้นมีความรู้สึกที่หลากหลายให้กับฟาร์มาตั้งแต่เหตุการณ์ที่ได้รับยาเหน็บจากฟาร์มาตอนเป็นหวัด ทำให้ฟาร์มานึกถึงสิ่งที่ตนทำกับเธอไปในตอนนั้น แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงหน้าแดงเพราะสิ่งที่เขาทำก็เพียงแค่ให้ยากับเธอเท่านั้น
“รับลูกอมหน่อยไหมครับ?”
ฟาร์มาถามก่อนจะดึงไหบรรจุลูกอมออกมา แล้วทันใดนั้นเธอก็ได้หนีเข้าไปหลบหลังของปีแอร์อีกครั้ง
“ลอตเต้ หากยังว่างอยู่จะพักทานขนมพวกนี้กับเด็กคนนี้สักหน่อยที่ชั้นสามก็ได้นะ”
“จะดีเหรอคะ? ฉันทานได้จริงเหรอคะ? ทั้งหมดนั่นเลยนะคะ?!”
“ได้สิ ทั้งหมดนั้นเลย”
“สุดยอด!”
แล้วเธอก็เดินไปเอาชุดน้ำชาออกมา ฟาร์มาเดาว่าบางทีวันนี้เธอคงอบเค้กส้มเตรียมไว้ก่อนอยู่แล้ว
“แล้วเป็นยังไงบ้างครับ?”
บางทีฟาร์มาก็ได้ปรากฏตัวในที่ประชุมของทางกิลด์ โดยเขาพยายามจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวมากนักและยกหน้าที่ดูแลให้กับผู้บริหารกิลด์อย่างปีแอร์ไป
“ทุกร้านยังคงมียอดขายเพิ่มขึ้นครับ ปัญหาที่มากที่สุดตอนน้ก็คงจะเป็นเรื่องความต้องการของพวกสุขภัณฑ์ ผ้าอ้อม และชุดชั้นในครับ”
“แบบนั้นก็เยี่ยมไปเลยนะครับ ทางที่ดีก็ควรจะให้มีแพทย์โอสถที่เป็นผู้หญิงดูแลในเรื่องของสุขภัณฑ์ผ้าอนามัยน่าจะดีนะครับ”
เนื่องจากการขายพวกผ้าอนามัยนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ควรให้ผู้หญิงจัดการ ทำให้บางครั้งก็ดูเป็นเรื่องยากที่แพทย์โอสถเพศชายจะรับมือ (โดยเฉพาะกับลูกค้าเพศหญิง)
“ครับ เรื่องนั้นผมได้แจ้งให้มีการจ้างแพทย์โอสถเพศหญิงเอาไว้แล้ว และพอพูดถึงผ้าอ้อมสำหรับเด็กดูเหมือนจะเป็นที่ต้องการของเหล่าอัศวินกันมากพอสมควรเลยครับ”
มันมีประโยชน์อย่างมากจากการที่ชุดเกราะนั้นมันถอดได้ยาก ปีแอร์จึงได้แจ้งว่าผ้าอ้อมที่ทำจากผ้าฝ้ายนั้นขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
“ฮ่ะๆ ….น่าตกใจที่ได้ยินแบบนั้นเหมือนกันนะครับ แต่มันก็ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในระยะยาวดังนั้นเตือนพวกเขาหน่อยนะครับ ว่าอย่าสวมมันไว้เป็นเวลานานเพื่อสุขอนามัยที่เหมาะสม”
หลังจากนั้นฟาร์มาก็ได้รับรายงานถึงผลการดำเนินการที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ของทางกิลด์ร้านขายและจ่ายยาไม่กี่วันหลังจากนั้น
จำนวนของแพทย์โอสถที่มาลงทะเบียนกับทางกิลด์นั้นยังคงเพิ่มขึ้นและร้านค้าสมาชิกก็ต่างทำงานกันอย่างแข็งขัน และด้วยราคายาที่ถูกจึงทำให้เกิดการปลูกฝังความคิดใหม่ๆ ขึ้นภายในจักรวรรดิอีกด้วย คนของทางกิลด์นั้นก็ปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัดและมีเพียงส่วนน้อยมากที่จะเปิดปัญหา อันเนื่องมาจากเส้นทางยาที่หาได้นั้นมีเพียงร้านขายยาต่างโลกและโรงงานของฟาร์มา ดังนั้นอาจจะเกิดปัญหาขึ้นมาได้หากไปมีปัญหากับฟาร์มาหรือปีแอร์เข้า
“ทางกิลด์ร้านขายและจ่ายยาทำได้ดีเลยทีเดียวนะครับ ว่าแต่ทางด้านของกิลด์แพทย์โอสถล่ะครับ?”
“จำนวนของลูกค้าเรียกได้ว่าย่ำแย่เลยครับ ตอนแรกผมก็คิดว่าน่าจะไปต่อได้ แต่เทียบกับจำนวนลูกค้าของทางเราแล้ว…”
กิลด์แพทย์โอสถนำโดยเวรอนผู้ครั้งหนึ่งเคยเป็นหัวหน้ากิลด์ที่มีสมาชิกมากที่สุดและคอยจับตามองกิลด์ร้านขายและจ่ายยาที่ตั้งขึ้นมาใหม่โดยฟาร์มา ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้สมาชิกของทางกิลด์ส่วนใหญ่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกิลด์ร้านขายและจ่ายยาไปแล้ว แต่เหมือนจะได้ยินว่ามีการผลัดเปลี่ยนผู้นำคนใหม่ของทางกิลด์ แน่นอนว่า พวกยาและสารอันตรายนั้นได้ถูกสั่งให้ยกเลิกการใช้ไปแล้วจากจักรพรรดินี ทำให้เหลือแค่ของพื้นฐานที่หาได้ทั่วไปเช่น ยาสมุนไพร เห็ด ซากสัตว์ที่ตายไปแล้ว และพวกพืชที่มีผลในการรักษาโรค
“อย่างนี้นี่เอง …”
ฟาร์มารู้สึกเสียใจเมื่อได้ยินข่าวเช่นนี้
“แน่นอนว่าก็ยังมีคนบางส่วนที่ยังคงชอบยาแผนโบราณครับ แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดีว่ามันจะไปกันรอดหรือเปล่า หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป”
เอเลนก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับปีแอร์
“ยังไงก็ได้โปรดให้ความช่วยเหลือกับพวกเขาทางด้านการเงินและทางเทคนิคสำหรับร้านค้าที่ประสบปัญหาด้วยนะครับ”
กิลด์ร้านขายและจ่ายยานั้นมียาแผนปัจจุบันและสินค้าเพื่อสุขภาพขาย ส่วนทางฝั่งของกิลด์แพทย์โอสถนั้นเป็นยาแผนโบราณ ซึ่งตอนนี้จำนวนสมาชิกก็เหลือเพียงน้อยนิดและเป็นเพียงเศษเสี้ยวความรุ่งเรืองภายในอดีตที่ถูกกิลด์ร้านขายและจ่ายยาแย่งชิงไปหมดแล้ว
“ฮ่ะ เอาเถอะครับถ้าหากว่านั่นเป็นสิ่งที่ท่านฟาร์มาต้องการแล้ว ผมก็จะทำตามนั้นครับ”
การกระทำเช่นนั้นก็เปรียบเสมือนดั่งการราดเกลือลงบนแผลของศัตรู จากมุมมองของปีแอร์แล้วเขาไม่คิดว่าการกระทำแบบนั้นจะช่วยอะไรได้มากมายนัก
“ยังไงพวกเขาก็เป็นคนทำมาค้าขายครับ หากมีอะไรผิดพลาดแล้วก็สามารถบอกให้พวกเขามาขอคำปรึกษาจากผมได้นะครับ”
ฟาร์มาเองนั้นก็ไม่ได้ต้องการที่จะทำลายกิลด์แพทย์โอสถ แต่เขาเพียงแค่ต้องการป้องกันไม่ให้สมาชิกนั้นขายยาที่ไม่ดีและน่าสงสัยให้กับผู้คนในราคาที่สูง ผู้บริหารกิลด์แพทย์โอสถผู้เคยเป็นอริกับฟาร์มาในอดีตนั้นก็ค่อยๆ หายไปจากสมาคมอย่างเงียบๆ ส่วนทางด้านเจ้าของร้านขายยาจากทางกิลด์แพทย์โอสถที่เดินทางมายังร้านของฟาร์มา เขาก็ได้ให้ข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของยาสมุนไพรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องพร้อมกับสูตรยาที่สามารถใช้ได้ดีในชีวิตประจำวันอย่างมีประสิทธิภาพจนไปถึงขั้นการเตรียมชาเพื่อสุขภาพ
“จะว่าไปพัก…นี้ก็เห็นพวกนักเล่นแร่แปรธาตุของกิลด์แพทย์โอสถได้พยายามจะรวบรวมพวกนักเล่นแร่แปรธาตุกับแพทย์โอสถในเมืองหลวงมาทำอะไรบางอย่างที่น่าสงสัยเหมือนกันนะ”
“นักเล่นแร่แปรธาตุงั้นเหรอครับ …”
การเล่นแร่แปรธาตุถือเป็นพื้นฐานของวิทยาศาสตร์บนโลกใบนี้ สามารถกล่าวได้ว่าที่ศาสตร์ทางเคมีพัฒนาขึ้นมาได้นั้นก็จากการทดลองและข้อผิดพลาดมากมายของเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุในอดีต นักเล่นแร่แปรธาตุหลายคนได้ค้นพบสารประกอบซึ่งนำพาไปถึงการค้นพบยาต่างๆ ก็มาก เรียกได้ว่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัวจนกลายเป็นยาในแผนปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามบรูโนก็ดูเหมือนจะมีความสงสัยในแง่ลบเกี่ยวกับศาสตร์การเล่นแร่แปรธาตุอยู่เหมือนกัน แถมหนังสือจำพวกนั้นก็ไม่มีอยู่ในชั้นวางหนังสือของคฤหาสน์เขาด้วย ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าฟาร์มาพึ่งเคยจะได้ยินคำนี้เป็นครั้งแรก
“นักเล่นแร่แปรธาตุ…เอ่อ…กลุ่มคนที่มีเป้าหมายอย่างพวกการเอาโลหะเปลี่ยนเป็นทองหรือเปล่าครับ แล้วพวกเขามักทำอะไรกันในที่ชุมนุมเหรอครับ?”
ฟาร์มาแอบคิดไปต่อว่าพวกเขาไปหาเงินทุนมาจากที่ไหนกัน
“เพราะว่าเป็นอาชีพที่ไม่ค่อยจะสร้างผลประกอบการได้มากนักเลยทำให้มีคนทำงานแบบนี้อยู่ไม่มาก โดยปกติแล้วพวกเขาก็จะเลี้ยงชีพด้วยการสังเคราะห์สารประกอบตัวยาแล้วขายให้กับพวกร้านขายยาไม่ก็ทำมันขายเสียเองครับ แต่เป้าหมายสูงสุดของพวกเขาก็คือการทำให้มนุษย์กลายเป็นอมตะและสังเคราะห์ทองคำขึ้นมาได้ครับ”
“ว่ากันว่าหากใครเข้าถึงศิลานักปราชญ์ได้ก็จะสามารถบรรลุจุดมุ่งหมายทั้งหมดนั้นได้ แต่ท่านอาจารย์ก็ออกมาปฏิเสธถึงการมีอยู่ของมันไปแล้วนี่นะ”
เอเลนได้พูดขึ้น
“ ท่านบรูโน เดอ เมดิซิส ได้ตีพิมพ์บทความที่มีชื่อเสียงอย่างมากเมื่อ 7 ปีก่อน เกี่ยวกับการมีอยู่ของศิลานักปราชญ์นั้นไม่สามารถสร้างทองคำขึ้นมาได้ จนแพร่กระจายไปทั้งในและนอกประเทศซึ่งนั่นทำให้เหล่านักเล่นแร่แปรธาตุต่างก็หมดหวังที่จะสังเคราะห์ทองคำขึ้นมากัน แต่พวกนักเล่นแร่แปรธาตุระดับสูงก็เหมือนจะยังไม่ถอดใจการสร้างศิลานักปราชญ์กันนะ”
(ที่นี่ก็ยังมีแนวคิดเรื่องศิลานักปราชญ์สินะ …)
ขณะฟังเรื่องความสำเร็จของบรูโนในอดีตแล้ว ฟาร์มาก็ได้รู้สึกติดใจกับคำว่า ศิลานักปราชญ์
ตามข่าวลือคือศิลานักปราชญ์นั้นสามารถสร้างน้ำอมฤตแห่งความนิรันดร์ เปลี่ยนสสารให้กลายเป็นทองได้ ซึ่งนั่นนับว่าเป็นนิมิตหมายอันยิ่งใหญ่ของวงการแพทย์อีกด้วยหากสามารถได้พลังนั้นมา แน่นอนว่านั่นก็ยังเป็นเพียงแค่ตำนานบนโลกของเขา
“แต่ก็ลือกันว่ามีคนสร้างโฮมุนคลุสขึ้นมาได้แล้วเหมือนกันนะครับ”
(เหตุการณ์เช่นนี้ย่อมเป็นการกระตุ้นจิตวิญญาณของเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุได้เป็นอย่างดี เพราะมันคือการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในการสร้างโฮมุนคลุสสำเร็จ)
เชื่อกันว่าโฮมุนคลุสนั้นเป็นร่างคนแคระที่ถึงสร้างขึ้นโดยเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุอาศัยอยู่ภายในขวดกลั่น
“แล้วคุณเคยเห็นหรือเปล่าครับ?”
ฟาร์มารู้สึกสงสัยเพราะหากเป็นเรื่องจริง เขาคงอยากจะเห็นมันมากๆ เป็นแน่
“ยังไม่เคยหรอกครับ ว่ากันว่ามันต้องใช้เวลาถึง 40 สัปดาห์ในการสร้างขึ้นมา และตอนนี้เหมือนว่าพวกเขาจะนำมันขึ้นมาแสดงภายในที่ชุมนุมแล้วครับ บางทีนะคนพวกนั้นอาจจะแค่นำศพของทารกที่อยู่ภายในครรภ์มาใส่ภาชนะพวกแก้วแล้วทำให้มันขยับได้นิดหน่อย ผมเลยคิดว่าน่าจะเป็นแค่โชวปาหี่หลอกเอาเงิน เท่านั้นครับ”
ผู้ที่เข้าไปดูคนอื่นก็ไม่อาจจะทราบได้ว่าถูกหลอกหรือเปล่า ปีแอร์กล่าว
“แม้จะทำไปด้วยความประสงค์ไม่ค่อยดี แต่นั่นมันจะเป็นเรื่องหลอกลวงจริงหรือเปล่านะ? ไหนจะเรื่องศิลานักปราชญ์ และไหนจะการประกาศไปว่านั่นเป็นโฮมุนคลุสอีก หากทั้งหมดมันลวงโลกก็น่าจะมีคนออกมาเผยเรื่องนี้ไปแล้วสิ”
เอเลนรู้สึกหนักใจขึ้นมาก่อนจะถอดแว่นออก
“คนส่วนมากก็ต้องบอกกันว่าสิ่งมีชีวิตไม่อาจจะเติบโตในขวดแก้วได้ ฟาร์มาคุงก็คิดแบบนั้นใช่หรือเปล่า?”
เอเลนได้ขอคำยืนยันจากฟาร์มา และเขาก็รู้สึกว่านั่นอาจจะเป็นปัญหาเหมือนกัน
“ในทางทฤษฎีมันก็ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้นะ”
“เดี๋ยวนะช่วยอธิบายอีกรอบที เพราะฉันเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ …”
(ไข่ที่เกิดการปฏิสนธิสามารถเติบโตอยู่ภายนอกร่างกายโดยต้องอยู่ภายในระยะบลาสโตซิสต์ [ช่วงหลังถุงน้ำคร่ำได้โตขึ้นมาแล้ว] แต่นั่นมันหมายถึงการที่เขาจะต้องถกกันเรื่องระบบวิศวกรรมการสืบพันธุ์และนั่นคงเป็นเรื่องที่ต้องคุยกันอีกยาว)
แม้จะอยู่ในสายงานที่ฟาร์มาค่อนข้างเชี่ยวชาญ แต่การจะอธิบายไปนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เขาจึงเงียบไว้ ไข่ที่เกิดการปฏิสนธิสามารถเติบโตจนถึงขั้นบลาสโตซิสต์ นั้นไม่จำเป็นต้องฝังไว้ในแรก แต่แทนได้ด้วยรกเทียมซึ่งนั่นทำให้ในทางทฤษฎีเราสามารถสร้างทารกขึ้นมาภายนอกครรภ์ได้ โดยอาศัยงานวิจัยและเทคโนโลยีในโลกก่อน
“แล้วก็ดูเหมือนพวกนักเล่นแร่แปรธาตุที่พยายามรวมนักเล่นแร่แปรธาตุคนอื่นๆ รอบเมืองหลวงเพื่อจัดงานชุมนุมกันทุกสัปดาห์ด้วยนะครับ โดย 10% ของพวกแพทย์โอสถก็เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุเหมือนกันนะครับ แล้วพวกเขาก็ยังคงทุ่มเทกับศาสตร์การแปรธาตุอยู่ด้วย โอ๊ะ ส่วนตัวผมแล้วก็ถือว่าเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุเหมือนกันนะครับ”
ปีแอร์เหมือนจะแอบอวดๆ อยู่บ้างขณะที่แสดงตราของนักเล่นแร่แปรธาตุให้ดูด้วย
“แล้วพวกเขาทำอะไรกันในที่ชุมนุมบ้างครับ?”
“ดูเหมือนว่าจะแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการเล่นแร่แปรธาตุโดยใช้ศิลานักปราชญ์ครับ หลังจากนั้นก็การแสดงโฮมุนคลุสในวันนั้น พวกเขาก็เหมือน พยายามจะขายผลงานที่พวกเขาค้นพบในราคาที่สูงจนทำให้ทั้งเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุกับพวกแพทย์โอสถหมดตัวกันได้เลยครับ”
“ฉันละสงสัยจริงๆ ว่ามันจะมีคนขายอะไรแบบนั้นได้จริงเหรอ จากที่เห็นหลายๆ คนต่างก็ล้มเหลวกันไปในเรื่องนี้ ก็น่าจะรู้สึกตัวกันได้แล้วไม่ใช่หรือไง”
เอเลนได้แต่ขมวดคิ้ว
“นั่นอาจจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้หลายๆ คนประสบความสำเร็จก็ได้นะ”
(ขายในสิ่งที่คนไม่คิดว่าขายได้ ทำในสิ่งที่คนไม่คิดว่าทำได้)
“ทั้งที่นั่นเป็นแค่การแสดงให้ดูเฉยๆ เนี่ยนะ?”
เอเลนสงสัยถึงความเป็นไปได้นั้น ถ้าหากจะให้นึกถึงคนที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งที่เธอรู้จักก็คงจะเป็น ซากุระ
“แล้วรู้หรือเปล่าครับว่าพวกเขาจัดการชุมนุมขึ้นที่ไหน?”
เพราะหากเห็นกับตาเพียงหนึ่งครั้ง ย่อมดีกว่าฟังคำปากเล่าเป็นพันคำ ฟาร์มารู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก
“แน่นอนสิครับ เพราะผมก็เคยไปมาแล้วแต่ที่นั่นก็มีเพียงแค่เหล่านักเล่นแร่แปรธาตุกับสมาชิกเท่านั้นถึงสามารถเข้าร่วมได้นะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณถึงไม่แจ้งไปว่าผมก็เป็นหนึ่งในนักเล่นแร่แปรธาตุเหมือนกันล่ะครับ ผมจะได้ไปกับคุณปีแอร์ได้?”
“แบบนั้นจะไม่เสี่ยงไปหน่อยเหรอครับ? ชื่อของท่านฟาร์มาก็เป็นที่รู้จักกันทั้งเมืองหลวงไปแล้ว แค่เห็นก็น่าจะรู้กันหมดแล้ว”
“เดี๋ยวผมปลอมตัวเข้าไปก็ได้ครับ”
ฟาร์มาพูดโดยไร้กังวลใดๆ
“ฉันละกังวลกับพวกนายสองคนจริงๆ เดี๋ยวฉันจะไปด้วยก็แล้วกัน”
“ชื่อของท่านเอเลโอนอร์ก็ต่างเป็นที่รู้จักทั้งเมืองหลวงเหมือนกันไม่ใช่หรือไงครับ”
“จะเป็นอย่างงั้นจริงเหรอ?”
ตัวเอเลนนั้นไม่ได้รู้สึกถึงตัวตนของตัวเองซึ่งเป็นถึงศิษย์เอกของแพทย์โอสถหลวง ซึ่งสง่างามและก็เป็นที่เคารพนับถืออย่างบรูโนเอาเสียแล้ว
“งั้นให้ฉันปลอมตัวเป็นผู้ชาย ส่วนฟาร์มาคุงก็ปลอมเป็นผู้หญิงดีไหมล่ะ แบบนั้นเราก็จะไม่โดนจับได้แล้ว”
เอเลนต้องการที่จะคลอสเดรส ด้วยความที่ปกติเธอนั้นจะต้องทำตัวให้เหมาะสมกับเป็นชนชั้นสูง จึงได้แอบเก็บความในใจที่อยากจะคอสเพลย์เป็นชายหนุ่มรูปงามไว้นับแรมปี
“หากคุณจะทำแบบนั้นจริง การคลุมฮูดไว้แทนจะไม่ง่ายกว่าเหรอ?”
เธอละรู้สึกสงสารฟาร์มาที่เข้าไม่ถึงงานอดิเรกอะไรแบบนี้จริงๆ
“ถ้าฉันจะต้องเขาโหมดปลอมตัวแล้วก็อยากจะทำให้มันดีต่างหากล่ะ โดยการแต่งเป็นผู้ชาย! ฟาร์มาคุงนายก็ต้องมาแต่งหญิงด้วยนะ!”
“หากเอเลนอยากจะทำก็เชิญตามสบายเลย แต่ตัวผมไม่มีทางจะแต่งหญิงแบบนั้นแน่นอน”
ด้วยเหตุนี้ทั้งฟาร์มาและเอเลนก็ได้เข้าร่วมการชุมนุมที่น่าสงสัยของเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุนั้นกับปีแอร์
“แล้วท่านจะทำอะไรบ้างพอเข้าไปถึงแล้ว?” ปีแอร์ถาม
“หากผมพบว่านั่นเป็นเพียงการใช้ลูกเล่นเท่านั้นผมก็จะห้ามไม่ให้พวกเขาทำมันอีกครับ โดยการแสดงหลักฐานให้ดู”
“หากมีหลักฐานที่มันบ่งชี้ได้ชัดเจนว่าพวกเขาจัดฉากกันขึ้นมามันก็คงจะทำอะไรได้บ้างแหละครับ แต่เพราะกลุ่มคนเหล่านี้มีอัตราการขยายตัวที่สูงเป็นอย่างมาก จนทำให้บางทีผมก็คิดนะครับว่าจริงๆแล้วพวกเขาอาจจะมีของอยู่ก็เป็นได้ ผมได้ยินมาว่าพวกเขาสามารถสังเคราะห์ทองคำขึ้นมาได้โดยใช้ปรอทกับกำมะถันเท่านั้นเองด้วย ท่านจะว่ายังไงกับเรื่องนี้บ้างครับ?”
“เป็นความคิดที่ดีนะครับในเรื่องการใช้ปรอท”
“นายหมายความว่ายังไงเหรอ?”
เอเลนรู้สึกสงสัยมากขึ้นกับเรื่องที่เธอได้ยิน ทั้งเซดริกและเหล่าพนักงานในร้านก็เริ่มคิดอยากจะแอบฟังกันมากขึ้น
“ด้วยหลักการเล่นแร่แปรธาตุนั้นเราสามารถสังเคราะห์ทองคำขึ้นมาได้ครับ เพราะทองคำนั้นคืออะตอม ซึ่งนั่นทำให้ไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้จากสารองค์ประกอบอื่นๆ แต่มันสามารถทำให้เป็นไปได้ด้วยการฉายรังสีเขาไปที่ปรอทซึ่งมีค่าอะตอมเป็น 80 ครับ และด้วยรังสีแกมมาที่สามารถสลายนิวเคลียสของอะตอมจะทำให้โปรตอนนั้นลอกออกมาในที่สุดและทำให้เกิดเป็นทองคำ ซึ่งมีค่าอะตอมเป็น 79 ครับ”
“เอ๋?!”
“เดี๋ยวนะ!? ไม่ได้จะบอกว่าหลักการของการเล่นแร่แปรธาตุมันเป็นไปไม่ได้หรอกเหรอครับ?”
เอเลนกับปีแอร์ต่างลุกขึ้นยืนพร้อมกันจากเก้าอี้และตะโกนออกมา เอเลนรีบความตัวฟาร์มาเอาไว้ก่อนเผลอทำแว่นหล่นและจะเหยียบมันเอาอีกรอบ
“คุณทำตกอีกแล้วนะ! เลิกทำแว่นหล่นเรี่ยราดได้แล้ว”
ฟาร์มาสงสัยว่าบางทีเขาน่าจะพูดมากเกินไปแต่อย่างน้อยก็เป็นไปตามสิ่งที่เขาต้องการจะบอก เขาคิดว่าบางทีตัวเองน่าจะทำพวกแว่นพลาสติกให้เอเลนจะได้ไม่ทำแตกอีกน่าจะดี ลอตเต้กับลูกสาวของปีแอร์ที่กำลังดื่มชากันอยู่ชั้นบนถึงกับเดินลงมาดูจากเสียงที่ดังสนั่น
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก เชิญพวกคุณกลับไปดื่มชากันต่อได้เลย”
ฟาร์มาโบกมือให้พวกเขาไป ลอตเต้ได้เช็ดแป้งเค้กที่ติดปากอย่างอายๆ ก่อนจะเดินกลับไปที่ชั้นสาม
“ทั้งสองคนช่วยใจเย็นๆ กันก่อนนะครับ ถ้าจะให้พูดด้วยเทคโนโลยีในตอนนี้ไม่สามารถทำมันขึ้นมาได้หรอก และมันต้องใช้พลังงานเป็นจำนวนมากอีกด้วยสำหรับกระบวนการ”
ไม่มีเหตุผลที่จะบอกว่าทองนั้นสังเคราะห์ขึ้นมาไม่ได้ แต่ก็กล่าวได้ว่าการสังเคราะห์ทองคำขึ้นมาเพียงแค่หนึ่งช้อนชานั้น ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในโลกของเขามันจำเป็นจะต้องใช้ทั้งเวลา งบประมาณอย่างมหาศาลมากจนทำให้บอกได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่คุ้มค่าหากจะทำ
“หืม ก็ดูน่าตกใจเหมือนกันนะเนี่ย ว่าแต่นายสามารถสังเคราะห์ทองคำด้วยพลังของนายได้หรือเปล่า”
เอเลนที่ใจเย็นลงก็เริ่มกลับไปนั่งก่อนจะสวมแว่นกลับ
“แม้ว่าผมจะลองใช้พลังในการแปลงปรอทดูบ้างแล้วแต่สุดท้ายพลังงานที่ให้ไปมันไม่น่าจะพอเลยจบที่ล้มเหลว”
“ฮ่ะๆ ถ้าหากผมทำได้ละก็นะ คงจะทำเงินได้เยอะเลยทีเดียว ยังไงก็ลองสอนเทคนิคลับนั่นหน่อยไหมล่ะครับ”
ปีแอร์ได้พูดล้อเล่นก่อนจะหัวเราะออกมา
“ฮ่ะๆๆๆ …ผมไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกครับ”
ขณะหัวเราะเขาก็มีเหงื่อเย็นๆ ไหลออกมาด้วยเพราะเหมือนตนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
(เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่าเราสามารถสร้างทองขึ้นมาได้ด้วยพลังการสร้างสสารหรอก
เหรอ)
ฟาร์มานั้นเป็นผู้ถือครองพลังในการสร้างสสารที่มือซ้ายของเขา ไม่ใช่แค่ทองแต่ยังความไปถึงโลหะและอัญมณีอื่นๆ อีกด้วย แต่ถึงจะบอกแบบนั้นแค่ผลประกอบการที่ร้านขายยาต่างโลกทำได้นั้นก็มีมากแล้วจนเขาไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องการสร้องทองคำออกมาเพราะตอนนี้เขาไม่ได้ต้องการเงินแต่อย่างใด
(… ถ้าหากมองในมุมนี้จะบอกว่าเราเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุก็ได้สินะ)
หากเป็นเช่นนั้นฟาร์มาก็คงจะเป็นคนเดียวบนโลกใบนี้ที่สามารถบอกได้ว่าตนนั้นคือนักเล่นแร่แปรธาตุที่แท้จริง
“ผมตั้งหน้าตั้งตารอเลย ว่าจะมีเห็นศาสตร์แปรธาตุแบบไหนออกมาแสดงให้ผมได้เห็นกันนะ?”
พูดไปแล้วเขาก็ยิ้มออกมาด้วยความกล้าหาญ
“แต่รอยยิ้มของนายที่ออกมาเหมือนกับนักเล่นแร่แปรธาตุที่ชั่วร้ายเลยนะฟาร์มาคุง”
พอเอเลนได้เห็นท่าทีของฟาร์มา เธอก็แอบกลัวอยู่บ้าง บางทีความขยันขันแข็งของเขาจะทำให้เขากลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่ชั่วร้ายไปหรือเปล่านะ
——————-
Note 1 : ฟาร์มา = ศิลานักปราชญ์เดินได้
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913