ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store - ตอนที่ 576 เกล็ดเงิน
“ซูผิง…”
โม่เฟิงผิงจำชื่อนั้นไว้ในหัว เขารู้ว่าหานยู่เซียงพูดถูก อย่างน้อยเขาก็ไม่คิดว่าเขาจะลืมคนที่ข่มขู่แบบนั้นได้ “นักรบอสูรกิตติมศักดิ์อายุน้อยกว่า 24 ปี ถ้างั้นเขาก็อายุพอๆ กับนักเรียนเลย…”โม่เฟิงผิงพึมพำกับตัวเอง
“อาจารย์…”
สวี่คังเป็นพยานที่ร่วมตกตะลึงอีกคนหนึ่ง ทันใดนั้นเขารู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังตื่นขึ้นในตัวเขา
ในครั้งแรกที่เขาเจอซูผิงเขาคิดว่าซูผิงเป็นเพื่อน
เมื่อซูผิงแสดงความสามารถของเขามากขึ้นเรื่อยๆ สวี่คังรู้สึกว่าช่องว่างนั้นกว้างขึ้นเรื่อยๆ และเขาก็เต็มใจที่จะเรียกซูผิงว่าอาจารย์
เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ค่อย ๆ เริ่มปฏิบัติกับซูผิงในฐานะผู้อาวุโส แต่ในขณะนี้เขาตระหนักอีกครั้งว่าซูผิงอายุเท่าเขา
ซูผิงเป็นอาจารย์ที่เขารู้จัก
เขาจำได้ว่าซูผิงฆ่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์ในลีกสูงสุด และการกระทำที่กล้าหาญของเขาในการปกป้องเมืองฐานหลงเจียง สวี่คังรู้สึกว่าเลือดของเขากำลังเดือด
เขาอยากเป็นแบบนั้น!
ภายในถ้ำที่จะไปถึงยอดเขา
ซูผิงและนักจดบันทึกหนุ่มเดินไปด้วยกัน
“บอกฉันเกี่ยวกับหอคอยมังกร” ซูผิงร้องขอ
เขาสามารถบอกได้ว่าชายหนุ่มคนนี้อยู่ในระดับ 5 ซึ่งถือว่าไม่เลวเลยเมื่อพิจารณาจากอายุของเขา อย่างน้อยตามมาตรฐานของเมืองฐานหลงเจียง เขาสามารถเข้ารับการเข้าเรียนในสถาบันกที่ดีที่สุดได้
“แน่นอนครับ”
ชายหนุ่มก็สุภาพมาก “หอคอยมังกรมีทั้งหมด 33 ชั้นยิ่งสูงก็ยิ่งยาก มีสิ่งชั่วร้ายและปีศาจอื่นๆ ที่มีพลังมากขึ้นเมื่อคุณไปถึงชั้นที่สูงขึ้น การไปถึงชั้นที่ 10 หมายความว่าเขาหรือเธอมีพลังต่อสู้ใกล้เคียงกับระดับกิตติมศักดิ์
“ชั้น 13 หมายถึงบุคคลนั้นมีพลังต่อสู้ใกล้กับระดับกิตติมศักดิ์ขั้นกลาง
“ชั้นที่ 16 จะหมายถึงระดับกิตติมศักดิ์ขั้นสูง!
“ชั้นที่ 18 จะบ่งบอกถึงระดับกิตติมศักดิ์ขั้นสูงสุด!
“ว่ากันว่าใครก็ตามที่สามารถไปถึงชั้นที่ 20 ได้จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ท้าทายโชคชะตา
“คุณมาเพื่อตามหาน้องสาวของท่านหรือครับ คุณซู?”
“นายรู้จักเธอ?”
ซูผิงหันไปหาเขา
ชายหนุ่มรู้สึกว่าเมื่อซูผิงจ้องมองมาที่เขา เขาก็รู้สึกประหม่า “ผมเจอเธอสองสามครั้ง ผมไม่รู้จักเธอมากขนาดนั้น เธอเป็นคนดี เธอไม่เหมือนนักเรียนส่วนใหญ่ที่นี่… พวกเขาหยิ่งเกินไป พวกเขาแทบจะไม่คุยกับคนอย่างผมเลย”
ซูผิงพยักหน้า “เธออยู่ที่นี่ก่อนที่เธอจะหายตัวไป ตอนนั้นนายได้ทำหน้าที่อยู่ที่นี่ไหม? นายสังเกตเห็นอะไรแปลก ๆ ไหม?” ชายหนุ่มส่ายหัว “ผมอยู่เวรครับ แต่ทุกอย่างก็ปกติดี ผมบอกรองอาจารย์ใหญ่ว่าเธอพยายามเป็นครั้งที่ 15 แต่ล้มเหลวหลังจากเธอไปถึงชั้นที่ 14 เธอออกจากหอคอยมังกรแล้วก็หายตัวไป ผมไม่รู้ว่าเธอจะไปไหน”
ซูผิงจ้องมองชายหนุ่ม “นายเห็นเธอออกไปด้วยตาของนายเองหรือเปล่า?”
“ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้า ยังคงประหม่า
ซูผิงมองเขา เขาไม่คิดว่าชายหนุ่มกำลังโกหก แต่กลับยิ่งทำให้สับสนมากขึ้นว่าทำไมเธอถึงออกไป?
งั้นเธอก็ไม่ได้หายไปในหอคอยมังกร
ซูผิงคิด
“คุณครับ พวกเรากำลังจะถึงชั้นแรกแล้ว”
เสียงของชายหนุ่มดึงซูผิงกลับสู่ความเป็นจริง
ประตูสีดำขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา มีนักจดบันทึกคนอื่นๆ ที่ใส่เสื้อผ้าเหมือนกันกับชายหนุ่ม พวกเขาทั้งหมดยังวัยรุ่น และหนึ่งในนั้นดูเหมือนจะเป็นผู้นำ
“คุณมาที่นี่เพื่อท้าทายใช่ไหม?” ผู้นำนั่นถามซูผิง
ซูผิงมองไปที่ประตู เนื่องจากเขาอยู่ที่นี่แล้ว เขาคิดว่ามันคงจะดีถ้าได้ไปเห็นชั้นที่ 14 ก่อน
“ใช่” ซูผิงพยักหน้า
“คุณครับ นี่คือตัวหาตำแหน่ง ระวังตัวด้วยนะครับ คุณสามารถออกมาได้ทุกเมื่อถ้าคุณรับไม่ไหว ผมจะคอยจดบันทึก” ชายหนุ่มยื่นหมุดเงินขนาดเล็กให้ซูผิง ซูผิงรับ “นายไม่ไปกับฉันหรอ?”
“ผมทำแบบนั้นไม่ได้ครับแม้ว่าจะต้องการก็ตาม” ชายหนุ่มหน้าแดง
ซูผิงยัดหมุดเงินในกระเป๋าของเขาและเดินไปที่ประตูสีดำนั้น
เมื่อประตูปิดลง นักจดบันทึกคนอื่นๆ ก็ถามชายหนุ่มคนนั้นว่า “เซน ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร? ทำไมนายถึงกลัวเขา?”
ความประหม่าหายไปจากชายหนุ่มคนนั้น “นั่นคือคนที่เราไม่สามารถทำให้อารมณ์เสียได้ นายรู้ดีว่าศิษย์พี่เฟยเพิ่งออกจากที่นี้ใช่ไหม คนนั้นเพิ่งสอนบทเรียนศิษย์ให้พี่เฟย รองอาจารย์ใหญ่หานอยู่ด้วยตอนนั้น แต่มันก็ยังเกิดขึ้นและเขาไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ผู้ชายคนนั้นสอนบทเรียนศิษย์พี่เฟย?”
“ ไม่มีทาง!”
“รองอาจารย์ใหญ่ไม่ได้หยุดชายคนนั้นเหรอ? ล้อเล่นหรือเปล่า?”
คนรอบข้างของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความสงสัย
“อืม” ชายหนุ่มชื่อเซนไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม
ปัง
ประตูปิด ซูผิงรู้สึกว่าเขาอยู่ในอีกโลกหนึ่ง เขาไม่รู้สึกอะไรจากภายนอกอีกต่อไป
มีทางเดินที่มีแสงสลัวอยู่ข้างหน้าเขา
แสงมาจากโคมไฟที่แขวนอยู่บนผนัง แสงไฟกระพริบ ทำให้เกิดสีแดงบนทางเดิน
ซูผิงรู้สึกไม่สบายใจขณะที่มองเข้าไปในทางเดิน ราวกับว่ามีบางอย่างกำลังจ้องมองเขาอยู่ในความมืด
ความรู้สึกไม่สบายใจนั้นรุนแรงมากขึ้นเมื่อเขาก้าวต่อไป
ในไม่ช้าซูผิงก็ตระหนักได้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกไม่สบายใจ
มันเป็นสัญชาตญาณของเขาที่ส่งคำเตือนมาให้เขา!
ที่นี่มีบางสิ่งที่สามารถทำร้ายฉันได้?
ซูผิงรู้สึกประหลาดใจ ตามคำบอกเล่าของชายหนุ่มคนนั้น เขาอยู่ที่หอคอยมังกรชั้นแรก
แม้แต่นักเรียนทั่วไปก็สามารถผ่านชั้นนี้ได้ ทำไมเขาถึงรู้สึกอันตราย?
หรือว่าอันตรายนี้มาจากที่อื่นหรือเปล่า? จากใครอีกคนที่อยู่ข้างใน?
ซูผิงไม่เสียเวลาคิดเรื่องนี้ เขาก้าวไปข้างหน้า
ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด เนื่องจากเขาอยู่ที่นี่แล้ว เขาจึงต้องทำให้การเข้ามานี้มันคุ้มค่า
ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็เริ่มได้กลิ่นเลือดในอากาศ ต่อจากนั้น ซูผิงก็เห็นว่ามีหมอกดำทะมึนลอยออกมาจากรอยแยกบนผนัง มีผีกระโจนใส่เขา
จิตสำนึก? ซูผิงขมวดคิ้ว เขาไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องจริง มันเป็นจิตสำนึกของเขาที่เล่นกลอุบายในใจของเขา
บูม!
ภายในจิตใจของเขา เจตนาฆ่าของเขาสร้างดาบขึ้นมา และวิญญาณก็หายไป ทุกอย่างกลับเป็นปกติ
ซูผิงเดินทางต่อไป ไม่นานเขาก็มาถึงบันได มีช่องเปิดอีกช่องหนึ่งที่ปลายบันได
ซูผิงเข้าไปข้างใน ทางเดินกว้างอีกทางหนึ่งยื่นออกไปที่ด้านหน้าของเขา ซึ่งดูค่อนข้างจะคล้ายคลึงกัน
นี่เป็นชั้นที่สองหรือเปล่า? เขาผ่านชั้นแรกหรือยัง?
แต่เขาไม่พบการโจมตีใด ๆ จากสิ่งที่เรียกว่าสิ่งชั่วร้ายหรือปีศาจตามที่ชายหนุ่มคนนั้นบอก หรือสิ่งที่รบกวนจิตสำนึกของเขาคือสิ่งชั่วร้ายและปีศาจที่เขาจะต้องเผชิญ?
ซูผิงไปต่อ เขาไม่รีบร้อนเพราะต้องการใช้เวลาดูสถานที่ เวลาผ่านไป แต่เขาต้องการค้นหาร่องรอยที่อาจเป็นของซูหลิงเยวี่ย
บางทีมันอาจจะนานเกินไปจริงๆ ซูผิงรู้สึกถึงร่องรอยบางอย่าง แต่ไม่ใช่ของซูหลิงเยวี่ย ร่องรอยที่แข็งแกร่งที่สุดคือร่องรอยที่เหลืออยู่ของนักเรียนที่ชื่อเฟย
วู้~!
หลังจากนั้นหมอกดำก็เริ่มซึมออกมาจากผนังอีกครั้ง
ดาบนั้นก่อตัวขึ้นจากเจตนาฆ่า และหมอกก็หายไป
ชั้นที่สาม ชั้นที่สี่ และชั้นที่ห้า…
ในไม่ช้าซูผิงก็มาถึงชั้นที่ 10 เขาได้พบกับสิ่งชั่วร้าย แต่คราวนี้ไม่ใช่การทางจิตใจ มันเป็นการโจมตีที่จับต้องได้!
ชั้นที่ 10 ไม่ใช่ทางเดินอีกต่อไป มันเป็นสถานที่ที่ดูไร้ขอบเขต
มันเหมือนกับอาณาจักรลับ!
อสูรร้ายจำนวนมากเข้ามาหาเขา พวกมันมีกลิ่นเลือดรุนแรงและมีลักษณะบิดเบี้ยว
ซูผิงปลดปล่อยพลังดวงดาวและฆ่าอสูรร้ายเหล่านั้นทั้งหมด
ฉันไม่คิดว่าจะสามารถเรียกอสูรที่นี่ได้ ดังนั้นเธอจึงปีนขึ้นไปถึงชั้น 14 ทั้งหมดด้วยตัวเอง?! เขาพบว่าที่นี่แปลกมาก ไม่ว่าเขาจะพยายามยังไง เขาก็ไม่สามารถเปิดวังวนได้ เขาเป็นเหมือนคนธรรมดาที่ไม่มีอสูร
แต่เขายังคงสัมผัสได้ถึงความเชื่อมโยงของเขากับโครงกระดูกน้อย และมังกรเพลิงนรกอย่างชัดเจน“ดังนั้นนี่คือสิ่งที่คนระดับดวงดาวทิ้งเอาไว้ ต้องมีกฎที่ถูกตั้งไว้” ซูผิงบอกกับตัวเอง
เขาไม่สามารถใช้อสูรได้ และไม่รู้ว่าซูหลิงเยวี่ยปีนขึ้นไปถึงชั้นที่ 14 ด้วยตัวเองได้อย่างไร
นักจดบันทึกหนุ่มคนนั้นพูดถูก สิ่งชั่วร้ายที่นี่นั้นใกล้เคียงกับระดับกิตติมศักดิ์ แต่ซูหลิงเยวี่ยอยู่ในระดับ 5 ตอนเธอเข้ามาที่สถาบัน สมมติว่าเธอสามารถก้าวหน้าได้อย่างก้าวกระโดด ที่ดีที่สุดที่เธอจะทำได้คือระดับหก เธอยังต้องมีหนทางอีกยาวไกลก่อนที่เธอจะสามารถไปถึงระดับเก้าได้
ซูผิงไม่สามารถหาคำตอบได้ เขาเชื่อว่าเขาจะต้องถามหานยู่เซียงเกี่ยวกับเรื่องนี้
ทางเดินไร้ขอบเขตเริ่มจางหายไปเมื่อสิ่งชั่วร้ายถูกฆ่า ซูผิงมาถึงจุดสิ้นสุด มีประตูที่มีตัวเลข “11” อยู่ข้างๆ
เห็นได้ชัดว่ามีคนแกะสลักตัวเลขไว้
ซูผิงมองไปรอบ ๆ ไม่มีเลือดหรือร่องรอยการต่อสู้อื่น ๆ หรือร่องรอยของซูหลิงเยวี่ย
เขาขึ้นไปที่ชั้น 11
เวลาผ่านไป
เขาไปถึงชั้นที่ 14
เขาต่อยและฆ่าอสูรร้ายทั้งหมด ซูผิงมองไปที่พื้นที่นั้น นั่นคือสถานที่ที่ซูหลิงเยวี่ยมาถึงได้ใช่ไหม?
เขาขยายการรับรู้จนสุดความสามารถของเขา จากนั้นเขาก็พบบางอย่างที่มุมหนึ่ง
มันเป็นเศษเกล็ด
มันมีกลิ่นของเธอและมังกรจันทราเหมันต์ แต่ฉันไม่คิดว่ามังกรจันทราเหมันต์มีเกล็ดเล็กขนาดนี้ เธอไม่สามารถเรียกมันมาที่นี่ได้ ซูผิงเริ่มถามตัวเองขณะจ้องมัน เขาแน่ใจว่าเศษเกล็ดนี้เป็นของซูหลิงเยวี่ย
เธอต่อสู้อย่างหนักที่นี่
หลังจากไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง ซูผิงก็ตัดสินใจเก็บเศษเกล็ดนั่นไว้ก่อน