ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store - ตอนที่ 701 -702
ตอนที่ 701 การรุกราน – ไปทำสงคราม
ซูผิงเรียกโครงกระดูกน้อย สุนัขมังกรดำ และอสรพิษม่วง คงจะดีถ้าพวกมันสามารถได้รับทักษะใหม่ ๆ เมื่ออยู่ในคอกเลี้ยงดูที่ได้รับการเลื่อนขั้น
ผู้บริโภคทั่วไปจะต้องจ่ายเงินแสนเหรียญดวงดาวต่อชั่วโมง การปล่อยคอกเลี้ยงดูว่างจะทำให้สิ้นเปลืองทรัพยากรจำนวนมาก หลังจากนั้นซูผิงเดินไปรอบ ๆ ร้าน เขาเห็นสถานที่ต่อสู้เสมือนจริงแห่งใหม่สำหรับอสูร สถานที่แห่งนี้เป็นห้องโถงที่ค่อนข้างล้ำสมัย ภายในมีอุปกรณ์มากมาย ลูกค้าสามารถเลือกอสูรประเภทต่าง ๆ ได้โดยการกำหนดค่าอุปกรณ์เหล่านั้น ป้อนข้อมูลอสูรของพวกเขา และทำให้ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันแบบเสมือนจริง ลูกค้าจะมีโอกาสค้นหาจุดอ่อนของอสูร และเพิ่มทักษะการสั่งการของตนเอง ซูผิงรู้สึกว่านี่เป็นสถานต่อสู้ที่ล้ำที่สุดในดาวเคราะห์สีน้ำเงิน อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้ไม่มีใครสนใจที่จะใช้สถานที่นี้ เนื่องจากอสูรป่าจะมาถึงได้ทุกเมื่อ
นี่คงต้องรอไปก่อน
ซูผิงออกจากห้องนั้น ส่วนโอกาสในการย้ายร้านนั้นจะเป็นฟังก์ชั่นสำหรับใช้งานในภายหลัง
ซูผิงค่อนข้างพอใจกับผู้ฝึกสอนที่สามารถจัดการกับอสูรขั้นสูงได้จำนวนมาก เขาจะสามารถฝึกอสูรได้เร็วขึ้นในอนาคต
เขาสามารถมอบหมายงานให้กับผู้ฝึกสอนหุ่นได้ตราบใดที่ไม่ใช่บริการฝึกมืออาชีพ อย่างไรก็ตามซูผิงไม่ได้ตั้งใจจะฝึกอสูรใดๆ ในขณะนี้ นักรบอสูรจะสูญเสียความนึกคิดหากอสูรติดอยู่ในการฝึกฝนเมื่ออสูรร้ายโจมตีในที่สุด
ในเวลาเดียวกัน
ไกลออกไปทางตะวันตก ทันใดนั้นมหาสมุทรก็เริ่มแปรปรวนเมื่อแสงเช้าวันแรกมาถึงขอบทวีป วันนี้ไม่มีลม อย่างไรก็ตามกระแสน้ำสูงหลายร้อยเมตรก่อตัวขึ้น ร่างที่ดุร้ายจำนวนมากกำลังว่ายน้ำอยู่ภายใน
อสูรทะเลเหล่านั้นกำลังเคลื่อนที่มาพร้อมกับกระแสน้ำ
ด้านหลังกระแสน้ำเป็นฝูงอสูรหนาแน่น ทุกตัวดูเต็มไปด้วยกำลัง
ในระหว่างนี้เกาะหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวไปทางเหนือของทวีป เมื่อมองดูใกล้ๆ จะพบว่ามันเต็มไปด้วยอสูรร้าย เกาะหยุดอยู่ที่ขอบทวีป อสูรร้ายได้รับคำสั่งของพวกมัน พวกมันกระโดดออกจากเกาะอย่างมีความสุข และพุ่งเข้าสู่แผ่นดินใหญ่ เกาะก็ถอยกลับมาทันทีที่อสูรร้ายลงไปแล้ว
ถ้าคนที่มองจากอากาศ พวกเขาจะได้เห็นแขนขาหนาๆ ใต้น้ำหลายสิบตัว
มันเป็นที่ราบรกร้าง ทันใดนั้นพื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือน มีอสูรร้ายมาพร้อมกับอุ้งเท้าที่สามารถทำให้รถถังแบนเรียบได้ มันเป็นสิงโตที่มีขนสีเงิน
อสูรร้ายมีเขาคดเคี้ยวสามเขาอยู่บนหัว และดวงตาของมันเป็นสีทอง “ดังนั้น นี่เป็นที่ซ่อนสุดท้ายของพวกขยะ” “ในที่สุด ถึงเวลาที่เราจะอ้างสิทธิ์ว่าโลกเป็นของเรา!”
งูที่ยาวหลายร้อยเมตรขยับเข้ามาใกล้ เกล็ดของมันริบหรี่ด้วยแสงสีทองสลัวภายใต้ดวงอาทิตย์ บนเกล็ดของงูมีเงาใบหน้ามนุษย์จำนวนมากที่ดูเหมือนกำลังกรีดร้อง สิ่งมีชีวิตนี่พูดภาษามนุษย์
บูม-!
พื้นดินสั่นสะเทือนด้านหลังอสูรประหลาดสองตัวและฝุ่นก็ปกคลุมทั่วท้องฟ้า อสูรร้ายอีกมากมายกำลังใกล้เข้ามา
บี๊บ บี๊บ บี๊บ! ติ้ด ติ้ด!! อสูรก่อสร้างบางตัวยังคงทำงานร่วมกับมนุษย์เพื่อเสริมสร้างกำแพงทั้งสอง สัญญาณเตือนดังขึ้นที่ศูนย์บัญชาการ
เสียงนั้นดังมาก
ในขณะเดียวกัน สัญญาณเตือนภัยในเมืองฐานทั้งหมดก็ดังขึ้นเช่นกัน
ทุกคนที่ยุ่งอยู่ในแนวป้องกันหยุดสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ พวกเขาจ้องมองไปไกล
อสูรร้ายกำลังมา
การต่อสู้ครั้งสุดท้ายกำลังจะเริ่มขึ้น! ประชาชนทั่วไปที่ยังอยู่ในบ้านเดินเข้ามาใกล้หน้าต่างด้วยความกังวล ไม่มีที่พักพิงอีกต่อไป หากมนุษย์ไม่สามารถชนะการต่อสู้ได้ ดาวเคราะห์สีน้ำเงินจะกลายเป็นดาวเคราะห์ที่ถูกครอบงำโดยอสูรร้าย! ผู้คนยังคงสงบอยู่ในขณะนี้ พวกเขาอยู่ในบ้านเพื่อรอผลตัดสินสุดท้าย บางคนจมอยู่กับความเครียด พวกเขาทำร้ายคนอื่น และทำลายสถานที่สาธารณะ นักรบอสูรขอให้คนเหล่านั้นออกไปนอกกำแพง บางคนถูกฆ่าทันที! มีคราบเลือดกลุ่มคนร้ายที่สร้างปัญหาอยู่ตามท้องถนนทั้งเมืองฐาน ทั้งในตอนบนและตอนล่าง
ยานพาหนะเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วบนถนน ประชาชนทั่วไปถูกจำกัดเวลา ซึ่งทำให้ถนนว่างเปล่า บุคลากรที่ร่วมต่อสู้ทั้งหมดรีบไปที่จุดชุมนุมทันทีที่สัญญาณเตือนภัยดังขึ้น
ยานพาหนะบรรทุกนักรบอสูรไปยังจุดหมายปลายทาง
นักรบอสูรบางคนยังเป็นวัยรุ่น พวกเขายังคงมีท่าทางเหมือนเด็ก และกลัวการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้น
ผู้คนต่างเฝ้ามองด้วยความขุ่นเคืองใจขณะที่รถแล่นผ่านไป พวกเขาเริ่มอธิษฐานขอพร
”พวกมันกำลังมา!” “ท่านครับ สถานีด่าน 003 ทางทิศใต้ตรวจพบอสูรร้ายจำนวนมาก ระบุว่าเป็นการโจมตีระดับ 5!” “ท่านครับ สถานีด่าน 029 ทางทิศเหนือตรวจพบอสูรร้ายจำนวนมากโดยมีราชาอสูรร้าย 28 ตัว ระบุว่าเป็นการโจมตีระดับ 8 !”
”ท่าน…”
เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองรีบรายงานอย่างเร่งรีบ วิ่งวุ่นไปทั่วสถานี พวกเขาส่งข้อมูลทั้งหมดไปยังศูนย์บัญชาการ
การตั้งระดับของการโจมตีได้รับการแก้ไข
ในอดีตระดับจะมีระดับเล็ก กลาง และใหญ่ แต่ตอนนี้มันขยายการวัดเป็นเก้าระดับ การโจมตีอสูรร้ายระดับ 9 จะมีราชาอสูรร้ายห้าสิบตัว! สำหรับการโจมตีอสูรระดับ 10… นั่นหมายถึงจำนวนราชาอสูรเกินร้อยตัว มันจะเป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนว่ากำลังหลักของอสูรป่าคือระดับไหน! กู่ซือผิงอยู่ที่ศูนย์บัญชาการโดยมีนักรบอสูรในตำนานสองคนมากับเขา คนอื่น ๆ ในปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาทางทหารที่ดีที่สุดซึ่งมาจากเมืองฐานต่างๆ นักรบอสูรในตำนานบางคนเก่งในการต่อสู้แต่ไม่ใช่ในเชิงกลยุทธ์ ผู้เชี่ยวชาญต้องดูแลจัดการอย่างมืออาชีพ “พวกมันจะไปถึงฝั่งไหนก่อน?”กู่ซือผิงรู้สึกอัดแน่นไปด้วยข้อมูล เขาแทบจะไม่ได้ยินข้อความแรกข้อความถัดไปก็รายงานมา เขามีเวลาน้อยในการประมวลผลข้อมูล
มีข้อมูลส่วนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
ตัวอย่างเช่น สถานีด่านบางแห่งถูกทำลาย และนักรบอสูรหายตัวไป นอกจากนั้นสถานีสื่อสารขนาดเล็กของสถานที่บางแห่งถูกทำลาย พวกเขาไม่ได้รับการตอบกลับจากพวกเขาอีก
อสูรร้าย…อยู่ที่นั่น พวกมันมาถึงแล้ว! กู่ซือผิงประหม่า
อย่างไรก็ตาม เมื่อสัญญาณเตือนภัยดับลง เขาก็ส่งนักรบอสูรในตำนานที่เขาไว้วางใจกลับไปที่หอคอยทันที “มันควรจะเป็น… ทางใต้!” ที่ปรึกษาทางทหารถือแล็ปท็อปอัจฉริยะในมือ เขากำลังคำนวณวิถีของอสูรป่าและความเร็วของพวกมัน “มีอสูรร้ายเจ็ดกลุ่มมาจากทางใต้ กลุ่มแรกอยู่ที่ระดับ 6 มีราชาอสูรเก้าตัว!” “ ระยะเวลาเฉลี่ยของกลุ่มแรกคือ… 53 นาที!” “ท่านครับ พวกมันอาจหยุดก่อนที่จะมาถึงที่นี่ เพื่อรอกลุ่มอื่น ถ้าเป็นเช่นนั้น…” ที่ปรึกษาทางทหารพูดอย่างรวดเร็วและเหงื่อออกด้วยความประหม่า กู่ซือผิงกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน เขาสามารถหาวิธีหยุดพวกมันได้หากอสูรร้ายแยกกันมา อย่างไรก็ตามสถานการณ์จะสิ้นหวังหากอสูรร้ายอยู่ด้วยกันและเริ่มการโจมตีแบบกลุ่ม! เห็นได้ชัดว่าอสูรร้ายมาพร้อมกับแผน กล่าวคือพวกมันจะไม่โจมตีแยกกันเพราะพวกมันรู้ว่าสิ่งนี้จะไม่ได้ผล! กู่ซือผิงเปิดกลุ่มแชทของนักรบอสูรในตำนาน
“ผมต้องการคนไปหยุดอสูรร้ายทางใต้ ใครจะไป? “มีราชาอสูรร้าย 9 ตัวในกลุ่มแรกมาจากทางใต้ หนึ่งในเก้าอยู่ในสภาวะว่างเปล่า ผมต้องการให้จัดการพวกมันโดยเร็วที่สุด!” นักรบอสูรในตำนานทุกคนเห็นข้อความนี้ ทุกคนตื่นตัวและตรวจสอบแชทกลุ่มทันทีที่ได้ยินเสียงเตือนดังขึ้น พวกเขารอคำสั่งอยู่ “ผมไปเองครับ ผมจะจัดการทางใต้!”เซียงเฟิงหรั่นกล่าวก่อน เกือบจะในเวลาเดียวกัน ข้อความของเย่อู่ซิวก็ปรากฏขึ้นเช่นกัน “ผมจะไป พวกมันอยู่ที่ไหน?”
”ผม!”
”ผมจะทำ!”
“ให้ผม…”
คนที่เสนอตัวส่วนใหญ่มาจากถ้ำลึก คนที่มาจากหอคอยก็เริ่มเสนอตัว แต่กู่ซือผิงได้เลือกก่อนที่พวกเขาจะพูดอะไร “ผมจะให้พี่เซียงดูแลเรื่องนี้ เลือกสามคนที่สภาวะสมุทรเพื่อไปกับคุณ”เซียงเฟิงหรั่นกล่าว “ไม่มีปัญหา ผมจะจัดการพวกมันให้หมด!” เขาเรียกชื่อนักรบสภาวะสมุทรสามคน โม่ จากทีมของเย่อู่ซิวและอีกสองคนจากทีมของจิ่งเสิ่น“ฉันจะยืมสมาชิกในทีมของนาย และจะพาพวกเขากลับมาคืนทีหลัง!”เซียงเฟิงหรั่นเพิ่มอิโมจิยิ้ม เย่อู่ซิวตอบว่า “ไม่ต้องพูด ดูแลตัวเองด้วย”
“ไม่ต้องห่วง” ทั้งสองตอบ เซียงเฟิงหรั่นบอกสถานที่นัดเจอ และกล่าวเสริมว่า “ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อนำพวกเขากลับมาด้วย!”
“หัวหน้าเซียง เราไม่ต้องการให้คุณพาเรากลับมา เรากลับเองได้!”
“ใช่แล้ว หัวหน้าเซียง คุณดูถูกพวกเราหรอ? คุณจะจัดการราชาอสูรร้ายสภาวะว่างเปล่า และเราจะจัดการส่วนที่เหลือเอง!”จิ่งเสิ่นกล่าวเสริมว่า “พวกเขารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ อัศวินดำคลั่งไม่ต้องกังวล ทำทุกอย่างที่ต้องทำ!”
เซียงเฟิงหรั่นสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขาออกมาจากถ้ำลึกพร้อมกับสมาชิกในทีมบางคน แต่พวกเขาถูกอสูรพันตาฆ่าที่ทวีปบึงมังกร เขารอดชีวิตมาได้จากการเสียสละของสมาชิกในทีม
ปัจจุบันเขาเป็นคนที่ไม่มีคนติดตาม “ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไม่กังวลเกี่ยวกับพวกเขาอีก!”เซียงเฟิงหรั่นพูดติดตลก เย่อู่ซิวกล่าวว่า “ใครอยากให้นายเป็นห่วงพวกเขา? โม่ของเราเก่งมาก อย่าประมาทเขา นายควรดูแลตัวเอง พยายามอย่าทำให้ทุกอย่างช้าลง! ฉันไม่ต้องการเห็นพวกเขามีปัญหาเพราะนายไม่สามารถจัดการอสูรสภาวะว่างเปล่าได้!”
เซียงเฟิงหรั่นยิ้ม เขาไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม
“ระวังตัวด้วย” เย่อู่ซิวพูดกับโม่ โม่อยู่มาหลายร้อยปีแล้ว เขายิ้มปากจะถึงหูให้เย่อู่ซิว“อย่ากังวลไปเลยหัวหน้า ผมจะกลับมา!”
”ไม่ต้องพูดเยอะ!”
เมื่อเซียงเฟิงหรั่นออกไปพร้อมกับทีมของเขา กู่ซือผิงก็ดำเนินการต่อและแต่งตั้งทีมที่สอง
มีคนจำเป็นต้องไปทางตะวันออก!
”ฉันจะไป!” เสวี่ยอวิ๋นเจินเป็นคนแรกที่ตอบ “แปดราชาอสูรร้ายใช่ไหม? ฉันพอจะจัดการพวกมันได้ถ้าไม่มีตัวไหนอยู่ในสภาวะว่างเปล่า”
เย่อู่ซิวเตือนเธอว่า “ระวัง อย่าประมาทศัตรู ฉันสังเกตได้ว่าอุปกรณ์ปัจจุบันไม่แม่นยำนักเมื่อพูดถึงสิ่งมีชีวิตในสภาวะว่างเปล่า ราชาอสูรร้ายบางตัวอาจซ่อนความแข็งแกร่งและอุปกรณ์จะไม่สามารถตรวจจับสิ่งนั้น” “ก็ได้ ไม่เป็นไร ฉันจะหนีถ้าเจอกลุ่มอสูรสภาวะว่างเปล่า ฉันไม่กลัวที่จะต่อสู้เช่นกันถ้าฉันมีโอกาสต่อสู้กับอสูรร้ายสภาวะว่างเปล่าตัวต่อต่อด้วยอสูรที่คุณซูขายให้ฉัน!” เสวี่ยอวิ๋นเจินดูเหมือนจะไม่กังวล
ไม่มีใครพูดอะไรอีก พวกเขารู้ว่าทุกคนจะเข้าสู่สมรภูมิในไม่ช้า มันเป็นการต่อสู้ที่สำคัญสำหรับดาวเคราะห์สีน้ำเงินพวกเขาทั้งหมดจะตายหากพวกเขาไม่สามารถเอาชนะอสูรร้ายได้!
ดังนั้น… ไม่จำเป็นต้องปลอบใคร ไม่จำเป็น!
เย่อู่ซิวและคนอื่น ๆ พร้อมที่จะเสียสละตัวเอง พวกเขาค่อนข้างสงบในขณะนี้ นอกจากนี้เมื่อเห็นพวกเขามุ่งมั่นที่จะเป็นคนแรกที่ไปที่แนวหน้าก็ทำให้คนที่มาจากหอคอยแปลกใจ พวกเขายังพยายามชะลอการมีส่วนร่วม!
ภายในร้าน
ซูผิงกำลังติดตามข้อความกลุ่มสนทนา เขาไม่ได้พูดอะไร เขาไม่ได้ไปด้วยครั้งนี้เย่อู่ซิวและคนอื่นๆ สามารถจัดการกลุ่มอสูรร้ายเหล่านั้นได้
ถังยู่หรานและซูหลิงเยวี่ยก็อยู่ที่ร้านเช่นกัน พวกเธอได้เห็นการสนทนา สองสาวยังคงเงียบ ในยามสงคราม มักจะมีกลุ่มฮีโร่ที่กล้าแสดงออกโดยไม่สนใจการเสียสละส่วนตัว! ถังยู่หรานมองไปที่ซูหลิงเยวี่ยที่กำลังแตะแขนของเธอด้วยนิ้วเดียว นั่นคือสิ่งที่เธอจะทำเมื่อประหม่า ถังยู่หรานจึงถาม“เธอคิดว่าเราจะทำสำเร็จไหม?” ซูหลิงเยวี่ยมองถังยู่หราน และจากนั้นก็มองไปที่ซูผิง ซูหลิงเยวี่ยส่ายหัว “การคิดเกี่ยวกับเรื่องนีนตอนนี้นั้นไร้ประโยชน์” ถังยู่หรานไม่คิดว่าซูหลิงเยวี่ยจะตอบแบบนี้ ถังยู่หรานจ้องมองซูหลิงเยวี่ยและพยักหน้า “เธอพูดถูก”
“แต่ถึงยังไงนั้น ฉันยังหวังว่า… เราจะอยู่รอด” ซูหลิงเยวี่ยกัดริมฝีปากของเธอ
ถังยู่หรานตอบด้วยความเงียบ
ในเวลาเดียวกัน กลับไปที่ศูนย์บัญชาการกู่ซือผิงกำลังอ่านข้อมูลที่เขาได้รับ เขากำลังพูดคุยกับที่ปรึกษาทางทหารเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด “ทำไมอสูรร้ายเหล่านั้นถึงมาจากทิศต่างๆ? พวกมันสามารถบดขยี้เราได้อย่างแน่นอนหากพวกมันรวมกองกำลังไปทางทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตก”
ที่ปรึกษาทางทหารบางคนพูดคำถามของพวกเขา
ที่ปรึกษาชราคนหนึ่งพูดด้วยความโกรธและเยือกเย็นว่า “ไอ้สารเลวพวกนั้น… พยายามจะจับพวกเราให้หมดในคราวเดียว!” ที่ปรึกษาคนอื่นๆ หน้าซีดเมื่อคิด อสูรร้ายมาจากทุกทิศทุกทางเพียงเพื่อล้อมรอบพวกเขา? พวกมันไม่ต้องการไว้ชีวิตใคร พวกมันต้องการฆ่ามนุษย์ทั้งหมด! โหดร้ายจริงๆ!
ที่ปรึกษารู้สึกถึงความโหดร้ายที่แท้จริงของอสูรป่า
อสูรร้ายต้องการให้มนุษย์สูญพันธุ์! “ให้ตายเถอะไอ้พวกเวร!” ที่ปรึกษาคนหนึ่งพูดด้วยความโกรธ ที่ปรึกษาชราหน้านิ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “อย่าปล่อยให้จิตใจของเราโกรธ เราต้องใจเย็น นั่นคือสิ่งที่เราต้องการ”
ที่ปรึกษาคนอื่นๆ กลับมามีสติอีกครั้ง พวกเขามองที่ปรึกษาชราเพื่อแสดงความเคารพและชื่นชม พวกเขาจดจ่ออยู่กับข้อมูลและแผนที่ “พวกมันจะต้องชดใช้…”กู่ซือผิงกล่าว “พวกมันมาจากคนละด้าน จากนั้นเราจะมีโอกาสที่จะบดขยี้พวกมันทีละตัว!”
“โอ้ เวร อสูรกลุ่มที่สองที่มาจากตะวันออกกำลังจะรวมเข้ากับกลุ่มแรก นักรบในตำนานที่ไปที่นั่นจะตกอยู่ในอันตราย!” ที่ปรึกษาเตือน กู่ซือผิงดูแผนที่และเปิดการสนทนากลุ่มอีกครั้ง “เราต้องการกำลังเสริมในทิศตะวันออก ใครจะไป? อสูรร้ายกลุ่มที่สองกำลังจะรวมกับกลุ่มแรก เราต้องการนักรบสภาวะว่างเปล่าอย่างน้อยสองคน!”
”ผม!”เย่อู่ซิวตะโกนก่อน
จิ่งเสิ่นตามมาติดๆ “ผมจะไป!”
”ตกลง คุณสองคนรีบไปเถอะ” กู่ซิผิงกล่าว ที่ปรึกษาร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก “กลุ่มแรกทางทิศเหนือหยุดแล้ว… พวกมันกำลังรวมกลุ่มกับกลุ่มที่สอง พวกมันกำลังจะโจมตี!”
“พวกมันกำลังรอให้พวกมามากขึ้น! บัดซบ!” “เรากำลังพูดถึงการโจมตีระดับ 9 ทางทิศเหนือ!”
ที่ปรึกษาหน้าซีด
มือของกู่ซือผิงเหงื่อออก การโจมตีระดับ 9! นั่นคือระดับสูงสุดที่พวกเขาจะต้านได้ กู่ซือผิงรู้ว่าพวกเขามีนักรบอสูรในตำนานกี่คน พวกเขาทั้งหมดจะต้องออกไปเพื่อหยุดการโจมตีระดับ 9! ท้ายที่สุดหัวหน้าทั้งหมดจากถ้ำลึกออกไปแล้ว มีเพียงไม่กี่คนในสภาวะว่างเปล่าที่ยังไม่ถูกส่งไป
“ท่านครับ เราจำเป็นต้องปิดกั้นทางหนีในทิศเหนือไหมครับ?”
หลี่หยวนเฟิงเป็นคนเสนอ “ผมไปได้ถ้าคุณต้องการคนเพิ่ม” เขาเคยทำงานร่วมกับเสวี่ยอวิ๋นเจินและอยู่ที่สภาวะสมุทรขั้นสูงสุด ใกล้กับสภาวะว่างเปล่า หลังจากลังเลอยู่บ้าง กู่ซือผิงกล่าวว่า “ด้านเหนือมีกลุ่มอสูรที่ใหญ่ที่สุด การประเมินในปัจจุบันคือการโจมตีระดับ 9 ฉันต้องการให้พวกนายทุกคนไปกำจัดอสูรร้ายก่อนที่กลุ่มที่สามจะรวมเข้ากับสองกลุ่มแรก! มิฉะนั้น เราจะต้องถอนตัว!”
“จากข้อมูลปัจจุบัน นายมีเวลา 40 นาทีในการจัดการอสูร!”
นักรบจากหอคอยยังไม่ได้พูดอะไร พวกเขาทั้งหมดหน้าซีด การโจมตีระดับ 9! กล่าวคือมีราชาอสูรร้ายมากกว่าห้าสิบตัว!
บางตัวอยู่ในสภาวะว่างเปล่า บางที… อาจมีสภาวะชะตากรรม!
ท้ายที่สุดเจ้าหอคอยเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าน่าจะมีราชาอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมประมาณ 20 ตัวทั่วโลก ถึงเวลาแล้วที่หนึ่งในนั้นจะออกมาเป็นผู้นำการโจมตี! ทันใดนั้นชายคนหนึ่งพูดว่า “ผมจะจัดการทิศเหนือ”
เขาคือซูผิง และเขาก็กล่าวต่อว่า “ผมจะไปทางเหนือ ที่เหลือสามารถไปสนับสนุนอีกสามด้านได้ ระวังตัวด้วย”
หลี่หยวนเฟิงเป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย “น้องซู แน่ใจหรอ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้านายพบอสูรร้ายสภาวะชะตากรรม? และพิจารณาจากจำนวนอสูรแล้ว…”
”ใช่ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรา นี่คือการโจมตีระดับ 9 และจะต้องเสร็จสิ้นภายในสี่สิบนาที ต้องใช้เวลาพอสมควรในการไปที่นั่นจากที่ที่คุณอยู่ในหลงเจียง!”
”ให้ผมไปด้วย ผมสามารถช่วยได้!”
”ผมด้วย!”
พวกเขาทั้งหมดเสนอตัว ซูผิงสูดหายใจลึกและพูดว่า “อย่าเถียง ตัวผมเองก็พอสำหรับทิศเหนือ ผมไม่สนใจว่าพวกมันมีกลุ่มเดียวหรือสิบกลุ่ม ผมจะจัดการพวกมันให้หมด!” คำพูดของเขาเพียงพอที่จะให้ความกระจ่างแก่ทุกคน จัดการทั้งหมด?
เขาจะอยู่จนกว่าอสูรร้ายทั้งหมดจะถูกฆ่า?!
เขาจะทำทั้งหมดนี้ด้วยตัวเอง? ถังยู่หรานและซูหลิงเยวี่ยตกใจ ซูผิงกำลังเสียสติ! เขาจะจัดการกับอสูรร้ายเหล่านั้นด้วยตัวเองได้ยังไง!
นั่นคือเกือบหนึ่งในสี่ของอสูรป่าทั้งหมดในโลก!
ไม่มีใครทำได้!
“ผิง…” ด้วยความกลัว ซูหลิงเยวี่ยต้องการหยุดซูผิง แต่เขาโบกมือให้เธอหยุดพูด “ผมตัดสินแล้ว บอกทีว่าต้องไปที่ไหน?” ซูผิงกล่าว
กู่ซือผิงไม่ได้คิดว่าซูผิงจะกล้าหาญแบบนี้!
ที่ปรึกษาคนอื่นๆ มองหน้ากันอย่างตกตะลึง
”ดี ฉันจะให้นายจัดการ!”กู่ซือผิงกล่าวว่า “ถ้ามันยากเกินไป ก็หนีไปซะ!”
”รู้อยู่แล้ว!”
ซูผิงวางโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ
โอ่กกก!
โฮ่งงง!!
ร้านค้าเต็มไปด้วยพลังรุนแรง มังกรเพลิงนรก สุนัขมังกรดำและอสรพิษม่วงออกมาจากคอกเลี้ยงดูของพวกมัน โครงกระดูกน้อยเงียบกว่า อย่างไรก็ตามขณะที่ยืนอยู่ระหว่างมังกรเพลิงนรกและสุนัขมังกรดำ โครงกระดูกน้อยก็เหมือนราชาของพวกมัน! “ไปสู้… กับฉัน!” ซูผิงกล่าว สุนัขมังกรดำเห่า มันไม่ใช่ความตื่นเต้น แต่เป็นความกล้าหาญและเจตนาฆ่า!
หลังจากที่อยู่กับซูผิงมาเป็นเวลานาน อสูรของเขารู้ดีว่าการต่อสู้นี้สำคัญแค่ไหน!
“อยู่ในเมืองฐานและอย่าออกจากร้านไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม” ซูผิงกล่าวกับซูหลิงเยวี่ย ดวงตาของเธอเปียก เขาเดินไปหาเธออยู่ และลูบหัวเธอเบาๆ
”เป็นเด็กดี ฉันจะกลับมา”
“สัญญานะว่าจะกลับมา!” ซูหลิงเยวี่ยมองเขา เธอหลั่งน้ำตา
ซูผิงยิ้มให้เธอ “แน่นอน แต่อย่าหนีไปก่อนที่ฉันจะกลับมา อย่าให้ฉันต้องไปหาเธออีก” ซูหลิงเยวี่ยจำชะตากรรมของเธอตอนติดอยู่ในทางเดินได้ เล็บของเธอขุดลงบนฝ่ามือขณะที่เธอก้มหน้าลง “ฉันจะรอนายกลับมา ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะอยู่ที่นี่ตลอดไปจนกว่านายจะกลับมา!” ซูผิงมองเธอและพยักหน้า “ดูแลน้องสาวฉันด้วย” ซูผิงบอกกับถังยู่หราน ดวงตาของถังยู่หรานก็มีม่านน้ำตาเช่นกัน เธอกัดริมฝีปาก และยังคงเงียบ
“อยู่ในร้านถ้าอสูรร้ายมาถึงหลงเจียง โจแอนนาจะปกป้องพวกเธอ” ซูผิงพูดกับทั้งสองคน จากนั้นเขาก็หันไปหาโจแอนนา “ฉันขอฝากให้เธอดูแลพวกเธอด้วย”
โจแอนนาพยักหน้า
ตอนที่ 702 เพียงหนึ่งเดียว
ซูผิงออกจากร้าน เขามองไปที่ปลายถนน ในที่สุดเขาก็เลือกที่จะไม่ไปบอกลาพ่อแม่ของเขา อย่างแรกเขาไม่ต้องการให้พวกเขากังวล อีกอย่างเขามีเวลาน้อยมาก นอกจากนี้… เขาเชื่อว่าเขาจะกลับมา!
เขาไม่ใช่ชายหนุ่มที่อ่อนแออย่างที่เคยเป็น ถ้าเขาต้องต่อสู้กับราชาอสูรร้ายหลายตัว… แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้ อย่างน้อยเขาก็สามารถหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย!
”ไปกันเถอะ”
ซูผิงให้มังกรเพลิงนรกและอสรพิษม่วงกลับไปที่พื้นที่สัญญาก่อน เขาขี่สุนัขมังกรดำพร้อมกับโครงกระดูกน้อยและบินไปทิศเหนือ
ซูผิงอยู่ห่างจากเมืองฐานหลงเจียงออกไปเรื่อยๆ
“น้องซู กลับมานะ ผมรอดื่มกับคุณอยู่นะ!”
”น้องซูผมยังเป็นหนี้คุณอยู่ คุณต้องกลับมาอย่างปลอดภัย!”หลี่หยวนเฟิง,ฉินตู้หวงและคนอื่นๆ ส่งข้อความอำลาไปหาซูผิงในการแชทกลุ่ม ถ้าไม่ใช่เพราะทุกคนต้องการกระจายกันไป พวกเขาจะรวมตัวกันไปทิศเหนือพร้อมกับซูผิง ซูผิงเห็นข้อความ เขายิ้มและเก็บโทรศัพท์ จากนั้นเขาก็มองไปไกล เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และบอกสุนัขมังกรดำให้รีบไป
สิบนาทีต่อมาเขามาถึงสถานที่ที่กู่ซือผิงส่งมาให้เขา เขามองเห็นอสูรร้ายมากมายจากระยะไกล มีอสูรร้ายหนาแน่น
มีบางตัวที่โดดเด่นขนาดเท่าภูเขา
อสูรร้ายบางตัวซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มเพื่อไม่ให้ได้รับความสนใจ
เพียงชำเลืองมองเพียงครั้งเดียว ซูผิงก็เห็นราชาอสูรหลายสิบตัว รวมถึงอีกหลายตัวในสภาวะว่างเปล่า!
เขาทำไม่ได้… เขามองไม่เห็นจุดจบ
ต้องมีอสูรร้ายนับล้าน!
ใครเห็นแล้วไม่เป็นบ้าก็คงกลัวเต็มที! อสูรร้ายเหล่านั้นอาจทำให้เกิดภัยพิบัติได้! ซูผิงสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาก้มหน้าลงและวางมือบนหัวของโครงกระดูกน้อย
โครงกระดูกน้อยเงยหน้าขึ้น เปลวเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรงในเบ้าตาของมัน มองเพียงครั้งเดียว และโครงกระดูกน้อยก็เข้าใจสิ่งที่ซูผิงตั้งใจ!
วินาทีต่อมาโครงกระดูกกลายเป็นภาพเลือนรางสีแดงและรวมเข้ากับซูผิง
พลังที่บ้าคลั่งและเดือดดาลเพิ่มขึ้นในตัวซูผิง! พลังงานซึมออกมาที่หมัด!
หมัดนี่เพียงพอที่จะเตือนอสูรร้ายบางตัว ซูผิงรู้สึกได้ถึงสายตาที่เยือกเย็นในทันที เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นหนูที่เผชิญหน้ากับงู และไม่มีที่ใดที่จะวิ่งหนีไปได้
อย่างไรก็ตามแทนที่จะหวาดกลัว ซูผิงกลับถูกเผาไหม้ด้วยความโกรธ กระดูกสีขาวโผล่ขึ้นมาบนผิวหนังของเขา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยกระดูกสีขาวเช่นกัน เขาดูน่ากลัว “ออกมา!” ซูผิงกล่าว
โฮก!!
มังกรคำราม มังกรเพลิงนรกออกมา เหยียบไฟและสายฟ้า มันกระพือปีกซึ่งมีสีแดงอมม่วง มังกรตอบรับการเรียกของซูผิง!
เสียงคำรามของมังกรกระจายไปทั่วสนามและส่งผลกระทบต่ออสูรจำนวนมาก อสูรร้ายหลายตัวที่อยู่ต่ำกว่าระดับราชากลัวจนล้มและตัวสั่น! “มากับฉัน-โจมตี!!” ซูผิงตะโกน เหมือนเทพเจ้าแห่งความตาย เขากระโดดออกจากหลังของสุนัขมังกรดำและพุ่งเข้าหากองทัพอสูรร้าย เขาจัดการกับอสูรร้ายทันที!
คนเดียวกับอสูรนับล้าน!
โฮก!!
โอก!!!
อสูรร้ายบางตัวคำรามกลับมา พวกมันโกรธที่ซูผิงท้าทายพวกมัน วินาทีถัดมา หนามแหลมคมจำนวนมากงอกออกมาจากพื้น มุ่งหน้ามาหาซูผิง
หวืด! หวืด! หวืด!
ซูผิงพุ่งไปรอบๆ ด้วยความเร็วราวสายฟ้า ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!… ราชาอสูรร้ายสภาวะสมุทรทั้งสามอยู่ข้างหน้า อย่างไรก็ตามเนื่องจากซูผิงเข้าใจทักษะเชิงมิติ ทั้งสามจึงไม่สามารถหยุดเขาได้ ซูผิงวิ่งผ่านพวกมันและพุ่งเข้าไปในฝูงชน เขาไม่ได้ปลดปล่อยทักษะใดๆ เขาแค่วิ่ง! เขาเป็นเหมือนสายฟ้าสีม่วง!
สายฟ้าแลบวูบวาบอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา เขาใช้สายฟ้าทะยาน ความแข็งแกร่งของทักษะนี้อย่างน้อยก็อยู่ที่สภาวะว่างเปล่า
อสูรร้ายที่ซูผิงวิ่งเข้าไปหาร่างแตกเป็นเสี่ยง ๆ ทันที! เมื่อมองจากระยะไกล มันเหมือนกับสายฟ้าสีม่วงได้ระเบิดใส่เพื่อเปิดทาง!
โฮก!!
อสูรร้ายกรีดร้อง มิติหายไปตรงหน้าซูผิง มิติส่วนนั้นทำให้เกิดมือที่จะฆ่าซูผิง ในขณะเดียวกันมิติรอบๆ ซูผิงก็สั่นสะเทือน กรงเล็บและหนวดยื่นออกมาจากรอยแยกมิติเพื่อโจมตีเขา
พร้อมกัน!
ซูผิงรู้สึกว่ามิติรอบๆ ตัวเขาสั่นอย่างรุนแรง เขาไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้อีกต่อไป แต่เขาเตรียมพร้อม เขาต่อยใส่แขนขาที่ทำให้เขาหยุดนิ่งง! หมัดทองคำปรากฏขึ้นในอากาศ บดขยี้ใส่กรงเล็บแหลมคม
บูม!!
ซูผิงพุ่งไปข้างหน้า ไม่มีอะไรหยุดเขาได้!
กรงเล็บแหลมคมแตกออกภายใต้หมัด เศษซากหล่นทับฝูงอสูรร้าย อสูรร้ายระดับเก้าตัวหนึ่งถูกเศษซากตรึงไว้กับพื้น!
การโจมตีครั้งนี้ได้กวาดล้างพื้นที่ขนาดใหญ่รอบ ๆ ซูผิง อสูรร้ายจำนวนมากกลายเป็นชิ้นเนื้อและแอ่งเลือด!
ซูผิงหยุดไม่ได้ เมื่อเขาต่อยหมัดนั่นแล้ว ซูผิงก็หันกลับมาและชักดาบออกมา เขาฟันและตัดแขนขาที่เอื้อมมาหาเขาผ่านรอยแยกมิติ.. ปัง! ปัง! ปัง! เขาตัดแขนขาทั้งหมดเหล่านั้น! ทั้งหมดนั่นอยู่ในสภาวะว่างเปล่า แต่ซูผิงก็ฆ่าพวกมันได้ง่ายๆ! ข้างหลังเขามังกรเพลิงนรกพุ่งเข้าไปในฝูงอสูรร้าย มังกรเพลิงนรกเติบโตขึ้นจนยาวเกือบร้อยเมตรหลังจากกินผลึกมังกรเลือดม่วง ก้อนสายฟ้าและไฟระเบิดออกมาจากใต้ปีกของมัน
ก้อนพลังงานที่ผสานเข้าด้วยกันให้ความรู้สึกถึงการทำลายล้าง
บูม!!!
ก้อนพลังงานที่ผสานตกลงไปที่ฝูงอสูรด้านหลังซูผิง แผ่นดินเริ่มสั่นสะเทือนทันที มันเป็นคลื่นกระแทกที่แรงพอที่จะโค่นอาคารได้ หลุมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นหลังจากการระเบิด ราชาอสูรร้ายสภาวะสมุทรไม่สามารถหนีไปได้ทันเวลา เหลือเพียงเศษหางอยู่ในหลุม! ฝูงอสูรตกอยู่ในความตื่นตระหนก การปรากฎตัวของมังกรเพลิงนรกส่งผลต่อขวัญกำลังใจของอสูรร้ายขั้นต่ำ อสูรร้ายระดับเจ็ดและแปดบางตัวไม่สามารถเรียกความกล้าหาญพอวิ่งหนีได้ พวกมันกำลังสั่นอยู่ อินทรีดำขนาดเท่ามือปรากฏขึ้นในขณะที่ซูผิงและมังกรเพลิงนรกกำลังต่อสู้ เมื่อตรวจดูอย่างละเอียดแล้วจะเห็นได้ชัดว่าขนของนกอินทรีนั้นทำมาจากเหล็ก
ดวงตาของนกอินทรีกำลังกะพริบ จริงๆแล้วมันเป็นกล้อง นกอินทรีบินเป็นอุปกรณ์ตรวจสอบที่ควบคุมโดยสถานี ด่าน
ที่ศูนย์บัญชาการ
กู่ซือผิงและที่ปรึกษาทางทหารจ้องไปที่หน้าจอด้วยความงุนงง พวกเขาตัวแข็งทันทีเนื่องจากความประหลาดใจอย่างมาก พวกเขากำลังวิดีโอที่มาจากทิศเหนือ
กู่ซือผิงไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าซูผิงจะหันมาใช้วิธีป่าเถื่อนแบบนี้ เขาพุ่งตัวเองเข้าไปในฝูงอสูรร้าย… ช่างบ้าเสียจริง! เขาต้องยอมรับว่าเขารู้สึกทึ่งกับความแข็งแกร่งของซูผิง เขา… มีพลังต่อสู้ของสภาวะชะตากรรม!
เขากำลังบดขยี้อสูรอสูรสภาวะว่างเปล่า!
“คือ… เขาอยู่ในระดับตำนานหรือเปล่า?”
“ไม่ เขาเป็นพระเจ้า!”
“น่ากลัวมาก!” ที่ปรึกษาทางทหารแทบจะหุบปากไม่ได้ พวกเขาไม่ค่อยเห็นการต่อสู้ของนักรบอสูรในตำนาน การต่อสู้ที่พวกเขาดูอยู่ได้เปลี่ยนมุมมองของนักรบอสูรในสายตาของพวกเขา!
ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยเห็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ต่อสู้กัน แต่ที่เห็นในปัจจุบันนี่เหมือนมาจากอีกโลกหนึ่ง!
ในทิศเหนือ
ซูผิงกำลังวิ่งไปรอบๆ อย่างบ้าคลั่งพร้อมกับดาบในมือ
เขาทุ่มตัวเองเข้าไปในฝูงอสูร เพราะเขาต้องการให้อสูรร้ายหันเข้ามาพร้อมกัน เมื่อราชาอสูรร้ายตอบโต้ พวกมันจะทำร้ายอสูรรอบข้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!
ปัง!ปัง!! ซูผิงเข้าใกล้ราชาอสูรร้ายสภาวะสมุทรอย่างรวดเร็ว อสูรร้ายถูกปกคลุมด้วยเกราะสีดำหนา อย่างไรก็ตาม ราชาอสูรร้ายถูกผ่าครึ่งด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว เลือดพุ่งกระจาย
ดาบของเขาเคยเป็นอาวุธของใครบางคนในระดับดวงดาว แม้ว่าจะสูญเสียพลังไปบ้าง แต่ตัวดาบก็ยังคม
โฮ่กกก!
มังกรเพลิงนรกติดตามเขามาอย่างใกล้ชิด มังกรบินเหนือฝูงอสูรและพ่นไฟใส่พวกมัน มังกรใช้ทักษะระดับตำนานมากมายเพื่อโจมตีศัตรู
ฝูงอสูรกลายเป็นโกลาหล อสูรร้ายทั่วไปยังคงไม่กล้าต่อสู้ ตัวที่อยู่ห่างไกลได้รับผลกระทบจากการปรากฏตัวของมังกรเพลิงนรกน้อยลง อย่างไรก็ตามพวกมันไม่สามารถโจมตีมังกรเพลิงนรกได้ในระยะไกลเช่นนี้ ราชาอสูรร้ายกำลังมุ่งหน้ามาเป็นกลุ่ม
“ระดับตำนานของพวกอ่อนแอ!”
“บัดซบ มันอยู่ที่สภาวะชะตากรรมอย่างที่พวกนั้นเรียกกันหรือเปล่า? มันน่ากลัว!”
“ฉันไม่คิดว่าฉันจะรอดจากการฟันของมันได้!”
ราชาอสูรร้ายกว่าสิบสองตัวมารวมตัวกันและพูดคุยด้วยสายตาเคร่งเครียด อสูรสภาวะสมุทรเริ่มหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป “ไปและแจ้งเตือนท่านปีกโลหิต!”
“เราไม่สามารถหยุดเขาได้!” ราชาอสูรร้ายยิ่งเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ พวกมันกระจายออกไปและเตรียมการโจมตีระยะไกล
บูม!
ซูผิงระเบิดออกมาจากด้านในฝูงอสูรที่มองแทบไม่เห็น เขาถูกปกคลุมไปด้วยเลือดและซากศพ เขาเห็นว่าราชาอสูรร้ายอยู่ด้วยกัน มีสามตัวอยู่ในสภาวะว่างเปล่า หนึ่งในสามมีกรงเล็บที่หัก มันเป็นคนที่สะบัดกรงเล็บใส่เขาตอนแรก
ดังนั้นราชาอสูรร้ายเหล่านี้จึงไม่สามารถแบ่งปันพลังงานของพวกมันได้ และพวกมันก็ไม่สามารถสร้างค่ายกลได้เช่นกัน
พวกมันอยู่ในสภาพแตกแยก
ซูผิงรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นอย่างนี้ เขาพุ่งเข้าหาราชาอสูรร้ายสภาวะสมุทรก่อน
อสูรร้ายมีลักษณะคล้ายภูเขา มีขนเหมือนสาหร่ายคำรามใส่ซูผิง และสร้างพื้นที่ที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง น้ำแข็งแผ่ออกมาจากอสูรร้าย มันใช้น้ำแข็งสร้างกำแพงน้ำแข็งและขว้างแท่งน้ำแข็ง
ซูผิงพยายามเคลื่อนย้าย อย่างไรก็ตามมีแท่งน้ำแข็งมากเกินไป ไม่มีที่ว่างให้เขาเคลื่อนย้าย กระดูกสีขาวของโครงกระดูกน้อยช่วยปกป้องซูผิงจากการจู่โจม
“ไปเน่าตายในนรกซะเถอะ!”
สายฟ้าช่วยให้ซูผิงเร่งความเร็ว เขาไปถึงราชาอสูรร้ายทันทีและฟันมัน เปลวเพลิงลุกโชนบนบาดแผลของราชาอสูรร้ายซึ่งไม่สามารถรักษาได้ ซูผิงต่อยหมัดเพิ่มเข้าไปอีก ในระหว่างนี้หิน ความมืด เปลวไฟ และสายลมผันผวนไปมา บริเวณที่ซูผิงยืนอยู่กลายเป็นสถานที่แห่งความตาย “โจมตี!”
ซูผิงสะบัดดาบของเขา และสร้างเส้นทางของตัวเอง การโจมตีถูกเปลี่ยนทิศทาง มันกระหน่ำใส่ราชาอสูรร้ายสภาวะสมุทรที่เขาเคยโจมตี ราชาอสูรร้ายถูกฟันเหลือเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
อสูรร้ายที่อยู่รายรอบก็แบนราบกับพื้นเช่นกัน!
ตาย! ตาย!
ซูผิงหมุนตัวและเผชิญหน้ากับราชาอสูรตัวอื่นอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ราชาอสูรร้ายตัวอื่นยังคงโจมตีเขาต่อไป ราชาอสูรร้ายสภาวะว่างเปล่าร่วมมือกันเพื่อรบกวนมิติรอบ ๆซูผิง ป้องกันไม่ให้เขาเคลื่อนย้ายได้
บูม!
ซูผิงเพิ่งผ่าครึ่งราชาอสูรตัวหนึ่งเสร็จเขาก็ถูกเหวี่ยงลงกับพื้น เขารู้สึกหนาวและร้อน เขาได้ยินเสียงคร่ำครวญเหมือนผีและเสียงหอนเหมือนหมาป่า มันเป็นการโจมตีทางวิญญาณจากอสูรร้ายตระกูลปีศาจ
โฮก!!
ไปให้พ้น!!
ซูผิงตะโกนและรีบออกจากหลุม ผมของเขายุ่งเหยิง แต่เขายังจับดาบอยู่ในมือ เขาดูน่ากลัว
ให้มันจบ!
ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะความโกรธ เขาจ้องไปที่ราชาอสูรร้ายจากนั้นก็กู่ร้องและพุ่งเข้าใส่พวกมัน บาดแผลของเขากำลังรักษาตัวในระหว่างนั้น โครงกระดูกน้อยดูดเลือดจากบริเวณโดยรอบ เปลี่ยนเป็นพลังงานฟื้นฟูเพื่อให้ซูผิงสามารถรักษาตัวได้ ในขณะที่รวมเข้ากับโครงกระดูกน้อย ซูผิงไม่เพียงได้รับพลังงานมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังได้รับพลังอย่างอื่นอีกมากมาย นั่นคือสิ่งที่ทำให้โครงกระดูกน้อยน่ากลัว!
“บัดซบ มันใช่เผ่าเดียวกับพวกอ่อนอนั่นจริงเหรอ?”
“ทำไมฉันรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เป็นอสูรร้าย!”
“เราไม่สามารถหยุดมันได้ ท่านปีกโลหิตอยู่ที่ไหน?
ราชาอสูรร้ายหลายตัวหวาดกลัว เนื่องจากซูผิงยังไม่แสดงอาการอ่อนล้าใดๆ
แม้แต่นักรบตำนานสภาวะชะตากรรมก็ยังต้องสูญเสียพลังงานจำนวนมากถ้าทำแบบเขา อย่างไรก็ตามในกรณีของซูผิงนั้นแตกต่างออกไป ราชาอสูรร้ายไม่สามารถทำร้ายเขาได้อย่างสมบูรณ์ เขามักจะยืนขึ้นหลังจากที่ล้มลง!
ราชาอสูรร้ายบางตัวเริ่มถอยห่างจากซูผิง พวกมันต้องการล่าถอย
ปัง! ปัง! ปัง! ซูผิงพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วเต็มที่ ทุกที่ที่เขาไป เขาจะทุบหรือฟันอสูรร้ายเป็นชิ้น ๆ อสูรร้ายต้องการหนีไปทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น!
คนเดียวต่อต้านพวกมันทั้งหมด และอสูรร้ายพากันตื่นตระหนก!
ผู้คนในศูนย์บัญชาการสามารถเห็นสิ่งนี้ได้จากอินทรีเหล็ก. ทุกคนตะลึงงัน
ห้านาที สิบนาที… สิบห้านาที!
ผ่านไปสิบห้านาทีหลังจากที่ซูผิงไปถึงที่นั่น ฝูงอสูรขนาดใหญ่ถูกโจมตี อสูรบางตัวเริ่มวิ่งหนีเมื่อเผชิญกับแรงกดดันจากความตาย
หลังจากซูผิงเข้าใกล้ มังกรเพลิงนรกก็จัดการฆ่าอสูรร้ายทั่วๆไป
สุนัขมังกรดำติดตามอยู่ถัดจากมังกรเพลิงนรก แม้ว่าสุนัขมังกรดำจะเรียนรู้ทักษะการป้องกันเป็นส่วนใหญ่ แต่ซูผิงก็บังคับให้มันต้องเรียนรู้ทักษะโจมตีบางอย่าง ไม่มีอสูรร้ายตัวใดสามารถทำร้ายสุนัขมังกรดำได้ แต่สุนัขมังกรดำสามารถทำร้ายพวกมันได้
ซูผิงเริ่มหยุด เขาตระหนักว่าเขาได้ทำให้ฝูงอสูรร้ายตายไปครึ่งหนึ่งแล้ว!
เขามองย้อนกลับไป ข้างหลังเขา เลือดไหลรวมกันเป็นลำธารและซากศพก็กองเหมือนภูเขา!
ข้างหน้าเขา อสูรร้ายกำลังวิ่งหนี
ในเวลาสิบห้านาที ซูผิงได้ฆ่าราชาอสูรไปแล้วกว่าหกสิบตัว และเก้าในนั้นอยู่ในสภาวะว่างเปล่า!
ปิ้ว!
ปิ้ว!
ซูผิงแทงดาบของเขาลงในหิมะ หิมะถูกย้อมเป็นสีแดงจากเลือด
เขาหอบหายใจขณะวางมือบนด้ามจับ โครงกระดูกน้อยสามารถดูดซับเลือดและแปลงเป็นพลังงานเพื่อสนับสนุนเขาได้ แต่เขารู้สึกเหนื่อยล้าทางจิตใจ มังกรเพลิงนรกก็หยุดเช่นกัน มันนั่งลงข้างซูผิง ดูเหมือนจะยังอยู่ในสภาพดี สุนัขมังกรดำหมอบข้างซูผิง กระดิกหางและจ้องมองเหม่อไปไกล
“เขา เขาเอาชนะพวกมันได้!” ผู้ที่อยู่ในศูนย์บัญชาการต่างจ้องมองอสูรป่าที่กำลังหลบหนีอย่างตะลึงงัน นั่นเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นอสูรร้ายกลัวจนต้องวิ่งหนีเอาชีวิตรอด!
มันน่าเหลือเชื่อมาก!
พวกเขาเห็นกองศพและลำธารเลือด ทุกคนเริ่มรู้สึกว่าชายหนุ่มคนเดียวแข็งแกร่งกว่ากำแพงทั้งสองรวมกัน!
กู่ซือผิงมองออกไป “ฉันคิดว่าเราไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับทิศเหนือแล้ว ทางตะวันตกไม่ค่อยดี ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่อสูรร้ายกำลังเคลื่อนที่ช้าในทิศทางนั้น ถึงกระนั้นกลุ่มแรกก็มาถึงแล้ว เราไม่สามารถปล่อยให้พวกมันมามากกว่านี้ได้ และเราไม่สามารถปล่อยให้ทั้งสองกลุ่มรวมกันได้ ”
”คุณพูดถูก” ที่ปรึกษาพยักหน้า
กู่ซือผิงปิดหน้าจอ ที่ปรึกษามองไปที่แผนที่ในมือของเขาและพูดว่า “ผมคิดว่าอสูรร้ายทางทิศตะวันตกมีความผิดปกติ อสูรหลายตัวแตกออกจากกลุ่ม และบางตัวก็มุมลงดิน เกิดอะไรขึ้น?”
”อย่างไรก็ตามนี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับเรา พลังโดยรวมของอสูรร้ายลดลง มันจะทำให้เราฆ่าพวกมันได้ง่ายขึ้น! ”
”ถูกต้อง” แต่กู่ซือผิงยังคงดูเป็นห่วงเขาขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ทางทิศใต้ไม่ดี เราไม่มีนักรบอสูรในตำนานที่เพียงพอ แจ้งเตือนนักรบอสูรกิตติมศักดิ์… บอกให้พวกเขาพร้อมที่จะทำงานร่วมกับนักรบอสูรในตำนาน! ”
”ครับ”
ทางทิศเหนือ
ซูผิงยังคงอยู่ที่เดิม เขาไม่ได้ไปตามอสูรร้าย เขากังวลว่าอสูรป่ากลุ่มอื่นอาจรออยู่รอบ ๆ เขาและแอบเข้ามาได้
ซูผิงโทรหากู่ซือผิง”กลุ่มแรกของราชาอสูรจากทิศเหนืออยู่ที่ไหน?”
”ฉันกำลังจะโทรหานาย พวกมันอยู่ตรงหน้านาย นายทำให้พวกมันตื่นตัว การรวมกำลังเกิดขึ้นในขณะที่กลุ่มที่สามและสี่กำลังมา เราตรวจจับสัญญาณของสภาวะชะตากรรมได้ ระวังด้วย “กู่ซือผิงกล่าวอย่างรวดเร็ว ซูผิงวางสาย เขาจ้องมองออกไปไกลและหายใจเข้าลึก ๆ “ไปกันเถอะ เราจะร่วมมือกัน! ” เขาพูดกับมังกรเพลิงนรกและสุนัขมังกรดำ
มังกรเพลิงนรกกล่าวด้วยเสียงอู้อี้ “ผม ผมจะอยู่กับเจ้านายของผมตลอดเวลา” ขณะสุนัขมังกรดำแสดงความคิดของมันด้วยการเห่า
ซูผิงยิ้มให้พวกมันแม้ว่ารอยยิ้มจะหายไปอย่างรวดเร็ว ความเย็นปกคลุมดวงตาของเขา เขากระโดดขึ้นบนหลังของสุนัขมังกรดำและควบมันไป
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เห็นจุดที่อสูรร้ายรวมกัน โดยไม่ลังเลเขาบอกสุนัขมังกรดำให้บินไป เขาจะต่อสู้กับอสูรที่นี่ซึ่งๆหน้า!
เขาอยู่ที่นี่คนเดียว ไม่มีกลยุทธ์ใดที่จะช่วยเขาได้ เขาต้องต่อสู้เท่านั้น!
เขาสามารถลอบเข้าหาอสูรร้ายจากด้านข้าง แต่สิ่งที่เขาทำจะแจ้งเตือนทั้งกลุ่ม เขาเลือกที่จะประหยัดเวลาและเผชิญหน้ากับอสูรร้ายโดยตรงดีกว่า