ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store - ตอนที่ 836 โกรธ
ไกลออกไป สื่อทั่วโลกต่างจับกล้องไปที่ชายผู้ถูกไฟเผา
ทุกที่บนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน—ทางทีวี, ทางโทรศัพท์มือถือ และทางหน้าจอขนาดใหญ่กลางเมือง—มีสีหน้าเดียวกัน
”นั่นคือเขา?”
“เป็นเจ้าแห่งดาวเคราะห์ของเรา!”
“คือเจ้าของร้านซู! เจ้าของร้านซูกลับมาแล้ว!”
“ท่านลอร์ดของเรากลับมาแล้ว! เขากระโดดลงมาจากอวกาศ!”
“อ๊าก… พวกเรารอดแล้ว!”
ฐานทั้งหมดทั่วดาวกำลังเดือดพล่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งฐานในเขตอนุทวีปที่มีประชากรมากที่สุด!
ผู้คนนับไม่ถ้วนลุกขึ้นจากที่นั่งด้วยความตื่นเต้น
ซูผิงได้หยุดกระแสอสูรร้ายด้วยตัวเขาเองในระหว่างการต่อสู้กับถ้ำลึก จากนั้นต่อสู้กับเจ้าแห่งถ้ำลึกและช่วยดาวเคราะห์สีน้ำเงิน ต่อมาเขาได้เป็นลอร์ดคนใหม่ของดาวเคราะห์สีน้ำเงิน
หลายคนเคยเห็นใบหน้าของเขา ภาพวาดและรูปปั้นถูกวางไว้ในทุกฐานเมื่อเขากลายเป็นลอร์ด
ท้ายที่สุดแล้ว เขาสมควรที่จะเป็นที่จดจำของคนรุ่นต่อๆ ไปในฐานะผู้กอบกู้โลก!
คนระดับตำนานและระดับกิตติมศักดิ์ทั้งหมดทั่วทั้งดาวเคราะห์ต่างตกใจเมื่อเห็นซูผิงบนหน้าจอ และร้องไห้ด้วยความปิติยินดี แม้ว่าดาวเคราะห์สีน้ำเงินจะเข้าใกล้อิทธิพลของสหพันธ์มากขึ้น แต่ชีวิตก็ไม่ได้ดีมากมายอะไร
ดาวเคราะห์สีน้ำเงินอ่อนแอเกินไปเมื่อเทียบกับดาวเคราะห์ดวงอื่นในสหพันธ์ ไม่ได้มีระดับตำนานมากมาย!
แถมยังประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ในการต่อสู้กับถ้ำลึก ดาวเคราะห์ดวงอื่นสามารถรวบรวมนักรบสภาวะชะตากรรมได้หลายร้อยคน ในขณะที่ดาวเคราะห์สีน้ำเงินมีไม่เกินสิบคน!
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์แล้ว ดาวเคราะห์สีน้ำเงินอยู่ในจุดที่อ่อนแอมากในความสัมพันธ์ทางการฑูตทั้งหมด!
ในท้องฟ้าสูง –
ผู้คนจำนวนมากมาถึงซูผิงตอนที่เขาคว้าผลไม้ไว้แล้ว พวกเขาทั้งหมดเต็มไปด้วยพลัง พวกเขาดูน่ากลัวราวกับอสูรร้าย
“มอบผลไม้ศักดิ์สิทธิ์นั่นให้ฉัน!”
”แกคือใคร? ถึงกล้าที่จะเอาผลไม้ของเรา? เราจะไว้ชีวิตแกถ้าแกปล่อยมันมา!”
“เขาผมดำและตาดำ นั่นเป็นลักษณะของชาวพื้นเมืองบนดาวดวงนี้”
ผู้ไล่ล่าทั้งหมดหยุดมองซูผิงอย่างเคร่งขรึม และจ้องเขาอย่างเย็นชา
เจตนาดูหมิ่นและฆ่าปรากฏขึ้นทันทีในสายตาของพวกเขาเมื่อพวกเขาตรวจสอบระดับของเขาแล้ว สภาวะว่างเปล่าเพียงคนเดียวในกล้าเข้าร่วมการแข่งขันนี้เนี่ยนะ?
เจ้าถิ่นโง่ๆ ทำอะไรไร้สาระ!
พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสามารถทำได้และทำไม่ได้!
ซูผิงตระหนักได้ทันทีว่าเขากำลังถืออะไรอยู่หลังจากได้ยินคำพูดของพวกเขาเป็นภาษาสามัญ เขาวางผลไม้ไว้ในที่เก็บของเขา แล้วมองด้วยสายตาเย็นชาไปยังคนเหล่านั้น “นี่เป็นของดาวเคราะห์สีน้ำเงิน มันแย่มากที่คิดว่าแกกำลังพยายามจะปล้นเรา!”
“เขาเป็นคนพื้นเมืองของดาวเคราะห์สีน้ำเงิน!”
สีหน้าทั้งหมดเปลี่ยนไปเมื่อเห็นเขาเก็บผลไม้
“ไร้สาระ แกคิดว่าทุกสิ่งที่เติบโตบนดาวของแกเป็นของแกอย่างงั้นหรอ? คนป่าเถื่อนที่ไร้อารยธรรมอย่างแกสมควรได้รับสมบัติเช่นนี้ตรงไหน?”
“ฉันจะให้เวลาแกสามวินาที เอามันมาให้ฉัน!”
ชายวัยกลางคนร่างสูงและแข็งแกร่งในฝูงชนตัดสินใจเข้าหาซูผิง เขามีกลิ่นอายของนักรบสภาวะชะตากรรมขั้นสูง เขาตั้งใจที่จะฆ่าซูผิง!
“แกอยู่แค่สภาวะว่างเปล่า ฉันจะมอบบทเรียนให้แกเอง!”
ซูผิงลืมตาขึ้นพร้อมกับแสงพราวพร่างพรายออกมา
“ไสหัวไป!”
ปัง!!
ชายวัยกลางคนที่เข้าใกล้เขาตัวสั่น ด้วยความไม่เชื่อในสายตา เขาต้องการที่จะต่อสู้และขอความเมตตา แต่ร่างกายของเขาระเบิดทั้งที่ไม่ทันได้เปิดปากของเขา
เขาระเบิดและกลายเป็นหมอกเลือด!
ฉากนี้ทำให้หลายคนหรี่ตา
อย่างไรก็ตามผู้คนจำนวนมากมองชายหนุ่มด้วยความตกใจ
เขาเป็นนักรบสภาวะว่างเปล่าจริงหรอ?
พวกเขาไม่เห็นเขาโจมตีด้วยซ้ำ เสียงคำรามของเขามีพลังมากพอที่จะฆ่ายอดฝีมือสภาวะชะตากรรม!
“ท่านลอร์ดของเรายอดเยี่ยมมาก!”
“เอ่อ… เจ้าของร้านซูแข็งแกร่งเกินไปหรือเปล่า?”
“เขาแข็งแกร่งกว่าตอนที่เขาฆ่าเจ้าแห่งถ้ำลึก!”
ทุกคนตกใจและตื่นเต้นที่ได้เห็นการโจมตีนั้น บรรดาผู้ที่ฝึกอสูรในร้านของซูผิงก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน ฆ่ายอดฝีมือสภาวะชะตากรรมด้วยการตะโกน… เขาอยู่ในระดับดวงดาวอย่างแน่นอน!
“ผู้ชายคนนั้น…”
ในโรงพยาบาลพิเศษแห่งหนึ่งเนี่ยฮั่วเฟิงนั่งบนเตียงผู้ป่วยและตกตะลึงเกินจะบรรยาย
เขาอยู่ในระดับดวงดาว แต่เขาก็ไม่สามารถสังเกตได้ว่าซูผิงฆ่าชายสภาวะชะตากรรมอย่างไร แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นพลังของระดับดวงดาว!
แต่ไม่ใช่ยอดฝีมือระดับดวงดาวทุกคนที่มีพลังเช่นนี้!
เมืองฐานหลงเจียง—
ตระกูลฉิน หลิว มู่ และตระกูลใหญ่อื่นๆ กำลังมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความตกใจและตื่นเต้น
การหายตัวไปของซูผิงและร้านของเขาเป็นเหมือนปาฏิหาริย์ ไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้เห็นเขาแข็งแกร่งขนาดนี้เมื่อเขากลับมา!
“เจ้าหอคอยเนี่ยกล่าวว่าระดับดวงดาวเป็นอาณาจักรที่อยู่เหนือสภาวะชะตากรรม เจ้าแห่งถ้ำลึกเป็นเพียงระดับดวงดาวใหม่ที่เพิ่งเข้าใจกฎ แต่เจ้าของร้านซูก็จัดการมันได้ในขณะที่เขาเพิ่งจะเป็นตำนานใหม่ๆ ตอนนี้เขาไปถึงสภาวะว่างเปล่าแล้ว เขาต้องแข็งแกร่งกว่าเดิม…”
“เจ้าของร้านซูเป็นอัจฉริยะจริงๆ เขาเพิ่งฆ่าศัตรูสภาวะชะตากรรมด้วยเสียงคำราม ในขณะที่เป็นเพียงผู้บ่มเพาะสภาวะว่างเปล่า!”
“เขาน่ากลัวมาก ช่องว่างระหว่างมนุษย์นั้นใหญ่มากจริงๆ!”
“คุณกำลังพูดเรื่องอะไร? คุณแน่ใจหรือว่าเจ้าของร้านซูเป็นมนุษย์?”
“อย่าเพิ่งดีใจ มียอดฝีมือระดับดวงดาวหลายคนในหมู่ผู้บุกรุก เจ้าหอคอยเนี่ยได้รับบาดเจ็บเพราะพวกเขา จริงๆ บางคนแข็งแกร่งจนเจ้าหอคอยเนี่ยไม่สามารถต้านทานการโจมตีได้ แม้แต่ครั้งเดียว แม้ว่าเจ้าของร้านซูจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็ยังอยู่ในสภาวะว่างเปล่าอยู่ดี และพวกเขามีจำนวนมากกว่า…”
ความตื่นเต้นทั้งหมดของพวกเขาลดลงเมื่อได้ยินเช่นนั้น
มันเป็นเรื่องจริง
แม้ว่าซูผิงจะแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับยอดฝีมือระดับดวงดาว แต่พวกนั้นมีจำนวนมากกว่า…
“ให้ตายสิ ฉันหวังว่าฉันจะแข็งแกร่งกว่านี้”
“เราไม่ได้ช่วยอะไรเขาในการต่อสู้กับถ้ำลึก และฉันไม่คิดว่าเราจะช่วยไรได้มากขึ้นในวันนี้!”
“ฉันอยากจะแข็งแกร่งขึ้นจริงๆ ฉันต้องการอย่างนั้นจริงๆ…”
“ฉันไม่คิดว่าเราจะอ้างสิทธิ์ในต้นไม้ได้ เราควรแจ้งเจ้าของร้านซูว่าเราควรยอมให้พวกเขาไปไหม? ด้วยพรสวรรค์ของเขา เขาจะสร้างความโดดเด่นให้กับตัวเองในสหพันธ์ได้อย่างแน่นอน จากนั้นเขาจะมีโอกาสกลับไปเอาคืนในอนาคต!”
“เราจะบอกเขายังไง? ทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาล้วนเป็นนักรบสภาวะชะตากรรมและระดับดวงดาว เราจะถูกฆ่าก่อนที่เราจะเข้าใกล้”
ในเมืองฐานหลงเจียง—ฉินตู้หวง, หลิวเทียนจง และคนอื่นๆ แสดงสีหน้ากังวล
ขณะที่พวกเขาพูดคุยกันในเรื่องนี้ ผู้บุกรุกที่อยู่ข้างหน้าซูผิงก็หมดความอดทน ผู้หญิงบนหัวมังกรประกาศว่า “แกต้องเป็นเจ้าแห่งดาวเคราะห์สีน้ำเงินใช่ไหม? แกอยู่ในระดับดวงดาว แต่แสร้งทำเป็นอยู่ในสภาวะว่างเปล่าและซุ่มโจมตีผู้ใต้บังคับบัญชาของฉัน ไร้ยางอายเสียจริง!”
“เจ้าแห่งดาวเคราะห์สีน้ำเงิน? แกไร้เดียงสาเกินไปหน่อยถ้าคิดว่าแกสามารถอ้างสิทธิ์ในต้นไม้ได้!”
“ดูเหมือนว่าดาวเคราะห์สีน้ำเงินต้องการลอร์ดคนใหม่!”
ทุกคนต่างจ้องมองที่ซูผิงด้วยสายตาที่เย็นชา พวกเขายังระมัดระวังซึ่งกันและกันขณะพูด มิฉะนั้นพวกเขาคงจะโจมตีซูผิงและคว้าผลไม้ไปแล้ว
ขณะยืนอยู่กลางอากาศ ซูผิงเหลือบมองไปยังคนเหล่านั้นและพูดว่า “ฉันให้เวลาสิบวินาที ออกไปจากดาวเคราะห์สีน้ำเงินซะ มิฉะนั้นจะไม่มีใครมีชีวิตรอดออกไปเล่าเรื่องพวกนี้ได้!”
”ฮะ?”
“ช่างกล้า!”
”แกหมายถึงอะไร? แกตั้งใจจะใช้สิทธิพิเศษของแกขับไล่พวกเราออกไปอย่างงั้นหรอ? ฮิฮิ เด็กแค่น้อย เราไม่กลัวสิทธิพิเศษของแกเหมือนคนอื่น ๆหรอก ”
“มันไร้ประโยชน์สำหรับคนที่อยู่ในระดับดวงดาว เว้นแต่ว่าแกจะมีดาวเคราะห์ระดับ 1 และคนใหญ่คนโตสนับสนุน!”
ทุกคนเยาะเย้ยอย่างเย็นชา ไม่สนใจคำขู่ของซูผิงโดยสิ้นเชิง
ทำไมเราถึงต้องจากไป?
แม้ว่าเขาจะกล่าวหาว่าพวกเขาบุกรุกดาวเคราะห์ มันคงใช้เวลานานกว่าที่คดีจะไปถึงศาลระหว่างดวงดาว พวกเขาแค่เพียงต้องยื้อเวลาแล้วทุกอย่างก็จะจบลง
ทันใดนั้นต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ ก็สั่นสะเทือนอีกครั้ง
บูม!
คลื่นสูงหลายพันเมตรลอยขึ้นจากทะเลเบื้องล่าง
จะเห็นได้ว่าพลังงานทางโลกเพิ่มขึ้นอีกครั้งและรวมตัวกันที่กิ่งก้านกิ่งหนึ่งของต้นไม้
ยอดฝีมือทุกคนรู้สึกสดชื่นเมื่อเห็นอย่างนั้น
“ผลไม้อีกผลกำลังจะควบแน่น!”
”เร็วเข้า!”
พวกเขาไม่มีเวลาทะเลาะกับซูผิงอีกต่อไป พวกเขาพุ่งไปที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์
ซูผิงมองไปที่ผู้บุกรุกด้วยเจตนาฆ่าที่แผ่ออกมาจากดวงตาของเขา
หวืด!
ซูผิงกระทืบและเรียกพลังดวงดาวออกมาจากเซลล์ภายในร่างกายของเขา จากนั้นเขาก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวกับเสาสายฟ้า โจมตีมังกรตัวหนึ่งที่อยู่ด้านหลัง กระดูกสันหลังของมันหักทันที!
แอ๊ก! ไอรีนโนเวล
มังกรส่งเสียงร้องและอาเจียนเป็นเลือดก่อนที่มันจะตกลงสู่ทะเลเบื้องล่าง
สีหน้าของเจ้าของมังกรตัวนั้นเปลี่ยนไป จากนั้นเขาก็หันกลับมา เขาโกรธจัดเมื่อมองอสูรของเขา จากนั้นก็โจมตีซูผิง
เขาปล่อยอุกกาบาตที่ลุกโชติช่วงผ่านความว่างเปล่า มันมีกฎอันทรงพลัง
มันเป็นกฎแห่งการเผาไหม้ที่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง มันสามารถเผาทุกอย่างรวมถึงกฎที่ยังจับต้องไม่ได้
ซูผิงพุ่งเข้าหาอุกกาบาตที่ลุกเป็นไฟ และระเบิดมันทันที จากนั้นเขาก็พุ่งผ่านเปลวไฟ เข้าหาชายหนุ่มระดับดวงดาวในชั่วพริบตา เขาทุบหมัดใส่อย่างแรง
รัศมีปกคลุมชายคนนี้ไว้เหมือนภูเขา ก่อนที่หมัดของเขาจะโจมตีโดน
”ไม่มีทาง…”
คนระดับดวงดาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ การโจมตีด้วยกฎของฉันถูกร่างกายของผู้ชายคนนี้ปิดกั้นได้อย่างนั้นหรอ? หรือชายคนนี้ใช้กฎของเขา? มันเกิดขึ้นเร็วมากจนเขามองไม่ชัด!
สมบัติป้องกันลอยออกมาเหนือหัวของเขาเมื่อหมัดกำลังจะตีเขา ในเวลาเดียวกัน เขาได้ปลดปล่อยทักษะโบราณที่สร้างโล่ผลึกขึ้นเหนือหัวของเขาอย่างรวดเร็ว
ปัง!!
สมบัติป้องกันทั้งหมดระเบิดระหว่างการปะทะกัน พลังแห่งกฎเริ่มจางลง แต่แล้วพวกมันก็ถูกบีบเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและกระจัดกระจาย
หมัดของซูผิงชกลงพร้อมกับรัศมีภูเขา โล่ของชายหนุ่มระดับดวงดาวระเบิด จากนั้นศีรษะของเขาก็ถูกกระแทกและระเบิด
เลือดกระเซ็นไปทั่ว ชายคนนั้นตายในทันที ร่างกายส่วนบนของเขาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง และร่างของเขาตกลงไปในทะเลราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ ทำให้เกิดคลื่นในระยะร้อยเมตร!
”นี่มันอะไร?!”
บริเวณใกล้เคียง—ยอดฝีมือระดับดวงดาวอีกคู่หนึ่งเห็นฉาก
ยอดฝีมือระดับดวงดาวขั้นกลางถูกซูผิงฆ่าด้วยหมัดเดียว?
ในขณะที่ความตกใจครอบงำพวกเขา นักรบระดับดวงดาวที่เป็นนำเป็นคนแรกก็ได้ไปถึงมงกุฎแล้ว
สนามพลังลึกลับใต้มงกุฎได้ปิดผนึกมิติโดยรอบ ไม่มีใครสามารถฉีกมันออกได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกใช้การเคลื่อนไหวร่างกาย
ซูผิงสังเกตเห็นพวกเขา เขามองพวกเขาอย่างเฉยเมยแล้วพุ่งไปที่มงกุฎ
มิติตรงหน้าเขาแข็งมาก ซูผิงไม่ได้พยายามที่จะฉีกมัน เพราะมันจะทำให้เสียเวลา
เทพเจ้าสายฟ้า บูม!
ปัง!
กฎสายฟ้าสองข้อถูกเรียกใช้ จากพลังดวงดาวที่ซูผิงเรียกมา เขาเคลื่อนตัวได้เร็วกว่าผู้บุกรุกระดับดวงดาว จากนั้นเขาก็ไปถึงผลใหม่ก่อน
วังวนของพลังงานบนผลไม้หมดไปแล้ว และมันดูเหมือนกันกับผลไม้ผลแรก
ในขณะที่ยืนอยู่หน้าผลไม้ ซูผิงก็หยิบมันและเก็บไว้ในพื้นที่เก็บของเขา
”แก!
“ไอ้บ้า ทำอะไรวะ?
”เอามันออกมานะ!”
บรรดาระดับดวงดาวที่มาช้า—ต่างพากันโกรธเคืองและตาแดงก่ำเมื่อเห็นว่าซูผิงได้ผลไม้ไป
ซูผิงหันกลับมามองพวกเขาอย่างเย็นชา ก่อนที่เขาจะกล่าวว่า “ผ่านมาแล้วสิบวินาที พวกแกสมควรตาย!”
“กล้ามาก! แกคิดว่าแกท้าทายพวกเราทุกคนได้หรือยังไง?”
“การเป็นเจ้าแห่งดาวเคราะห์สีน้ำเงินทำให้แกมั่นใจสินะ ขอฉันดูหน่อยเถอะว่าแกแข็งแกร่งแค่ไหน!”
“อย่าคิดว่าจะหนีไปได้แค่เพราะว่าแกเร็ว พวกเราทำไมเราไม่มาร่วมมือกันจัดการเขาก่อนล่ะ? เขาจะได้ไม่ขโมยผลไม้อื่นๆไปอีก!”
“ตกลง!”
ในไม่ช้าผู้บุกรุกทั้งหมดก็บรรลุข้อตกลงร่วมกัน ยอดฝีมือระดับดวงดาวคนอื่นๆ ที่เพิ่งมาถึงก็เข้าร่วมในข้อตกลงด้วยเช่นกัน พวกเขามองไปที่ซูผิงอย่างเย็นชา แสดงความรังเกียจและมุ่งร้าย
ชายชราระดับดวงดาวที่โกรธจัดดึงดาบของเขาและโจมตีซูผิง“ฆ่ามัน!”
รัศมีดาบของเขาเจิดจ้าราวกับแม่น้ำแห่งดวงดาว หลายคนที่อยู่ต่ำกว่าระดับดวงดาวรู้สึกทึ่งกับรัศมีดาบที่สวยงามจนพวกเขาสูญเสียคำพูด
นี่คือพลังของยอดฝีมือระดับดวงดาวหรอ?
พวกเขาไม่รู้ว่าเขาฝึกฝนมันมากี่ครั้งแล้ว การโจมตีถึงได้รุนแรงเช่นนี้!
ดวงตาของซูผิงเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม เขาโกรธ คนเหล่านี้ไม่เพียงแต่พยายามที่จะอ้างสิทธิ์ในต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่พวกเขายังพยายามโจมตีเจ้าของของมันด้วย พวกเขาทำผิดกฎอย่างแน่นอน!
พวกเขาคิดว่าไม่มีใครสามารถปกป้องดาวเคราะห์สีน้ำเงินได้อย่างงั้นหรอ?
โฮกกกก!
ซูผิงเรียกโครงกระดูกน้อยและผสานเข้ากับมัน จากนั้นเขาก็ดึงดาบกระดูกออกมาและปล่อยคลื่นดาบออกไป
พลังของกฎรวมอยู่ในคลื่นดาบ ต้องขอบคุณกฎแห่งการผสาน พวกมันจึงเข้ากันได้ดีกับคลื่นดาบ ทำให้เกิดพลังที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้
หลังจากเสียงบูม ท้องฟ้าก็สั่นสะเทือนและคลื่นดาบก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ซูผิงพุ่งทะลุคลื่นพลังที่แตกสลายและง้างหมัดต่อยใส่ศัตรู
พลังดวงดาวในร่างกายของเขาเปรียบเสมือนมหาสมุทรที่ไม่มีวันหมดสิ้น เขารู้สึกว่าเขากำลังเคลื่อนดาวเคราะห์ทุกครั้งที่เขาปล่อยหมัด ดูเหมือนเขาผลักดาวเคราะห์ อากาศและพลังงานทั้งหมดบนท้องฟ้าถูกผลักออกไป ก่อตัวเป็นคลื่นหมัดที่โหดเหี้ยมที่สุด